Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ธรรมะ-ใครลิขิตชีวิตเรา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
muntana
บัวใต้น้ำ
เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand
ตอบเมื่อ: 10 เม.ย.2008, 11:46 am
ธรรมะ-ใครลิขิตชีวิตเรา
--------------------------------------------------------------------------------
ธรรมะ-ใครลิขิตชีวิตเรา
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติการให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง
กมฺมุนา วตฺตติ โลโก
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
จาก.. วาเสฏฺฐสูตร ม. มัชฌิมปัณณาสก์ ข้อ ๗๐๗
ใครลิขิตชีวิตเรา
ประณีต ก้องสมุทร
ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ปราศจากเมฆหมอก
ทุกสิ่งดูน่าเจริญตาเจริญใจ ลองมองออกไปรอบ ๆ ตัวเรา
แสงแดดเรืองรองกระจายไปทั่ว ต้นไม้ไปหญ้าเขียวชะอุ่ม
นกนานาชนิดส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว บินถลาไปมาเพื่อหาอาหาร
ผีเสื้อแสนสวยตัวเล็ก ๆ บินว่อนอยู่เหนือดอกไม้ที่แย้มบาน
ในสายตาของชาวโลก ธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์
แต่ในสายตาของนักธรรมะที่มีปัญญา
เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวก
ผู้ที่ดำเนินรอยตามพระองค์ หาได้เห็นเช่นนั้นไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรคงที่ ไม่ถาวรยั่งยืน
เกิดแล้วก็ตาย มีแล้วก็กลับไม่มี
พิจารณาให้ดี จะเห็นจริงตามท่าน
วันเวลาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชะอุ่มไม่ช้าก็ร่วงหล่นแห้งเหี่ ยวตาย นกก็ดี ผีเสื้อก็ดี ล้วนแต่มีชีวิตอยู่ไม่นานแล้วก็ตาย แม้แต่ตัวเราเองก็ต้องตาย ทุกอย่างในโลกนี้ตกอยู่ในลักษณะนี้ คือต้องเปลี่ยนแปลงแตกสลายไปในที่สุด ถ้าเราไม่รู้จักดำเนินชีวิตของเราให้ถูกต้องแล้ว เราจะไม่พ้นไปจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้เลย
พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งปวง ล้วนแต่มองเห็นความจริงข้อนี้ ท่านจึงได้ดำเนินชีวิตของท่าน ไปตามทางสายกลางอันประกอบด้วยองค์ ๘ ที่เรียกว่าอริยมรรคมีองค์ ๘ จนได้บรรลุคุณธรรมขั้นสูง เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันตขีณาสพตามลำดับ ดับกิเลสและขันธ์ได้หมดสิ้นไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายอีก ต่อไป
มีสักกี่คนที่ต้องการดำเนินรอยตามพระพุทธองค์ ส่วนมากยังรักที่จะเกิดอยู่ทั้งสิ้น แม้จะทุกข์บ้าง สุขบ้าง แต่ชีวิตก็ยังน่ารื่นรมย์ น่าอยู่ น่าทดลอง พระพุทธองค์มิได้ทรงสอนให้ทุกคนดำเนินรอยตามพระองค์แ ต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ผู้ใดยังรักที่จะอยู่ในโลกนี้ พระองค์ก็ทรงสอนให้อยู่ในโลกนี้ด้วยความสุข แม้จะต้องตายและเกิดใหม่อีก ก็ให้เกิดในที่ดี มีความสุขสบาย มีรูปสวยรวยทรัพย์ เป็นต้น
นั่นคือทรงสอนให้ละชั่วประพฤติดี เพราะถ้าประมาทพลาดพลั้ง ต้องตกไปเกิดในที่ชั่วเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานแล้ว โอกาสที่จะกลับมาเกิดในที่ดี เป็นมนุษย์เป็นต้นนั้นแสนยาก เพราะอะไร ? เพราะเมื่อไปเกิดในที่ชั่วเหล่านั้นแล้ว ต้องทนทุกข์ทรมาน อดอยากยากแค้น ด้วยอำนาจของความชั่วที่ทำไว้โอกาสที่จะทำความดี แทบจะไม่มี เมื่อโอกาสที่จะทำความดีหาอยาก เราจะได้ผลความดีที่ไหนมานำเราไปเกิดในที่ดี ผู้ที่เกิดในที่ชั่วอาศัยกรรมชั่วนำไปเกิด ฉันใด ผู้ที่เกิดในที่ดีก็ต้องอาศัยกรรมดีนำไปเกิด ฉันนั้น
สัตว์เดรัจฉานที่เราเห็นว่าน่ารัก เช่น นก เป็นต้นนั้นความจริงเกิดในที่ชั่ว โอกาสที่จะทำความดีมีน้อยหรือเกือบไม่มีเลย มักจะทำความชั่วเสียมากกว่า วันหนึ่งๆ ท่านเห็นนกทำความดีอะไรได้บ้าง มีแต่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ด้วยการหาหนอน หาแมลงกินเป็นอาหาร ชีวิตของนกส่วนมากจึงมีแต่จมลงไปในที่ชั่วมากขึ้นทุก วัน ฉะนั้น โอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นคนนั้นแสนยาก ยังมีสัตว์อีกมากมายรอบๆ ตัวเรา ในฤดูที่ฝนฉ่ำฟ้า เราจะพบลูกกบ ลูกเขียด ลูกคางคกมากมายในแอ่งน้ำตื้นๆ ส่งเสียงร้องกันเซ็งแซ่ ฝนตกที่ไหนมีน้ำขังเพียงเล็กน้อย เราจะเห็นสัตว์จำพวกนี้เต็มไปหมด ยังไม่ทันโตก็ถูกคนเหยียบตายบ้าง รถทับตายบ้าง ที่รอดมาได้ก็ต้องตายเพราะน้ำในแอ่งแห้งเสียก่อนบ้าง แดดเผาตายบ้าง สิ้นชีวิตไปชาติหนึ่งโดยที่ไม่มีโอกาสทำความดีอะไรเล ย ลองมองให้ใกล้ตัวอีกนิด สุนัขก็ดี แมวก็ดี แม้จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีความสุข มีอาหารอุดมสมบูรณ์ด้วยผลของบุญเก่าที่เคยทำไว้ แต่บุญใหม่ ท่านเคยเห็นสุนัขหรือแมวทำคุณงามความดีอะไรบ้าง มีแต่คอยประจบประแจงเจ้านายให้รักใคร่เพื่อปากเพื่อท ้องของตนเอง ริษยาพยาบาทกันเองบ้าง คอยทำลายชีวิตนกและหนูบ้าง โอกาสที่จะทำความดีเกือบไม่มี เมื่อบุญเก่าก็ใช้หมด บุญใหม่ก็ไม่ได้ทำแล้วจะได้บุญที่ไหนมาช่วยให้ไปเกิด ในที่ ๆ ดี ในเมื่อสิ้นชีวิตลง มีแต่จะตกต่ำลงไปทุกที
ลองมองให้ซึ้ง จะเห็นว่าลำพังแต่เกิดมาเป็นสัตว์ก็น่าสงสารอยู่แล้ว ซ้ำยังมีคนใจร้ายคอยเบียดเบียนซ้ำเติมให้ทุกข์ยากลำบ ากขึ้นไปอีก นี่เป็นเพียงชีวิตของสัตว์ที่เรามองเห็นได้ ส่วนที่เรามองไม่เห็นมีอีกมากมาย โดยเฉพาะพวกสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เหล่านี้ยิ่งลำบากทุกข์ยากยิ่งกว่าสัตว์ที่เราเ ห็นๆ กันอยู่นี้หลายแสนเท่า ช่างน่าสงสารนัก
เราเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า อะไรทำให้ไปเกิดเป็นสัตว์ อะไรทำให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ อะไรทำให้ไปเกิดเป็นเทวดา เพราะอะไรสัตว์จึงมีมากมายหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน แม้เทวดาและมนุษย์เองก็มีมากมายหลายจำพวก สัตว์ในโลกนี้จะมีอย่างเดียวไม่ได้หรือ มนุษย์และเทวดาก็น่าจะมีแต่คนดีอย่างเดียวไม่มีคนชั่ ว หรือมีแต่คนชั่วอย่างเดียวไม่มีคนดีเลยไม่ได้หรือ ?
ตอบได้ทันทีว่า ไม่ได้ เพราะอะไร ? เพราะสัตว์ทุกชนิดมีกรรมคือการกระทำแตกต่างกัน เกิดเป็นสัตว์ก็เพราะกรรม เกิดเป็นมนุษย์ก็เพราะกรรม สัตว์และมนุษย์ตลอดจนเทวดามีมากมายหลายชนิด ก็เพราะกรรม คือการกระทำของตนเอง มิใช่การกระทำของผู้อื่น สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ จึงเป็นไปตามกรรม มีกรรมเป็นผู้จำแนกให้ดี เลว ประณีต แตกต่างกัน
p.somchai
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 22 พ.ย. 2007
ตอบ: 48
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
ตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2008, 3:00 am
อนุโมทนาสาธุครับ
_________________
หนทางหมื่นลี้ ย่อมมีก้าวแรก
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2008, 10:04 am
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2008, 5:12 pm
มีสักกี่คนที่ต้องการดำเนินรอยตามพระพุทธองค์
ส่วนมากยังรักที่จะเกิดอยู่ทั้งสิ้น
แม้จะทุกข์บ้าง สุขบ้าง
แต่ชีวิตก็ยังน่ารื่นรมย์ น่าอยู่ น่าทดลอง
พระพุทธองค์มิได้ทรงสอนให้ทุกคนดำเนินรอยตามพระองค์แต่เพียงอย่างเดียว
หากแต่ผู้ใดยังรักที่จะอยู่ในโลกนี้
พระองค์ก็ทรงสอนให้อยู่ในโลกนี้ด้วยความสุข
แม้จะต้องตายและเกิดใหม่อีก ก็ให้เกิดในที่ดี
มีความสุขสบาย มีรูปสวยรวยทรัพย์ เป็นต้น
อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณ muntana
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 11 เม.ย.2008, 5:20 pm
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณ muntana
ธรรมะสวัสดีค่ะ
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th