การพัฒนาสุขภาพจิตด้วยกัมมัฏฐานในวิถีพุทธ

ตอบเมื่อ: 05 ก.ค.2008, 9:36 pm

ชมรมจริยธรรม กระทรวงสาธารณสุข และ ชมรมสุขโดยธรรม

ขอเชิญข้าราชการและประชาชนทั่วไป ร่วมถวายสังฆทาน ฟังธรรมบรรยาย และ ปฏิบัติกัมมัฏฐาน
ในโครงการ " การพัฒนาสุขภาพจิตด้วยกัมมัฏฐานในวิถีพุทธ"
นำโดย พระอาจารย์อารยะวังโส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จังหวัดลำพูน

ณ ห้องประชุมไพจิตรปวบุตร ชั้น ๙ อาคาร ๗
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
จังหวัดนนทบุรี

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑
วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๑
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๑
วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๑
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๑

เวลา ๐๗.๐๐ - ๑๔.๓๐ น.

โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2008, 12:52 pm

" การพัฒนาสุขภาพจิตด้วยกัมมัฏฐานในวิถีพุทธ"
นำโดย พระอาจารย์อารยะวังโส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จังหวัดลำพูน

ณ ห้องประชุมไพจิตรปวบุตร ชั้น ๙ อาคาร ๗
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
จังหวัดนนทบุรี

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑

เวลา ๐๙.๐๐ น. ไหว้พระ อาราธนาศีล และ ถวายภัตราหารพระอาจารย์
และพระติดตาม 1 รูป

เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. หลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส แสดงธรรม
และนำเจริญจิตภาวนา

เวลา ๑๔.๐๐ - ๑๔.๓๐ น. ปุจฉา-วิสัชนา

หมายเหตุ เจ้าของกระทู้ได้ทำการแก้ไขกำหนดการ
โดยตัดข้อความเรื่องการใส่บาตพระสงฆ์ และการถวายสังฆทาน
เนื่องจากพระอาจารย์จะเดินทางพร้อมพระติดตาม 1 รูป มาจากลำพูน โดยเครื่องบินในเช้าวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ มาถึงกระทรวงสาธารณสุข เวลาประมาณ ๙.๐๐ น.

การแต่งกาย: สุภาพ
สุภาพสตรีนุ่งกางเกง สีสุภาพ ได้
อากาศห้องประชุมติดเครื่องปรับอากาศ ควรเตรียมผ้าพันคอ หรือ เสื้อคลุม เพื่ออบอุ่นร่างกาย

ตอบเมื่อ: 06 ก.ค.2008, 1:05 pm

ตึก สป. (ตามรูป)
คือตึกที่มีเสาธงสูง ๆ อยู่ตรงข้ามตึก
ตึกเป็นรูปเกือกม้า คือ ปีกซ้ายและขวา
หันหน้าเข้าหาตึก อาคาร 7 จะอยู่ทางปีกขวามือ
เดินเข้าไปทางขวามือ ผ่านที่ทำการ ธนาคารกรุงไทย
เดินไปเรื่อย ๆ จะเห็นทางเดินเชื่อมตึก
ซ้ายมือไปโรงอาหาร
ขวามือทางขึ้นตึก
ลิฟท์อยู่ซ้ายมือ กดลิฟท์ไปชั้น 9
ออกจากลิฟท์ ก็ถามทางไปห้องประชุมนะคะ

ลานงู คือลานกว้าง ระหว่างตึกปีกซ้ายและขวามือ
หรือสังเกตุง่าย ๆ อยู่หน้าที่ทำการ ธนาคารกรุงไทย
สาขาย่อยสำนักปลัดกระทรวงสาธารณศุข

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 4:56 pm

หลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจนหริภุญไชย จังหวัดลำพูน
ได้รับนิมนต์มาแสดงธรรม และ อบรมกัมมัฎฐาน ที่กระทรวงสาธารณสุข
จัดโดย กรมแพทย์ทางเลือก ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2549

และหลวงพ่อได้นำ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งเพาะจากเมล็ดต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่โพธิคยา ประเทศอินเดีย มาปลูกที่ หน้าอาคาร DMS6

หลวงพ่อกล่าวว่า การที่ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่กระทรวงสาธารณสุข
เพราะ เป็นกระทรวงที่ดูแลสุขภาพ กายและ ใจ ของประชาชน

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 5:04 pm

หลังจากเดือนพฤษภาคม 2549
หลวงพ่อรับนิมนต์มาแสดงธรรม และ อบรมกัมมัฏฐาน ที่กรมแพทย์ทางเลือกหลายครั้ง
และมีผู้สนใจมาฟังธรรม กันจำนวนมาก

กรมแพทย์ทางเลือกจึงได้จัดทำ
โครงการ การพัฒนาสุขภาพจิตด้วยกัมมัฏฐานในวิถีพุทธ
หลวงพ่อเมตตารับนิมนต์มาแสดงธรรม ทุกวันพฤหัสบดี สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ระยะแรกกำหนดจัด 6 เดือนติดต่อกันคือ
ตั้งแต่ พฤศจิกายน 2549 - เมษายน 2550
สถานที่จัดประชุมคือ ห้องประชุม ที่ตึก DMS6

กิจกรรมที่ทำคือ
ตอนเช้า หลวงพ่อนำพระสงฆ์ บิณฑบาต ที่หน้าตึก DMS6

ไหว้พระ สวดมนต์ และถวายสังฆทานอาหารสด

คณะศรัทธาช่วยกันประเคนอาหาร

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 5:06 pm

หลังจากฉันภัตราหารแล้ว หลวงพ่อแสดงธรรม และ สอนการเจริญจิตภาวนา

ผู้มาฟังธรรมและเจริญจิตภาวนา ไม่ได้จำกัดเฉพาะข้าราชการ หรือ เจ้าหน้าที่ ของกระทรวงสาธารณสุข
และหลากหลายอาชีพ ทั้งแพทย์ พยาบาล ครู อาจารย์ นักวิชาการ นักธุรกิจ
พ่อค้า แม่ค้า

ต่อมามีผู้มาฟังธรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็ง อัมพฤกษ์ และ โรคอื่นๆ มาฟังธรรม และ เจริญจิตภาวนากันมากขึ้น ๆ
ทำให้ห้องประชุมที่ตึก DMS6 คับแคบ ไม่เพียงพอสำหรับการนั่งเจริญจิตภาวนา

ทางผู้จัดจึงได้เปลี่ยนสถานที่ไปที่ ห้องประชุมไพจิตร ปวะบุตร ซึ่งกว้างขวางกว่าที่เดิม

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 5:28 pm

หลวงพ่อเปี่ยมด้วยความเมตตา และแสดงให้เห็นถึงวิริยะ และ ขันติบารมีของหลวงพ่อ

ทุกครั้งที่หลวงพ่อมาสอน ท่านตั้งใจแสดงธรรมและสอนกัมมัฎฐาน
อย่างเข้มข้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง

แม้เวลาที่หยุดพัก เพื่อให้คณะศรัทธาทำกิจส่วนตัว หรือ รับประทานอาหารกลางวัน
แต่หลวงพ่อไม่ได้พักเลย เพราะคณะศรัทธามักจะแย่งกันสนทนา
หรือสอบถามปัญหาต่างๆ จากหลวงพ่อ ทั้งปัญหาธรรมะ ปัญหาการปฏิบัติ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาส่วนตัว และ อื่นๆ
ท่านไม่ได้ลุกจากที่นั่งเพื่อไปทำกิจส่วนตัว หรือ พักผ่อนอิริยาบทเลย
จนหลายครั้งผู้จัดต้องบอกคณะศรัทธาขอให้หลวงพ่อได้พักอิริยาบทบ้าง

วิธีการพักอิริยาบทของหลวงพ่อคือ การนั่งสมาธิสงบนิ่ง
ไม่ใช่การหย่อนกาย อิงเบาะ

หลวงพ่อกล่าวแก่ศิษย์ว่า ทุกครั้งที่หลวงพ่อจะไปให้ธรรมะนานหลาย ๆ ชั่วโมง หลวงพ่อจะต้องฉันอาหารน้อยลงครึ่งหนึ่ง และต้องเจริญจิตภาวนามาก ๆ เพื่อให้กายเบาและจิตมีพลัง ควรแก่การแสดงธรรม

หลวงพ่อมีเมตตามากจริงๆ
การเดินทางมาสอนที่กระทรวงสาธารณสุขทุกครั้ง
จากลำพูนมากรุงเทพ และจากที่พักมายังกระทรวงสาธารณสุขนั้น
หลวงพ่อรับผิดชอบเองทั้งหมด
ไม่มีการเรี่ยไร หรือ บอกบุญ ใด ๆคณะศรัทธาท่านใดที่ต้องการถวายปัจจัย ก็เขียนใบปวารณา
ส่วนเงินมอบให้โยมอุปฐากที่ติดตามหลวงพ่อ

หลังการอบรม ทางวัดป่าพุทธพจน์ฯ จัดส่งแผ่นซีดี
ซึ่งบันทึกการแสดงธรรมและการอบรมกัมมัฎฐาน ส่งให้ถึงบ้าน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

ตอบเมื่อ: 16 ก.ค.2008, 9:27 pm

เคยมีศรัทธาผู้หนึ่งมากราบหลวงพ่อ ปวารณาถวายรถยนต์คันใหญ่ราคาแพง หลวงพ่อปฏิเสธ
ท่านกล่าวว่า อาตมาขับรถไม่ได้ ไม่รุจะเอาไปทำไม ให้เดือดร้อน สาธุ

หลวงพ่อเคยรับการถวายรถ 1 คัน คือ รถพ่วงขนของสำหรับใช้ขนข้าวของจากโรงครัวมายังศาลา หลวงพ่อบอกว่ารถคันนี้ดีมาก ใช้ประโยชน์ได้ดี และไม่ต้องเปลืองน้ำมัน ปรบมือ

มีโยมท่านหนึ่ง มากราบหลวงพ่อและปวารณาเป็นเจ้าภาพสร้างถาวรวัตถุในวัด หลวงพ่อปฏิเสธ ท่านกล่าวว่าที่วัดจะสร้างเฉพาะสิ่งที่จำเป็น ถ้าไม่จำเป็นไม่สร้าง เพราะหลวงพ่อเป็นพระป่ากัมมัฎฐาน การออกธุดงค์อยู่ป่าเขาเหมาะกับธาตุขันธ์ของหลวงพ่อมากกว่าอยู่เมือง สาธุ

โยมท่านนี้มีศรัทธาในหลวงพ่อมาก เมื่อหลวงพ่อไม่รับสิ่งที่เขาปวารณา แต่ด้วยจิตใจที่อยากทำบุญกับหลวงพ่อ โยมท่านนี้จึงเขียนเช็คเงินสดถวายวัดมามอบให้เจ้าหน้าที่วัดและกราบเรียนว่า เขาอยากทำบุญกับหลวงพ่อจริง ๆ สาธุ

หลวงพ่อเป็นปกติเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย และแบบแผนประเพณีไทย สาธุ

เป็นที่เคารพของลูกศิษย์ ด้วยว่าหากกระทำสิ่งใดผิดพระธรรมวินัย หรือ
แบบแผนประเพณีไทยที่ดี หลวงพ่อจะสอนบอกกล่าวว่าทันทีว่าสิ่งที่ถูกต้องควรทำอย่างไร และหากยังทำผิดซ้ำซากหลวงพ่อจะตำหนิตรงๆ ไม่อ้อมค้อม สาธุ

ในเรื่องของการถ่ายทอดธรรมะนั้น หลวงพ่อจะรื่นเริงในธรรมมาก ถ้าศิษย์ยังสงสัยข้ออรรถ ข้อธรรมใด หลวงพ่อจะตอบจนกว่าจะหมดคำถาม มิมีท้อถอยไม่ว่าจะดึกดื่นมืดค่ำ
แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะน็อค หรือ ยอมแพ้ก่อน

สาธุ

ศิษย์ขอน้อมบูชาพระคุณ หลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส ด้วยเศียรเกล้า

ตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2008, 5:19 pm

เจ้าของกระทู้ได้เรียนรู้วินัยสงฆ์และขนบธรรมเนียมปฏิบัติที่ดี ในพระพุทธศาสนา เมื่อได้มาเป็นศิษย์ของหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
เพราะหลวงพ่อเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย
หลวงพ่อจะไม่สนทนากับสีกาโดยไม่มีลูกศิษย์ชายนั่งอยู่ด้วย
ในการถวายอาหาร หากหลวงพ่อสงสัยว่าจะผิดพระธรรมวินัย ท่านจะไม่รับประเคน เช่น ถวายผักสดทั้งต้น ผลไม้ทั้งผล

ยังจำได้วันแรกที่ได้มาฟังธรรมของหลวงพ่อ
ห้องประชุมกรมแพทย์ทางเลือกนี้ ได้ใช้เป็นห้องจัดอบรม/ประชุมการแพทย์แผนไทยด้วย
โต๊ะหมู่บูชา นอกจากพระพุทธรูปเป็นประธานแล้ว ยังมีรูปเหมือนหลวงปู่ชีวก วางถัดลงมา
หลวงพ่อจึงได้เทศนาสั่งสอนว่า พุทธศาสนิกชนต้องยึดเอาเฉพาะพระรัตนตรัยเป็นที่พึงเท่านั้น
หากใครยึดเอาสิ่งอื่นเป็นที่พึง เช่น วิงวอนร้องขอความช่วยเหลือเทวดา พระพรหม นั่น คือขาดจากการเป็นพุทธศาสนิกชนทันที

โต๊ะหมู่บูชาพระพุทธรูปควรมีเฉพาะพระพุทธรูป และหากจะมีรูปเหมือนพระอริยสงฆ์ ก็มีได้ แต่ต้องวางในตำแหน่งที่ต่ำกว่าพระพุทธรูป
และพระพุทธรูปมีแค่องค์เดียวก็พอแล้ว เพราะเป็นสิ่งสมมุติตัวแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ส่วนรูปเหมือนเทพ เทวดา หรือ หลวงปู่ชีวก ควรวางแยกออกไป

มีศิษย์ถามว่า: ถ้าได้รับเชิญให้ร่วม/เป็นประธานในงานพิธีซึ่งต้องมีการไหว้ศาลพระพรหม หรือ บวงสรวงเทวดา จะทำอย่างไร

หลวงพ่อตอบว่า: เวลาไหว้ก็ต้องตั้งจิตให้ถูกต้อง คือ ให้อนุโมทนาในบุญกุศลที่พระพรหม หรือ เทวดา ได้สร้างสมมาจนทำให้ได้เป็นพระพรหม หรือ เทวดา และ อุทิศบุญกุศลของเราให้เทวดา ให้ท่านพ้นทุกข์และมีความสุขที่ละเอียดประณีตยิ่งขึ้น
แบบนี้เป็นการเคารพในบุญกุศล ในคุณความดี ไม่ใช่ร้องขอให้เทวดา/พรหม ช่วย

การปล่อยเต่า ปล่อยปลา ก็เช่นกัน หลวงพ่อสอนว่า ต้องตั้งจิตให้ถูกต้อง
มิฉะนั้น จะเป็นการยึด เต่า หรือ ปลา เป็นที่พึ่ง ยิ้มแก้มปริ

เวลาที่เจ้าของกระทู้มีความสงสัยในเรื่องหนึ่งเรื่องใดติดค้างคาใจ
ไม่ต้องกราบเรียนถามหลวงพ่อด้วยวาจาเลย
เพราะเวลาหลวงพ่อแสดงธรรม ท่านจะบอกคำตอบที่เราสงสัย โดยไม่ต้องถาม สาธุ

ครั้งหนึ่งนานแล้วเจ้าของกระทู้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย
เวลานั้นวัดเพิ่งจะสร้างขึ้น ต้นไม้ยังเล็ก ไม่มีร่มเงา
เจ้าของกระทู้บ่นออดแอดในใจว่า ไม่มีร่มเงาต้นไม้ให้เดินจงกรมเลย
(หมายเหตุ ยังโง่ เพราะติดการทำกัมมัฎฐานแบบหลักสูตร)
จึงไปกวาดและถูพื้นเจดีย์ ตามลำพัง
พอค่ำหลังจากสวดมนต์ หลวงพ่อก็เทศนาไปเรื่อย ๆ มีตอนหนึ่งว่า
การกวาดการถูเจดีย์ ถ้าทำเป็นก็เป็นการทำกัมมัฎฐานอย่างหนึ่ง
ถ้าทำไม่เป็นก็เป็นการทำความสะอาดธรรมดา
เจ้าของกระทู้สะดุ้งเฮือก.... เออ จริงซิน๊ะ เราโง่เอง สาธุ

ในการปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อนั้น ไม่ต้องถามมาก
ขอให้ทำไปเถอะ.... หลวงพ่อท่านจะเมตตาเอง เมื่อถึงเวลา..ที่เหมาะสม
คำว่า "ทำไปเถอะ..." นี้ พวกเราชอบใช้กัน
แต่หลวงพ่อบอกว่า ไม่ถูกต้อง..... เพราะเป็นการทำตามกิเลส
ที่ถูกต้องคือ ต้องมีฉันทะในการปฏิบัติ ถ้าไม่มี ต้องสร้างให้มี
เจ้าของกระทู้ จะมีฉันทะ เวลาได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อ ได้เห็นตัวอย่างดี ๆ จากท่าน
แต่เวลาที่อยู่ห่าง ๆ ท่านนาน ๆ ก็จะ "ทำไปเถอะ.....คือ ขี้เกียจทำ"

เจ้าของกระทู้สังเกตว่า
เวลาอบรมกัมมัฏฐานแบบวันเดียว โยมมักจะแย่งที่นั่งตรงหน้าหลวงพ่อ
เพื่อรับพลัง ถ้าเครื่องรับดี ๆ จะรู้สึกถึงพลังเย็นอันมหาศาลจากตัวท่าน
แต่เวลาปฏิบัติแบบหลักสูตร เช่น ๓ วัน
แถวหน้าสุด ตรงหน้าหลวงพ่อจะไม่ค่อยมีคนกล้านั่ง
ฮึ..ฮึ.. ถามได้ความว่า กลัวหลวงพ่อดุ หากนั่งหลับ หรือ นั่งตัวงอ

ตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2008, 5:26 pm

หลวงพ่อเล่าว่า ท่านฝึกหัดกัมมัฎฐานตั้งแต่อายุ ๔ ขวบ โดย หลวงตาพระกัมมัฎฐานในป่าช้า (หลวงพ่อไม่ได้บอกนาม) เป็นครูบาอาจารย์องค์แรก

ครูบาอาจารย์องค์ต่อมาคือ
- หลวงปู่สรวง วัดถ้ำขวัญเมือง จังหวัดชุมพร (องค์ทางด้านซ้ายมือของภาพ) หลวงปู่ละสังขารนานแล้ว หลวงพ่อเคยเล่าว่า เมื่อหลวงปู่สรวงยังดำรงขันธ์ ท่านเมตตาหลวงพ่อมาก ได้สอนวิชารูปฌาณ ๔ และเคล็ดลับวิชาต่าง ๆ ให้หลวงพ่อจนหมดสิ้น

- พระพุทธพจนวราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ (องค์ทางด้านขวามือของภาพ) ผู้สอนหลวงพ่อให้เป็นพระที่แท้จริง เพิ่งละสังขารเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑

อ่านเรื่องราวของหลวงปู่ใหญ่ได้จากกระทู้

ท่านเจ้าประคุณ พระพุทธพจนวราภรณ์
http://larndham.net/index.php?showtopic=32386&st=0

บันทึก :ประวัติศาสตร์เชียงใหม่กับโครงการช่วยชาติ
http://larndham.net/index.php?showtopic=32100&st=0

หลวงพ่อและหลวงปู่ใหญ่มีความผูกพันกันมาก ประหนึ่ง พ่อและลูก
ฉายา "อารยะวังโส" หลวงปู่ใหญ่เป็นผู้ตั้งให้ สาธุ

หลวงพ่อสร้างวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย ที่จังหวัดลำพูน ตามบัญชาของหลวงปู่ใหญ่ที่ให้มาดำเนินการสร้างวัดบนผืนดินที่ เจ้าดารารัตน์ ณ ลำพูน ถวาย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พระนางจามเทวี และจังหวัดลำพูนนี้เป็นบ้านเกิดของหลวงปู่ใหญ่ สาธุ

หลวงพ่อเล่าว่า ทุกครั้งที่หลวงพ่อลงจากเขา หรือ กลับจากธุดงค์ จะต้องไปกราบหลวงปู่ใหญ่ และยกเท้าหลวงปู่ใหญ่วางบนศีรษะด้วยความเคารพศรัทธา สาธุ

หลวงพ่อเล่าอีกว่า หลวงปู่ใหญ่มักจะมาพักที่วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชยเดือนละครั้ง หลวงพ่อจะนวดถวายหลวงปู่ใหญ่ และฟังหลวงปู่ใหญ่อบรมธรรมะ สาธุ

การละสังขารของหลวงปู่ใหญ่ครั้งนี้นำความสังเวชใจมาให้หลวงพ่อยิ่งนัก

ในการทำศาสนกิจของหลวงพ่อทุกครั้ง จะจบลงด้วยการนำสวดบทสวดมนต์ทำนองสรภัญญะ ที่หลวงปู่ใหญ่ ได้รจนาขึ้น 3 บท คือ
บทสวดนบพระคุณ บทสวดธรรมสังเวช และ บทสวดแผ่เมตตา

ขออนุญาตนำบทสวดมนต์มาลง
เพื่อเป็นการบูชาพระคุณของหลวงปู่ใหญ่

บทสวดนบพระคุณ
ปวงข้าฯ ขอประณต พระสุคต ศาสดา
ผู้ทรง พระเมตตา แก่บรรดา ประชากร

ปวงข้าฯ ไหว้พระธรรม คุณเลิศล้ำ คำสั่งสอน
ดับทุกข์ ดับนิวรณ์ ชนนิกร ได้สุขใจ

ปวงข้าฯ นบพระสงฆ์ ผู้ดำรง ธรรมวินัย
เป็นกำลัง พระจอมไตร ช่วยแก้ไข ทุกข์ประชา

ปวงข้าฯ กราบพ่อแม่ ผู้ดูแล แต่เกิดมา
คอยระวัง ไม่ห่างตา ให้ปวงข้าฯ พ้นทุกข์ภัย

ปวงข้าฯ อภิวาท ผู้ประสาท วิชาให้
คุณครู ทั้งหญิงชาย ศิษย์จำหมาย ชั่วชีวี

ปวงข้าฯ ขอนอบน้อม ผู้เป็นจอม ประชาชี
องค์กษัตริย์ ผู้ทรงมี ความปรานี ประชาชน

ปวงข้าฯ จะสำนึก คอยฝนฝึก ดวงกมล
ทำดี ทวีผล แนะนำตน สมเป็นไทย

บ้านเมือง เป็นของข้า จะรักษา ตลอดไป
สามัคคี มอบกายใจ เพื่อเป็นไทย นิรันดร์เอย

บทสวดธรรมสังเวช
ดูรา ท่านหญิงชาย
ฟังบรรยาย ธรรมคาถา
โอวาท ศาสดา
พระสัมมา พุทธองศ์
ฟังแล้ว เพ่งพินิจ
อบรมจิตให้มั่นคง
ตั้งสติ ดำริตรง
จิตดำรง ปัญญาญาน
ชิวิต อนิจจัง
อย่าได้หวัง ในสังขาร
ไม่มี สิ่งต้านทาน
เมื่อถึงกาล มรณา
ชีวิต คือความทุกข์
เหมือนติดคุก ทุกข์นักหนา
เวียนว่ายในโลกา
เพราะตัณหา พาให้หลง
ชีวิต อนัตตา
ภาพมายา พางุนงง
ควรคิด พินิจปลง
พุทธองค์ ทรงสั่งสอน
ชีวิต ดุจความฝัน
ทุกสิ่งอัน ไม่แน่นอน
เปรียบไป คล้ายละคร
ทุกขั้นตอน สอนจิตใจ
ชีวิตไม่มีหมาย
บ่มีนาย ประกันไว้
เช้าเห็น เย็นจากไป
อนาถใจ ชีวิตตน
เมื่อไม่ตาย อย่าประมาท
อย่าได้ขาด สร้างกุศล
สั่งสมไว้ ในกมล
ติดตามตน ทุกนาที
ขอท่านสาธุชน
ดำรงตน ในความดี
บำเพ็ญ บารมี
ตามวิถี พุทธองค์
มุ่งใด ได้ดั่งคิด
ผลสัมฤทธิ์ สมประสงค์
ดวงจิต สถิตคง
มุ่งดำรง พระธรรมเทอญ

บทสวดแผ่เมตตา
ปวงข้า ฯ สำรวมจิต
น้อมอุทิศ แผ่เมตตา
แก่สัตว์ ทั่วโลกา
บรรดามี ชีวีครอง

สัตว์ทั้งหลาย อย่าผูกเวร
คิดเคี่ยวเข็ญ ตอบสนอง
สัตว์ทั้งหลาย อย่าคิดปอง
จิตขุ่นข้อง เบียดเบียนกัน

สัตว์ทั้งหลาย จงพ้นทุกข์
ประสบสุข เกษมสันต์
ทุกชีวิต มีจิตมั่น
เมตตากัน นิรันดร์กาล

บุญใด ข้าได้ทำ
โปรดช่วยนำ แผ่ไพศาล
พ่อแม่และ วงศ์วาน
ครูอาจารย์ สำราญใจ

หมู่สัตว์ ทั้งใหญ่น้อย
โปรดได้คอย รับบุญไว้
พ้นโศก ห่างโรคภัย
สุขสมใจ ทุกท่าน....เทอญ

ตอบเมื่อ: 17 ก.ค.2008, 5:30 pm

ภาพ พระพุทธพจนวราภรณ์ และ หลวงพ่อพระอารยะวังโส
คัดลอกมาจาก หนังสือ ธัมมาทิตยา วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย พ.ศ. ๒๕๔๘

ตอบเมื่อ: 18 ก.ค.2008, 11:53 am

โยมท่านนึง เคยมาทำบุญกับหลวงพ่อที่กระทรวงสาธารณสุข
ต่อมาระหว่างที่เธอเดินทางไปทำบุญที่ต่างจังหวัด
เธอเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ออกจากโรงพยาบาลแล้วเธอมีอาการอัมพฤกษ์ เดินไม่ได้
ลูกและสามีต้องอุ้มเธอมากราบหลวงพ่อที่บ้านโยมแห่งหนึ่ง
หลวงพ่อเมตตาให้อุ้มเธอนั่งเก้าอี้ตรงหน้าหลวงพ่อ
หลวงพ่อให้เธอยกมือขึ้น-ลง เธอทำแล้วติดขัด
หลวงพ่อให้เธอเขียนชื่อตัวเองในกระดาษ เธอทำไม่ได้
หลวงพ่อสอนการภาวนา รูปฌาณ ๔ ให้เธอปฏิบัติต่อหน้าหลวงพ่อทันที
หลังจากเจริญรูปฌาณ ๔ สักครู่ ใหญ่ๆ
หลวงพ่อให้เธอเขียนชื่อตนเองในกระดาษอีกครั้ง คราวนี้เธอเขียนได้แม้จะไม่ชัดนัก
หลวงพ่อสั่งให้เธอกลับไปปฏิบัติรูปฌาณ ๔ ที่บ้านต่อ แล้วมาส่งการบ้านคราวหน้า
ท่านบอกว่าอาตมาสอนวิธีให้ แต่ต้องช่วยตัวเองคือนำไปปฏิบัติ
และท่านบอกต่อไปว่า ให้กลับไปจัดหิ้งพระที่บ้านใหม่ด้วย มีรูปเทพเยอะแยะวางปะปนกับพระพุทธรูป และรูปเหมือนพระสงฆ์ในระดับเดียวกัน การจัดแบบนี้ไม่ถูกต้องทำให้กำลังบารมีธรรมของเจ้าตัวลดลง
หลังจากนั้นหลายเดือนต่อมา เธอสามารถเดินได้เอง และได้มากราบหลวงพ่อเนือง ๆ สาธุ

หลวงพ่อสอนว่าการยึดเอาสิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ได้แก่ เทวดา อินทร์ พรหม เหล็กไหล หรือ อื่นๆนั้น เป็นอวิชชา และจะปิดกั้นความเจริญก้าวหน้าในธรรมหลวงลุงนิตย์ ก่อนจะมาบวชเป็นพระ นอกจากเป็นนายแบงค์แล้วท่านมีความสามารถในศาสตร์พยากรณ์ชะตาชีวิต ดูโหงวเฮ้ง ให้ฤกษ์ยามต่างๆ
และศิษย์อีกท่านนึง อดีตเธอชอบไหว้ขอพรจากเทพเจ้าต่างๆ ที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์
ท่านทั้งสองนี้เวลาฟังธรรมหรือเจริญภาวนา จะหลับไหลเป็นประจำ
หลวงพ่อบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแก้วิบากตรงนี้ได้ เพราะไปยึดอวิชชาเป็นที่พึ่งมานาน วิธีแก้คือต้องเจริญภาวนามาก ๆ

มีศิษย์มาขอฤกษ์ยามกับหลวงพ่อเพื่อทำการมงคล
หลวงพ่อบอกว่า การมงคลทำได้ทุกเวลา ฤกษ์สะดวกดีที่สุด
สะดวกคือมีความพร้อมก็ทำได้
แต่ถ้าต้องการได้ฤกษ์จริง ๆ ท่านก็แนะนำว่า
วันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เพราะ สว่างไสว ทั้งกลางวันและกลางคืน

ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 4:57 pm

ทุกครั้งของการอบรมกัมมัฎฐานจะต้องไหว้พระ สมาทานเบญจศีล ก่อนการถวายสังฆทาน
การสมาทานเบญจศีลนั้น ตามวัดทั่วไปจะกล่าวคำสมาทานว่า
มะยัง ภันเต วิสุงวิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเน............
ซึ่งหมายความว่า ยินยอมให้ผิดศีลได้ในบางข้อ โดยจะไม่ถือว่าศีลขาด

หลวงพ่อให้ ตัด คำว่า "วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ" ออกไป โดยกล่าวเพียง
มะยัง ภันเต ติสะระเน.............
ด้วยเหตุผลว่า หากศีลข้อหนึ่งข้อใดขาดหายไป ก็แสดงว่าเบญจศีลทั้งหมดได้ขาดหายไปแล้ว การรักษาศีลต้องรักษาให้ครบทั้งหมดทุกข้อ เพื่อศีลของเราจะได้สะอาดบริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ท่านสอนอีกว่าเวลาเดินทาง เช่น ขึ้นเครื่องบิน หรือ นั่งรถ/นั่งเรือ ให้วิรัตศีลห้าไว้ในใจเลย เพื่อความไม่ประมาท หากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เราต้องถึงกาลเวลา ก็จะเป็นผู้จากไปอย่างมีศีลบริสุทธิ์ รวมทั้งผู้ป่วยถ้าเป็นญาติ/พี่น้อง ก็สอนให้วิรัติศีลห้า เพื่อให้เป็นผู้มีศีลห้าบริสุทธิ์ นอกจากสอนเรื่องการสมาทานศีลแล้ว หลวงพ่อยังสอนการวิรัติศีลด้วยตนเอง สาธุ

ดังนั้นทุกครั้งที่อบรมเราจะทราบได้ว่ามีคนใหม่มาเข้าอบรมหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
เพราะถ้าเสียง "วิสุง ๆ..." ดังขึ้น แสดงว่ามีคนมาใหม่ ถ้าเสียง "วิสุง วิสง" ดังมาก ก็แสดงว่ามีคนใหม่มามาก อายหน้าแดง

แล้วหลวงพ่อก็ต้องสอนเรื่องสมาทาน/วิรัติศีล ใหม่ทุกครั้ง
ทำให้ เจ้าของกระทู้ (จขกท) จดจำเรื่องการสมาทาน/วิรัติศีล ที่หลวงพ่อสอนได้ขึ้นใจ สาธุ

เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จขกท. ได้ไปร่วมงานทำบุญของหน่วยงานหนึ่งที่วัดพุทธปัญญา ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานนี้หาผู้ชายยาก และยิ่งผู้ชายที่เข้าวัดยิ่งยากมากขึ้นไปอีก หัวหน้าหน่วยงานซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่จึงขอร้องให้ จขกท. ทำหน้าที่พิธีกร โดยนำกล่าวศาสนพิธีต่างๆ
ช่วงการสมาทานศีล จขกท. จึงบอกให้ทุกคนสมาทานศีลตามแบบที่หลวงพ่อสอน โดยตัดคำว่า "วิสุง วิสุง....." ออกไป ยิ้ม

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา คือ หลวงตาธวัช ซึ่งเป็นศิษย์ หลวงพ่อปัญญานันทะ ท่านได้กล่าวชม จขกท. เรื่องการนำสมาทานศีล ว่าทำถูกแบบแผนประเพณี ท่านยืนยันว่า การสมาทานและการรักษาศีลต้องให้ครบทุกข้อ ยิ้มเห็นฟัน

จขกท. รู้สึกปลื้มปิติและภูมิใจที่เป็นศิษย์หลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส อย่างน้อยๆ จขกท. ก็ได้ถ่ายทอดสิ่งที่ถูกต้องให้กับผู้ที่มาร่วมงานในวันนั้น ยิ้ม

หลวงพ่อเน้นนักหนาว่า "การมาวัด ถ้าไม่ได้บุญ ก็ได้บาป"
ถ้าทำถูกต้องตามพระธรรมวินัย และ ตั้งจิตถูกต้อง ก็ได้บุญ
ถ้าทำผิดพระธรรมวินัย หรือ ตั้งจิตไม่ถูกต้อง ก็ได้บาป สาธุ

สิ่งหนึ่งที่ชาวพุทธทำผิด คือการประเคนของถวายพระ
ที่ถูกต้องคือ ต้องยกสิ่งของด้วยสองมือเพื่อประเคน และวางของใกล้ตัวพระ คือพระจะเอื้อมมือออกมารับของได้ไม่เกิน ๑ ศอก หากห่างกว่านั้นพระรับไม่ได้ ต้องอาบัติ
ทุกครั้งของการอบรม จะมีคนทำผิดเรื่องการประเคนของพระคือ มักประเคนของด้วยมือเดียว หลวงพ่อและพระติดตามก็ต้องสอนการประเคน โดยท่านไม่ยอมรับของจนกว่าจะประเคนได้ถูกต้อง สาธุ

นับว่าเป็นความเมตตาของหลวงพ่อ สิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ท่านจะเพียรสอนจนกว่าจะทำได้ถูกต้อง ท่านจะไม่ปล่อยนิ่งเฉยให้เราทำสิ่งที่ผิด สาธุ

มีหลายครั้งที่มีผู้มากราบเรียนถามหลวงพ่อเกี่ยวกับไสยเวทย์ หรือ การดูฮวงจุ้ย การแขวนวัตถุมงคลแก้เคล็ดอะไรๆ แบบนี้ หลวงพ่อจะบอกว่า "อาตมาไม่ตอบ เพราะไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา" อายหน้าแดง

กับศิษย์ที่ใกล้ชิด หลวงพ่อจะสอนว่า ไสยศาสตร์มีจริง แต่ไม่ควรไปยึดถือ เพราะไม่ช่วยให้พ้นทุกข์ได้ สิ่งที่จะคุ้มครองเราได้จากคุณไสย คือ พุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี และบุญบารมีที่เราได้สร้างสะสมมา การที่หลวงพ่อไม่ตอบเรื่องไสยศาสตร์ เพราะท่านเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา บางเรื่องพูดออกไปจะกลายเป็นอวดอุตริ
สาธุ

ตอบเมื่อ: 19 ก.ค.2008, 5:44 pm

ผู้เขียน เขียนได้ดีมากค่ะ อ่านแล้วมีประโยชน์มาก น่าจะพิมพ์เป็นเล่ม แจกบุคลากรกรมอื่นบ้างค่ะ คิดว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้เข้ามาอ่านค่ะ
ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ
จาก .. จนท.กรมควบคุมโรค

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 5:02 pm

ห้องประชุม ไพจิตร ปวะบุตร ที่ ชั้น๙ อาคาร๗
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
กว้างขวางใหญ่โต จุคนได้หลายร้อยคน

คณะศรัทธาที่มาฟังธรรมและอบรมกัมมัฎฐานช่วยกันลำเลียงอาหารประเคนพระอาจารย์
การพิจารณาอาหารของพระป่ากัมมัฎฐาน จะเรียงตามลำดับอาวุโสพรรษา
โดยประเคนอาหารถวายพระอาจารย์เป็นองค์แรก ท่านจะพิจารณาอาหารแล้วเลื่อนถาด/จานอาหารไปยังพระสงฆ์องค์ต่อๆไปตามลำดับ

ธรรมเนียมปฏิบัติพระป่ากัมมัฎฐานสายหลวงปู่มั่น คือการแสดงความอ่อนน้อมและกตัญญูต่อพ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยพระสงฆ์ที่พรรษาน้อยมีหน้าที่คอยอุปฐากดูแล/รับใช้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์โดยไม่อิดออดหรือโต้แย้งใด ๆ และปฏิบัติสืบต่อกันเป็นรุ่น ๆ มิขาด จะเห็นว่าหลวงปู่/หลวงตาจะมิขาดผู้ดูแล

ผู้ที่ประเคนอาหารแล้วก็มาต่อแถวเพื่อลำเลียงอาหารที่พระสงฆ์พิจารณาแล้ว กลับไปเก็บนอกห้องประชุม ได้บุญเพิ่มขึ้นอีกนอกเหนือจากบุญที่ได้จากการนำอาหารมาถวายสังฆทาน

อาหารที่พระสงฆ์ท่านสละแล้ว เป็นอาหารเช้าของผู้เข้ารับการอบรม
ทำบุญแล้ว อิ่มใจและอิ่มท้องด้วย

ตอบเมื่อ: 20 ก.ค.2008, 5:35 pm

ขอบคุณ...... คุณwvichakorn ที่แวะทักทายค่ะ สาธุ

ได้ดูรูปพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข รึยังคะ
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=16425&sid=04f5af4d80449f8a9acd71211ec33bf8

ขอเชิญอนุโมทนาบุญในการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ค่ะ ยิ้ม

ตอบเมื่อ: 21 ก.ค.2008, 1:46 pm

" การพัฒนาสุขภาพจิตด้วยกัมมัฏฐานในวิถีพุทธ"
นำโดย พระอาจารย์อารยะวังโส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จังหวัดลำพูน
ณ ห้องประชุมไพจิตรปวบุตร ชั้น ๙ อาคาร ๗
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
จังหวัดนนทบุรี

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑

มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการใหม่ดังนี้

งดกิจกรรมใส่บาตร และ งดการถวายสังฆทาน มีเฉพาะการถวายอาหาร ฟังธรรม และ เจริญจิตภาวนา
เวลา ๐๙.๐๐ น. ไหว้พระ อาราธนาศีล และ ถวายภัตราหารพระอาจารย์
และพระติดตาม 1 รูป

เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. หลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส แสดงธรรม
และนำเจริญจิตภาวนา

เวลา ๑๔.๐๐ - ๑๔.๓๐ น. ปุจฉา-วิสัชนา

อนึ่ง หลังจากจบการอบรมธรรมะของหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโสแล้ว คุณแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จะมาบรรยายธรรมะต่อ ที่ห้องประชุมเดียวกันนี้

ตอบเมื่อ: 25 ก.ค.2008, 9:11 pm

ตอบเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 7:04 pm

งดการอบรมกัมมัฏฐาน ประจำเดือนสิงหาคม ๒๕๕๑ เพราะหลวงพ่อมีอาการอาพาธอ่อนเพลีย จากศาสนกิจที่มากมาย ทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อย
(แก้ไข วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๑)

ชมรมจริยธรรม กระทรวงสาธารณสุข และ ชมรมสุขโดยธรรม

ขอเชิญข้าราชการและประชาชนทั่วไป ฟังธรรมบรรยาย และ ปฏิบัติกัมมัฏฐาน ในโครงการ " การพัฒนาสุขภาพจิตด้วยกัมมัฏฐานในวิถีพุทธ"
นำโดย พระอาจารย์อารยะวังโส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จังหวัดลำพูน

ประจำเดือนสิงหาคม ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๑
เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๔.๓๐ น.
ณ ห้องประชุมไพจิตรปวบุตร ชั้น ๙ อาคาร ๗
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
จังหวัดนนทบุรี

กำหนดการคร่าวๆ ดังนี้
๐๘.๐๐ น. ถวายภัตราหาร พระอาจารย์ และ พระสงฆ์ติดตาม
๑๐.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. บรรยายธรรม และ ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐาน
ระหว่างนั้น พระอาจารย์จะพิจารณาให้หยุดพัก เพื่อทำกิจ
ส่วนตัวและรับประทานอาหารกลางวัน
๑๔.๐๐ - ๑๔.๓๐ น. ปุจฉา-วิสัชนา

การแต่งกาย กระโปรง-กางเกง สีสุภาพ
ห้องประชุมติดเครื่องปรับอากาศ ผู้สูงอายุควรเตรียมผ้าพันคอ หรือ เสื้อคลุมให้ความอบอุ่นร่างกาย

ตอบเมื่อ: 22 ส.ค. 2008, 2:17 pm

อยากไป แต่ไม่มีเวลาไกล
ขอโมทนาไปก่อน สาธุ