Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สติมาเปิดใจ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
satima
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 มิ.ย. 2004
ตอบ: 120

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2004, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความตั้งใจของตัวเองนั้น มีเพียงพยายามปฏิบัติไปให้ถึงที่สุดในชาตินี้เท่านั้น สิ่งอื่นๆ เป็นสิ่งรองลงไป เมื่อท่านสายลมชวนเชิญให้เข้ามาแจมในเวปบอร์ดนี้ (ซึ่งท่านก็ชวนมาแรมปีก็ว่าได้) ไม่เคยคิดว่าจะมาวุ่นวายเลย เพราะเห็นว่าประโยชน์ตนสำคัญกว่า เพราะเหตุว่า เรามีกิจของตัวเองต้องการทำ ให้ตรงกับข้อธรรมที่ว่า ยังประโยชน์ตนให้ถึงพร้อมก่อน เราจึงสามารถยังประโยชน์แก่ผู้อื่นได้

ด้วยตัวเองก็ยังไม่สามารถยังประโยชน์ตนได้เลย จะยังประโยชน์ผู้อื่นได้อย่างไร แต่ด้วยวิบากกรรมเก่านั่นเอง ทำให้ตัวเองมีจริตนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่น (ซึ่งใช่ว่าจะดีเสมอไป ช่วยเขามากไปก็กลายเป็นวุ่นวายเรื่องคนอื่น) ซึ่งก็พิจารณาอยู่เนืองๆ ว่ามันเป็นวิบากกรรมที่ติดมานาน ข้ามภพข้ามชาติก็ว่าได้ จนกลายเป็นกิเลสใหญ่สำหรับตัวเองที่ต้องผ่านให้ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีชื่อสติมาที่เวปบอร์ดนี้

แต่ที่เปิดกระทู้นี้มา ก็เพื่อเปิดใจจริงๆ ตรงที่ว่าคิดอย่างไร ก็จะบอกอย่างนั้น ไม่มีนอกไม่มีใน มีภายนอกภายในให้เสมอกัน จึงเห็นควรว่าจะชี้แจงให้ญาติธรรมทั้งหลายทราบความนึกคิดที่ปรุงแต่งภายในว่ามีอย่างไรบ้างค่ะ

เหตุผลสำหรับตัวเอง ก็คือวิบากกรรมที่ต้องชดใช้ แต่เป็นสิ่งที่จิตเองต้องเรียนรู้และเท่าทันมันซึ่งนับว่าเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเองก็ต้องการทำกุศลเพื่อเกื้อหนุนในการปฏิบัติเช่นกันค่ะ

สิ่งที่อยากบอกมากที่สุด ก็คือ ขอให้ทุกคนที่เข้ามาศึกษาปฏิบัติ ได้ศึกษาให้รอบคอบ และรอบรู้จริงๆ สิ่งใดที่เรายังสงสัยและ ก็ควรมีความสงสัยที่หาคำตอบด้วยตนเองเป็นอย่างแรก อย่าได้มีความหยาบกระด้างในการหาข้อมูล คือถามเอาง่ายๆ เพราะพุทธศาสนานั้น เป็นศาสนาที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ผู้ที่เคารพธรรมเท่านั้นจึงเข้าถึงได้จริง เหตุนี้จึงเห็นว่าครูบาอาจารย์ท่านเคารพธรรมเพียงใด ไม่มีการพูดเล่นในเรื่องธรรม ไม่มีการฟังโดยไม่ตั้งใจ การฟังธรรมต้องฟังด้วยจิตที่มีสมาธิ ต้องใช้จิตฟัง ไม่ใช่ฟังแค่หู อย่างนี้เป็นต้นค่ะ

แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้พูดไม่ให้ถามนะคะ พูดถามด้วยความเคารพธรรม เราก็จะได้รับการเกื้อกูลจากธรรม ใช่ว่าคนบอกกล่าวจะถือตัวถือตนหรอกค่ะ แต่เพราะเหตุว่าธรรมะที่แท้จริงนั้น เกิดอยู่ในจิต การที่จะให้กระแสธรรมไหลออกจากจิตผู้รู้ ผู้ถามต้องมีกระแสจิตที่เสมอกัน ธรรมะจึงถ่ายเทออกมาได้ ถ้าเราได้มีโอกาสไปกราบครูบาอาจารย์ที่ท่านทรงภูมิจริงๆ เราจะสังเกตได้เลยค่ะว่า บางท่านก็ได้รับธรรมะอย่างล้ำลึก กว้างขวาง บางท่านก็ได้รับเพียงเรื่องทาน ศีล แบบธรรมดา เพราะเหตุว่าผู้รับ ไม่ได้เปิดใจ หรือไม่ได้เปิดเครื่องรับไว้นั่นเองค่ะ

อีกประการหนึ่งก็คือ ธรรมะนั้นมีขั้นมีตอนตามอนุปุพพิกถา(เทศนาที่เป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่ง่ายไปหายาก ทาน ศีล ฯลฯ) ถ้าเราศึกษาโดยลำดับ ทราบว่าสิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่นั้นเป็นธรรมะที่อยู่ในลำดับใด จะทำให้ไม่สับสน อย่างเช่น การเจริญสติปัฏฐาน เป็นทางสายเอกสายเดียวถึงซึ่งนิพพาน เราก็ควรทราบมาก่อนถึงการทำทาน

การรักษาศีล การแผ่เมตตา ซึ่งไม่ควรนำมาปะปนกับการเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งอาจจะทำให้ตัวเราเองก็จะงงด้วยค่ะ ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ลำดับธรรม คือการที่เราจะต้องซักฟอกกายใจเราให้สะอาดพอ ที่จะรับธรรมะที่สูงขึ้นไป

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเข้าไปศึกษารับรู้เลยไม่ได้นะคะ เราสามารถศึกษาสติปัฏฐานได้เลย โดยที่เราควรทราบด้วยว่า ก่อนหน้านั้น เราต้องแม่นเรื่องทานศีล อันเป็นการรักษากายให้บริสุทธิ์แล้ว มีความพร้อมในระดับที่จะรับรู้ในเรื่องที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้น คือการรักษาใจ หรือทำไปพร้อมๆ กันได้โดยทราบว่า แต่ละขั้นตอนคืออย่างไร

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้หลายๆ คนจึงคิดว่า การเดินทางควรศึกษาแผนที่ให้ดีเสียก่อน การศึกษาธรรมจึงควรศึกษาปริยัติให้ดีเสียก่อนที่จะปฏิบัติ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรรับฟังอย่างยิ่งด้วยค่ะ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลากับพวกเราที่จะก้าวไปได้เร็ว ก็อาจจะศึกษาควบคู่ไปเลยกับการปฏิบัติ ที่จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น เพราะสามารถเห็นผลด้วยตัวเราเองค่ะ (ชีวิตนี้สั้นนักนะคะ อยู่ไม่ถึงร้อยปีก็ตายกันหมดแล้วส่วนมาก)

ไม่ประมาทในบุคคล

พูดเรื่องการไม่ประมาทในธรรมมาแล้ว ขอเปิดใจเรื่องการไม่ประมาทในบุคคลด้วยค่ะ เพราะในเวปบอร์ธรรมะหลายๆ ที่ มีบุคคลที่เข้ามาให้ธรรมทานอย่างกว้างขวาง บางท่านก็เป็นผู้ทรงศีล บางท่านก็เป็นพระอริยะเลยทีเดียว

เราเองฐานะเป็นผู้ศึกษาอยู่ รวมทั้งตัวเอง ก็คิดอยู่เสมอๆ ค่ะ ว่าไม่ควรประมาท การสนทนาธรรมเป็นมงคลอย่างยิ่ง แต่ถ้าไม่รู้ขอบเขต และประมาทก็จะกลายเป็นอัปมงคลอย่างยิ่งไปได้เหมือนกันค่ะ แต่เราพึงสังรวมสังวรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกายใจของเราแล้ว ก็ไม่น่าเป็นปัญหาค่ะ สิ่งที่ไม่สมควรทำก็คือ

ไม่ควรนำเอาธรรมะของท่านนึงไปพูดถามอีกท่านเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง เพราะข้อที่หนึ่ง บางครั้งเราก็ไม่สามารถคัดลอกมาได้หมดทุกคำพูดทุกตัวอักษร (เรียกว่าถามผิด) ข้อที่สอง ธรรมะนั้นจะแสดงเฉพาะบุคคลหรือไม่ เราเอาข้อธรรมที่ครูบาอาจารย์สอนคนใดคนหนึ่ง แล้วนำมาปฏิบัติ หรือแม้มาถามครูบาอาจารย์องค์อื่น ก็ไม่สมควรทำค่ะ (ถ้าเราสงสัย เพราะปกติคนเรามักสงสัยอยู่แล้ว ก็ขอให้ค่อยๆ พิจารณาไป เก็บเอาสิ่งที่เราสงสัย เป็นสิ่งที่ให้ตัวเองได้เรียนรู้) โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูบาอาจารย์ที่ท่านละขันธ์ไปแล้ว ท่านไม่สามารถมาตอบคำถามเราได้ ก็ขอให้ยกไว้ก่อน

และมีข้อสำคัญอย่างยิ่งอีกประการหนึ่ง ในฐานะที่ตัวเองก็เป็นคนที่ยังด้อยในเรื่องธรรมผู้หนึ่ง จึงอยากจะบอกพวกเราที่ยังเป็นผู้ใฝ่ศึกษาอยู่ ไม่ควรประมาทในเรื่องครูบาอาจารย์ ไม่ว่าท่านจะติติงผู้ใด ท่านเป็นครูบาอาจารย์ท่านมีเมตตาธรรมที่จะทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระอริยะเจ้าท่านมีสายตาที่กว้างไกลที่จะมอง ท่านมีจุดประสงค์บางอย่างที่เราเอง ใช้จิตปุถุชนของเราไปคิดตามและนำมาพูดต่อไปเรื่อยๆ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม จะเป็นบาปเป็นกรรมกับตัวเราเสียเปล่าๆ ค่ะ เรียกว่าขาดทุนโดยใช่เหตุค่ะ แม้ว่าเราจะได้รับฟังมา สิ่งที่ควรทำคือนิ่งเฉยเสีย เพราะไม่ใช่กิจของเรา เว้นแต่ท่านเจาะจงใช้เรามาทำการบางอย่างเท่านั้น

แต่ที่ผ่านๆ มา จะพบว่าเมื่อครูบาอาจารย์ท่านว่าอย่างไร ลูกศิษย์ลูกหาจะพากันกระจายไปอย่างกว้างขวาง และบางครั้งหรือหลายๆ ครั้ง ก็เป็นเรื่องเกินเหตุไป ผลกระทบก็กลับมายังพวกเราชาวพุทธโดยทั่วหน้า ว่าแตกแยกกัน

ผู้ที่เพิ่งจะเข้ามาศึกษาธรรม เมื่อมองเห็นสิ่งเหล่านี้ เขาหนีร้อนหวังมาพึ่งเย็น โดยที่ยังไม่ได้ทราบเรื่องราวตื้นลึกหนาบางใดๆ ทั้งสิ้น เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถมีร่มไม้ชายคาอันร่มเย็น ในพุทธศาสนานี้แล้วหรือให้เขาพักใจ

ทำให้เราต้องระหกระเห เร่ร่อนไปหาชายคา ร่มไม้อันอื่นต่อไป ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ที่เราเกิดมาในยุคที่ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว เราไม่สามารถเข้าถึงแก่นธรรมที่แท้ได้ ผู้คนที่ค้นหายังมีอีกมากมาย เหมือนเมื่อครั้งหนึ่งตัวเองก็เป็นคนหนึ่งแบบนั้น เมื่อได้พบแก่นของพระธรรม เมื่อได้เห็นหนทางที่จะต้องเดินทางแล้ว ก็ให้รู้สึกสงสารคนที่เหมือนเราที่เดินหาหนทางอยู่

เราไม่ต้องไปหาหนทางอันใดที่จะช่วยรักษาพระพุทธศาสนาหรอกค่ะ เพียงแต่เราเป็นผู้หนึ่งที่ไม่ช่วยทำลาย และเป็นผู้ที่ศึกษาธรรมอย่างแท้จริง ลงมือปฏิบัติตามทางที่พระพุทธองค์ทรงเมตตาสั่งสอนไว้ เราจะพบด้วยตัวเองว่า พระปัญญาธิคุณ พระเมตตาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ ของพระพุทธองค์นั้น สุดจะพรรณนาจริงๆ คนที่ปลาบปลื้มในคุณของพระรัตนตรัยจนยอมมอบกายถวายชีวิตได้นั้น เขาเป็นเช่นไร เรารู้สึกเช่นไร ก็จะเกิดในจิตใจเราได้เช่นกันค่ะ ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2004, 11:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
new
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 23 พ.ค. 2004
ตอบ: 532

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2004, 11:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ไว้แนะนำกันบ้างนะครับ พี่สติมา เพราะผมก็อ่านก็ฟังมาเยอะ แต่ก็ต้องการที่จะปฏิบัติ ให้เห็นผล ให้เห็นธรรม ให้สัมผัสที่ใจตัวเองสักที

พระธรรมนั้นต้องน้อมเข้ามาดู เข้ามาปฏิบัติ แล้วก็จะรู้เองเห็นเอง เป็นปัจจัตตัง อ่าน มาก ถ้าไม่ปฏิบัติสักทีก็จะเป็นแค่ความรู้ในตำรา ฟังสืบ ๆกัน มา เป็นความรู้ ที่ได้จากจินตมยปัญญา แต่ผมก็อยากสัมผัส พระธรรมที่จิตใจ เองสักที มีโอกาส ก็แนะนำ ตักเตือนกันครับพี่
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
หมาขี้เรื้อน
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2004, 2:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณครับ
 
สุรวัฒน์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 14 มิ.ย. 2004
ตอบ: 7

ตอบตอบเมื่อ: 03 ก.ค.2004, 11:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาส่งยิ้มให้พี่สติมา

อยากจะบอกด้วยครับว่า
การถามตอบหรืออ่านความเห็นในที่นี้
อาจทำให้เราเข้าใจคลาดเคลื่อนกันได้ง่ายๆ
เพราะการสนทนาธรรม โดยเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติภาวนานั้น

ครูบาอาจารย์เคยบอกว่า
คุยกันในเวปบอร์ด อ่านแล้วนึกว่าพระอรหันต์คุยกัน
แต่เอาเข้าจริงยังรู้ตัวกันไม่เป็นเลย

ดังนั้นจึงควรหมั่นไปกราบครูบาอาจารย์กันให้บ่อยๆ
ให้ที่นี่เป็นเพียงที่ที่เรามาสนทนากันเพื่อจะได้ไม่ทอดทิ้งธุระต่อกิจอันพึงกระทำ
หน้าที่การตอบข้อสงสัยและตรวจสอบการปฏิบัติ เป็นของครูบาอาจารย์เท่านั้นครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Satami
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2004, 8:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นความคิดอ่านที่ดีครับคุณ สติมา นั่นก็เป็นการไม่ประมาทในเรื่องธรรม

หายากในวงการนักปฏิบัติ เพราะในขณะนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้ที่มีความมั่นใจในสิ่งที่ตนรู้และกระทำทั้งนั้น ไป โดยที่ไม่รู้ว่าจะถูกหรือจะผิด โดยกลายเป็นอุปกิเลสไป อันนี้คนก็ข้ามไปกันมาก

พระพุทธศาสนาต้องพิสูจน์ อย่าพูดเปะปะไปโดยที่ยังไม่ได้พิสูจน์และเห็นจริงตามนั้น เพราะมันอาจจะผิดไปอย่างมหันต์โดยคาดไม่ถึงก็ได้ นั่นเองที่คุณสติมาพูดถึงว่าการสนทนาธรรมเป็นมงคลใหญ่ แต่ถ้าปรามาสพระรัตนตรัยก็เป็นอัปมงคลใหญ่เช่นกัน
 
น้ำใส
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2004, 1:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ทุกท่านครับ

เป็นข้อเตือนใจอันดียิ่งครับ

สาธุ สาธุ สาธุ
 
วิชัย
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2004, 8:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ๆ ๆ
 
Anatta
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 13 มิ.ย. 2004
ตอบ: 25

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2004, 9:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุกับทุกท่านค่ะ

เหมือนคำสอนหลวงปู่ดูลย์ที่ว่า...
"การปฏิบัติธรรมนั้นไม่ยาก จะยากเฉพาะผู้ไม่ปฏิบัติเท่านั้น"

ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้พิสูจน์ด้วยตัวเองค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เด็กบ้านยางสีสุราช
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2004
ตอบ: 305

ตอบตอบเมื่อ: 07 ก.ค.2004, 9:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุกับป้าสติมาครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เทพ
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 ธ.ค.2006, 10:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รู้สึกชื่นชมท่านนี้ มาตั้งแต่ตอนไปพบในแช็ทรูมธรรมโดยบังเอิญ ไม่เคยเข้าไป พอพบแล้วก็เลยอยากพบอีก เผื่อมีอะไรจะได้ขอคำชี้นแนะบ้าง ในฐานะเพื่อนสหธรรมิก บางทีผมอาจมีกระแทกกระทั้นไปบ้าง จริง ๆ ผมไม่มีเจตนาเลย และก็สงสารหลายคนที่ยังติด ติดแบบแนบแน่นซะด้วย รู้สึกสลดสังเวชใจ เพราะบางท่านเป็นคนที่มีชื่อเสียง แต่มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในธรรม แล้วก็สอนกันอย่างผิด ๆ จะช่างเค้าบางทีก็สงสาร ผมจะปล่อยแล้วล่ะ ไม่มีประโยชน์ ขนาดบางทีผมโพสท์ไป ยังถูกเฉ่ง แสดงว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ก็ดีใจที่เค้าตั้งใจปฏิบัติกัน แต่ถ้าจะปฏิบัติทั้งทีก็ทำให้มันถูกมันต้องซะ จะได้ไม่เสียเวลาเหมือนผม ขอเพียงอย่าเอาทิฏฐิมาบังความจริงเท่านั้นเอง ระวังสัทธรรมปฏิรูปให้ดี
 
say
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ก.พ. 2005
ตอบ: 15

ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2007, 2:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง