Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ตำนานบรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2007, 10:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[ทัศนียภาพของบรมบรรพตหรือภูเขาทอง ในสมัยรัชกาลที่ ๔]


ตำนานบรมบรรพต (ภูเขาทอง)
วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
ทรงพระราชดำริจะทรงสร้างพระปรางค์ใหญ่
ให้มีในกรุงรัตนโกสินทร์อีกองค์หนึ่ง
เรียกกันว่า “ภูเขาทอง” กันมาแต่แรกสร้าง

เพราะเหตุที่อยู่ใกล้คลองมหานาค เหมือนอย่างที่ภูเขาทองที่กรุงเก่า
มีจดหมายที่สร้างภูเขาทอง เมื่อรัชกาลที่ ๓ อยู่ใน
หนังสือพระราชพงศวดาร ที่ เจ้าพระยาทิพากรวงษ์ เรียบเรียง ดังนี้

วัดสระเกศนั้น โปรดให้
พระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา (ทัด บุญนาค) เป็นแม่กอง
ทำพระปรางค์ใหญ่องค์หนึ่งฐานเป็นไม้สิบสอง
ด้านหนึ่งยาว ๕๐ วา ขุดรากลึกลงไปที่โคลนแล้ว
เอาหลักแพทั้งต้นเป็นเข็มห่มลงไป จนเต็มที่แล้ว
เอาไม้ซุงทำเป็นและปูเป็นตาราง
แล้วเอาศิลาแลงก่อเสมอขึ้นมาก่อเสมอดิน จึงก่อด้วยอิฐ

ในระหว่างองค์พระนั้น
เอาศิลาก้อนซึ่งราษฎรเก็บมาขาย บรรจุลงไปจนเต็ม
การก่อขึ้นได้ถึงชั้นทักษินที่สอง
ศิลาที่บรรจุข้างใน กดหนักลงไปจนทรุดลงไปถึง ๙ วา
อิฐที่ก่อหุ้มข้างนอกนั้น ก็แตกร้าวรอบไปทั้งองค์
ของนี้ไม่ทลายก็เพราะทรุดกลางกดกันลงไป

พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา ได้ขุดดินริมฐานพระชันสูตรดู
ก็พบหัวไม้และระเบิดขึ้นมาหมด
จึงโปรดให้ขอแรงพระราชวงศานุวงศ์
และขุนนางข้าราชการที่ตามเสด็จพระราชทานพระกฐิน
ผู้คนยังพรักพร้อมอยู่ให้

ปักเสาหลักแพเป็นหลักมั่น กันข้างนอกให้แน่นเป็นหลายชั้น
กั้นฐานพระปรางค์มิให้ดินถีบออกไป สิ้นไม้หลักแพหลายพันต้น
แล้วก็จัดการก่อแก้ไข ที่ทรุดหนักลงมาอีก ๓ วา
เห็นว่าจะแก้ไม่ได้แล้ว ก็ให้เลิกการนั้นเสีย

ในรัชกาลที่ ๔ โปรดให้แก้ไขพระปรางค์ใหญ่ ซึ่งทิ้งค้างมาแต่รัชกาลที่ ๓
ทำเป็นภูเขาทองมีบันไดเวียนสองสายขึ้นถึงยอด
แลบนยอดเขาก่อพระเจดีย์องค์หนึ่ง
พระราชทานนามภูเขาว่า “บรมบรรพต”

การยังค้างมาสำเร็จในรัชกาลที่ ๕
และในรัชกาลที่ ๕ เมื่อโปรดให้ตัดถนนสระปทุมต่อจากถนนบำรุงเมือง
ถนนนี้ผ่านไปในระหว่างกุฎีวัดสระเกศ กับบริเวณเมรุปูน
โปรดให้สร้างพลับพลา แลแก้ไขบริเวณเมรุ ให้เข้ากับถนน
ให้ทำสะพานแลถนนต่อจากถนนสระปทุม
เข้าไปถึงลานบรมบรรพตกด้วยสายหนึ่ง

ต่อมาเมื่อตัดถนนจักรพรรดิต่อจากถนนวรจักร
โปรดให้ถมคลองข้างหน้าวัด ทำถนนและทำกำแพงวัด
หน้าวัดออกถนนใหญ่ได้ในครั้งนั้น
แล้วโปรดให้ทำสะพานข้ามคลอง ข้างหลังวัด
ต่อจากถนนสระปทุม เข้าในลานบรมบรรพตอีกสายหนึ่ง

อนึ่ง เมื่อรัชกาลที่ ๕ นั้น ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทาน
พระทันตธาตุจำลองมาตั้งไว้ในคูหา พระเจดีย์ยอดบรมบรรพต
แลโปรดให้กำหนดนักขัตฤกษ์ ให้ราษฎรมาบูชาพระที่บรมบรรพต
เมื่อกลางเดือน ๑๒ ทุกปี มีมาจนบัดนี้

(มีต่อ)
 


แก้ไขล่าสุดโดย กุหลาบสีชา เมื่อ 03 พ.ย.2007, 10:55 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 พ.ย.2007, 10:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[เจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในภูเขาทอง]


และเมื่อปีระกา นพศก จุลศักราช ๑๒๕๙ (พ.ศ. ๒๔๔๐)
มีผู้ขุดพระบรมสารีริกธาตุของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ที่ในเนินพระเจดีย์เก่าที่ เมืองกบิลพัสดุ์ ในมัชฌิมประเทศ

ที่ผอบมีอักษรจารึกอยู่เป็นสำคัญว่า

เป็นพระบรมธาตุของสมเด็จพระผู้มีพระภาคพระพุทธเจ้า
ส่วนที่สากยราชตระกูลได้รับประดิษฐานไว้


ผู้ชำนาญโบราณคดีในอินเดียและยุโรปเชื่อว่า
เป็นพระธาตุของสมเด็จพระสากยมุนีศรีสรรเพชญ์พุทธเจ้า

เมื่อกิตติศัพท์ทราบแพร่หลาย
บรรดาพุทธศาสนิกชน ในนานาประเทศก็พากันอยากได้พระบรมธาตุนั้น

รัฐบาลอังกฤษเห็นว่า

สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามพระองค์เดียว
เป็นอิศรมหาราชพุทธสาสนูปถัมภ์
จึงถวายพระบรมธาตุนั้นแด่
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
แลทูลขอให้พระองค์เป็นผู้แบ่งพระราชทาน
แด่พุทธสาสนิกบริษัทในนานาประเทศ


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุมเปรียญ)
แต่ยังเป็น พระยาสุขุมนัยวินิต เป็นราชทูต
ออกไปปรับพระบรมธาตุ อัญเชิญมายังพระนคร

เมื่อทรงแบ่งพระธาตุไว้สำหรับพระราชทานไปยังนานาประเทศแล้ว
พระธาตุที่เหลือนั้น โปรดให้แห่มาประดิษฐานไว้ใน
ซุ้มพระเจดีย์ ยอดบรมบรรพต
เมื่อ ณ วัน ที่ ๓ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุนเอกศก จุลศักราช ๑๒๖๑
(พ.ศ. ๒๔๔๒) มีมหากรรมสมโภช แล้วโปรดฯ ให้หล่อพระเจดีย์น้อย
ตั้งไว้ที่บรรจุพระบรมธาตุเป็นสำคัญ ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

ฝ่ายพุทธสาสนิกบริษัทนานาประเทศ
คือลังกาทวีปและประเทศพม่า ต่างแต่งพระสงฆ์และอุบาสกเป็นทูต
เข้ามารับพระราชทานพระบรมธาตุ

ส่วนพวกยี่ปุ่นแต่งคณะพรต พวกชาวไซบีเรีย ในราชอาณาจักร์รุสเซีย
ก็แต่งอุบาสกเข้ามารับพระราชทานพระบรมธาตุ

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ทรงพระกรุณาโปรดให้ต้อนรับพระราชทานไทยธรรมบำเหน็จแก่พวกทูตที่เข้ามา
แล้วพระราชทานพระธาตุไปประดิษฐาน ไว้ในประเทศนั้นๆ ไว้ใน ๔ ประเทศ

หมายเหตุ : บทความนี้ใช้อักขรวิธีตามต้นฉบับ


Image
[สาธุชนเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุในภูเขาทอง]

สาธุ สาธุ สาธุ

คัดลอกบางตอนมาจาก ::
หนังสือชุดพระเกียรติคุณ สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ :
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย),
วัดสระเกศ, สุเชาวน์ พลอยชุม เรียบเรียง, มหามกุฏราชวิทยาลัย, ๒๕๔๑, หน้า ๖๐-๖๓.
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ดุสิตธานี
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 21 ก.ย. 2007
ตอบ: 352
ที่อยู่ (จังหวัด): สุโขทัยธานี

ตอบตอบเมื่อ: 12 ม.ค. 2008, 8:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขำ สงสัย
ไปไม่ถูกหากว่าอยากไปจัง ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
“จงทำจิตให้บริสุทธิ์” ด้วยความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น หรือแม้กระทั่ง “ตัวของเราเอง”
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 15 ก.ค.2008, 12:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อยากไปจังเลย เวลาไปเยี่ยมญาติ มีแต่ผ่านแต่ไม่ได้แวะเลยซึ้ง
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง