Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผมมีเรื่องข้องใจอยากจะสอบถามครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
sirimanod
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 01 ก.ย. 2007
ตอบ: 10

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ค.2008, 12:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอสอบถามนะครับ ในวันพระเวลาผมตื่นนอนตอนเช้าผมจะสมาทานรักษาศีลอุโบสถแล้วไม่ทราบว่าผมทำแบบนี้จะผิดศีลอุโบสถหรือปล่าครับ

1. ตอนเช้าผมจะกินข้าวและกินนมกล่องด้วยทั้งๆ ที่ผมได้สมาทานรักษาศีลไปแล้วไม่ทราบว่าผมจะดื่มนมได้หรือเปล่าครับในตอนเช้า ส่วนหลังเที่ยงไปแล้วผมรู้ว่าดื่มนมไม่ได้แน่ ช่วงก่อนเที่ยงผมจะดื่มนมได้หรือปล่าครับ

2. เวลาที่ผมถือศีลอุโบสถ บางครั้งจิตใจของผมจะคิดไปหลายเรื่องเช่นมีความโกรธบ้างหรือคิดถึงเรื่องลามกบ้างหรือเผลอร้องเพลงบ้าง ผมพยายามจะไม่ให้คิดแต่มันก็ห้ามไม่ได้ครับ บางครั้งมันก็คิดขึ้นมาเองเลยอย่างนี้จะถือว่าผมได้ทำผิดศีลหรือเปล่าครับ

3. ผมจะต้องทานยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร (เป็นยาน้ำ) เป็นประจำไม่ทราบว่าหลังเที่ยงไปแล้วผมจะทานยา (ไม่ได้เคี้ยว) ได้หรือเปล่าครับ

4. ที่บ้านผมจะมีเตียงใหญ่ทำด้วยไม้ทั้งหมด เวลาผมแต่งตัวผมชอบไปนั่งใส่กางเกงบนเตียงไม่ทราบว่าผมจะผิดศีลข้อ 8 ที่ว่าเว้นการนั่งนอนบนที่สูงและที่นอนใหญ่หรือเปล่าครับ

5. เวลาผมจะออกนอกบ้านผมจะต้องส่องกระจกและใช้หวีจัดทรงผมให้เรียบร้อยก่อนไม่ทราบว่าจะสามารถส่องกระจกและจัดทรงผมได้หรือเปล่าครับ

6. เวลาที่ผมถือศีลบางครั้งผมมีความจำเป็นจะต้องไปที่ห้างซึ่งจะมีโทรทัศน์และเปิดเพลงเสียงดังมากผมควรจะทำตัวอย่างไรดีครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
น้อม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 ก.พ. 2008
ตอบ: 58
ที่อยู่ (จังหวัด): England

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ค.2008, 3:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอตอบข้อ 3 ค่ะ ข้ออื่นให้ผู้รู้ตอบดีกว่า

ยา ไม่ใช่อาหาร ดังนั้นกินได้ค่ะ และเป็นการรักษาโรคด้วย

สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ramsat
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 28 พ.ค. 2008
ตอบ: 34

ตอบตอบเมื่อ: 28 พ.ค.2008, 4:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอโอกาสแสดงความคิดเห็นครับ

ตามความเห็นของผม ผมคิดว่าการถือศีล (ศีลห้า ศีลแปด ศิล 227 หรือศีลอะไรก็แล้วแต่) เราน่าจะเอาความมุ่งหมายของการถือศิลเป็นหลักนะครับ

การถือศีลมีจุดมุ่งหมายคือการทำให้กาย วาจาเราเป็นปกติเช่นศีลห้า หรือเป็นการขัดเกลากิเลสในขั้นสูงขึ้นไปอีก (ศีลแปด ศีลสิบ ศีล 227) ศีลห้าเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่เมื่อเราประพฤติแล้วจะทำให้กาย วาจา ใจ เราเป็นปกติ ไม่ให้เกิดการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทำให้จิตสงบได้ในขั้นต้นซึ่งจะเป็นบาทฐานขั้นต่อไปของการทำจิตให้เกิดเป็นสมาธิ

การถือศีลนั้นอย่าหวังเพียงว่าจะได้บุญ จะได้อานิสงส์ของศีลเมื่อเราถือศีลได้บริสุทธิ์ แต่ควรมองให้ไกลไปถึงว่าจะได้มีความสะอาดกาย วาจา ใจ เพื่อขัดเกลากิเลสอย่างหยาบๆ และเป็นบาทฐานการปฏิบัติสมาธิภาวนาเพื่อสงบกิเลสอย่างกลาง และเป็นปัจจัยสำคัญในการปฏิบัติวิปัสสนาทำลายกิเลสอย่างละเอียด

การถือศีลเมื่อเรารู้จุดมุ่งหมายสำคัญของการปฏิบัติ ก็จะไม่ตกไปอยู่ในฝ่ายของศีลพตปรามาส หรือการถือศีลพรตชนิดลูบคลำ คือถือตามตัวอักษร หรือตามๆ กันมา เหมือนเถรส่องบาตร อย่างไม่รู้จุดมุ่งหมายถ่องแท้ของศีลแต่ละข้อ

ก่อนที่เราจะถือศีลจำเป็นต้องศึกษาถึงความมุ่งหมายและวิธีการของการถือศีลแต่ละข้อให้ถ่องแท้ อันที่จริงแล้วศีลห้าก็เพียงพอสำหรับคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนที่จะต้องปฏิบัติให้ได้เป็นประจำหรือนิจศีล พิเศษหน่อยก็ถือศีลแปดตามโอกาสเช่นวันอุโบสถ ซึ่งถ้าหากจะถือศีลอุโบสถควรจะอยู่ในที่ที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติเช่นที่วัด หรือสถานที่ที่สงบ ปราศจากสิ่งรบกวนที่จะทำให้ศีลเราขาด ด่าง พร้อย หรือทะลุได้ แต่ถ้าหากว่าเราคิดว่าสามารถที่จะควบคุมกาย วาจา ใจ ของเราให้อยู่ในกรอบของศีลที่ตนปฏิบัติอยู่นั้นได้ เรื่องสถานที่ก็หมดปัญหาไป

เพราะฉะนั้นตามที่คุณได้ถามมาแต่ละข้อนั้นมีหลักการอยู่ว่า คุณทราบหลักความมุ่งหมายของศีลแต่ละข้อที่คุณปฏิบัติอยู่หรือยัง คุณมีจิตใจเข้มแข็งต่อสิ่งเย้ายวน ยั่วยุ ซึ่งเป็นไปตามวิสัยของโลกได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณสามารถทำได้ก็จะเป็นการเพิ่มตบะธรรมให้แก่ตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณสมาทานศีลแล้วต้องคอยวิตกนั่นนี่อยู่ (เนี่องเพราะยังไม่ทราบความหมาย และจุดมุ่งหมายของศีลแต่ละข้อ) การถือศีลของคุณนั้นอาจจะยังเข้ากันไม่ได้กับความมุ่งหมายที่แท้จริงของการถือศีลคือ ให้กาย วาจา ระงับ เพื่อเป็นบาทฐานให้การสงบใจเป็นไปได้โดยง่าย เอื้อให้จิตใจเกิดสมาธิ และปัญญา

ธรรมะสวัสดีครับ
 

_________________
สอนเขาอย่างไร ทำให้ได้อย่างนั้น
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2008, 9:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมขอสอบถามนะครับ ในวันพระเวลาผมตื่นนอนตอนเช้าผมจะสมาทานรักษาศีลอุโบสถแล้วไม่ทราบว่าผมทำแบบนี้จะผิดศีลอุโบสถหรือปล่าครับ

ตอบ.... ไม่ผิด

ถาม....
1. ตอนเช้าผมจะกินข้าวและกินนมกล่องด้วยทั้งๆ ที่ผมได้สมาทานรักษาศีลไปแล้วไม่ทราบว่าผมจะดื่มนมได้หรือเปล่าครับในตอนเช้า ส่วนหลังเที่ยงไปแล้วผมรู้ว่าดื่มนมไม่ได้แน่ ช่วงก่อนเที่ยงผมจะดื่มนมได้หรือปล่าครับ

ตอบ... ดื่มได้

ถาม...
2. เวลาที่ผมถือศีลอุโบสถ บางครั้งจิตใจของผมจะคิดไปหลายเรื่องเช่นมีความโกรธบ้างหรือคิดถึงเรื่องลามกบ้างหรือเผลอร้องเพลงบ้าง ผมพยายามจะไม่ให้คิดแต่มันก็ห้ามไม่ได้ครับ บางครั้งมันก็คิดขึ้นมาเองเลยอย่างนี้จะถือว่าผมได้ทำผิดศีลหรือเปล่าครับ

ตอบ...
คุณรู้ว่าคุณคิด แล้วทำไม ไม่รู้จักควบคุมควมคิด ถ้าไม่ฝึกสมาธิ ก็ให้นึกถึงข้อศีลต่างๆที่คุณถืออยู่ ความคิดเหล่านั้นก็หายไปได้


ถาม....
3. ผมจะต้องทานยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร (เป็นยาน้ำ) เป็นประจำไม่ทราบว่าหลังเที่ยงไปแล้วผมจะทานยา (ไม่ได้เคี้ยว) ได้หรือเปล่าครับ

ตอบ....
การรับประทานยา เป็นข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเคี้ยว หรือไม่เคี้ยว ได้ทั้งนั้น ...อะไรกันคุณจะถือศีล อะไรปานนั้น ถือศีล ไม่ใช่ถือไว้เหมือนถือข้าวถือของนะคุณ ถือศีล มันต้องพิจารณา ต้องคิดแยกแยะให้เกิดความเข้าใจในข้อศีล ถืออย่างคุณ มันเหมือนถือสาก แต่ไม่รู้จักวิธีใช้สากนะคุณ


ถาม...
4. ที่บ้านผมจะมีเตียงใหญ่ทำด้วยไม้ทั้งหมด เวลาผมแต่งตัวผมชอบไปนั่งใส่กางเกงบนเตียงไม่ทราบว่าผมจะผิดศีลข้อ 8 ที่ว่าเว้นการนั่งนอนบนที่สูงและที่นอนใหญ่หรือเปล่าครับ

ตอบ...
ถ้าคุณจะถือเคร่งจนไม่ได้คิดพิจารณาอะไร ก็ยกหรือย้าย เอาเตียงในห้องของคุณออกไปซะ แล้วนอนกับพื้นก็จบ แต่ถ้าคุณพิจารณาในข้อศีล ให้ดี คุณก็จะเกิดความเข้าใจเองนะ เพราะเขาจะมีขนาดความสูงของเตียง (ถ้าจำไม่ผิด)


ถาม.....
5. เวลาผมจะออกนอกบ้านผมจะต้องส่องกระจกและใช้หวีจัดทรงผมให้เรียบร้อยก่อนไม่ทราบว่าจะสามารถส่องกระจกและจัดทรงผมได้หรือเปล่าครับ

ตอบ..
ได้ เพราะไม่ได้จักอยู่ในเครื่องประทิน หรือเครื่องหอม


ถาม....
6. เวลาที่ผมถือศีลบางครั้งผมมีความจำเป็นจะต้องไปที่ห้างซึ่งจะมีโทรทัศน์และเปิดเพลงเสียงดังมากผมควรจะทำตัวอย่างไรดีครับ

ตอบ......
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการถือศีลของคุณละขอรับ ถือศีล ก็ต้องถือด้วยใจ ด้วยความคิด จนเกิดความเข้าใจ ถ้าคุณคิดว่า เข้าไม่ได้ (ตามความคิดของคุณ) ก็ไม่ต้องเข้า เลี่ยงไปห้างอื่น ก็จบ คิดเอาเองเถอะนะคุณ เพราะต่างคน ต่างความคิด ต่างคน ต่างความเข้าใจ

ข้าพเจ้าก็ได้แต่แนะนำให้คุณ พิจารณา ในข้อศีลทุกข้อ ให้เกิดความเข้าใจว่า ข้อศีลที่แท้จริง มีจุดประสงค์ และความมุ่งหมาย อย่างไร ถ้าคุณเข้าใจ การถือศีลของคุณ ก็ประสบผล ไม่ต้องเกร็ง หรือเกรง ว่า อย่างนั้นจะผิดศีล อย่างนี้จะผิดศีล เรียกว่า ปัญญาเกิดขอรับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 5:01 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนของผม ผมว่า
เจตนาเป็นที่ตั้ง

ปราศจากเจตนาอันทุจริต ย่อมไม่นับบาป
แต่สัตว์มนุษย์ เมื่อรู้ว่าพลาด ต้องปรับปรุง
ผิดพลาด เดิมๆ ซ้ำๆ ถือว่าประมาท ไม่ควรให้มีมาก


ส่วนธรรมทั้งหลายของพุทธองค์ ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่นมาก
เพราะเท่ากับเป็นความไม่พอดี ไม่สายกลาง


การที่ท่าน จขกท ยังอยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา
จึงควรจะให้ธรรมมะให้ถูกกับตัว

ถ้าจะอยู่เหนือโลก อยากมุ่งไปทางนั้นก็ต้องว่ากันจริงๆจังๆ
ถ้าจะยังอยากอยู่ในโลก ก็ใช้ธรรมะให้เหมาะกับการเป็นคนอยู่ในโลก

การปฎิบัติตัวเคร่งไปในทางโลกุตรแล้วมาใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมดา ...
... แปลว่าเราอยาก หรือต้องการอะไรบางอย่างเกินไปหรือไม่...
สมควรอยู่ในที่ที่สัปปายะกับระดับความเข้มของธรรมที่ท่านปฏิบัติ
คืออยู่ในประเทศ(สังคม บริบท สถานที่)อันเหมาะสม


หากฝืนทำอะไร ผิดไปจากพอดี ผิดไปจากธรรมชาติ
ก็ไม่ต่างอะไรจากการทรมานตัวเอง

อุปมาเหมือนสงฆ์เดินเท้าเปล่าออกบิณฑบาตร
แล้วมาเจอหมู่แก้วแตกขวงทางอยู่ แต่ก็ฝืนเดินเหยีบยย่ำไปอย่างนั้น
แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้ไม่รู้จักทุกข์ .. เพราะรู้อยู่ว่าเหยียบแล้วเป็นทุกข์
แต่ยังคงเหยียบต่อไป

ก็ในเมื่อพระพุทธเจ้ายังเลิกทำทุกรกิริยา หันมากินข้าวกินปลา
หลีกเลี่ยงการเบียดเบียนตน โดยไม่มีเหตุอันควร
ท่านเห็นทุกข์ แล้วท่านหลีกหนี
ทำไมสาวกของท่านถึงทรมานร่างกาย
ด้วยทุกข์อันไม่ใช่ทุกข์ประจำตามธรรมชาติของคนเรา
พูดง่ายๆว่า หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
เห็นทุกข์ กลับเดินใส่เฉยเลย

ท่าน จขกท ลองพยามอย่าติดอยู่กับตัวหนังสือนะคับ
ลองเริ่มใหม่ ไปเริ่มแบบเดียวกับพระพุทธเจ้าดีกว่า
คือไปขบคิด ปัญหาทางปรัชญาต่างๆก่อน
ไปหาว่า คนเราทำไมต้งอมีศาสนา แล้วทำไมถึงไม่ต้องมี

วิธีง่ายที่สุดคืออ่านพวกหนังสือปรัชญาเบื้องต้น
มาดุว่ามนุษย์คิดอะไรกันบ้างในโลกนี้ บ้านไหนคิดยังไง ยุคไหนคิดยังไง
ลงท้ายท่านจะพบเองคับว่า ท่านจะต้องการธรรมะของพระพุทธเจ้าไปทำไม

ถ้าทำเพราะเชื่อว่าดี อันนี้ผิดธรรมชาติ
ลงท้ายจะไม่ได้อะไรครับ
แต่ทำเพราะรู้แจ้งแทงตลอดว่าจำเป์นต้องทำ .. แล้วทำเพราะอะไร .. ให้ได้อะไร ...
อันนี้จะไปได้ดี ไม่มาติดมั่น ถือมั่น ไม่เป็นพุทธธรรมแบบศรีธนลชัยครับ

-----------------------------
ผมไม่แน่ใจว่าผมจะคิดถูกไหม
อย่าเชื่อผมมากนะคับ ...
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 9:58 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หากการรักษาศีลในวันพระทำให้เครียดมากก็เพลาๆลงบ้างเถอะครับ เอากาย วาจา เรียบร้อยก็ชื่อว่าศีลแล้วครับ ส่วนความคิดนั้นมันควบคุมกันยากครับ (อันนี้จากความรู้สึกของตัวเองนะครับ)
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
ramsat
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 28 พ.ค. 2008
ตอบ: 34

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 12:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความคิดเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ดอกครับ การถือศีลไม่ได้หมายความว่าคุณจะคิดเรื่องไม่ดีไม่ได้ (หมายถึงว่าคุณไม่ได้ตั้งใจคิด มันคิดของมันเอง) แต่เมื่อคุณรู้ว่ามีความคิดไม่ดีเกิดขึ้นก็มีสติรู้ว่าความคิดแบบนั้นเกิดขึ้นแล้ว เมื่อคุณมีสติรู้ทันความคิดคุณแล้วการมีศีลก็เริ่มจากตรงนี้แหละครับ นั่นคือจะทำให้เกิดการสังวรระวังไม่ให้ความคิดนั้นเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพูดชั่วทำชั่วขึ้นมา

เจริญในธรรมครับ
 

_________________
สอนเขาอย่างไร ทำให้ได้อย่างนั้น
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
โปเต้
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 10 พ.ค. 2008
ตอบ: 76
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 30 พ.ค.2008, 1:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

1. ตอนเช้าทานได้ทุกอย่างค่ะ ยกเว้นเนื้อ 10 อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้าม

2. เป็นเรื่องปกติของความคิด จิตใจ ความจำได้หมายรู้ ถ้าเรารู้ตัวก็ให้เลิกคิด บางครั้งจะเห็นความเพลินของจิตที่เข้าไปคิดในเรื่องนั้นๆจนอยากจะคิดต่อ ถ้าเรารู้ตัวบ่อยๆ แล้วก็หันมาคิดในการภาวนา(ภาวนาพุทโธ หรือรู้อริยาบทของกาย )แทน ก็จะเป็นความเพียรในการภาวนาอย่างหนึ่ง

3. ถ้าเจตนาจะทานเพื่อเป็นยารักษาโรค ก็ทานได้ค่ะ

4. ปกติศีลข้อที่นั่ง ที่นอนอันสูงใหญ่ จะหมายถึงฟูกที่หนาๆ ข้อนี้มีไว้เพื่อไม่ให้ติดสัมผัสที่นุ่มหนาจนเกิดความทะยานอยากจนเกินกว่าเหตุค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ลองเปลี่ยนเป็นนั่งที่พื้น หรือเก้าอี้แทน

5. เจตนาก็คือสำรวจความเรียบร้อย ไม่ได้สำรวจเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อความน่าดูชม ก็ไม่เป็นไรค่ะ

6. ตรงข้อนี้ รู้สึกว่าท่านจะห้ามร้องรำทำเพลงนะคะ ไม่ได้ห้ามการรับรู้ ได้ยิน เพราะคงจะห้ามไม่ได้ ไม่งั้นพอทางวัดมีงาน เปิดเพลงกันกระหึ่ม พระเณรท่านก็คงศีลขาดกันหมดทุกวัดแน่

สาธุ อนุโมทนากับการพยายามรักษาศีลค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง