Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สื่อสิ้นซาก.....สัญญา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 1:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



93509350.jpg


ซากโบราณพานผ่านบริพัตร

มิเลี้ยวลัดจัดปลงลงดับหมาย

สัญญาเดิมเติมให้รู้ดูบั้นปลาย

ดิ่งละลายสลายลับดับนิวรณ์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 1:41 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



52995299.jpg


แลดูกู่กุญชรซอนซอกวัด

ซ่กซมซัดสบัดหักตระหนักย้อน

ดุษณีภาพปราบสิ้นถิ่นสัญจร

อดีตวอนถอนองอาจสาดดับไป
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 1:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



85748574.jpg


เพียรดำเนินเพลินลานผลาญเตียนโล่ง

อย่ามัวโศกโยกมโนโผล่ไหวไหว

ปฐพีมีสีเลือดเหือดแห้งไป

ด่านสุดท้ายปลายก็ไร้ไม่ยืนยง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 1:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



59495949.jpg


เพียงวิญญาณขานแว่วแววหมองเศร้า

ทุกข์หนักเผาเข้าร้าวรานกาลสิ้นหงส์

อโหสิเถิดหนาอย่าพะวง

ไร้ดำรงวงเวียนเกวียนกงกรรม






ธรรมะสวัสดี



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 3:53 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

...



...



..

 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 3:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



21902190.jpg


ที่แวววาวพราวประกายในอดีต

ปัจจุบันกลับซีดแกมหมองคล้ำ

ที่ฉุยฉายฉาดฉานบุราณทำ

เมื่อกาลผ่านกลับน้อมนำพุทธปรัชญา



มิกล้าแกร่งสวยสง่าเบื้องหน้าอีก

หากร่วงโรยฉากฉีกเหมือนไร้ค่า

อนิจจังทุกข์ขังอนัตตา

แค่ศรัทธาหรือพอไขในใจความ



กลับมองดูสูงค่าพาอดีต

เราคือชนอันปราณีตไทสยาม

เคยกล้าแกร่งเกรียงไกรถิ่นไทยงาม

สร้างนิยามยึดเกาะเพาะอัตตา



อนิจจาอนิจจังเมื่อครั้งก่อน

ฤาไฟฟอนแฝงจริตแห่งมิจฉา

วิไลวันนันทการผ่านเวลา

อนัตตาไม่สนวนในวง



หากได้สร้างฉากใหม่ในภูมิเก่า

เนิ่นนานเนาว์คือจิตใจที่ใหลหลง

รูปเคารพสูงใหญ่ไม่ยืนยง

หากคำสอนดำรงค์คงเนิ่นนานมา



อันสภาพจริงแท้แม้ปรากฏ

ตถาคตไม่สนใจใฝ่ตัณหา

ดั่งไฟมอดปลอดเชื้อเบื่อกามา

วิจิตรใดก็ไร้ค่าทุกขาคง



เมื่อภวตัณหาพาวันเก่า

ความหมองเศร้าในดวงจิตก่อพิษสง

ความมืดบอดในใจใฝ่พะวง

คล้ายเจาะจงจับใจให้หมองมัว



ซากปรักหักพังเมื่อครั้งก่อน

จะสื่อสอนนำปัญญามาสู่หัว

หรือสื่อสารผ่านตัณหามาใส่ตัว

ให้ถ้วนทั่วพายพัดกระจัดกระจาย



สวัสดีญาติธรรมครับ



ฐิตวิริโย









 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 มี.ค.2005, 12:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





ถ้าบทกลอนที่ผมแต่ง มีท่อนใดก็ตามที่มีความก้าวร้าวหรือแสดงความเกี้ยวกาจ หรือ ทำให้ผู้มาอ่านเข้าใจหัวข้อธรรมไปในทางที่ผิด ผมขออภับไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ สองข้อแรกอาจมีติดมาบ้าง ดังทุกข์ของผมที่ได้เคยมาตั้งคำถาม(เรื่องคุณไสยไว้ในเว็บบอร์ด แต่ข้อหลังไม่มีเจตนาเลย เจตนาเป็น 0 แต่เพราะความอ่อนหัดของผมเลยอาจพาให้ผู้ที่มาอ่านเข้าใจเบี่ยงเบนหรือผิดไป ซึ่ง ขออภับท่านผู้ที่ได้มาอ่านด้วยครับ ท่านที่มความรู้ทางธรรมมากกว่าผม ท่านอาจอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อพบว่าผมกล่าว(ในบทกลอน)ผิดความจริงตรงไหนบ้าง ส่วนผู้ที่มีความรู้ทางธรรมน้อยกว่าผม ผมก็มิใช่ผู้สอนที่ดีสำหรับใครเลยครับ



ส่วนคุณมณีปัทมะดารา สวัสดีครับ สำหรับกลอนที่ผมแต่งต่อจากคุณนั้นความหมายคือ เราจะเข้าใจในไตรลักษณ์ด้อย่างไร ในเมื่อโบราณสถานที่ควรแสดงถึงความรุ่งเรื่องในอดีตของไทย แม้ปัจจุบันกลายเป็นสิงปรักหักพัง แต่ผม(คิดเอาเอง)ว่า ผู้คนกลับไม่มองตามหลักไตรลักษณ์ กลับมองว่ายิ่งเก่ายิ่งมีค่า ยิ่งขลัง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเศรษฐกิจที่สำคัญในโลกียโลกอีก เนื้อความมีแค่นี้ครับ สิ่งที่ผมรำพึงออกมาเป็นตัวอักษร ใจความรวบยอดแล้วเป็นลักษณะของการรำพึงด้วยความทดท้อ(ไม่ใช่จะตอบโต้คุณนะครับว่าคุณผิดผมถูก)



แต่ผมอโหสิกรรมให้พวกพม่าไปนานแล้วนะครับ เจ้ากรรมนายเวรในปัจจุบันก็พยายามที่จะอโหสิกรรมให้เขาอยู่ ส่วนจะทำได้แค่ไหน ผมคิดว่า เมื่อผ่านประตู(ที่ต้องไขกุญแจ) จุดเริ่มที่ยากที่สุดไปได้ ต่อไปอะไรอะไรคงง่ายขึ้น แต่ไม่รู้ว่าผมจะเดินไปได้สุดทางหรือเปล่า

นึกถึงประโยคที่ว่า วิริเยนะ ทุขมัจเจติ(บาลีอาจเขียนไม่ถูกนะครับ) ที่หมายถึงคนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ผมกำลังทำความเพียรนั้นอยู่ครับ เริ่มแรกก็คิดจะลดโลภะ โทสะ และ โมหะขั้นรุนแรงก่อน ผมสมาธิสั้น อาศัยการสวดมนตร์ในการรำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยแล้วก็แผ่เมตตาครับ(เพราะมีปัญหาเรื่องคุณไสยด้วย) ถ้ามีบทกลอนตอนใด ที่ทำให้คุณอ่านแล้วอารมณ์ขุ่นมัว ขออภัยด้วยนะครับ ไม่มีเจตนาอย่างนั้นเลย



ผมมีบทกลอนของท่านพุทธทาสอยู่หลายบท อยากจะเอามาโพสท์บ้างน่ะครับ แต่กลัวว่าทุกคนอาจเคยได้อ่านกันมาแล้ว เพราะผมยังรู้จักเว็บนี้ไม่ทั่วถึงเลย และ เพิ่งเคยเข้ามาใหม่

ยังอ่อนหัดอยู่มากครับ



ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองคุณ มณี ปัทมะ ดารา ครับ



 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 23 มี.ค.2005, 3:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีค่ะ คุณรักแม่



ผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมจะเข้าใจในกลอนที่คุณโพสเองค่ะ ไม่ต้องวิตกค่ะ คุณเขียนกลอนได้ดีมากค่ะ ที่มาของกลอนในกระทู้นี้ เนื่องมาจากการเข้าคุยในห้องแชท แล้วสัญญาเกี่ยวกับบุคคลในสมัยศึกสงครามได้ผุดขึ้นมาพร้อมกันสามสี่คน แต่ความรู้สึกขณะนั้น ไม่ทราบว่าอยู่ในสมัยใด คือเห็นเป็นภาพผุดในสมัยสงครามที่ผุดขึ้นหน้าจอคอมพ์ในขณะคุยกัน



แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร และไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสได้ไปในสถานที่แห่งนี้ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งเพื่อนชวนไปกราบครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี แต่แล้วก็ไม่ได้ไป แต่กลับได้ไปบวชเนกขัมมะในวัดมเหยงคณ์ใกล้กับโบราณสถานที่เก็บรูปภาพมา ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจเดินทางไปในสถานที่ซึ่งเป็นเมืองและวัดโบราณแห่งนี้เลย



.....เมื่อถึงรอบแห่งการปฏิบัติ สัญญาดับที่ไหนก็ได้ แต่บางสัญญาก็ต้องไปดับ ณ สถานที่แห่งนั้น.....การรอคอยของวิญญาณที่สถิตย์อยู่อีกมิติ เพียงยินดีที่ได้กลับไปเยี่ยมเยือน การเจริญเมตตาจิต อาจช่วยให้วิญญาณเหล่านั้นพ้นทุกข์ทรมานจากพันธการได้ในระดับหนึ่ง.....หมดสิ้นสัญญาความผูกพัน ที่คอยผุดรบกวนทุกขณะจิต ดับแล้วมืดก็ระดับหนึ่ง ดับแล้วสว่างก็ระดับหนึ่ง.....



ส่วนปัญหาเรื่องคุณไสย อ่านแล้วเข้าใจคุณดีค่ะ เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังหลงยึดกับคุณวิเศษจากวัตถุหรือแม้แต่เครื่องรางของขลัง หรือแม้แต่พิธีกรรมต่างๆที่พากันสร้างขึ้นด้วยความไม่รู้ถึงสาเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง เรื่องเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ การแก้ไขเรื่องเหล่านี้ จะว่าไปแล้วแก้ได้อย่างธรรมดาๆก็ว่าได้ แต่หากนำตัวเข้าไปสู่พิธีกรรมอันงมงายด้วยตนเอง อันนี้จะแก้ไขยากค่ะ



ยินดีที่ได้ร่วมสนทนากับคุณค่ะ



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 23 มี.ค.2005, 6:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อถึงรอบแห่งการปฏิบัติ สัญญาดับที่ไหนก็ได้ แต่บางสัญญาก็ต้องไปดับ ณ สถานที่แห่งนั้น.







ตรงนี้รบกวนคุณมณีปัทมะดาราขยายความหน่อยได้รึเปล่าครับ หมายความวว่า เรามีความทุกข์เกิดขึ้นในอดีต(ในชาตินี้) ณ ที่ใด ก็ต้องไปดับ ณ ที่แห่งนั้น หมายความว่า เราต้องไปยังสถานที่ที่สร้างสัญญาขึ้นในจิตว่า รัก โลภ โกรธ หรือ หลง ถ้าสัญญานั้นคือความโกรธ เราต้องกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม แล้ว ไม่รู้สึกอย่างนั้นอีกต่อไปและเจริญเมตตาและอโหสิกรรมแก่ผู้ที่ทำให้เราโกรธและขอขมาต่อผู้ที่เราทำให้เขาโกรธ สัญญานั้นจึงดับลงและไม่เกิดขึ้นอีก เหมือนไฟสิ้นเชื้อ ไม่ใช่ โกรธแต่ข่มอารมณ์ได้ ใช่ไหมครับ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ(เรื่องทางธรรมที่ต้องตีความ ถ้าไม่แน่ใจต้องขออนุญาตถามน่ะครับ เพราะเดี๋ยวตีความออกมาผิดๆ แล้วคิดว่าถูก จะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิน่ะครับ)



ขอความกรุณาให้ความรู้ด้วยครับ



 
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 23 มี.ค.2005, 10:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน





สาธุๆ ๆ ด้วยคนครับ



 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 25 มี.ค.2005, 10:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียนคุณรักแม่



คนหรือสัตว์ธรรมดาทั้งหลายนั้นมีอดีตเป็นที่มา มีอนาคตเป็นที่ไป วนเวียนอยู่กับความเป็น



1) จิต: ธรรมชาติรู้ หากเทียบในขันธ์ 5 คือวิญญาณขันธ์

2) เจตสิก: ธรรมชาติปรุงแต่งจิต หากเทียบในขันธ์ 5 คือเวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ (ความรู้สึกและนึกคิด)

3) รูป: ธรรมชาติอันจับต้องได้ สัมผัสได้โดยอายตนะ 5 อย่างใดอย่างหนึ่ง หากเทียบในขันธ์ 5 คือรูปขันธ์



ต่างก็เวียนว่ายตายเกิด วกวนอยู่ในธรรมชาติทั้ง 3 นี้ ไม่ว่าสัญญาที่ผุดขึ้นให้เกิดรัก โลภ โกรธ หรือหลง ก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ท่านผู้ปฏิบัติท่านย่อมทราบได้ด้วยตนเองว่า อารมณ์ใดกระทบเดี๋ยวนั้น ดับเดี๋ยวนั้น เพราะมันเป็นธรรมชาติของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอย่างไร้แก่นสารของจิต เจตสิก กับรูป



ฝึกบ่อยๆเข้า สะสมบ่อยๆเข้า เมื่อสัญญาใดมากระทบ ก็ไม่ต้องมานั่งเจริญเมตตาหรืออโหสิกรรมต่อกันอีก ไม่ต้องข่มอารมณ์ให้เกิดเป็นห่วงโซ่ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วอีก บางสถานที่เมื่อไปนั่งเจริญกัมมัฏฐานแล้ว กายสงัด ใจสงบ สัญญาใดที่ผุดขึ้นในขณะนั้น ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 11:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมพยายามจะฝึกแต่สำหรับผมยากมากเลยครับ



แต่ตอนนี้ หลังจากผม ขอเข้าพึ่งคุณพระศรีรัตนตรัย ทำทาน ถือศีล สวดมนตร์ภาวนาแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์(อาศัยการสวดมนตร์ว่าเป็นการภาวนาครับ) ทำสมาธิจะฝึกแต่ยากครับเพราะเป็นคนสมาธิสั้นตั้งแต่เกิด เคยมีท่านผู้มีธรรมอันสูงกว่าบอกผมครับ ว่า ถ้าจะทำจริงๆ ทำไมจะทำไม่ได้



ตอนนี้แม้ผมจะไม่กลัวและกังวลกับเรื่องคุณไสยใดๆอีกต่อไปแล้ว แต่ผมก็ไม่คิดที่จะเดินออกนอกทางธรรมอีกแล้วครับ



เรื่องที่คุณกล่าวมาสำหรับผมค่อนข้างยากนะครับ ถ้าจะให้ท่องจำ ก็ทำได้ แต่ผมคิดว่าไม่มีความหมายถ้าท่องได้แต่ทำไม่ได้ ผมเคยทราบว่าขณะที่รูปเปลี่ยนไปหนึ่งขณะ นามนั้นได้เปลี่ยนไป 17 ขณะ เลือนๆน่ะครับ ไม่ทราบว่าจำมาผิดหรือถูก แม้ถูกก็ยังไม่สามารถระลึกอย่างนั้นได้น่ะครับ ยังอ่อนหัดในทางธรรมอยู่มาก



ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ผมว่าจะรวมภาพและบทกลอนของท่านพุทธทาสมาโพสท์(บทกลอนแทบทั้งหมดผมได้จาก Fw เมล์ ผมเซฟไว้ในโฟโต้อัลบัม เมื่อมีความกังวลเรื่องคุณไสยผมอัญเชิญท่านลงมา(จากเซิร์ฟเว่อร์สู่คอมพิวเตอร์)ไว้ในเครื่อง บอกเพื่อน(เท่าที่จะทำได้)ให้ถอดผมออกจาก mailing list เพราะไม่อยากเช็คเมล์อีกแล้ว จะใช้ยาฮูเพียงตรง greeting briefcaseและphoto album ผมไปที่ออฟชั่น เปลี่ยนพาสเวิร์ดเมล์ตัวเองทันที ไม่อยากยุ่งกับเมล์อีกแล้ว กะว่าไปเปิดเมล์ใหม่แล้วค่อยโทรบอกเพื่อน

อยากจะตัดสื่อของคุณไสยด้วยครับ คุณอาจไม่เชื่อ ผมบอกได้แค่ คนที่ถูกพิพากษาจากคุณไสยจนเสียชีวิตมีหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน วิธีนี้ใช้การได้หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบอีก แต่คนทำ คนที่พยายามที่หัดวิชาเหล่านี้มีแน่นอน(เวลาที่ผมคุยกับคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกัน ผมจะไม่พูดว่ามีจริงหรือใช้ได้นะครับ เพราะอย่างที่คุณ อโหสิกรรมกล่าวไว้คือ พูดไปแล้วไม่เป็นประโยชน์กับผู้อื่น อย่าพูดเลย ผมเห็นด้วยครับ ครั้งแรกโกรธที่คนไม่เชื่อแล้วมองเราเป็นตัวตลก เดี๋ยวนี้เฉยๆแล้วครับ เมื่อไม่พูดก็ไม่มีใครมาหัวเราะ ส่วนเราก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องตอนแรกเพราะกลัวสิ่งเหล่านี้แต่ตอนนี้ เพื่อความสงบสุขในใจครับ) เพราะสวดมนตร์แล้วทำให้ใจสงบ นิ่งมาก และไม่ต้องกังวลหรือระแวงหรือนอนผวาเวลามีเสียงอะไรแปลกๆเหมือนเมื่อก่อน หลับง่าย ไม่ฝันร้าย จนมาบัดนี้ เรื่องคุณไสยผมไม่สนแล้ว แต่ได้ประโยชน์จากการสวดมนตร์มากครับ ไม่ฟุ้งซ่าน หลับง่าย ตื่นเช้า ไม่ฝันร้าย ไม่โกรธคนง่าย โลภก็มีอ่ะครับ หลงก็ยังมี แต่พยายามให้น้อยลง ส่วนความโกรธจิตใจของผมพยายามด้วยครับ อยากให้ดับไปเหมือนไฟสิ้นเชื้อเลย(ในสถานการณ์ที่เราเคยโกรธ ไม่ใช่โกรธแต่ข่มไว้แล้วถึงวันนึงก็ระเบิดอย่างแต่ก่อน) เมื่อก่อแผมเป็นตรงกันข้ามกับที่กล่าวมาเลย ต่อเรื่องยาฮูนะครับ ผมลืมว่าพาสเวิร์ดที่เปลี่ยนไปคืออะไร จะเปลี่ยนแบบยากๆน่ะครับ เอาแบบที่คำถามใน forget password ช่วยอะไรไม่ได้ จึงลืมและสูญเสียทั้งภาพและข้อมูลไปทั้งหมดเช่นนี้แล กำลังพยายามนึก แต่ถ้านึกไม่ออกก็ปล่อยไป ก็เราทำเอง แต่นับว่ายังมีบุญกุศลอยู่บ้างที่ ดาวโหลด บทกลอนของท่านพุทธทาสลงมาทั้งหมดเสียก่อน ที่เหลือเป็นพวกรูปดอกไว้ วิวสวยๆ ก็ปล่อยไป(ถ้าครบ 40 วันแล้วยังนึกพาสเวริ์ดไม่ออก)

แล้วค่อยหาเอาใหม่เมื่อมีเมล์ใหม่ แล้วผมจะนำมาโพสท์ตอนแรกกะว่าจะไม่โพสท์อะไร อ่านเฉยๆดีกว่า(เพราะหลายภาพแต่ถ้าเป็นไปได้คงรวมไว้ในกระทู้เดียว) แต่ในเมื่อผมเคยได้รับธรรมทานจากที่นี่ สิ่งใดที่เรามีเราก็ไม่ควรเก็บไว้เองคนเดียว ควรแบ่งปันให้ผู้อื่นบ้างเหมือนที่ผมเคยได้รับการแบ่งปัน เดี๋ยวคืนนี้จะดูนะครับว่ารูปใหญ่สุดที่โพสท์ได้ต้องมีขนาดเท่าไร(บทกลอนอยู่ในรูป)



ขอให้เจริญในธรรมครับ



 
รักแม่
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 1

ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 3:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอโทษด้วยนะครับ พิมพ์ผิดเยอะเลย ผมเห็นว่ายาวแล้วเลยส่งข้อความก่อน กลัวเน็ตหลุดน่ะครับ ทีหลังถ้าจะพิมพ์ยาวๆ ผมจะพิมพ์ใน ไมโครซอฟเวิร์ดก่อนแล้วพิสูจน์อักษรก่อนนำมาโพสท์ ผมกลับมาอ่านดู พบว่า พิมพ์ผิด พิมพ์ตก วรรคตอนผิด มั่วซั่วไปหมด



กลับมาอ่านเองยังปวดหัว(เห็นความผิดพลาด) ตรงจุดที่ผิดต้องรบกวนเดาหน่อยนะครับ



ขอโทษอีกครั้งนะครับ ทั้งคุณ มณี ปัทมะ ดารา และท่านอื่นๆที่มาอ่าน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 5:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่ต้องไปท่องจำหรอกค่ะ ไม่มีประโยชน์ ต้องให้เข้าใจด้วยการลงมือฝึกปฏิบัติให้เข้าถึงสภาวะธรรมนั้นๆโดยละเอียดค่ะ ถึงจะเกิดปัญญาได้ในที่สุด ปฏิบัติจริงๆก็ไม่มีใครมานั่งนับขั้นตอนอะไร หรือขณะจิตอะไร ถ้าเราไปนั่งท่อง มันก็ติดบัญญัติ ไม่ใช่ธรรมชาติของการปฏิบัติ



เรื่องคุณไสยที่คุณกล่าวถึงมีจริง แต่เดรัจฉานวิชาเหล่านี้ไม่เหนือไปกว่าพลังแห่งศีล พลังแห่งการปฏิบัติหรอกค่ะ วัวใครก็เข้าคอกคนนั้นค่ะ ไม่ต้องกลัว และส่วนตัวก็ไม่เคยกลัวเรื่องพวกนี้ ถึงจะทำได้ และมีจริงก็เถอะ เรื่องขี้ผงค่ะ อย่าวิตก ฝึกปฏิบัติไปหัดพิจารณาให้ลึกซึ้งแม้แต่การอ่าน เราก็จะพบความจริง หน้ากากอันสกปรกก็จะถูกฉีกออกไป และโฉมหน้าของความอัปลักษณ์ทางจิตใจมันก็จะปรากฏโฉมออกมาให้เห็นค่ะ



พิจารณาคนอย่าพิจารณาแค่ธรรมะที่โพส เพราะหนังสือมีให้ลอกค่ะ หัดมองคนให้ลึกถึงจิตถึงใจที่แอบแฝงอยู่ข้างใน คำตอบก็จะปรากฎออกมาค่ะ ยินดีที่ได้สนทนาธรรมกับคุณรักแม่ค่ะ



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 9:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยินดีที่ได้สนทนารรมกับคุณ มณี ปัทม ดารา เช่นกันครับ



คุณ มณี ปัทมะ ดารา กล่าวคล้ายๆกับ คุณ อโหสิกรรมเลยครับ ว่าคนพวกนี้แม้ว่ากายหยาบจะเป็นคนแต่กายละเอียดเขาคือสิ่งมีชีวิตในอบายภูมิ 4 ถ้าผมสนใจเรื่องการฝึกจิตเสียแต่แรกคงมองอะไรอะไรออกและคงให้ความช่วยเหลือเพื่อนได้ทัน ตอนนี้ แม้ไม่มีเรื่องคุณไสย(อาจจะมี แต่คิดว่าเป็นเรื่องขี้ผงอย่างที่คุณกล่าว) แต่คดีความทางแพ่งยังคงมี



จากคำพูดของคุณทำให้ผมมองเห็นอดีตหลายๆอย่างของตัวเอง เมื่อปลายปีนี้ มีผู้ส่งเมล์มาหาผมว่า เธอเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำมีปัญหากันเธอจึงไปถือศีลที่วัดท่าซุง(คู่กรณีที่ผมหลงกล) ขากลับหลวงพ่อยังบอกไม่ให้เอาเรื่อง ให้ทำจิตให้สะอาด สว่าง สงบ และ อภัยให้ฝ่ายตรงข้ามไป(ทำนองนี้) ถ้าผมสนใจซักนิดผมคงจับโกหกได้ตั้งแต่แรก มีอยู่วันนึงอยู่ๆผมก็ถามแม่ขึ้นมาว่า(เมื่อเร็วๆนี้เอง) ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำมรณภาพไปหรือยัง ท่านคงชราภาพมากแล้ว แม่ตอบว่า ท่านมรณะภาพไปตั้งประมาณ สามปี แล้ว ไม่ว่าจะไปถามย้ำกับเพื่อน พี่น้อง ทุกคนรู้หมด เพื่อนผมยังบอกว่านึกว่าผมรู้แล้ว เขาโกหกเพื่อผลประโยชน์ ผมตามเขาไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะต้องทำร้ายน้ำใจเพื่อนที่คบกันมานานไปซะแล้ว สำหรับชีวิตที่ผ่านมาของผม เงิน คือสาเหตุอันดับหนึ่งของการโกหกที่ผมประสบ(ที่จับได้และจำนนต่อหลักฐานนะครับ) ผมยังนึกเลยว่าบางทีถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องเขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้ หรือ ร้ายมาตั้งแต่แรกโดยอาศัยการสร้างบุคลิกภาพที่ดีทางตัวหนังสือเป็นตัวปกปิดก็ไม่ทราบนะครับ แต่ระยะเวลายาวนานถึง 2 ปี ไม่มีใครรู้เลย ซึ่งเมื่อหน้ากากฉีกออกมาแล้ว เขาเผยร่างอัปลักษณ์ที่ร้ายมากๆ(คุณเป็นผู้มีธรรมสูงกว่าผม คุณเป็นผู้ปฏิบัติ คิดว่าคุณคงรู้ว่าที่ผมกล่าวนั้นเป็นความจริงหรือพยายามใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม)



แต่สุดท้ายผมยังเชื่อ(อาจจะโบราณไปนิด) ว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมครับ ผมด้อยปัญญาทางธรรมก็จริงอยู่ แต่ผมว่าเรื่องของ "กฏแห่งกรรม" เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่พยาบาทอาฆาตแค้นนะครับ แต่คิดว่าบางทีถ้าเขาไม่มีบทเรียน เขาก็คงไปทำกับคนอื่นอีก เพราะเมื่อมีเรื่อง ก็มีการสืบประวัติย้อนกลับไป พบว่า เขาเคยทำเช่นนี้มานานแล้ว เพื่อนผมยังสงสัยเลยว่าคุณอโหสิกรรมอาจมีเจ้ากรรมนายเวรคนเดียวกันก็ได้ ประเด็นใหญ่ของเรื่องคุณไสยคือ ธรรมไม่สูงพอตั้งแต่แรกจนสามารถมองเจตนาของคนออก หรือบางทีทำเรื่องที่ไม่น่าจะทำเหมือนโดนสะกด เช่น เซ็นเช็คในกรณีที่ไม่สมควรจะเซ็น แต่ยังไงเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดไปคงกู้กลับมาไม่ได้ ทุกคนขอเข้าพึ่งคุณพระศรีรัตนตรัย ในความคิดของผมท่านช่วยให้พ้นจากไสยดำได้ แต่ในเรื่องคดี ในความคิดของผมเหมือนกันครับ ก็เหมือน "อ้อยเข้าปากช้าง" ไปแล้ว คงต้องทำใจ
 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 27 มี.ค.2005, 10:07 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณคงทราบว่าตัวหนังสือของผม คือตัวหนังสือของคนหัวแข็ง มีทิฐิ เจ้าโทสะ แต่ผมจะลดมัน ผมถือศีล ผมไม่โกหก ถ้าศีลไม่บริสุทธิ์ก็เท่ากับเปิดช่องโหว่ให้ไสยดำเข้ามาทำร้ายเราได้ แต่ สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ บางทีการที่คนเราเกิดมาต่างกันผมคิดว่าเป็นแรงกรรม ที่เราเป็นเช่นนี้ ที่เราต้องมาประสบพบคนนี้ อาจจะเป็นผลกรรมที่เราสร้างมาในชาติก่อน แต่การที่ผมได้หันเข้าหาทางธรรม(ทั้งๆที่แม่ก็สอนตั้งแต่เด็กแต่ไม่ค่อยใส่ใจ) ได้มาพบเว็บธรรมะหลายๆเว็บ ได้รับธรรมทาน ได้ข้อคิดแง่คิดดีๆ เป็นสิ่งที่ประเสริฐสำหรับชีวิตผม ผมคงมีบุญอยู่บ้าง ผมพยายามจะหนีออกจากวังวนของจิตใจ แต่จะสำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่การที่ผมได้มาอยู่ในที่ที่มีแต่คนจิตใจดี อยู่ใกล้พระ ทำให้ผมสงบลงได้มาก อดีตของผมคือที่นั่น ปัจจุบันของผมคือที่นี่ อนาคตของผมคือที่ไหนก็ไม่รู้ แต่คิดว่าถ้าผมทำปัจจุบันให้ดีผมคงมีอนาคตที่ดีขึ้น



 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2005, 12:24 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมคงต้องลาไปก่อน ขอบคุณคุณ มณี ปัทมะ ดารา มากครับที่ให้คำแนะนำดีๆ แต่ผมคงต้องศึกษาอีกมากกว่าจะเข้าใจในสิ่งลึกซึ้งที่คุณพูดทั้งหมด



ตลอดการสนทนา หากผมมีคำกล่าวที่ล่วงเกินคุณหรือทำให้คุณไม่พอใจ ผมขอโทษไว้ ณ ที่นี้ครับ ผมทราบดีว่าการล่วงเกินผู้มีธรรมนั้นเป็นบาปครับ



ด้วยความเคารพครับ

 
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 มี.ค.2005, 12:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันนี้ผมก็คิดถึงเรื่องเก่าๆและเกิดโทสะอีกแล้ว ผมเข้ามาที่นี่ บางทีผมไม่รู้จะทำยังไง

ทั้งๆที่เพิ่งแผ่เมตตาไปเมื่อตะกี้แท้ๆ รู้สึกท้อใจจริงๆ การที่ผมจะมายึดเกาะคุณเป็นผู้ให้คำปรึกษาหรือมาเล่าเรื่องส่วนตัวหรือปัญหาของตัวเองคงไม่เหมาะสม แต่ผมไม่รู้ว่า เราจะสงบได้อย่างไรในสภาพที่ต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างที่กดดัน ในวัยผู้ใหญ่ เพราะไม่เคยเตรียมใจ ไม่เคยฝึกมาก่อนเลย ผมก็เขียนระบายไปเรื่อยๆ คุณไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ

การที่จะดึงสติกลับมาในยามที่จิตฟุ้งนี่ยากจริงๆ เพราะเพิ่งมาเริ่มเอาตอนที่เกิดปัญหารุมเร้าจนรุ่มร้อนแล้ว ถ้าเริ่มซะตั้งแต่แรกและทำจนเป็นปกติวิสัย คงมีสติ ไม่คิดมากจนนอนไม่หลับอย่างนี้ แต่ผมก็ไม่เคยหยุดอาราธนาศีลและสวดมนตร์เลย นับแต่วันที่เริ่มทำเพราะกลัวคุณไสย เดี๋ยวผมก็จะไปอาบน้ำมนตร์ เก้าวัดอีก เตรียมไว้แล้ว เหนื่อยใจและท้อใจทุกครั้งที่คิดว่า "เราจะทำได้หรือ" ท้อแท้เหลือเกินครับ จากความโกรธ จากโทสะ เปลี่ยนเป็น ความท้อ(โมหะหรือเปล่าครับ) เมื่อตอนเด็กๆ ด้วยความเป็นคนขี้โรค อ่อนแอ ผมจึงอยากที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็งแต่ถึงวันนี้ ผมไม่อยากเข้มแข็งแล้ว ผมอยากมีใจที่สงบและไม่ยินดียินร้ายในทุกข์ที่ต้องเผชิญ แต่มีสติที่จะพิจารณาแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบและใจเย็นโดยมองเห็นในสภาพธรรมตามความเป็นจริงจากทุกเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญไปด้วย

ระบายไปเรื่อยน่ะครับ คิดมาก นอนไม่หลับ



 
ปุ๋ย
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2004
ตอบ: 1275

ตอบตอบเมื่อ: 29 มี.ค.2005, 10:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คุณรักแม่



คุณไม่ต้องไปหาน้ำมนต์เก้าวัดหรอก ถ้าคุณอยู่กรุงเทพฯ ไปวัดพระแก้วเลย ไปดื่มน้ำมนต์ที่จัดไว้บริเวณหน้าโบสถ์ วัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสร็จแล้วก็ไปนั่งสมาธิในโบสถ์ซึ่งประดิษฐานพระแก้วมรกต และพระสยามเทวาธิราช หาเวลาที่เป็นวันหยุดไปเช้าๆ คนจะไม่เยอะ ถ้าอยากได้น้ำมนต์มาอาบด้วยก็หาขวดไปใส่



ใหม่ๆมันฟุ้ง ปัญหาชีวิตมันรุมเร้า นั่งปฏิบัติไม่ได้ นอนไม่หลับ ให้ฟังเทปสวดมนต์ ฟังเทปเทศน์ ถ้ามีหูฟังก็ใส่เลย ให้บทสวดมนต์ บทเทศน์ ไปดังก้องในกะโหลกแทน จะหายฟุ้ง คือฝึกให้จิตสงบ ไม่หายก็ฟังใหม่ นอนไม่หลับก็เอามาฟังจนกว่าจะหลับ ระลึกตามบทสวด และบทเทศน์นั้นๆไป ลองปฏิบัติดู แต่อย่าไปติด จะเคยตัว ไม่ฟังไม่สงบ จิตสงบแล้ว ก็หัดฝึกสมาธิเจริญสติไปตามปกติ



อย่าไปท้อ เข้มแข็งเอาไว้ สะสมการปฏิบัติไป มันไม่มีทางลัด นอกจากค่อยๆสะสมไป ไม่ต้องวิตกหรือกลัวพวกไสยเดรัจฉานเหล่านั้นหรอกค่ะ ยินดีที่ได้สนทนาธรรมกับคุณ และยินดีที่จะรับฟังคุณเสมอ หากมีสิ่งใดที่ไม่เกินความสามารถที่จะช่วยเหลือคุณได้ ก็ยินดีค่ะ



มณี ปัทมะ ตารา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
รักแม่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 29 มี.ค.2005, 1:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ผมเพิ่งผ่านวัดพระแก้วเมื่อเร็วๆนี้เองครับ แต่หลังจากฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ผมไปกับพ่อและแม่ตอนยังเด็ก ผมไม่กล้าเข้าเลยครับ เพราะเห็นมีฝรั่งเข้าเยอะ(รวมทั้งญี่ปุ่น) และไม่ทราบว่าต้องเสียค่าผ่านประตูหรือเปล่า(ตอนยังเรียนป.ตรี) ส่วนใหญ่จะยืนไหว้อยู่ข้างนอกน่ะครับ ผมอยากเข้าไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุด้วยน่ะครับ ในนั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะมาก แต่ผมคนไทยแท้ๆ ผมยังไม่ทราบเลยว่าเขาอนุญาติให้เราเข้าไปในที่ใดได้บ้าง(ตอนเด็กๆ ถ้าไม่ใช่ฉลองกรุงฯเขาไม่เปิดให้เข้าทุกที่) ไม่ทราบว่าองค์พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ที่วังไหนครับ(แต่คิดว่าไปถามเจ้าหน้าที่ก็ได้)



ส่วนการฟังเทป ครับ ก่อนนอนผมจะฟังเทป คาถาชินบัญชรจนหลับไป แต่ก็มีวันที่เราไม่อยากฟังขึ้นมาเฉยๆ ที่ไม่รู้เหตุผลกลใด



ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำเตือนสติที่คุณมอบให้นะครับ



ยินดีที่ได้พบกัลญาณมิตร



ขอให้เจริญในธรรมครับ
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง