Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อย่าปล่อยวันนี้ให้ผ่านไปเปล่าๆ (ธรรมธร) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สายลม
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 พ.ค. 2004
ตอบ: 1245

ตอบตอบเมื่อ: 18 มี.ค.2005, 9:26 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

อย่าปล่อยวันนี้ให้ผ่านไปเปล่าๆ
โดย ธรรมธร


วันหนึ่งเมื่อผ่านไป ไม่สามารถเอาคืนมาได้แม้แต่นิดเดียว ถ้าเราเห็นความจริงวันนี้ ก็ควรทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะชีวิตของเราอยู่กับวันนี้เท่านั้น เพราะเมื่อวานก็ผ่านไปแล้ว และพรุ่งนี้ก็จะกลายเป็นวันนี้อยู่นั้นเอง

ทุกคนเกิดมาด้วยสาเหตุใดเราไม่รู้ได้ด้วยตนเอง แต่เรารู้ได้ ว่าสิ่งที่เราควรจะได้คือความสุข ความแตกต่างกันก็คือความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งนี้เพราะความคิดอ่าน ประสพการณ์แต่ละคนไม่เหมือนกัน จึง มีตั้งแต่ความสุขจากการผิดศีลเช่นกีฬาฆ่าสัตว์ ดื่มสุรา จนถึงสุขของนักบวช ซึ่งบางคนดูแล้วรู้สึกไม่น่าจะสุขได้ อย่างไรก็ตามทุกคนก็ยอมรับว่าความสุขที่ดีนั้น ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ทำนองเราก็ไม่อยากให้คนอื่นทำอย่างนั้นกับเราหรือคนที่เรารัก ความสุขที่ดียิ่งกว่านั้นคือไม่เบียดเบียนตนเองด้วย

ในศาสนาพุทธทำอย่างไรเราจึงจะได้สิ่งที่ดีที่สุด เมื่อพระพุทธองค์ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ทรงรับสั่งให้พระธรรมเป็นศาสดาแทน พระธรรมสรุปรวมแล้วคือ ทาน ศีล ภาวนา การมีชีวิตที่มีสุขอย่างง่ายๆ และปลอดภัยไม่ประมาทตามหลักศาสนาพุทธก็คือปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา นั่นเอง อย่าปล่อยวันนี้ให้ผ่านไปโดยไม่ทำทาน ศีล ภาวนา

การให้ทานไม่จำเพาะแค่การบริจาคทรัพย์สินเท่านั้น ออกแรงกายก็เป็นทาน ตัวอย่างเช่นเพียงแค่เราเดินไปที่ถนน เห็นเศษขยะเราช่วยหยิบใส่ถังขยะ นี่คือการให้แรงกายเป็นทานเพื่อส่วนรวมไม่ใช่หรือ ยังมีสิ่งอื่นเล็กน้อยที่เราทำได้มากกว่านี้ เมื่อเห็นคนต่างชาติเดินผ่านมาเรา เพียงแต่ยิ้มให้เขา นี่ก็เป็นทาน กายที่เกิดผลดีในจิตใจแก่ผู้รับแล้ว เรายังทำทานทางวาจาได้อีก การให้ความรู้ให้คำปลอบให้กำลังใจ จูงใจคนอื่นให้สบายใจนี่เป็นทานทางวาจาแล้ว

การให้อภัยผู้อื่น โดยคิดว่า คนเราก็เหมือนกันแหละต่างก็รักสุขเกลียดทุกข์ทั้งนั้น ทำพลาดพลั้งกันได้ เราเองก็เคยทำผิด ทุกคนอีกไม่นานก็ตายๆ กันไปหมดนั่นแหละ จะเอาอะไรกันนักหนา จะไปทะเลาะกันทำไม จะไปเกลียดกันทำไม แล้วให้อภัย อภัยทานยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงแต่เราจะสบายใจในทันที เลิกโกรธ นอนหลับสบาย เท่านั้นยังป้องกันกรรมที่จะตามมาตั้งหลายอย่างอันเกิดจากการจองเวรหรือลุแก่โทสะอีกด้วย นี่ก็เป็นการให้ทานแล้ว

การให้ธรรมะเป็นทานยิ่งดีใหญ่ การสอนธรรมะนั้นเป็นการสอนตัวเองไปด้วย ทำความดีให้ผู้อื่นด้วย คนเราตราบที่เป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่จะดีเลิศประเสริฐศรีนั้นหายาก ล้วนแต่มีจุดอ่อน จุดยึดติดกันทั้งนั้น ต่อให้จุดอ่อนมีน้อย ถ้าไม่ตั้งสติเวลามีของมากระทบใจแรงๆ ก็โกรธ หลง ได้เช่นกัน ความโลภไม่น่ากลัวเพราะเกิดช้าค่อยๆ คิดแก้ก็ทัน ความโกรธความหลงนี้น่ากลัวเกิดเร็วไม่ตั้งสติมักแก้ไม่ทัน โดยเฉพาะเรื่องที่กระทบศักดิ์ศรีเกียรติภูมินี่ยิ่งหนัก เพราะคนเราได้สะสมอัตตาคือยึดในตัวเราว่า เราดีเราเก่งเรารวย เราประสพความสำเร็จ เราเรียนสูง เรามียศ เราสูงศักดิ์ เราหาเงินได้มาก หรือเราบวชมานาน สิ่งพวกนี้เราสะสมไว้ตลอดชีวิต

เวลากระทบเรื่องนี้หรือที่สมัยนี้เรียกเสียฟอรม์ เสียหน้าหรือแทงใจดำ เราก็มักจะยอมไม่ได้ บางคนจึงไปทะเลาะกับตำรวจจราจรบ้าง ยามประตูในเรื่องที่ตนเป็นฝ่ายผิดทั้งนั้นแต่ขอผ่อนผันหน่อยขออนุโลมหน่อย ทำนองว่าเห็นแก่หน้าบ้าง ทั้งที่คนอื่นเขาทำตามหน้าที่ ก็ไปโกรธเขาด้วยความหลงความโกรธจึงเห็นผิดไปชั่วขณะ จนเวลาผ่านไปจึงมาสอนตนได้ภายหลัง หรือเมื่อกระทำพลาดตามโทสะแล้ว จึงมาคิดได้ภายหลัง แต่ก็เสียหายไปแล้วจึงแก้ได้ยากหรือบางทีแก้ไม่ได้เลย คนเราพลาดแบบนี้ได้ทุกคนการสอนตนเองบ่อยจึงอาจช่วยยับยั้งได้บ้าง

การมีศีลช่วยอะไรได้มากกว่าที่คิด ควรพยายามรักษาศีลของตนไว้เท่าที่ทำได้ ถ้าอาชีพของเราต้องฆ่าสัตว์ก็รักษาศีลสี่ข้อก็ได้ ควรทำเท่าที่ทำได้ และทำที่เรามีให้ดีที่สุด มิใช่พังตามกันไปหมด อย่าไปมองการกระทำความเลวของคนอื่นที่เขากระทำได้มากกว่าเรา จงมองคนอื่นที่เขาทำดีกว่าเรา เพื่อปรับปรุงตัวเรา แต่เมื่อเรารับกรรมและท้อแท้จึงมองคนอื่นที่เขารับกรรมมากกว่าเราเพราะนี่คือธรรมะ ที่มีไว้เมื่อเรารับผลกรรม

การภาวนาแปลว่ากระทำให้มาก ควรทำความสงบฝึกใจให้เป็นสมาธิให้มาก เพราะสมาธินำมาซึ่งปัญญา ปัญญาอาจจะมาได้หลายทาง การอ่านมากฟังมากคิดมาก ก็เกิดปัญญาได้ แต่ใจสงบเกิดปัญญาในธรรมะได้มากที่สุด และปัญญาในธรรมะเท่านั้นที่จะดับทุกข์ใจได้ ความสงบหรือสมาธิเป็นผลจาการฝึกสติ สติที่ดีที่สุดคือสติจากลมหายใจหรืออานาปานสติ เป็นสติที่ล้ำค่า แม้จะในที่พลุกพล่านหนวกหูบริกรรมภาวนาไม่ได้ก็ฝึกลมหายใจได้ แม้กำลังเจ็บปวดเช่นปวดหัวอย่างหนักก็ฝึกลมหายใจได้ และปวดหัวก็เบาลงด้วย

การฝึกแบบอื่นเช่นท่องคำไปด้วย ตอนปวดหัวมากเครียดมากบางทีทำไม่ได้ แต่อานาปานสติคือลมหายใจทำได้ทุกกรณี เป็นมหาสติที่ดึงจิตวิญญาณได้ เป็นสติที่ทุกคนควรได้ฝึกเพียงตามดูลมหายใจ หรือกำหนดรู้ลมในจุดที่เราสบายเท่านั้น หรือทำใจให้เฉยทำทีมองดูว่าใจเราจะคิดอะไร และพยายามไม่คิด ใจจะจับลมหายใจเองโดยอัตโนมัติ เป็นการฝึกที่พระพุทธองค์สรรเสริญและรับรองว่าจะนำสิ่งที่ดีตามมาทุกอย่าง จนถึงขั้นบรรลุธรรม และเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ใช้มากที่สุด



..................................................

บทความจาก
ชมรมผู้บริโภคสื่อสีขาว
http://whitemedia.org/
 

_________________
"อย่าลืมตัว อย่าลืมปัจจุบัน อย่าลืมปฏิบัติ"
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
say
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ก.พ. 2005
ตอบ: 15

ตอบตอบเมื่อ: 22 มี.ค.2005, 4:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tee
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 24 มี.ค.2005, 2:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ดีมากเลยครับขออนุโมทนาบุญด้วย
 
มาดู
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 มี.ค.2005, 11:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ เพียงแต่ยิ้มให้เขา นี่ก็เป็นทาน
 
kok
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 19 เม.ย.2005, 7:56 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอให้หมั่นทำความดี แล้วจะเกิดผล
 
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง