Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ไหว้หลวงพ่อโตรับวันมาฆะ ที่ “วัดอินทรวิหาร” อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 20 ก.พ.2008, 8:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
หลวงพ่อโต พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่


ไหว้หลวงพ่อโตรับวันมาฆะ ที่ “วัดอินทรวิหาร”

เพิ่งผ่านพ้นวันแห่งความรักของฝรั่งมาได้อาทิตย์เดียว มาวันนี้ก็ใกล้ วันแห่งความรักของชาวพุทธ หรือ “วันมาฆบูชา” กันแล้ว (21 กุมภาพันธ์ 2551) จึงอยากจะชวนพ่อแม่พี่น้องไปทำบุญไหว้พระกันเช่นเคย และไม่พลาดที่จะหาสถานที่ทำบุญซึ่งเป็นวัดที่มีความน่าสนใจมาฝากกันด้วย โดยคราวนี้จะชวนไปที่ “วัดอินทรวิหาร” ในย่านบางขุนพรหม เขตพระนคร

วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่ดั้งแต่เดิมชาวบ้านเรียกชื่อวัดกันว่า “วัดไร่พริก” เพราะสร้างอยู่ในบริเวณสวนผักของชาวจีน และต่อมาก็เปลี่ยนมาเรียกเป็น “วัดอินทาราม” ตามนามของเจ้าอินทวงศ์ พระโอรสของเจ้าผู้ครองนครศรีสัตนาคนหุต ผู้ซึ่งมาพำนักตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณใกล้ๆ วัด และเป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้นใหม่อีกด้วย

Image
มุมสงบภายในวัดอินทรวิหาร


ส่วนชื่อวัดในปัจจุบัน หรือ “วัดอินทรวิหาร” นั้น ได้ถูกเปลี่ยนมาใช้ก็ในสมัยรัชกาลที่ 6 เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้วัดอินทาราม (บางขุนพรหม) ซึ่งมีชื่อไปพ้องกับวัดอินทาราม (บางยี่เรือ) เปลี่ยนชื่อวัดเสียเป็น “วัดอินทรวิหาร” โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นภวงศ์ สุจิตฺโต) วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ เป็นผู้ตั้งชื่อวัดเสียใหม่ และใช้ชื่อนี้มาตลอดจนปัจจุบัน

วัดอินทรวิหารนี้มีความสำคัญอย่างหนึ่งตรงที่ว่า เป็นวัดที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ปูชนียบุคคลของพระพุทธศาสนาไทย และเป็นผู้นำพระคาถาชินบัญชรซึ่งเป็นพระคาถาเก่าแก่มาปรับปรุงแก้ไขจนกลายเป็นบทสวดมนต์หนึ่งที่พุทธศาสนิกชนไทยนิยมสวดกัน ได้มาบรรพชาเป็นสามเณรและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วัดนี้ โดยเป็นศิษย์ของ ท่านเจ้าคุณอรัญญิก (ด้วง) เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหารในสมัยนั้น แม้ต่อมาท่านจะไปอุปสมบทเป็นภิกษุและเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตารามก็ตาม แต่ก็ยังมีความผูกพันกับวัดอินทรวิหารเป็นอย่างมาก เห็นได้จากสิ่งต่างๆ ที่ท่านได้สร้างไว้ในวัดแห่งนี้

Image
รอยพระพุทธบาทจำลอง

Image
รอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐาน ณ พระมณฑปสีขาว


เมื่อได้ย่างเท้าเข้ามาในวัดอินทรวิหารในบ่ายวันหนึ่ง ก็พบว่าภายในวัดเต็มไปด้วยญาติโยมที่มาทำบุญไหว้พระกันอย่างหนาแน่น และไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น แต่ก็มีญาติโยมที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศหนาตาด้วยเช่นกัน และสิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นจุดดึงดูดความสนใจของผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้ก็คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่โตที่ยืนเด่นอยู่กลางแจ้ง ซึ่งมีนามว่า “พระศรีอริยเมตไตรย” หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “หลวงพ่อโต” นั่นเอง

“หลวงพ่อโต” หรือ “พระศรีอริยเมตไตรย” เป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ผินพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก มีความสูงตั้งแต่พื้นถึงยอดเกตุ 16 วา หรือประมาณราว 32 เมตร ความกว้าง 5 วา 2 ศอก สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นผู้ริเริ่มก่อสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แต่เมื่อสร้างไปได้ถึงเพียงพระนาภี หรือบริเวณสะดือขององค์พระพุทธรูป สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ก็ได้มรณภาพลงเสียก่อน การก่อสร้างจึงได้หยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดำเนินต่อมาอีกถึง 60 ปี ก่อนที่การสร้างหลวงพ่อโตหรือพระศรีอริยเมตไตรยองค์นี้ จะแล้วเสร็จสิ้นลงในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

Image
พระพุทธรูปปางสมาธิที่สมเด็จฯ โตสร้างไว้


บนยอดเกตุของหลวงพ่อโตองค์นี้ มีพระบรมสารีริกธาตุที่รัฐบาลประเทศศรีลังกามอบให้รัฐบาลไทยประดิษฐานอยู่ ส่วนองค์ของหลวงพ่อโตนั้นก็ประดับด้วยกระจกโมเสกทองคำแท้จากประเทศอิตาลีทั้งองค์ มีการเล่าขานถึงเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการทิ้งระเบิดตามสถานที่สำคัญต่างๆ และระเบิดก็ได้มาตกอยู่ที่บริเวณองค์หลวงพ่อโตจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ระเบิดเลยสักลูก ทำให้ชาวบ้านต่างเคารพศรัทธาในองค์หลวงพ่อโตเป็นอย่างมาก และว่ากันว่า หากต้องการบนบานกับหลวงพ่อโต ก็จะต้องแก้บนด้วยหัวปลาทู ไข่ต้ม และพวงมาลัย สิ่งที่บนไว้ก็มักจะสำเร็จ

เมื่อได้เข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อโต ก็พบว่าต้องแหงนหน้าแบบคอตั้งบ่าเลยทีเดียวเพื่อที่จะมองเห็นพระเศียรของท่าน และหลังจากไหว้เสร็จก็สามารถปิดทองได้เพียงพระบาททั้งสองข้างของท่านเท่านั้น และเมื่อกราบท่านเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เข้าไปกราบพระในวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างองค์หลวงพ่อโต ภายในมี พระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งเป็นพระประจำวัดเกิดของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ซึ่งท่านได้สร้างไว้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

Image
รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จฯ โตภายในบ่อน้ำพระพุทธมนต์


นอกจากหลวงพ่อโตและพระพุทธรูปปางสมาธิองค์นี้แล้ว ก็ยังมีสิ่งที่สมเด็จฯ สร้างเอาไว้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ บ่อน้ำพระพุทธมนต์ ซึ่งสมเด็จฯ ได้ให้ช่างที่มาสร้างองค์หลวงพ่อโตขุดไว้ ปัจจุบันบ่อน้ำนี้ก็ยังคงอยู่ โดยได้มีการปรับปรุงเสียใหม่เป็นห้องหับมิดชิดและติดเครื่องปรับอากาศอย่างดี เนื่องจากมี รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ประดิษฐานอยู่ด้านใน ส่วนในบ่อน้ำพระพุทธมนต์ก็ได้อัญเชิญแผ่นยันต์พระคาถา 121 พระคาถาที่ขุดพบใต้บ่อมาประดิษฐานไว้ บุคคลภายนอกสามารถเข้าไปชมภายในบริเวณบ่อน้ำพุได้ แต่ต้องระมัดระวังและสำรวมเสียหน่อย เพราะด้านในจะมีเสียงสวดพระคาถาชินบัญชรอย่างต่อเนื่อง และมีคนเข้าไปนั่งสวดมนต์กันอยู่เสมอๆ

Image
ภายในพระอุโบสถ


หรือหากไม่ได้เข้าไปด้านในก็สามารถรับน้ำพระพุทธมนต์อยู่ภายนอกก็ได้ ทางวัดติดป้ายไว้ให้เห็นชัดเจนว่าสะอาด ดื่มได้ ประพรมเป็นมงคลได้ และมีแก้วกระดาษเตรียมไว้ให้เรียบร้อย

แหม... ชมอย่างอื่นเสียเพลินจนเกือบจะลืมชมสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งเสียแล้ว นั่นก็คือ “พระอุโบสถ” ของวัดนั่นเอง พระอุโบสถของวัดอินทรวิหารนี้ไม่ใหญ่โตมากนัก แต่ก็งดงามด้วยศิลปะแบบอยุธยา ช่อฟ้าใบระกา หน้าบัน รวมไปถึงซุ้มเสมาเป็นงานฝีมือปูนปั้นแบบอยุธยา ซึ่ง เสมาของพระอุโบสถ แห่งนี้เป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากๆ เพราะนอกจากจะดูเก่าแก่ควรค่าแก่การรักษาแล้ว ฝีมือปูนปั้นก็ยังอ่อนช้อยงดงามมากด้วย ส่วนภายในพระอุโบสถนั้นมีพระประธาน 3 องค์ ขนาดพอเหมาะพอเจาะกับพระอุโบสถ ตั้งลดหลั่นกันไป

Image
ใบเสมาเก่าแก่ของวัดรอบพระอุโบสถ


หลังจากกราบพระแล้ว ได้นั่งพิจารณาดูภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ ก็เห็นว่ามีเรื่องราวของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ซึ่งเป็นภาพชีวประวัติของท่าน รวมไปถึงภาพสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ เช่น พระนอนที่วัดสะตือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, พระนั่งปางสมาธิที่วัดไชโยวรวิหาร หรือวัดเกษไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง เป็นต้น

ออกมาจากพระอุโบสถแล้ว อย่าลืมแวะชม ที่บรรจุอัฐิของบรรพชน ซึ่งตั้งอยู่รอบๆ กำแพงพระอุโบสถ ที่อยากจะให้ชมกันก็เพราะที่บรรจุอัฐินี้ไม่ใช่ธรรมดาๆ แต่บรรจุไว้ในโถเบญจรงค์ทอง มีลวดลายต่างๆ มากมายถึง 244 ลาย ซึ่งอยู่ในตู้กระจกอีกที มองผาดๆ ไม่เหมือนกับเป็นที่เก็บอัฐิ แต่ดูคล้ายตู้โชว์เครื่องเบญจรงค์เสียมากกว่า เพราะมีจำนวนมากถึง 732 ใบทีเดียว

Image
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


นอกจากนั้น พระอุโบสถวัดอินทรวิหารแห่งนี้ยังมีชั้นใต้ดินซึ่งเป็น พิพิธภัณฑ์รักษาของเก่าของวัด เช่น พระพุทธรูป, ตู้ลายรดน้ำ และของที่ขุดได้ในการบูรณปฏิสังขรณ์ แต่จะเปิดพิพิธภัณฑ์ให้ชมเฉพาะเวลามีงานประจำปี ซึ่งหากใครอยากจะมาชมก็เตรียมตัวกันได้ เพราะงานประจำปีของวัดจะมีขึ้นในวันที่ 1-10 มีนาคม 2551 นี้แล้ว

Image
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอวโลกิเตศวร


ไม่เพียงแค่สิ่งที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น แต่ภายในวัดแห่งนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งประดิษฐานอยู่บน พระมณฑปสีขาว ด้านหลังองค์หลวงพ่อโต, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอวโลกิเตศวร รวมไปถึง จตุคามรามเทพ พระอินทร์ พระพรหม เป็นต้น ก็มีให้กราบไหว้กันตามศรัทธา

ในวันมาฆบูชาที่จะถึงนี้ ก็ไม่อยากให้ทุกคนละเลยมองเห็นเป็นเพียงแค่วันหยุดวันหนึ่งเท่านั้น แต่ขอให้ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มาทำบุญสะสมเอาไว้เพื่อเป็นทุนสำหรับการดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า และที่วัดอินทรวิหารแห่งนี้ก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่อยากมาทำบุญทำกุศลกัน

Image
พระพุทธรูปประจำวันเกิด


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

วัดอินทรวิหาร (พระอารามหลวง) ตั้งอยู่เลขที่ 114 ถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 สามารถสู่วัดได้สองทางคือทางถนนสามเสน (ทางคนเดิน) และทางถนนวิสุทธิกษัตริย์ (ทางรถเข้า) มีรถประจำทางสาย 3, 9, 30, 32, 33, 43, 49, 53, 64, 65 สอบถามโทรศัพท์ 0-2282-0461, 0-2282-3094, 0-2281-1406

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2551 14:00 น.
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ประมวลภาพวัดอินทรวิหาร กรุงเทพฯ

Image

ซุ้มประตูป้ายชื่อวัด

สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีซุ้มพระอินทร์-พระพรหมออกทั้ง 2 ด้าน ภาพปั้นฝีมือนายช่างฟู อนันตวงศ์ เป็นรูปเสด็จออกทรงผนวช ทรงม้ากัณฐกะ มีฉันนะตามเสด็จฯ เป็นซุ้มที่มีขนาดงดงามเหมาะสมเป็นที่ชื่นชม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2507


Image

ภาพถ่ายอาคารสถานที่รอบๆ วัดอินทรวิหาร
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

Image

“หลวงพ่อโต” หรือ “พระศรีอริยเมตไตรย”
เป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

Image

Image

Image

พระอุโบสถ

ทรงไทยแบบอยุธยา การสร้างบูรณะได้อนุรักษ์รูปแบบไว้หมดทุกประการ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับและปูพื้นด้วยหินอ่อนและหินแกรนิต ช่อฟ้า ใบระกา หน้าบัน ซุ้มเสมา เป็นงานฝีมือปูนปั้นแบบอยุธยา ประดับกระจกงดงามมาก ชั้นใต้ดินปรับปรุงเป็น พิพิธภัณฑ์รักษาของเก่า ของวัด โดยเฉพาะพระพุทธรูป, ตู้ลายรดน้ำ และของที่ขุดได้ในการบูรณปฏิสังขรณ์ เปิดให้ชมเฉพาะเวลามีงานประจำปี

ภายในพระอุโบสถ มีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเป็นเรื่องราวของประวัติของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ตั้งแต่ครั้งบวชเป็นสามเณร, การศึกษา, สมณศักดิ์, การเทศน์, ปฏิปทา, จริยาวัตร, ความเป็นอัจฉริยะบุคคล, งานก่อสร้างของท่าน จวบจนกระทั่งมรณภาพ
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

Image

พระประธานในพระอุโบสถ
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

Image

Image

พระพุทธรูปสำคัญของวัด
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:23 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ศาลาการเปรียญสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

สร้างด้วยงบประมาณของกรมตำรวจ จัดสรรโดย พล.ต.อ.เผ่า-คุณหญิงอุดมลักษณ์ ศรียานนท์
เมื่อปี พ.ศ. 2494 สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 7 ล้านบาทเศษ ภายในประกอบไปด้วย

- พระพุทธรูป ‘พระอังคีรสศรีสุคตศากยมุนี’ ฯพณฯ จอมพลผิน ชุณหะวัณ
เป็นประธานดำเนินการหล่อไว้ประจำศาลา มีพุทธลักษณะที่งดงามอีกองค์หนึ่ง
- รูปเหมือนของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ที่เป็นองค์จริงต้นแบบ
- รูปเหมือนของพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร)
- รูปเหมือนของพระอินทรสมาจาร (หลวงปู่เงิน อินทสโร)
- เป็นที่ประกอบกิจบำเพ็ญกุศลและใช้ประโยชน์ของพุทธศาสนิกชน
ด้านล่างปรับปรุงเป็น ศาลาชินบัญชร สำหรับสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ใช้เป็นที่ประชุมของข้าราชการและชุมชนต่างๆ
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

รูปปั้นสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ประวัติและปฏิปทาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=6925
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13976

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

Image

บ่อน้ำพระพุทธมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

บ่อเดิมเป็นบ่อขุดธรรมดา ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ให้ช่างที่มาสร้างองค์หลวงพ่อโตขุดให้ เมื่อมาวัดอินทรวิหาร มาควบคุมการก่อสร้างองค์หลวงพ่อโต มีญาติโยมมาขอน้ำพระพุทธมนต์ ท่านก็ให้ไปตักเอาในบ่อที่ท่านทำไว้ ปรากฏว่านำไปใช้แล้วเกิดความศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังมีชีวิตอยู่ ฯพณฯ จอมพลผิน ชุณหะวัณ ได้มาซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2594 ทำเป็นหลังคาคลุม มีเสาอยู่ตรงกลางเหมือนเดิม ไม่สามารถรักษาความสะอาดได้ จึงได้เลิกใช้

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2530 พระราชรัตนาภรณ์ (ทองสืบ สจฺจสาโร) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน จึงได้ปรับปรุงสร้างใหม่ เป็นรูปแบบที่ผสมผสานแปลกตาและงดงาม เหมือนของอินเดียก็ใช่ ของจีนก็ใช่ หรือจะดูให้เป็นไทยก็ไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ งานศิลปะชิ้นนี้ได้รับรางวัลงานยอดเยี่ยม 2 รางวัล ที่สำคัญได้อัญเชิญ รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ซึ่งสร้างด้วยไมก้าร์ไฟเบอร์ที่แข็งแรงและทนทาน เป็นฝีมือของช่างดวงแก้ว ผู้ที่สร้างหุ่นขี้ผึ้งไทยที่ดังไปทั่วโลก มาประดิษฐานไว้ด้วย ตรงกลางบ่อน้ำพระพุทธมนต์ได้อัญเชิญแผ่นยันต์พระคาถา 121 พระคาถาที่ขุดพบใต้บ่อมาประดิษฐานไว้ แผ่นยันต์นี้เป็นลายมือของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่ท่านเขียนขึ้นเอง ซึ่งจะมีเสียงสวดพระคาถาชินบัญชรอย่างต่อเนื่อง อากาศข้างในมีความเย็นด้วยแอร์ โดยรอบมีตู้ประดิษฐานน้ำพระพุทธมนต์ที่อัญเชิญมาจากสถานที่ต่างๆ โดยรอบ

มีภาพศาลาที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มรณภาพ ที่เป็นหลักฐานว่าท่านมรณภาพ ณ ศาลาการเปรียญ วัดอินทรวิหารแห่งนี้ ด้านหน้าบ่อน้ำพระพุทธมนต์จะมี รูปปั้นโยมบิดา-โยมมารดาของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ที่ท่านปั้นไว้เอง เพื่อให้บิดา-มารดา-บุตร มาอยู่รวมกัน และมี รูปปั้นหลวงปู่ภู จนฺทเกสโร ลูกศิษย์คู่บุญบารมีที่มีอายุยืนและไม่มีโรค ยืนถือไม้เท้าอยู่ไว้ให้สักการบูชา


Image

รูปปั้นพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร)
ลูกศิษย์คู่บุญบารมีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าบ่อน้ำพระพุทธมนต์
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:25 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

หอระฆัง

หลังคาทรงจตุรมุข เป็นของเดิมอยู่คู่มากับวัด มีความงดงามด้วยศิลปะกรรมที่อ่อนช้อย
มีการปรับปรุงโดยเพิ่มหินอ่อนเสริมเข้าไป เลยทำให้ดูพองไปหน่อย แต่ก็ยังคงความสวยงามอยู่
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมอวโลกิเตศวร
ณ วิหารพระแม่กวนอิมอวโลกิเตศวร


Image

รูปปั้นพระสังกัจจายน์
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

รูปปั้นพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร)
ลูกศิษย์คู่บุญบารมีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

ที่มีอายุยืนถึง 104 ปี และไม่มีโรค ยืนถือไม้เท้า


ประวัติพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร)
อดีตเจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร พ.ศ. 2435-2467 (32 ปี)

• ชาติภูมิ

เดิมชื่อ ภู เป็นบุตรของนายคง นางอยู่ เกิดที่หมู่บ้านตำบลวังหิน อำเภอเมือง จังหวัดตาก ในปี พ.ศ. 2373 ปีขาล เมื่ออายุได้ 6 ขวบ โยมมารดา-บิดาได้นำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดท่าคอย ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ได้เล่าเรียนอักขรสมัย (ภาษาขอม) และหนังสือไทยกับอาจารย์วัดท่าแค ต่อมาเมื่ออายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในปี พ.ศ. 2394 ณ พัทธสีมาวัดท่าคอย จังหวัดเพชรบุรี โดยมีพระอาจารย์อ้น วัดท่าคอย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ดำ วัดท่าแค เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์มา วัดน้ำหัก อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “จนฺทเกสโร”

ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดท่าแคชั่วระยะหนึ่ง แล้วจึงออกธุดงค์จากจังหวัดตากพร้อมกับพระพี่ชาย ชื่อ “หลวงปู่ใหญ่” ไปตามสถานที่ต่างๆ พร้อมกับการบำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐานฝึกปฏิบัติตามขั้นตอนจนเชี่ยวชาญ หลังจากนั้นท่านได้เข้ามาจำพรรษาที่กรุงเทพมหานคร โดยพำนักอยู่ที่วัดสระเกศ, วัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิราชาวาส ในปัจจุบัน), วัดม่วงแค, วัดท้ายตลาด (วัดโมฬีโลกยาราม ในปัจจุบัน) ตามลำดับ

ต่อมาได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดอินทรวิหาร (วัดบางขุนพรหม ในขณะนั้น) ในปี พ.ศ. 2432 และได้รับแต่งเป็นเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. 2435 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “พระครูธรรมานุกูล” และได้ยกเป็นกิตติมศักดิ์เมื่อปี พ.ศ. 2466 เนื่องจากท่านชราภาพมาก หลวงปู่ภู จฺนทเกสโร ได้มรณภาพเมื่อวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 ตรงกับขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา เวลา 01.15 นาฬิกา รวมสิริอายุได้ 104 ปี 83 พรรษา

ความสัมพันธ์ใกล้ชิดหลวงปู่ภูได้รับใช้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ภายหลังได้เข้ามาอยู่จำพรรษาที่กรุงเทพมหานครแล้ว ท่านได้ศึกษาวิปัสสนาธุระกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม หลวงปู่ภูถือเป็นพระที่มีความใกล้ชิดกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ มากรูปหนึ่ง เคยออกธุดงค์ร่วมกันหลายครั้ง แม้ตอนอยู่วัดอินทรวิหาร ก็ได้ไปลงอุโบสถที่วัดระฆังเสมอ เป็นศิษย์ที่ได้รับการไว้วางใจของสมเด็จฯ นั้นตลอดมา แม้ในการก่อสร้างองค์หลวงพ่อโต เมื่อสมเด็จฯ มรณภาพแล้ว ท่านก็ได้รับเป็นธุระด้วยดีตลอดมา จวบจนถึงกาลมรณภาพ ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่แล้วเสร็จ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2463 ตรงกับปีวอก พระครูสังฆบริบาล (แดง) แห่งวัดบวรนิเวศวิหาร ได้มาช่วยปฏิสังขรณ์ต่อ ก็สำเร็จได้ในบางส่วน พระครูสังฆบริบาล (แดง) นั้น ตามประวัติ ท่านอุปสมบทที่แขวงตะนาว เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ไปสร้างวัดเขาขั้นบันไดที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้กลับเข้ามาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่สำนักวัดบวรนิเวศวิหาร ในพระบารมีของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นเวลา 5 พรรษา เมื่อสมเด็จฯ สิ้นพระชนม์แล้ว ได้มาร่วมกับหลวงปู่ภูสร้างหลวงพ่อโตจนสำเร็จเป็นบางส่วน

• การสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ภู จฺนทเกสโร

ในสมัยก่อน พระเกจิอาจารย์มักสนในวิปัสสนากัมมัฏฐาน และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนบรรลุผลในระดับต่างๆ มีผู้เลื่อมใสในปฏิปทาศรัทธาเคารพนับถือเป็นศิษย์มากมาย พระเกจิอาจารย์ก็ได้สร้างพระเครื่องไว้บ้าง หากแต่ว่าจุดประสงค์ของการสร้างมิใช่เป็นพุทธพาณิชย์ แต่เป็นไปด้วยความดี มีเมตตา มุ่งแต่จะให้เกิดความร่มเย็นเป็นศานติแก่บรรดาศิษย์ทั้งหลายทั้งมวล กล่าวสำหรับพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร) นี้ ตามประวัติไม่นิยมสร้างวัตถุมงคล เพราะเกรงจะเป็นการแข่งขันกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ผู้เป็นอาจารย์ มูลเหตุที่ท่านสร้างพระเครื่อง เป็นเพราะท่านต้องรับภาระดำเนินการก่อสร้างองค์หลวงพ่อโต ต่อจากที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้สร้างไว้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้จัดสร้างพระผงสมเด็จฯ ขึ้นมาเพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์สร้างองค์หลวงพ่อโตฯ

• วัตถุมงคลและพระพิมพ์ที่ท่านสร้างที่สำคัญๆ มีดังนี้

1. ไม้เท้าพ่อครู ซึ่งท่านทำจากไม้ไผ่สีสุกที่ถูกฟ้าผ่า และทอดปลายไปทางทิศตะวันออกทั้งกอ ภายใน 7 วัน ถ้ามีโขลงช้างมาข้าม จึงจะทำพิธีตัดไม้ นอกจากนั้นยังต้องเอาไปแทงศพที่ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร ให้ครบ 7 ศพ เป็นเสร็จพิธี ไม้เท้าพ่อครูของหลวงปู่ภูศักดิ์สิทธิ์มาก
2. พระผงหลวงปู่ภู พิมพ์แซยิด
3. พระพิมพ์ 8 ชั้น
4. พระพิมพ์ 7 ชั้น
5. พิมพ์พระประธาน
6. พิมพ์ฐานหมอน
7. พิมพ์ฐานคู่
8. พิมพ์ทรงเจดีย์
9. พิมพ์สามชั้น
10. พิมพ์ก้างปลา
11. พิมพ์ปางอุ้มบาตร
12. พิมพ์ลีลา
13. พิมพ์ 5 เหลี่ยม
14. พิมพ์ฐานแซม
15. พิมพ์ไสยาสน์
16. พิมพ์ปิดตา
17. เหรียญหลวงปู่ภู
18. เหรียญเสมาใหญ่ พระศรีอริยเมตไตรย


Image

รูปปั้นพระครูธรรมานุกูล (หลวงปู่ภู จนฺทเกสโร)
ประดิษฐานอยู่ภายในบ่อน้ำพระพุทธมนต์
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
webmaster
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769

ตอบตอบเมื่อ: 02 พ.ค.2008, 11:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ประดิษฐานอยู่ใกล้ๆ บ่อน้ำพระพุทธมนต์ และวิหารพระแม่กวนอิมอวโลกิเตศว



นำข้อมูลมาจาก
www.watindharaviharn.org

นำรูปภาพมาจาก
www.dhammathai.org


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

แผนที่วัดอินทรวิหาร
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1928

หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19735

ประมวลภาพวัดอินทรวิหาร กรุงเทพฯ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19915

เว็บไซต์วัดอินทรวิหาร
http://www.watindharaviharn.org/


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
 

_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง