หยุดปรุงแต่ง หยุดแสดงหา หยุดกิริยาจิต จะหยุดอย่างไรดี

ตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2008, 1:51 pm

หยุดปรุงแต่ง หยุดแสดงหา หยุดกิริยาจิต

เฮ้ย คนเราจะหยุดได้ไหมน้อ

ตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2008, 5:06 pm

ลองฝึกดูจิตของพระอาจาร์ยปราโมทย์ ปราโมช.โช เข้าไปฟังเวป
วิตติ ครับ ท่านบอกว่าการปฏิบัติธรรมแต่ละคนมีแนวปฏิบัติไม่เหมือกัน
อย่าคนที่คิดมากต้องใช้แนวดูจิตผมเองก็ลองใช้มา 3 เดือนแล้วก็ดีกว่าเดิมเยอะและเห็กการเปลี่ยนแปลงชักเจนครับ

ตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2008, 5:11 pm

ขอโทษครับผมพิมท์ชื่อเวปผิดครับ วิมมุติ
www.wimutti.net

ตอบเมื่อ: 08 ก.ค.2008, 7:57 pm

ขอบคุณมากครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 7:40 pm

RARM พิมพ์ว่า:

หยุดปรุงแต่ง หยุดแสดงหา หยุดกิริยาจิต

เฮ้ย คนเราจะหยุดได้ไหมน้อ

ตอบ..
มาอีกแล้ว แถมยังถามปัญหาโลกแตกอีกด้วย แต่จะอนุเคราะห์ พอเป็นกระสายว่า

ธรรมชาติของมนุษย์ (เอาเฉพาะมนุษย์) ล้วนต้องคิด หากนำความคิดมาผสมผสานกัน เรียกว่า การปรุงแต่ง
ถ้าคุณอยาก หยุดปรุงแต่ง คุณก็ต้องหยุดคิด เห็นก็ต้องไม่คิด ไม่จำ อย่างนี้เป็นต้น
ธรรมชาติของสัตว์และพืช ฯ ทุกชนิด ล้วนต้องแสวงหา ไม่มีข้อยกเว้น การแสวงหา เป็นเครื่องดิ้นรนของสรรพสิ่ง เพื่อความสุข และอื่นๆ อีกมากมาย
ถ้าคุณอยากหยุดแสวงหา คุณต้องตายซะก่อน คุณจึงจะหยุดแสวงหา นี้ไม่ใช่ตอบแบบยียวนนะขอรับ ถ้าคุณไม่ตาย คุณก็ไม่มีทางหยุดแสวงหา เพราะมันเป็นธรรมชาติ ขัดขืนไม่ได้ การแสวงหา ไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้าย และอาจมิใช่เป็นการแสวงหาซึ่ง ความโลภ ความโกรธ ความหลง อาจะเป็นกาแสวงหา การหลุดพ้นก็ได้

ไอ้หยุดกิริยาจิต ที่คุณกล่าวมานั้น มันหมายถึงอะไรกันหรือ หรือว่าเป็นศัพท์ที่คุณบัญญัติขี้นมา หมายถึง การกระทำของใจ
ถ้าคุณหมายถึงการกระทำของใจ คุณ ก็กลับขึ้นไปอ่าน คำตอบข้อแรก

ตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 5:57 am

หยุดปรุงแต่ง หยุดแสดงหา หยุดกิริยาจิต

คือว่า อันนี้ เป็นคำพูดของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ครับ

หลวงปู่สอนลูกศิษย์ไว้นีะครับ แล้วผมก็นำเอามาพิจารณา

เลยลองถามเพื่อนดู เผื่อเพื่อนเคยพิจารณาครับ

เศร้า

ตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 2:43 pm

RARM พิมพ์ว่า:

หยุดปรุงแต่ง หยุดแสดงหา หยุดกิริยาจิต

เฮ้ย คนเราจะหยุดได้ไหมน้อ

หยุดไม่ได้ครับ แต่อาจจะรู้เท่าทันได้

ตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 3:04 pm

ตอบเมื่อ: 12 ก.ค.2008, 7:48 pm

พี่ๆ

หลวงปู่ดุลย์ว่าไว้ น่าจะใช่คำตอบ

อ้างอิงจาก:

หยุดเพื่อรู้

เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๐๗ มีพระสงฆ์หลายรูป ทั้งฝ่ายปริยัติและฝ่ายปฏิบัติได้เข้ากราบหลวงปู่เพื่อรับโอวาทและรับฟังการแนะแนวทางธรรมะที่จะพากันออกเผยแผ่ธรรมทูตครั้งแรก หลวงปู่แนะวิธีอธิบายธรรมะขั้นปรมัตถ์ ทั้งสอนผู้อื่นและเพื่อปฏิบัติตนเอง ให้เข้าถึงสัจจธรรมนั้นด้วย ลงท้ายหลวงปู่ได้กล่าวปรัชญาธรรมไว้ให้คิดด้วยว่า

คิดเท่าไรก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดได้จึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั้นแหละจึงรู้

[Webmaster-คิดทั้ง ๓ ต้องจำแนกแตกความให้ถูกต้อง แต่ละคิดมีความหมายดังนี้ คิดนึกปรุงแต่ง(หมายถึงการคิดฟุ้งซ่านเท่า่นั้น)เท่าไรก็ย่อมไม่รู้จักนิโรธ-การดับทุกข์ ต่อเมื่อหยุดการคิดฟุ้งซ่านหรือปรุงแต่ง อันยังให้ไม่เกิดเวทนาอันเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหาและทุกข์ในที่สุด นั่นแหละจึงจักรู้หรือพบนิโรธหรือความสุขสงบ แต่ก็ต้องอาศัยการคิดพิจารณาธรรมคือการโยนิโสมนสิการ(ธรรมวิจยะ)เสียก่อนจึงจักรู้เข้าใจด้วยตนเองจึงเกิดกำลังของปัญญา ในโทษของการคิดนึกปรุงแต่งหรือฟุ้งซ่าน]

http://www.nkgen.com/pudule.htm

อ้างอิงจาก:

หยุด ต้องหยุดให้เป็น

นักปฏิบัติกราบเรียนหลวงปู่ว่า กระผมพยายามหยุดคิดหยุดนึก(คือไปพยายามผิดคือไปหยุดคิดนึกทั้งปวง หรือคิดหาทางที่จะหยุดคิด จนกลายเป็นความคิดชนิดคิดปรุงแต่งหรือฟุ้งซ่านไปในการหยุดคิดเสีย - webmaster)ให้ได้ตามที่หลวงปู่เคยสอน แต่ไม่เป็นผลสำเร็จสักที ซํ้ายังเกิดความอึดอัด แน่นใจ สมองมึนงง แต่กระผมก็ยังศรัทธาว่าที่หลวงปู่สอนไว้ย่อมไม่ผิดพลาดแน่ ขอทราบอุบายวิธีต่อไปด้วย ฯ

หลวงปู่บอกว่า

"ก็แสดงถึงความผิดพลาดอยู่แล้ว เพราะบอกให้หยุดคิดหยุดนึก ก็กลับไปคิด(ปรุงแต่งคือฟุ้งซ่าน)ที่จะหยุดคิดเสียอีกเล่า แล้วอาการหยุดคิด(ปรุงแต่งคือฟุ้งซ่าน)จะอุบัติขึ้นได้อย่างไร จงกำจัดอวิชชาแห่งการหยุดคิดหยุดนึก(ปรุงแต่งคือฟุ้งซ่าน)เสียให้สิ้น เลิกล้มความคิดที่จะหยุดคิด(คือหยุดฟุ้งซ่านกับการหาทางหยุดคิด หรือก็คืออุเบกขา)เสียก็สิ้นเรื่อง."

[/quote]

ตอบเมื่อ: 13 ก.ค.2008, 6:14 pm

การทำจิตให้เป็นอิสระจากมลทินทั้งปวง คือ ศีลของภาวะที่แท้แห่งจิต
การทำจิตให้เป็นอิสระจากความกระวนกระวายทั้งหลาย คือสมาธิของภาวะที่แท้แห่งจิต
สิ่งที่ไม่เพิ่มขึ้นหรือไม่ลดลง นั้นแหละคือ วัชร (ภาวะที่แท้แห่งจิต)
(เซน)

ตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2008, 11:33 pm

RARM พิมพ์ว่า:
หยุดปรุงแต่ง หยุดแสดงหา หยุดกิริยาจิต

เฮ้ย คนเราจะหยุดได้ไหมน้อ
...................................................
คุณ RARM ..... เพียงคุณดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นค่ะ โดยไม่ไปชอบไม่ไปชังไม่ไปให้ค่าความหมายในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องใช้เวลาค่ะ แล้วอย่าลืมการเจริญสติด้วย เพราะถ้าสติมากพอคุณจะหยุดสิ่งเหล่านี้ได้ ( เห็นตามความเป็นจริง คือ สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น)

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 6:05 am

ตอบเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 11:36 pm

เข้ามาศึกษาจ้า เจริญในธรรมทุกท่าน สาธุ