Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ขันติปรมัตถบารมี อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ทัพหลวง
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 28 มิ.ย. 2008
ตอบ: 161

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ค.2008, 7:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขันติปรมัตถบารมี

เกิดเป็น ขันติวาทีดาบส
ที่มา : ขันติวาทิชาดก

ในอดีตกาล พระเจ้ากาสีพระนามว่า กลาปุ ครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี

ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล มีนามว่า กุณฑลกุมาร เล่าเรียนสรรพวิชาจากสำนักตักศิลา

เมื่อบิดามารดาล่วงลับไป กุณฑลมาณพ ก็พิจารณาว่าทรัพย์ทั้งหลายตายแล้วไม่สามารถนำติดตัวไปได้ จึงได้นำทรัพย์ทั้งหมดออกบริจาคเป็นทาน แล้วออกบวชเป็นดาบส บำเพ็ญพรตในป่าหิมพานต์

พระดาบสอยู่ในป่า มีผลไม้เป็นอาหาร นานวันเข้าก็ต้องการเสพรสเค็มและรสเปรี้ยวบ้าง จึงได้จาริกออกจากป่ามายังนครพาราณสี แล้วเข้าไปอยู่ในราชอุทยาน

วันรุ่งขึ้น พระดาบสเที่ยวภิกขาจารไปในนคร เสนาบดีเลื่อมใสในอิริยาบถของพระฤาษีจึงเชิญให้มาฉันในเรือน และให้พักอยู่ในราชอุทยานนั้น

วันหนึ่ง พระเจ้ากลาปุทรงมึนเมาน้ำจัณฑ์ เสด็จไปราชอุทยานห้อมล้อมด้วยสนมนางใน พระองค์ให้ปูที่บรรทมบนแผ่นหิน แล้วบรรทมเหนือตักนางสนมคนโปรด ให้สนมนางอื่นขับร้องและฟ้อนรำจนบรรทมหลับไป

ลำดับนั้น เหล่านางสนมก็พากันกล่าวว่า พระราชาหลับแล้ว พวกเราขับร้องและฟ้อนรำเพื่อประโยชน์อะไร จึงทิ้งเครื่องดนตรีแล้วหลีกไปเที่ยวชมราชอุทยาน

พวกนางสนมไปพบพระดาบสนั่งบำเพ็ญพรตอยู่โคนไม้ จึงเข้าไปกราบไหว้ขอฟังธรรม พระดาบสจึงแสดงธรรมแก่หญิงเหล่านั้น

ฝ่ายพระราชา ตื่นบรรทมขึ้นมาไม่เห็นพระสนมนางอื่น จึงตรัสว่า พวกหญิงถ่อยไปไหน พระสนมคนโปรดกราบทูลว่า หญิงเหล่านั้นไปนั่งล้อมดาบสรูปหนึ่ง

พระราชาทรงกริ้ว ถือพระขรรค์รีบเสด็จไปด้วยตั้งพระทัยว่าจักตัดหัวของพระดาบสนั้น ฝ่ายพระสนมคนโปรดก็ไปแย่งเอาพระแสงดาบจากพระหัตถ์ของพระราชาไปเสีย และกล่าววาจาให้พระราชาสงบพระทัย

พระราชาเสด็จไปยืนหน้าพระดาบส ตรัสถามว่า สมณะ แกมีวาทะว่ากระไร
พระดาบสทูลว่า มหาบพิตร อาตมามีขันติวาทะ กล่าวยกย่องขันติ
พระราชาตรัสว่า ที่ชื่อว่าขันตินั้น คืออะไร
พระดาบสทูลว่า คือความไม่โกรธในเมื่อเขาด่าอยู่ ประหารอยู่ เย้ยหยันอยู่
พระราชาตรัสว่า ประเดี๋ยว เราจักเห็นความมีขันติของแก

แล้วพระราชาก็รับสั่งให้เรียกเพชฌฆาตมาจับพระดาบส เฆี่ยนด้วยแซ่หนามสองพันครั้ง ทั้งข้างหน้า ข้างหลัง และด้านข้างทั้งสอง จนผิวพระฤาษีขาด พระโลหิตไหลนอง พระราชาตรัสถามอีกว่า เจ้ามีวาทะว่ากระไร

พระดาบสทูลว่า มหาบพิตร อาตมามีวาทะยกย่องขันติ ก็พระองค์สำคัญว่า ขันติมีในระหว่างหนังของอาตมา ขันติไม่ได้มีในระหว่างหนังของอาตมา มหาบพิตร ก็ขันติของอาตมาตั้งอยู่เฉพาะภายในหทัย ซึ่งพระองค์ไม่อาจแลเห็น

พระราชาได้ฟัง จึงตรัสสั่งให้เพชฌฆาตตัดมือและเท้าทั้งสองข้างของพระดาบส จนโลหิตของพระดาบสไหลพุ่งออกมาเหมือนน้ำไหลออกจากหม้อทะลุ
พระราชาตรัสถามอีกว่า เจ้ามีวาทะว่ากระไร
พระดาบสทูลว่า มหาบพิตร อาตมามีวาทะยกย่องขันติ ก็พระองค์สำคัญว่า ขันติมีอยู่ที่ปลายมือปลายเท้าของอาตมา ขันตินั่นไม่มีอยู่ที่นี้ เพราะขันติของอาตมาตั้งอยู่เฉพาะภายในหทัย อันสถานที่ลึกซึ้ง
พระราชาจึงสั่งให้เพชฌฆาตตัดหูและจมูกพระดาบสอีก
พระราชาตรัสถามอีกว่า เจ้ามีวาทะกระไร
พระโพธิสัตว์ทูลว่า มหาบพิตร อาตมามีวาทะยกย่องขันติ แต่พระองค์ได้สำคัญว่า ขันติตั้งอยู่เฉพาะที่ปลายหู ปลายจมูก ขันติของอาตมาตั้งอยู่เฉพาะภายในหทัยอันลึก
พระราชาตรัสว่า เจ้าดาบสโกง เจ้าจงนั่งเชิดชูขันติของเจ้าอยู่ที่นี้เถิด แล้วพระองค์ก็กระทืบยอดอกพระดาบส แล้วเสด็จจากไป

เมื่อพระราชาเสด็จไปแล้ว เสนาบดีเช็ดโลหิตจากร่างกายของพระดาบส เก็บรวบรวมปลายมือ ปลายเท้า ปลายหู และปลายจมูกไว้ที่ชายผ้า ค่อยๆ ประคองให้พระดาบสนั่ง กราบไหว้แล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ถ้าท่านจะโกรธ ควรโกรธพระราชาผู้ทำผิดในท่านนั้นเถิด อย่าได้ทำรัฐนี้ให้พินาศเสียเลย

พระดาบสจึงกล่าวว่า พระราชาพระองค์ใดรับสั่งให้ตัดมือ เท้า หู และจมูกของอาตมภาพ ขอพระราชาพระองค์นั้นจงทรงพระชนม์ยืนนาน บัณฑิตทั้งหลายเช่นกับอาตมภาพ ย่อมไม่โกรธเคือง

แล้วพระดาบสก็สิ้นชีวิตลงในวันนั้น

ฝ่ายพระราชา เมื่อเสด็จออกจากพระราชอุทยาน ลับคลองจักษุของดาบสเท่านั้น มหาปฐพีหนาสองแสนสี่หมื่นโยชน์ก็แยกออก มีเปลวไฟจากนรกแลบออกมา กระชากจับพระราชาเข้าสู่อเวจีนรกที่หน้าประตูพระราชอุทยานนั่นเอง


(พระเจ้ากลาปุ มาเกิดเป็น พระเทวทัต
เสนาบดี มาเกิดเป็น พระสารีบุตร
พระดาบส มาเกิดเป็น พระสมณโคตมพุทธเจ้า)

http://larndham.net/index.php?showtopic=24413
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง