Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
mahapho
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 04 มิ.ย.2008, 8:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

อริยสาวิกา Ariya Savika
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
Ven. Khun Mae Chee Kaew



ชีวประวัติสังเขป

แม่ชีแก้ว คือ ตาไป่ เสียงล้ำ เกิด ๘ พฤศจิกายน ๒๔๔๔ ที่บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ตาไป่เป็นเด็กสงบเสงี่ยมเจียมตัว มีบุญวาสนาบารมีมากที่สร้างสมมาแต่ปางก่อน สามารถระลึกรู้เหตุการณ์ชาติของตนในอดีต มารดาได้เสียชีวิตเมื่อตาไป่อายุได้ ๕ ปี บิดาได้ภรรยาใหม่ ซึ่งตาไป่ก็สามารถอยู่กับมารดาเลี้ยงได้ และทำงานหนักช่วยครอบครัวโดยไม่ปริปาก

ต่อมาเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี ก็ได้มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชีวิตแปรผัน โดยที่มีกลุ่มพระธุดงคกรรมฐาน นำโดยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้เดินธุดงค์มาพักบริเวณพื้นที่ป่าเขาอันเป็นสถานที่สัปปายะ เพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ใกล้บ้านห้วยทราย ตาไป่มีโอกาสดีได้ถวายพื้นที่สวนเตรียมไว้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้แก่พระอาจารย์มั่นเป็นที่พักและเผยแผ่ธรรมะ ตาไป่จึงได้มีโอกาสเรียนรู้การภาวนาตามแนวทางของพระพุทธศาสนา และมีความตั้งใจมุ่งมั่นปฏิบัติเป็นครั้งแรก ปรากฏผลเป็นสมาธิลึกล้ำยาวนานจนตลอดรุ่ง ต่อมาจิตของท่านสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์แปลกๆ จิตโลดโผนพิสดาร จนกระทั่งพระอาจารย์มั่นต้องสั่งห้ามภาวนา เมื่อท่านไปจากบ้านห้วยทราย แต่ก็บอกไว้ให้เป็นความหวังว่า ในอนาคตข้างหน้าจะมีครูอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมมาแนะนำอุบายการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสมเอง

ตาไป่อายุ ๑๗ ปี จึงแต่งงานกับชายหนุ่มในหมู่บ้านเดียวกัน ดำเนินชีวิตครอบครัว ๑๐ ปีไม่มีทายาท จึงไปขอเด็กหญิงแรกเกิดมาเลี้ยงดูเป็นลูกตั้งชื่อว่าแก้ว จากนั้นตาไป่จึงมีนามเรียกใหม่ว่า แม่แก้ว หรือแม่ของแก้ว ต่อมาแม่แก้วพยายามขออนุญาตสามีไปบวชเป็นชี แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง ครั้นเด็กหญิงแก้วเติบโตพอมีความสามารถทำงานแทนได้แล้ว จึงอ้อนวอนสามีขอไปบวชชี ในปี ๒๔๘๐ ก็ได้บวชชีสมความปราถนา ท่านมีโอกาสน้อยจึงมุ่งมั่นพากเพียรปฏิบัติจิตภาวนา ได้รับผลเจริญรุ่งเรืองสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้มาก ปี ๒๔๘๘ ได้ตั้งสำนักชีบ้านห้วยทรายขึ้น เพื่อให้ผู้ประสงค์จะใช้ชีวิตทางธรรมได้โดยเอกเทศ ท่านเองมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการภาวนาอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง การจะหาครูอาจารย์แบบพระอาจารย์มั่นนั้นคงเป็นไปได้ยาก ที่สามารถให้คำแนะนำอุบายในการปฏิบัติจิตภาวนาให้เฉพาะอย่างถูกต้องตรงทาง

ต่อมาปี ๒๔๙๓ แม่ชีแก้วได้นิมิตในสมาธิเห็นพระจันทร์เต็มดวงใสสว่างแวดล้อมด้วยดวงดาวหลายดวง ตกลงมาจากท้องฟ้า พิจารณาแล้วก็รู้ความหมายว่า อีกไม่นานจะทีครูอาจารย์องค์สำคัญ พร้อมศิษยานุศิษย์เดินทางมาแน่นอน ต่อมาไม่กี่วัน ก็มีคณะพระสงฆ์อันมี หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นหัวหน้า เดินทางมาพำนักอยู่ไม่ไกลนัก แม่ชีแก้วได้เข้าไปกราบเรียนถึงผลการภาวนา ท่านก็เข้าใจได้ทันทีว่า เหตุใดพระอาจารย์มั่นจึงห้ามไว้ให้หยุดภาวนา พระอาจารย์มหาบัวจึงแนะนำอุบายให้โดยเฉพาะและห้ามส่งจิตออกไปสนใจสิ่งภายนอก อย่าไปสนใจนิมิตเหล่านั้น ให้ดูเข้าไปที่ใจเท่านั้น เพื่อให้รู้ความจริงของสาเหตุการเกิด การตาย และความทุกข์ที่มีอยู่ในโลก ครั้นแม่ชีแก้วไม่เชื่อฟังคำแนะนำ ยังเชื่อว่าได้ทำมาถูกต้อง จึงถูกไล่หนีและสำทับว่าไม่ต้องกลับมาหาอีก แม่ชีแก้วรู้สึกผิดหวัง จึงมาพิจารณาทบทวนความผิดของตน ด้วยสติปัญญาจึงเข้าใจ ปฏิบัติตามจิตใจเกิดสว่างไสวอย่างพิสดาร เมื่อท่านกลับไปกราบคารวะพระอาจารย์มหาบัวอีก จึงเป็นที่ได้แล้วถูกทางแล้ว ท่านจึงแนะนำอุบายให้ย้อนจิตลงสู่ภายในให้ลึกลงไปที่จิตเดิม สติปัญญาค้นคิดทำลายสิ่งที่ห่อหุ้มฝังรากลึกอยู่ภายในจิตใจ แม่ชีแก้วได้มุ่งพากเพียรอย่างจริงจังต่อเนื่องไม่ลดละใน ๒ ปี ท่านก็สามารถกำจัดอวิชชาสิ้นออกจากใจปี ๒๔๙๕ แม่ชีแก้วดำรงประโยชน์ผู้อื่นด้วยการสั่งสอน แนะนำแนวปฏิปทาอันเป็นทางดำเนินจิตภาวนาแก่ศิษยานุศิษย์ในสำนักชีนั้น จนกระทั่งละสังขารจากโลกนี้เมื่อ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๔ สิริอายุได้ ๙๐ ปี

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mahapho
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 04 มิ.ย.2008, 8:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
รูปหล่อคุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ


แม่ชีแก้วบรรลุธรรมขั้นสูงสุด

พระอาจารย์มั่นได้บอกไว้ล่วงหน้าถึง ๓๔ ปีว่า แม่ชีแก้วจะได้พบครูบาอาจารย์องค์สำคัญมาสั่งสอนแนะอุบายการภาวนา ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ปี ๒๔๙๓ ก็ได้พบพระอาจารย์มหาบัว ซึ่งองค์ท่านรู้อาการของจิตที่โลดโผนพิสดารอย่างนั้น ถ้าหากได้รับคำแนะนำอุบายปฏิบัติอย่างถูกทาง ก็สามารถจะได้รู้ธรรมก้าวหน้าโดยรวดเร็ว องค์ท่านรู้ว่าจิตคล้ายคลึงกับจิตพระอาจารย์มั่น ดังนั้น ถ้าหากได้ใฃ้ศักยภาพจิตของแม่ชีแก้วที่พิเศษพิสดารนั้นเป็น ๒ แนวคือ ปล่อยไปตามยถากรรม กับแนะนำช่วยเหลือ

แม่ชีแก้วได้มุ่งมั่นทำความเพียรตามอุบายที่ล้ำลึกนั้น สืบต่อเนื่องไม่ลดละซึ่งยังไม่เคยรู้สว่างจ้ามาก่อนเมื่อสอบถามผลการภาวนาในตอนนั้น ท่านตอบว่า “ได้แต่เฝ้าดูจิตใจอย่างนี้ ต่อไปภายภาคหน้าสุดแต่วาสนาบารมีจะเป็นไป ไม่คาดเดาจะเป็นจะได้ รู้แต่ว่าตั้งใจดูจิตดูใจของตนนี้เท่านั้น”

เช้ามืดวันที่ ๑ พฤศจิการยน ๒๔๙๕ แม่ชีแก้วอายุ ๕๑ ปีได้ ทำความเพียรเดินจงกรมต่อเนื่องตลอดคืนด้วยความเหนื่อยอ่อนหวังใจพักสักครู่แล้วจะได้ทำครัวเตรียมอาหารไปถวายพระสงฆ์ จึงทอดอาลัยเอนกายล้มตัวลงนอนบนแคร่ไม้ไผ่ข้างทางจงกรมใต้ต้นพะยอมใหญ่หัวทางจงกรมนั้น เมื่อกายสัมผัสพื้นก็ปรากฏเสียงครืนเหมือนฟ้าผ่าปานแคร่จะหัก บัดดลปรากฏแสงสว่างไสวจ้าขึ้นมีเสียงดังเข้าที่จิตใจว่า “ภพชาติสิ้นแล้ว” น้ำตาไหลพรากไม่มีประมาณประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้วว่า เป็นชัยชนะเหนือวัฏสงสาร ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกเป็นอนันตกาล

เมื่อท่านบรรลุธรรมแล้ว ได้ติดตามพระอาจารย์มหาบัวไปอยู่ที่อุดรธานีเพื่อช่วยเหลือบวชชีโยมแม่ของท่าน และได้ติดตามองค์ท่านต่อไปอยู่วัดแห่งหนึ่งในเขตจังหวัดจันทบุรี พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมมวโร ผู้เป็นศิษย์ของพระอาจารย์มหาบัว ปฏิบัติธรรมก้าวหน้าเร็วมาก ก็ได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดที่นั้น ปี ๒๔๙๙ แม่ชีแก้วได้ติดตามพระอาจารย์มหาบัว กลับไปอยู่อุดรธานี เพื่อช่วยเหลือในการสร้างวัดป่าบ้านตาด ระยะเวลานั้น อดอยากขาดแคลนทุกอย่าง ผ้าสบงจีวรได้บังสุกุลมาจากศพ ใช้หญ้าแห้งยัดผ้า ทำเป็นหมอนถวายพระ ท่านว่ามีความลำบากแร้นแค้นอดอยากขาดแคลนมากที่สุดที่จะบรรยายได้

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mahapho
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 7:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ


สงเคราะห์ชีวิตสัตว์โลก

การที่แม่ชีแก้ว มีความรู้ความสามารถพิเศษพิสดารจากการภาวนานั้นได้รู้เห็นความเป็นไปของสัตว์โลกอย่างกว้างขว้างลึกซึ้งคืนวันหนึ่งได้นิมิตถึงสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย เขามีความกระวนกระวายเคียดแค้นจนหาทางไปไม่ได้ หวังพึ่งบุญบารมี ขอให้แม่ชีแก้วช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เดือดร้อน เผื่อว่าจะได้มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อบำเพ็ญบารมีกับเขาบ้าง

เขาเล่าในนิมิตว่า ผู้ที่ฆ่าเขานั้นเป็นคนมีจิตใจเหี้ยมโหด ขาดเมตตากรุณาสงสาร ไม่เห็นอกเห็นใจใครๆ เขาใช้ให้ทำงานหนักด้วยการลากคันไถ ลากเกวียนตั้งแต่เช้าจนยันค่ำ ไม่เคยแสดงความเห็นอกเห็นใจ เอื้อเฟื้อที่ได้ทำงานให้ด้วยความยากลำบากตลอดทั้งวันก็ได้แต่เฆี่ยนตี ทารุณอยู่เป็นประจำ แล้วก็ผูกสัตว์ผู้น่าสงสารนั้นไว้กับต้นไม้และฆ่าชำแหละเนื้อหนังเอาไป ก่อนจะตายนั้น ต้องได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากไม่อาจอธิบายความทุกข์ขณะนั้นได้ จิตใจทุกข์แสนทุกข์

วิญญาณสัตว์ตัวนั้นบอกว่า มีชีวิตเป็นสัตว์ดิรัจฉานนั้น มีความยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะจะต้องอดทนอดอยาก ลำบากมากกว่าการเป็นมนุษย์ ไหนจะต้องได้รับอันตรายจากสัตว์ด้วยกันเอง ดำเนินชีวิต อยู่อย่างขาดแคลนน่าสงสาร ยังถูกดูหมิ่นเหยียดหยามนานัปการ ด้วยเหตุนี้ จึงต้องหาทางไปเกิดเป็นมนุษย์ในภพภูมิเบื้องหน้า

แม่ชีแก้วภาวนานิมิตเห็นหมูป่าที่ถูกฆ่า มาขออานิสงส์ในทำนองเดียวกันกับสัตว์ที่กล่าวมาแล้ว มันเกรงว่าจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานอีกในภพชาติต่อไป เพราะเบื่อหน่ายที่จะต้องใช้ชีวิตที่ถูกเหี้ยมโหดทารุณกรรมจนสุดแสนจะทรมาน ไม่อาจแสวงหาความสงบสุขร่มเย็นได้ จึงมาปรากฏในนิมิตภาวนาขอให้ไปเกิดเป็นมนุษย์

กรณีเหตุการณ์ที่กล่าวมาแล้วนั้น แม่ชีแก้วได้พิจารณาเห็นว่าวิญญาณสัตว์เหล่านั้นยังพอมีโอกาสจะเสริมเติมบุญวาสนาบารมีได้ท่านเมตตาสงสารสภาวะชีวิตของเขาเป็นที่สุด จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานแผ่กุศลผลบุญที่ท่านได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ เป็นพลังเกื้อกูลสนับสนุน ให้สัตว์เหล่านั้นได้มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ได้สมความปรารถนา ผลพลังเมตตาบารมีปรากฏผลให้วิญญาณสัตว์ทั้งสองมีจิตใจเบิกบาน มีความสุข อารมณ์ผ่องใส ได้ลาจากไปด้วยความสมหวัง ต่อมาแม่ชีแก้วก็รู้ชัดมีประจักษ์พยานว่าเป็นความจริงดังนิมิตนั้น

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mahapho
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 7:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ประชุมเพลิงสรีระ

แม่ชีแก้วได้สละขันธ์ด้วยความสงบที่สุด เมื่อเช้า ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๔ พระอาจารย์มหาบัวได้เดินทางมาเยี่ยมศพในวันนั้น และเมตตากำหนดให้ออกเมรุประชุมเพลิงสรีระใน ๒๓ มิถุนายน เพื่อให้เวลาแก่ผู้ศรัทธาญาติโยมจากทางไกล ได้มีโอกาสเคารพศพและถวายเพลิง ในระหว่างนี้ท่านห้ามมิให้มีการสวดมาติกาบังสกุลหรือสวดใดๆ ท่านบอกว่าคุณแม่ชีท่านทำให้ตัวเองมาพอแล้ว

ตอนเย็น ๒๒ มิถุนายน พระอาจารย์มหาบัว ได้แสดงธรรมเกี่ยวกับแม่ชีแก้ว มีความบางตอนดังนี้... “คุณย่าผู้เฒ่าแม่แก้ว...นี้เป็นเครื่องประกาศให้ชาวเราทั้งหลายได้ทราบ...ว่าความจริงเป็นอย่างนี้...ไม่ได้เว้นแม้แต่รายเดียว ที่จะไม่เป็นอย่างนี้...เกิดดีก็มี เกิดชั่วก็มี...เวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่เราจะสร้างคุณงามความดี ไม่มีอันใดสงสัยแล้วในศาสนธรรมของพระพุทธเจ้า มีอริยสัจสี่เป็นเครื่องยืนยันรับรอง ขอให้ผู้ปฏิบัติได้ดำเนินตามนี้เถิด จะไม่เป็นอื่นเป็นใด นอกเหนือจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ชอบแล้วไปเลย จะเป็นผู้ทรงมรรคทรงผลโดยสมบูรณ์...ถ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยังมีอยู่ พระอรหันต์ย่อมไม่สิ้นไปจากโลกนี้ เป็นคำสำคัญคือ การปฏิบัติตามศาสนธรรมนั้นแล... ดังคุณย่าที่ว่าก็ล่วงไปเช่นเดียวกับพวกเรา แต่ความดีนั้นเป็นของสำคัญ ซึ่งเป็นเครื่องฝังอยู่ในจิตใจของผู้ทำ การทำดีทำชั่ว ใจเป็นผู้บงการ ออกมาจากใจซึ่งเป็นหลักใหญ่ที่สุด...”

รุ่งขึ้นเช้า ๒๓ มิถุนายน พระอาจารย์มหาบัว เป็นประธานคณะสงฆ์บิณฑบาตร ตามด้วยพระสงฆ์สามเณรจำนวนมาก ตอนบ่ายทำประชุมเพลิงสรีระ ได้มีพระสงฆ์สามเณรประมาณ ๒๐๐ รูป แม่ชีแม่ขาวศรัทธาญาติโยมจำนวนมากนับพัน เมื่อจุดเพลิงลุกโพลงขึ้นไม่นานนัก ก็ปรากฎมีเม็ดฝนโปรยปรายลงมาบริเวณนั้น จนกระทั่งเสร็จกิจพิธี

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mahapho
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 7:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เจดีย์สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ

ความมีชัยชนะในสงครามแห่งวัฎฏะนับเป็นความหวังสูงสุด คือการทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันไม่มีอาสวะ ดำรงสถานะเหนือโลกสงสารที่เรียกว่า พระอรหันต์

แม่ชีแก้วได้ประสบความสำเร็จเป็นพระอรหันต์เมื่อปี ๒๔๙๕ มีประจักษ์พยานแจ้งชัดเจนเมื่อกระดูกของท่านได้กลายเป็นพระธาตุสดใส สัณฐานต่างๆ เป็นการพิสูจน์แน่ชัดถึงนิพพานจริง จึงเป็นที่โสมนัสยินดีเคารพกราบไหว้อย่างสุดซึ้ง ปราศจากข้อสงสัยใด พระอาจารย์มหาบัว ได้ไปเยี่ยมที่สำนักชี มักจะกล่าวถึงท่านเพื่อเป็นกำลังใจให้แม่ชีแม่ขาวและญาติโยม มุ่งประพฤติปฏิบัตตามท่านความว่า “ผู้เฒ่าแม่แก้ว ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ การปฏิบัติธรรมอย่างนี้นับเป็นตัวอย่างของชาวพุทธ ที่ชาวพุทธทั้งหลายจะได้สำนึกในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวมั่นคงและเป็นเอก นับว่าผู้เฒ่าผู้นี้ประสบสิ่งที่ไม่รู้จักเสื่อมคลาย เป็นผู้ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ถึงที่สุดแล้ว”

แพทย์หญิงเพ็ญศรี มกรานนท์ เป็นแพทย์อุปัฏฐากแม่ชีแก้วขณะป่วยไข้เป็นเวลาถึง ๑๔ ปี มีความมั่นใจในความบริสุทธิ์โดยแท้จริงกล่าวไว้ว่า “คนที่ไม่มีโอกาสรู้จักและสัมผัสกับองค์จริงของคุณแม่ชีแก้วย่อมจะไม่เกิดความซาบซึ้งประทับใจในความเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนขนาดไหนของท่าน ท่านยกย่องผู้มีบุญคุณต่อท่านตลอดเวลาอย่างไร แม้จะฉันยาแต่ละเม็ด ยังยกยานั้นเหนือเศียร”

พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก ผู้ที่มีความผูกพันกับแม่ชีแก้ว ตั้งแต่ยังไม่เกิด ได้ตระหนักถึงความสำคัญแห่งการบรรลุธรรมแม่ชีแก้วได้ชัยชนะแล้ว จึงตั้งปฏิธานไว้เมื่อถึงกาลเวลา สถานที่บุคคลเหมาะสมพอดี จึงเกิดเจดีย์องค์นี้ขึ้นด้วยความภาคภูมิและภูมิใจทุกฝ่าย อันเป็นเจดีย์แห่งพระอรหันตสาวิกา องค์แรกในยุครัตนโกสินทร์ของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

Image
พระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก

(มีต่อ)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
mahapho
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 15 พ.ย. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 05 มิ.ย.2008, 8:29 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ


วาทะธรรมคำสอน

๑. หนึ่งโลกนี้ เป็นเอกนาโถ หาทุกข์ก็ได้ หาสุขก็ได้ หาประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ หานรกหาสวรรค์ หามรรคผลหาผลหานิพพาน หาอะไรกะได้หมด โลกนี้ โลกหาได้

๒. เรื่องของกรรมอย่าไปตั้งข้อสงสัย เกิดมาแล้วอย่าประมาทกับตนเอง เราเป็นคนให้มีเมตตากับสัตว์โลก เพราะเขาก็เป็นทุกข์ เรื่องของกรรม เรื่องของทุกข์ ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากันเลยที่ต่างกันก็มีแต่เลวทราม หยาบประณีต ของกรรมดีและกรรมชั่วนี้เท่านั้น

๓. ให้พากันตั้งใจภาวนา ทำสมาธิอย่าขี้คร้าน เอาขันธ์ห้าเป็นขันบูชา เอาหัวเป็นเทียนไต้ส่องทาง ให้พ้อพอทางให้พ้น เกิดเป็นคนให้อยู่ในศีล อย่าได้หมิ่นต่อธรรม

๔. เกิดมาแล้วตายเล่า เกิดเก่าตามตาม เชื้อนามหน่อพระพุทธเจ้า อย่าเน่าเล่นเหม็นโห (หัวเราะเล่น) ตายให้แท้ตายให้จริงตายทิ้งวางขันธ์ ตายเห้อ (ให้) ทันธรรม ตายนำ (ตาม) พระพุทธเจ้า ตายแล้วเข้าพระนิพพาน

๕. เบิ่งตุ๊ เบิ่งจิตเบิ่งใจอั้นละ หม้อนะฮก กะอยู่ฮั้น สวรรค์ชั้นฟ้า กะอยู่ฮั้น มรรคผล กะอยู่ฮั้น ความหลุดความพ้น กะอยู่ฮั้น (ให้ดูให้ดี พิจารณาให้ดี ดูจิตดูใจของตนนั้นละ นรกก็อยู่นั้น สวรรค์ก็อยู่นั่น มรรคผลก็อยู่นั้น ความพ้นจากทุกข์ก็อยู่นั่น)


-----------------------------------------------------------------------------------

คัดลอกบางส่วนจาก
หนังสือ อริยสาวิกา Ariya Savika
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2008, 8:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง