Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ...ธรรมะระเบียงแก้ว...(อาจารย์วศิน อินทสระ-ขวัญ เพียงหทัย) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 10:56 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ใครจะรู้ได้ว่า
วันพรุ่งนี้กับชาติหน้า
สิ่งใดจะมาถึงก่อนกัน
จงเร่งทำความดีเถิด

อาจารย์วศิน อินทสระ
ขวัญ เพียงหทัย
อนุรักษ์ จันทร์โพธิ์ศรี


หนังสือนี้มีเจตนาเผยแพร่พุทธธรรมแก่ผู้เริ่มต้นสนใจธรรมะ
เพื่อความเข้าใจในศาสนาพุทธ
และยังความสุขเย็นให้เกิดขึ้นในจิตใจจากรสพระธรรม
ท่านสามารถร่วมงานเผยแพร่นี้ได้
ด้วยการรับเป็นเจ้าภาพร่วมในราคาเล่มละ ๕๐ บาท (ค่าส่งฟรี)
เพื่อมอบให้ห้องสมุดโรงเรียน, วัด, ห้องสมุดสํานักงาน หรือญาติมิตร
เพื่อส่งเสริมความสนใจในศาสนาเป็นเบื้องต้น
ท่านที่ประสงค์จะเป็นเจ้าภาพกรุณาโอนเงินดังนี้ :
ชื่อบัญชี นายโก้ แซ่อึ๊ง ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาราชวัตร
บัญชีออมทรัพย์เลขที่ ๑๓๐-๒-๑๕๑๕๔-๕
แล้วส่งใบฝากเงินพร้อมชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของท่านไปที่
ฝ่ายจัดการ : คุณวิมลลักษณ์ อาศัยพานิชย์
โทรศัพท์ ๐-๒๒๔๓-๑๒๗๙ โทรสาร ๐-๒๒๔๑-๖๖๒๒
หากเป็นธนาณัติ กรุณาสั่งจ่าย ปท.ดุสิต ในนาม นายโก้ แซ่อึ๊ง
๒๙๐/๑ ถนนพิชัย แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐
ขออนุโมทนาบุญกุศลในการช่วยกันเผยแพร่ศาสนาของท่านในครั้งนี้
ขอให้ธรรมะคุ้มครองโดยทั่วกัน

ถ้าพบนักปราชญ์
ที่คอยว่ากล่าวตักเตือนชี้ข้อบกพร่อง
เสมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้
ควรคบหาบัณฑิตเช่นนั้น
เพราะเมื่อคบหาคนเช่นนั้น
จะมีแต่ความเจริญ ไม่มีความเสื่อม

พุทธพจน์


บนเส้นทางศึกษาธรรมะ
ข้อแนะนําที่พระพุทธเจ้ามอบให้เราคือ การคบบัณฑิต
การหมั่นถามปัญหากับผู้รู้ และการสนทนาธรรมเนืองๆ

หลายครั้งที่เรามีความไม่เข้าใจในสิ่งที่พบเห็น
เช่น พิธีกรรมบางอย่าง ทําให้เราลังเลที่จะก้าวเข้าหาธรรมะ
แม้ว่าเราจะพอสนใจอยู่บ้าง
เราจะสังเกตได้ว่า มีบางคําถามที่ยังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ในสังคมนี้
ส่งผ่านกันรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ผู้สนใจธรรมะใหม่ๆ จะพบว่าตัวเองมีคําถาม
ซึ่งเป็นคําถามเดียวกับผู้อื่นที่เคยถามเมื่อนานมาแล้ว

หนังสือนี้ดิฉันได้รวบรวมคําถาม
ที่จะเกิดกับนักศึกษาธรรมมือใหม่
เพื่อลดเวลาในการหาคําตอบและจะได้เริ่มศึกษาธรรมอย่างสบายใจ
เปรียบเสมือนตั้งวงคลายใจกันที่ระเบียงแก้ว
ก่อนจะพาเข้าโบสถ์ เพื่อซาบซึ้งกับเนื้อแท้แห่งพุทธธรรมต่อไป

ท่านอาจารย์วศิน อินทสระ ได้กรุณาตอบคําถามทั้งหมด
ให้แก่หนังสือเล่มนี้ ดิฉันขอกราบขอบพระคุณ
มาในโอกาสนี้ด้วยความเคารพยิ่ง

หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้รับประโยชน์
และสานต่อการศึกษาพุทธธรรมให้แก่ตนเอง
จนได้รับความสุขในร่มธรรมในที่สุด ดั่งพุทธพจน์ ที่ว่า

“เราต้องพึ่งตัวเราเอง คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก”

ธรรมรักษา
ขวัญ เพียงหทัย


ขวัญ เพียงหทัย ผู้เป็นศิษย์ที่ดี ใฝ่ในธรรมสม่ำเสมอ
ได้ขออนุญาตพิมพ์หนังสือ “ธรรมะระเบียงแก้ว”
ข้าพเจ้าอนุญาตด้วยความยินดี
และขออนุโมทนาต่อกุศลเจตนาของเธอเป็นอย่างยิ่ง

หนังสือเรื่องนี้ เดิมทีชื่อ “๑๐๘ คําถามกับอาจารย์วศิน อินทสระ”
ขวัญ เพียงหทัยขออนุญาตเปลี่ยนชื่อเป็น “ธรรมะระเบียงแก้ว”
เพื่อจูงใจผู้ที่ยังใหม่ต่อศาสนาและธรรมะ
นับว่าเป็นความคิดริเริ่มที่ดี

หวังว่าหนังสือเล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์
สมความมุ่งหมายของผู้จัดพิมพ์
ขออวยพรให้ทุกคนจงปราศจากทุกข์
มีความสุข ความเจริญทั่วหน้ากัน

ด้วยความปรารถนาดีอย่างยิ่ง
วศิน อินทสระ
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๐



สาธุ สาธุ สาธุ

เรื่องในหนังสือ

1. ธรรมะระเบียงแก้ว
2. วิธีเข้าถึงธรรม
3. ทุกข์ใจอย่างไร
4. ขบวนการขอทาน
5. เสี่ยงเซียมซี
6. รดน้ำมนต์
7. บนบานศาลกล่าว
8. ฟังเทศน์เอาบุญ
9. ไม่ได้ศึกษาศาสนาบาปไหม?
10. คนเลวร้ายทำไมได้เกิดเป็นคน
11. อุทิศบุญกุศลย้อนหลัง
12. การให้ทานโดยไม่เบียดเบียนตน
13. การให้ผลของบุญ
14. อานิสงส์ของบุญที่แตกต่าง
15. ‘ผล’ กับ ‘อานิสงส์’
16. กรณียเมตตสูตรคืออะไร?
17. การแผ่เมตตา
18. การแผ่เมตตาที่ไม่ได้ผล
19. การอธิษฐานในบุญ
20. วิธีฝึกตนเป็นคนดี
21. ทำบุญไม่หวังผล
22. อาชีพฟ้อนรำจะได้ขึ้นสวรรค์จริงหรือ
23. อาชีพที่ทำให้คนเพลิดเพลินเป็นบาปไหม
24. กินบุญเก่า
25. บาป-บุญของใคร
26. ไม่จัดงานศพให้บุพการี
27. การตอบแทนคุณพ่อแม่
28. ศีลขาดแล้วสมาทานใหม่
29. วิถีทางของคนที่ไม่ได้พบศาสนาพุทธ
30. บาปหรือไม่บาป
31. บุพเพสันนิวาส
32. อนุโมทนาบุญที่เกิดจากใจ
33. สัมภเวสี
34. พระภูมิเจ้าที่
35. ผีมีจริงหรือไม่?
36. การเจิมเป็นสิริมงคลจริงหรือ?
37. สวดภาณยักษ์
38. ตักบาตรเทโว
39. ใส่บาตรการค้า
40. ตักบาตรต้องถวายน้ำไหม
41. รับบาตรจนล้น
42. ถวายเงินให้พระ
43. พระบวชนานแต่เข้าไม่ถึงธรรม
44. ทำไมไม่ขับไล่พระเกเรออกไป
45. ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน
46. คิดแต่เรื่องความตาย
47. การทำแท้ง
48. การพูดปดที่จำเป็น
49. การให้ผลของกรรม
50. การทำบุญที่ดีที่สุด
51. การทำบุญทุ่มสุดตัว
52. ทำบุญอย่าติดบุญ
53. ใส่บาตรรูปแบบใหม่
54. เล่นหุ้น (1)
55. เล่นหุ้น (2)
56. มีส่วนร่วมเท่ากับทำเอง
57. ปล่อยเงินกู้
58. การเผยแผ่ศาสนา
59. คาถาบังสุกุล
60. ผู้สูงอายุกับความตาย
61. พูด-ไม่พูด
62. ธรรมะกับครอบครัว
63. ไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม
64. การเทศน์ที่ไม่เหมาะสม
65. ทำบุญเพื่อลดหย่อนภาษี
66. ทำตามกฎหมาย
67. รักเท่าใดมีทุกข์เท่านั้น
68. พระทำผิด
69. สันโดษ (1)
70. สันโดษ (2)
71. กาลามสูตร
72. ตัณหา (1)
73. ตัณหา (2)
74. กิเลส-อุปกิเลส
75. ภพภูมิ
76. มโนมยิทธิ
77. โยนิโสมนสิการ
78. อุปาทาน
79. นิพพาน
80. หัวใจพระพุทธศาสนา
81. ทางสายกลาง
82. อุเบกขา
83. ธรรมชาติแสดงธรรม
84. ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว
85. ลาภของชีวิต
86. คุณธรรม
87. พระสงฆ์ที่แท้
88. ฆราวาสธรรม
89. ศีลซึ่งมีอาชีวะเป็นที่ ๘
90. ความอยาก
91. การอาราธนาศีล
92. การบูชาพระรัตนตรัย
93. อนันตริยกรรม
94. ญาณกับปัญญา
95. ธรรมะในชีวิตประจำวัน
96. มิตรที่ดี (๑)
97. มิตรที่ดี (๒)
98. โลกุตตรธรรม
99. สมถะกับวิปัสสนา
100. นั่งสมาธิไม่ได้
101. ทำตนให้มีเสน่ห์
102. รู้ตามความเป็นจริง
103. ทางแห่งความหลุดพ้น
104. ฌานอภิญญา
105. การบรรลุธรรม
106. สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
107. สุขใจในบุญ
108. ยอมรับกรรม
109. การช่วยคน


คัดลอกจาก...บ้านเรือนธรรม

http://www.ruendham.com

สาธุ สาธุ สาธุ
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 18 ก.พ.2008, 11:18 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 10:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิธีเข้าถึงธรรม

Image

ดอกไม้ ๑. คนทั่วไปที่ยังต้องทํางานเลี้ยงชีพ ไม่ค่อยมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัด
อยากให้อาจารย์กรุณาชี้แนะว่า มีวิธีเข้าถึงธรรมได้ง่ายๆ อย่างไร
อันจะเป็นหลักการตีกรอบไว้ไม่ให้เราหลุดออกไปนอกทาง


พระอาทิตย์ ให้ปฏิบัติธรรมไปในอาชีพหรือการงานนั้นเอง
คืออย่าแยกการปฏิบัติธรรมออกจากการงาน
อย่าแยกการงานออกจากการปฏิบัติธรรม
ถ้าทําได้อย่างนี้ แม้จะไม่มีเวลาไปฟังธรรมที่วัด
ก็ปฏิบัติธรรมได้อย่างสม่ำเสมอ
ทําหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด หมายถึง หน้าที่ที่ชอบธรรม
การปฏิบัติธรรมเป็นของไม่ยาก ถ้าเราหมุนใจให้ตรงต่อสัมมาทิฏฐิ
มรรคมีองค์ ๘ ข้ออื่นๆ ก็จะเดินตามมา


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 11:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกข์ใจอย่างไร

Image

ดอกไม้ ๒. ถ้าเราไม่ได้ศึกษาธรรมะมากๆ เพราะต้องทํามาหากิน
ไม่มีเวลาศึกษา เวลามีทุกข์ใจเราควรจะทําอย่างไรบ้าง


พระอาทิตย์ ตามแนวอริยสัจ ท่านสอนให้กําหนดรู้ทุกข์
คือ ทําความเข้าใจในทุกข์ว่า ความทุกข์เป็นธรรมดาของชีวิต
มนุษย์เกิดมามีทุกข์ติดตัวมาด้วยทุกคน มากบ้างน้อยบ้าง
โดยเฉพาะทุกขขันธ์ คือ ยังมีขันธ์ ๕ อยู่
ตราบใดก็ยังมีทุกข์อยู่ตราบนั้น
ถ้าเป็นความทุกข์ใจ ท่านสอนให้สาวหาเหตุว่า อะไรเป็นเหตุแห่งทุกข์
แล้วกําจัดเหตุนั้นเสีย หรือแก้ที่เหตุ
ถ้าแก้เหตุได้ ความทุกข์ก็จะหมดไป หรือเบาบางลง
ที่สําคัญคือ ต้องจับเหตุให้ได้ ถ้าจับเหตุผิดก็จะแก้ทุกข์ไม่ได้
เปรียบเหมือนคนเป็นโรค ถ้าวินิจฉัยเหตุของโรคผิดก็กินยาผิด โรคไม่หาย

อีกอย่างหนึ่ง ขอให้คิดว่า สิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง รวมทั้งความทุกข์ด้วย
มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป ถ้าเราแก้ได้ถูก ก็จะดับไปเร็ว
แม้ไม่ต้องแก้มันก็ดับไปเอง โดยกฎของความไม่เที่ยง
บางทีเป็นทุกข์ เพราะอารมณ์ของเราแปรปรวน ตามที่สังขารปรุงแต่ง
คิดมากเกินเหตุไปบ้าง วิตกกังวลไปต่างๆ บ้าง
ถ้าเป็นอย่างนี้ให้พยายามดึงเอาอารมณ์ดีมาทดแทน
คือ พยายามระลึกถึงสิ่งที่ดี
อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแนวฝึก ๑๐ ประการไว้ให้มีพุทธานุสติ
ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น

เหมือนเราจะตอกลิ่มเก่าออก ก็ใช้ลิ่มใหม่ตอกเข้าไปแทน
เพียงเท่านี้ถ้าทําได้ก็จะสามารถบรรเทาทุกข์ หรือแก้ปัญหาทุกข์ได
แต่ถ้ารู้ธรรมะมาก และรู้จักนํามาใช้ก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น
เหมือนคนมีเครื่องมือมากๆ รู้จักยามาก กินตัวนี้ไม่ได้ผล ก็กินตัวอื่น
เพียงเท่านี้น่าจะเป็นการเพียงพอต่อคําถาม
ขอแถม อีกนิดหนึ่งให้นึกถึงกรรมไว้บ้างว่า
เราได้ทํากรรมที่ไม่ดีอะไรไว้บ้าง เท่าที่จะนึกได้
ถ้านึกไม่ได้ก็ขอให้นึกถึงกรรมเก่าไว้บ้าง
อาจจะเป็นผลของกรรมเก่าซึ่งติดพันมาถึงชาตินี้
แก้กรรมโดยวิธีทําใจ และทําดีให้มากขึ้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 11:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขบวนการขอทาน

Image

ดอกไม้ ๓. ฟังมาบ่อยๆ ว่า มีขบวนการขอทาน เช้าเอาขอทานมาปล่อยไว้
เย็นมารับกลับ บ้างก็เป็นขอทานปลอมก็มี ขอทานรับจ้างก็มี
ขอแล้วได้เงินมากมายจริงๆ ดังนั้น เมื่อพบขอทานจึงไม่อยากให้
แต่ก็มีคําถามในใจว่า เอ๊ะ เหมือนพบคนลําบากแล้วไม่ช่วยหรือเปล่า
จะเป็นบาปกรรมติดตัวเราไปหรือไม่
แต่เวลาพบคนลําบากก็จะช่วยตลอด ยกเว้นขอทานเท่านั้นที่ไม่ได้ให้


พระอาทิตย์ เรื่องบาปกรรมติดตัวนั้น คิดว่าไม่มี
การให้เงินแก่ขอทาน ถ้าถูกขอทานที่แท้จริง คือ เขาลําบากจริงๆ
ไม่ใช่แผนหลอกลวง ก็จะได้บุญไม่ใช่น้อย เพราะเป็นการช่วยคนตกยาก
ถ้าเขาถูกบังคับให้มาขอทาน ก็จะอยู่ในพวกตกยากอยู่นั่นเอง
เพราะถ้าเขาไม่ตกยาก ใครก็บังคับเขาไม่ได้
บาปจะไปตกอยู่แก่ผู้ที่หาผลประโยชน์ จากขอทาน
ขอให้เราสบายใจทั้ง ๒ ด้าน คือ ด้านให้และด้านไม่ให้
พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า เทน้ำล้างภาชนะลงในดิน
ด้วยหวังว่าสัตว์ที่อยู่ในดินจะได้กินเศษอาหารเล็กน้อย ก็ยังเป็นบุญ
ไม่ต้องกล่าวถึงการให้ทานแก่คน


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 11:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เสี่ยงเซียมซี

Image

ดอกไม้ ๔. เห็นคนมาวัดเสี่ยงเซียมซีกันมาก
แสดงถึงการไม่มีที่ยึดเหนี่ยวทางใจ
ไม่รู้หันหน้าไปถามใครแล้ว ถามพระพุทธรูปดีกว่า
อาจารย์จะแนะนําแก่เขาอย่างไรดีคะ


พระอาทิตย์ ที่จริงที่พึ่งทางใจมีอยู่มากที่เป็นประโยชน์ จริงๆ และพึ่งได้จริง
เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และตนเองที่มีความคิดถูกต้อง
แต่ที่เขาทําเช่นนั้น เพราะเขามืดเขาหลง
ถ้าเขาสาดแสงสว่างคือ ปัญญาให้แก่ตัวเขาเอง
หรือผู้ปรารถนาดีสาดแสงสว่างให้
บอกทางที่สุดให้เขา ก็จะหายมืดหายหลงแล้วเขาจะไม่ไปเสี่ยงเซียมซี
ขอแนะนําตามแนวพระพุทธดํารัสที่ว่า จงพึ่งตน และพึ่งธรรม
ที่พึ่งทางใจนั้นมีอยู่จริงๆ และมีอยู่อย่างถูกต้อง พึ่งได้ยั่งยืน
แต่คนส่วนมากหาไม่เจอ บางคนเจอแล้ว แต่ก็เดินเลยไปเสีย
ผู้นําทางสังคมทุกระดับชั้น ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายวัดและฝ่ายชาวบ้าน
ควรจะแนะนําชาวพุทธให้ถูกต้อง ไม่ยอมให้เขางมงายกับเรื่องไร้สาระ
ตรงนี้ชาวพุทธส่วนมากน่าสงสาร
ขอให้ผู้นําทางสังคมมีใจกรุณา เอื้ออาทรต่อผู้ที่ยังมืดบอดอยู่
อย่าแสวงหาผลประโยชน์จากพวกเขาเลย
ยิ่งแนะนําไปในทางที่ผิด ชาวบ้านก็ยิ่งเสียประโยชน์
ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์ ความเสื่อมเสียตกอยู่แก่ศาสนาด้วย
เหมือนกับศาสนาสอนให้คนงมงาย
เพราะสิ่งที่เขาทํานั้นอยู่ในแวดวงของศาสนา

พระพุทธเจ้าเคยตรัสสอนว่า

“มนุษย์ทั้งหลายผู้ถูกภัยคุกคามแล้ว (ความกลัวคุกคาม)
ย่อมยึดถือสิ่งต่างๆ ว่าเป็นที่พึ่ง เช่น ภูเขา ป่าไม้ เทวาลัย
อันเป็นที่นับถือของคนทั้งหลาย

นั่นไม่ใช่ที่พึ่งที่ปลอดภัย ไม่ใช่ที่พึ่งที่สูงสุด
บุคคลอาศัยที่พึ่งนั่นแล้ว ไม่พ้นจากทุกข์ได้

ส่วนผู้ใดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง
เห็นอริยสัจ ๔ ด้วยปัญญาชอบ
คือ เห็นทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ และการดับทุกข์ และเห็นมรรคมีองค์ ๘
อันเป็นทางดับทุกข์ นั่นเป็นที่พึ่งอันปลอดภัย
เป็นที่พึ่งอันสูงสุดบุคคลอาศัย
ที่พึ่งนั่นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง”

ตามพระพุทธพจน์นี้จะเห็นว่า เราต้องรู้ว่าความทุกข์คืออะไร
เหตุให้เกิดทุกข์คืออะไร ความดับทุกข์เป็นสิ่งที่มีได้
แต่ต้องดําเนินตามทางที่ถูกต้อง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘
ชาวพุทธส่วนมากเมื่อมีทุกข์เพราะเหตุใดเหตุหนึ่งก็จับเหตุแห่งทุกข์ไม่ถูก
สาวหาเหตุไม่พบเพราะขาดปัญญา
จึงเที่ยวสุ่มแก้ปัญหา เช่น เสี่ยงเซียมซีเป็นต้น
ถ้าเสี่ยงได้ไม่ดีก็ทุกข์หนักลงไปอีก ถ้าเสี่ยงได้ดีเป็นที่พอใจ
ก็เพลิดเพลินหลงใหลไปอย่างลมๆ แล้งๆ
พระพุทธรูป ท่านนั่งเฉยๆ ท่านไม่ได้ให้อะไร
คนเขียนใบเสี่ยงทายก็เขียนไปอย่างนั้นเอง
ไม่รู้เป็นใคร เราจะเชื่อถือเซียมซีได้อย่างไร


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 18 ก.พ.2008, 11:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รดน้ำมนต์

Image

ดอกไม้ ๕. การรดน้ำมนต์จะปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้จริงหรือคะ
มีคนเป็นจํานวนมากที่เที่ยวหาวัดต่างๆ เพื่อรดน้ำมนต์


พระอาทิตย์ เคราะห์ร้ายมันมาจากการคิด การทํา และการพูดที่ร้าย
เช่น คิดโลภ อยากได้ของผู้อื่น แล้วไปปล้นไปจี้เขา
ไปขโมยของเขา ไปคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นการได้ที่ไม่ชอบธรรม
จึงเกิดเคราะห์ร้ายขึ้น เช่น ถูกจองจําทําโทษ
เพราะการกระทําของตนเป็นเหตุ
หรือมิฉะนั้นก็มาจากกรรมเก่าที่เคยทําไว้ ในชาติก่อน
บางคนโกรธจัดไปทําร้ายผู้อื่น ก็ได้รับโทษเพราะโทสะของตน
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีเคราะห์ใดเสมอด้วยโทสะ (นตฺถิ โทสสโม คโห)

บางคนไปทําอะไรร้ายๆ แล้วคิดว่า ตนเคราะห์ร้าย จึงไปรดน้ำมนต์
แต่เคราะห์ร้ายก็คงไม่หายไป ถ้าไม่หยุดทําสิ่งที่ร้าย
และใช้ธรรมะในส่วนที่ตรงกันข้ามมาเป็นน้ำมนต์รดล้างให้หมดไป
เช่น เกิดความโลภขึ้นมา ก็ปราบความโลภ
ด้วยความไม่โลภหรือสันโดษ
ปราบโทสะหรือความโกรธด้วยเมตตา
เอาน้ำคือ เมตตามารดล้างความโกรธนั้นเสีย เคราะห์ร้ายก็จะหายไป
บางคนพูดร้าย เช่น พูดใส่ความผู้อื่น ด่าทอผู้อื่นด้วยวาจาที่รุนแรง
ถูกฟ้อง ได้รับโทษถึงติดคุกก็มี
หรือถูกปรับต้องเสียทรัพย์เป็นอันมากก็มี พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“บุคคลบางคนเกิดมา เหมือนมีขวานติดปากมาด้วย
เพื่อให้คนพาลผู้ชอบพูดชั่วๆ ไว้เชือดเฉือนตนเองให้เดือดร้อน
ผู้ใดติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ หรือสรรเสริญคนที่ควรติเตียน
ผู้นั้นเกลี่ยโทษลงด้วยปาก เขาย่อมไม่ได้รับความสุขเพราะโทษนั้น”

บางคนออกจากคุกเพราะทําผิดเอาไว้
แล้วเที่ยวเสาะแสวง หาน้ำมนต์จากวัด และจากพระที่เชื่อว่าขลัง
ผมได้แนะนําว่า อย่าทําผิดเช่นนั้นอีก และอย่าทําผิดอย่างอื่น
อันเป็นเหตุให้ต้องติดคุกก็เป็นอันได้รดน้ำมนต์ไปในตัว
ถ้าไปทําผิดอีกก็ถูกจําคุกอีก น้ำมนต์ที่ไหนก็ช่วยไม่ได้
ความดีความชั่วเราทําเองทั้งนั้น
ที่ถูกใส่ความก็มีบ้าง แต่ไม่มากเหมือนที่เราทําเอง
ทําดีไว้มากๆ ดีกว่า รดน้ำมนต์
บางคนเที่ยวรดน้ำมนต์ตั้ง ๗ วัดเพื่อล้างซวย
แต่ถ้ายังทําสิ่งที่เป็นเหตุให้ซวยอยู่ก็คงยังซวยอยู่นั่นเอง

ขอแถมอีกนิดหนึ่งเกี่ยวกับน้ำมนต์ ๗ วัด
ความหมายจริงๆ ท่านไม่ได้หมายถึง ๗ วัดที่เป็นวัตถุ
เช่น วัด ก. วัด ข. วัด ค. วัด ง. วัด จ. วัด ฉ. วัด ช.
แต่ท่านหมายถึง ๗ วัฑฒโก คือ

ให้เจริญด้วยความเจริญ ๗ อย่าง
คือ เจริญด้วยอายุ (อายุวัฑฒโก)
เจริญด้วยทรัพย์ (ธนวัฑฒโก)
เจริญด้วยสิริ (สิริวัฑฒโก)
เจริญด้วยยศ (ยสวัฑฒโก)
เจริญด้วยกําลัง (พลวัฑฒโก)
รวม ๗ วัฑฒโก เวลาพระท่านทําน้ำมนต์จะสวด อย่างนี้ด้วย
เรียกว่า น้ำมนต์ ๗ วัฑฒก์
คนทั้งหลายฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียดว่า
ต้องไปรดน้ำมนต์ในวัด ๗ วัด

รวมความว่า ถ้าเราทําดีทุกวันก็มีสิริมงคลเกิดขึ้นในตนทุกวัน
ไม่ต้องไปรดน้ำมนต์ที่ไหนก็ได้
ความดีนั้นแหละเป็นน้ำมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าน้ำมนต์ใดๆ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2008, 3:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บนบานศาลกล่าว

Image

พระอาทิตย์ ๖. การบนบานศาลกล่าว สัมฤทธิ์ผลจริงด้วย เหตุใดคะ
เห็นมีการแก้บนกันตลอดเวลา อย่างวัดบางวัดที่คนบนกันมาก


ดอกไม้ คิดว่าผลสําเร็จนั้นเกิดจากความพยายามของเขาเอง
หรือมิฉะนั้นก็เป็นเพราะบุญของเขาที่เคยทําไว
แต่บังเอิญเขาได้ไปบนไว้ด้วย เขาเลยเข้าใจผิดคิดว่าเพราะบนจึงสําเร็จ
ถ้าการบนทําให้สําเร็จได้จริง ทําไมคนส่วนมากที่บนแล้วจึงไม่สําเร็จ
มีเรื่องจะเล่า ให้ฟังสักเรื่องหนึ่งพอเป็นตัวอย่างประกอบ

พระเจ้าพรหมทัต กินเนื้อมนุษย์
ต่อมาเป็นโจรอยู่ในป่าได้นามว่า โจรโปริสาท (โจรกินคน)
วันหนึ่ง จับพราหมณ์หนุ่มคนหนึ่งได้กระโดดข้ามรั้วแห่งหนึ่ง
โดนตอตะเคียนตําเท้าจนทะลุหลังเท้า
เมื่อผู้อารักขาจํานวนมากของพราหมณ์หนุ่มตามมา
เขากําลังเจ็บเท้า จึงได้ทิ้งพราหมณ์หนุ่มไว้ให้บริวารเขานํากลับไป
โปริสาทไปนอนซุ่มตัวอยู่ ใต้ต้นไทรใหญ่
แล้วบนกับรุกขเทวดาว่า ถ้าแผลเขาหายภายใน ๗ วัน
เขาจะนํากษัตริย์จํานวนมากมาทําพลีกรรมแก่เทวดา
พอครบ ๗ วันแผลเขาก็หาย
เขาจึงไปจับกษัตริย์เป็นจํานวนมากมารวมไว้ที่ใต้ต้นไทร
เทวดาร้อนใจว่า บาปจะตกถึงตัว
แผลเขาหายเองแท้ๆ เทวดาไม่ได้ทําอะไรเลย
แต่เขาเข้าใจผิด คิดว่าเทวดาช่วย เทวดาจึงบอกเขาว่า
ให้ไปนําพระเจ้าสุตโสมมาทําพลีกรรมด้วย จึงจะยอม
โปริสาทไปจับพระเจ้าสุตโสมมาได้
พระเจ้าสุตโสมซึ่งเคยเป็นเพื่อนเก่าของโจรโปริสาท
แสดงธรรมต่างๆ ให้ฟัง จนโปริสาทกลับใจ
ไม่ทําพลีกรรม ปล่อยกษัตริย์ทั้งหลายไป

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
ผลสําเร็จไม่ได้มาจากการบน แต่มาจากเหตุอื่น ซึ่งสมควรกับผลที่เกิดขึ้น
ถ้าบนแล้ว สําเร็จตามที่ต้องการ ใครเล่าจะพลาดจากสิ่งที่ต้องการ
เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะบนได้ทั้งนั้น และสิ่งที่เขาจะบนก็มีอยู่มากมาย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สิ่งที่น่าใคร่ น่าปรารถนาทั้งหลาย
มิได้สําเร็จด้วยการอ้อนวอน แต่สําเร็จด้วยการกระทําคือด้วยบุญ”


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2008, 3:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฟังเทศน์เอาบุญ

ImageImage

พระอาทิตย์ ๗. ถ้าคนที่ไม่ได้ศึกษาข้อธรรมเลย แต่ชอบไปวัด
ไปไหว้พระพุทธรูป ไปวัดวันสําคัญหรือวันมีกิจกรรมของวัด
เพื่อตักบาตร ทําบุญน้ำไฟ ฟังพระเทศน์ (อย่างไม่ได้ตั้งใจ ฟังเอาบุญ)
เขาเองก็รู้สึกเป็นสุขดีแล้วที่ได้ทําเท่านี้
ไม่ได้อยากจะรู้ข้อธรรมเพื่อพัฒนาชีวิตอะไร
เราควรมองเขาอย่างเมตตาว่า แค่นี้ก็ดีแล้วหรือเปล่าคะ


ดอกไม้ ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ควรจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
ควรจะศึกษาข้อธรรม คําสอนให้เข้าใจแล้วนํามาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจําวัน
เพราะว่าตัวศาสนาจริงๆ ก็คือพระธรรม คําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
สิ่งที่เขาทําอยู่นั้น เป็นส่วนประกอบ
ถ้าเขาได้ศึกษาพระธรรมให้ได้เนื้อธรรมแล้ว
เวลามีความทุกข์เกิดขึ้น เขาจะสามารถนําพระธรรมมาแก้ทุกข์ได้
ไม่ต้องเที่ยววิ่งรดน้ำมนต์หรือหาหมอดู
สามารถพึ่งตนเองได้ตามพระพุทธพจน์ที่ว่า
ให้พึ่งตนและพึ่งธรรมตามที่กล่าวแล้ว


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2008, 3:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไม่ได้ศึกษาศาสนาบาปไหม?

Image

พระอาทิตย์ ๘. คนที่ไม่สนใจธรรมะหรือศาสนา แต่เป็นคนดีด้วยตัวเองอยู่แล้ว
มีจิตใจดี เวลาพูดเรื่องใดก็พอจะสอดคล้องกับการทําดีในศาสนาไปโดยบังเอิญ
อย่างนี้เขาไม่ต้องศึกษาศาสนาก็ได้ ไม่บาปอะไรใช่ไหมคะ


ดอกไม้ ขอยกพระพุทธภาษิตที่ตรัสว่า

“บุคคลบางพวกจะได้เห็นพระตถาคตหรือไม่ได้เห็น
จะได้ฟังธรรมหรือไม่ได้ ฟังก็มาสู่คลองแห่งกุศลธรรมได้ (คือเป็นคนดีได้)

บุคคลบางพวกต้องเห็นพระตถาคตหรือได้ฟังธรรมของพระตถาคต
จึงจะมาสู่คลองแห่งกุศลธรรม ได
ถ้าไม่ได้เห็นและไม่ได้ฟังก็จะไม่มา

บุคคลบางพวกจะได้เห็นพระตถาคตหรือไม่ได้เห็น
จะได้ฟังธรรมหรือไม่ได้ฟังธรรม
ก็ไม่มาสู่คลองแห่งกุศลธรรม (คือไม่เป็นคนดี)

เราปรารภถึงบุคคลพวกที่ ๒
จึงให้มีการแสดงธรรม คนอีก ๒ พวก พลอยได้ฟังไปด้วย”

ตามพระพุทธพจน์นี้จะเห็นว่า คนบางพวกดีได้เอง
ด้วยกุศลกรรมที่เขาได้สั่งสมมาในชาติก่อน
คนบางพวกดีได้ด้วยการอบรมบ่มนิสัย ได้ยินได้ฟัง ได้ฝึกฝนตนเอง
บางพวกแม้ได้ยินได้ฟังแล้วก็ดีไม่ได้
ต้องปล่อยไว้ก่อน คิดอย่างนี้ได้
เราก็จะได้สบายใจขึ้น ไม่มัวเสียเวลากับคนบางพวก
ซึ่งเราควรจะเอาเวลาที่มีค่าไปให้แก่คนบางพวกที่ฝึกได
พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับนายเกสีคนฝึกม้าว่า
คนใดสอนไม่ได้ท่านก็ไม่สอน
ทํานองเดียวกับที่นายเกสีฆ่าม้าที่ฝึกไม่ได้เสีย

ในที่เดียวกันนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ทรงสอนอย่างละมุนละม่อมบ้าง อย่างรุนแรงบ้าง
ที่สอนอย่างละมุนละม่อมนั้นคือ ทรงชี้ให้เห็นคุณของธรรมต่างๆ
ซึ่งเมื่อประพฤติแล้วจะนํามาซึ่งความสุข ความเจริญ
ที่ว่าทรงสอนอย่างรุนแรงนั้น คือ ทรงชี้ให้เห็นโทษของอกุศล
ทุจริตต่างๆ ว่าเมื่อประพฤติแล้วนําความเสื่อมความทุกข์มาให้

คนที่เป็นอย่างที่ถามนั้น ถ้าเขาได้ศึกษาพระธรรมและปฏิบัติตามธรรม
ที่ได้ศึกษาก็จะดียิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นจํานวนมากด้วย
เพราะพื้นเพเขาดีอยู่แล้ว


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2008, 4:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนเลวร้ายทำไมได้เกิดเป็นคน

Image

พระอาทิตย์ ๙. ในตําราธรรมะพูดอยู่เสมอว่า
การเกิดเป็นคนนั้นเป็นเรื่องยาก
เหมือน ๑๐๐ ปี เต่าตาบอดโผล่พ้นน้ำมา ๑ ครั้ง
และต้องให้ห่วงที่โยนลงไปคล้องคอเต่าพอดี


ดอกไม้ แต่ทําไมการเกิดยากของคน จึงเกิดเอาคนเลวร้ายสุดโต่ง
หรือคนยากแค้นทั้งที่เป็นคนดี ถ้ากรรมหนักๆ ขนาดนี้
ไม่น่าได้โอกาสเป็นคนและเมื่อเกิดมาแย่ขนาดนี้
ก็ไม่มีโอกาสพัฒนาธรรมะเข้าสู่จิตใจให้ยกระดับด้วย
จะบอกว่าเขาเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม เพราะบาปรักษา
ถ้าอย่างนั้น อย่างดีควรได้เป็นชั้นเดียรัจฉานมากกว่า

ขอแก้ข้อความในคําถามนิดหนึ่ง คือ ทุ่นห่วงนั้นลอยอยู่แล้ว
เมื่อลมเหนือมาก็พัดไปทางใต้ เมื่อลมใต้มาก็พัดไปทางเหนือ เป็นต้น
เต่าตาบอด ๑๐๐ ปีจึงจะโผล่ขึ้นมาครั้งหนึ่ง
โอกาสที่หัวมันจะสอดเข้าไปในทุ่นห่วงนั้นยากมาก
การเกิดมาเป็นมนุษย์ยากกว่านั้น
(นัยพาลบัณฑิตสูตร มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์)

ขอให้นึกเปรียบเทียบว่า เด็กนักเรียนที่สอบเลื่อนชั้นได้นั้น
ได้คะแนนหรือเกรดต่างกัน
บางคนได้ ๕๐%...บางคนอาจได้ถึง ๙๙%
เขาเลื่อนชั้นขึ้นมาด้วยคะแนนที่ต่างกันไปอยู่ชั้นเดียวกัน
มีทั้งเด็กอ่อนและเด็กเก่ง
ผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยก็เช่นเดียวกัน
แต่เขาสามารถเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถเอาภายหลังได้
คนที่เคยเรียนเก่งอาจจะตกต่ำก็ได้
ทํานองเดียวกัน คนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ด้วยกุศลกรรมที่ต่างกัน
มาเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ต่างชั้น
เทวดาก็ต่างชั้น พรหมก็ต่างชั้น
เราจึงมักพูดกันเสมอว่า เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน
ด้วยกุศลกรรมและอกุศลกรรมในอดีตที่ต่างกัน
และยังมีกุศลกรรมและอกุศลกรรมที่ทําใหม่ในชาตินี้อีกต่างๆ กัน

เรื่องของกรรมเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน
ยากที่ปัญญาอย่างปุถุชนจะแยกแยะได้
เราไม่มีญาณเฉพาะเรื่องที่จะบอกได้ว่า
คนนั้นคนนี้ในชาติก่อนได้ทํากรรมอะไรไว้ จึงมาเกิดเป็นเช่นนี้
เช่น เป็นมนุษย์ที่ยากไร้ พิกลพิการ หรือบางพวกมั่งมีศรีสุข
รุ่งเรืองด้วยลาภยศและสิ่งที่น่าปรารถนานานาประการ

การเกิดเป็นคน เป็นภูมิสุคติ มีโอกาสพัฒนาตนได้จนถึงพระอริยเจ้า
ไม่ว่าเขาจะเกิดในฐานะต่ำต้อยเพียงใด
แต่สัตว์เดรัจฉานเป็นภูมิทุคติ
แม้บางพวกจะสมบูรณ์พูนสุข เพราะเจ้านายเลี้ยง
เพราะกุศลกรรมบางอย่างที่มันทํามา
แต่โอกาสที่จะพัฒนาตนจนถึงขั้นเป็นพระอริยเจ้า
มีพระโสดาบัน เป็นต้น ย่อมไม่มีพิจารณาในแง่นี้แล้ว
การเกิดเป็นคนย่อมดีกว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน
(ดูรายละเอียดเรื่องกรรม ๑๖
ในหนังสือชื่อ ปกิณกรรม เล่ม ๑ ของวศิน อินทสระ)


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 23 ก.พ.2008, 4:52 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2008, 4:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อุทิศบุญกุศลย้อนหลัง

Image

พระอาทิตย์ ๑๐. เราทําบุญอย่างหนึ่ง แล้วอุทิศส่วนกุศลหลายๆ ครั้ง
วันนี้อุทิศแล้ว วันหลังก็อุทิศบุญกุศลเดียวกันนี้อีก หรือ
“บุญกุศล ทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ทํามาแล้วขออุทิศให้แก่.....”
นี่ก็คืออุทิศบุญย้อนหลังอีก อย่างนี้ทําได้หรือคะ


ดอกไม้ ทําได้ บุญที่เราทําแล้วระลึกขึ้นทีไรก็เกิดปีติปราโมทย์
ท่านเรียกว่า จาคานุสสติ
ท่านสอนให้ระลึกบ่อยๆ เป็นการเพิ่มพูนความสุข
แต่ก็ควรจะทําบุญใหม่บ่อยๆ
การอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้อื่นก็ทําได้บ่อยๆ
อุทิศแล้วอุทิศอีกก็ได้ เป็นการทําซ้ำ
เหมือนเรา ระลึกถึงใคร บอกเขาว่าเราระลึกถึง
บอกเขาบ่อยๆ ก็ได้ตามโอกาส
ถ้าเขาพอใจเรา เขาก็ได้ปีติปราโมทย์ทุกครั้ง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.พ.2008, 4:08 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้ทานโดยไม่เบียดเบียนตน

Image

พระอาทิตย์ ๑๑. คนที่มีกําลังทรัพย์น้อย แต่มีจิตใจอยากจะให้ทาน
จะทําอย่างไรจึงจะให้ทานได้โดยไม่เบียดเบียนตนเอง
เพราะจะเป็นบาปเบียดเบียนตนเองไปอีก


ดอกไม้ ให้เท่าที่จะเจียดให้ได้ เช่น ๑ บาท, ๕ บาท
รวมลงไปกับคนที่เขาให้ ๑,๐๐๐ บาท, ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นต้น
เหมือนน้ำหยดเดียวที่ลงไปรวมกับน้ำในถังใหญ่
ถ้าต้องการผลบุญก็ย่อมจะได้มากเหมือนกัน
เหมือนคนตักน้ำมาดื่มแก้วหนึ่งหรือกี่แก้วก็ตาม
ย่อมมีน้ำของเรารวมอยู่ด้วย

ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาแห่งพระไตรปิฎกว่า
ทานของผู้มีทรัพย์น้อย ๑ หน่วยเท่ากับ ๑,๐๐๐ หน่วย
เช่น ๑ บาท เท่ากับ ๑,๐๐๐ บาท
ถ้าเราให้ ๑๐ บาทจะเท่ากับเท่าไหร่ ลองคูณเข้าไปดูเถิด
ถ้าสมมุติว่าเราให้ ๑,๐๐๐ บาท เท่ากับ ๑ ล้านบาทใช่ไหม
คิดตาม แนวที่ท่านกล่าวไว้นี้
ทําให้ผู้มีทรัพย์น้อยมีกําลังใจในการให้ทานมากขึ้น
ไม่ปล่อยให้เสียโอกาสไปด้วยคิดว่าเรามีน้อย เรามีน้อย

พูดถึงการทําบุญ ไม่ได้มีแต่การให้ทานเพียงอย่างเดียว
มีวิธีอื่นอีกมากมายเช่น การรักษาศีลซึ่งท่านถือว่าเป็นมหาทาน
การอบรมจิตให้ดี การอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นต้น
ล้วนแต่เป็นบุญทั้งนั้น (ดูบุญกิริยาวัตถุ ๑๐)


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้ผลของบุญ

Image

พระอาทิตย์ ๑๒. การทําบุญนั้น ถ้าอยากได้ผลอะไร ก็ทําเหตุให้ตรงกับผลที่ต้องการ
เช่น อยากร่ำรวย ก็หมั่นให้ทาน แต่เราทําเหตุทุกๆ เหตุไม่ได้ในความเป็นจริง
เช่นนี้แล้วเราควรทําอย่างไรคะ


ดอกไม้ เคยพูดไว้ว่า กรรมที่เราทําโดยเฉพาะกรรมดี
ย่อมให้ผลเป็น ๒ แบบ คือ ให้ผลตามธรรมชาติ
เช่น ผลของทาน ทําให้เป็นคนไม่ยากจน เป็นต้น
เหมือนเราปลูกมะม่วงได้ผลเป็นมะม่วง
ปลูกทุเรียนได้ผลเป็นทุเรียน
อีกแบบหนึ่งได้ผลตามแรงอธิษฐาน
คือ เราจะทําบุญกุศลใดๆ ก็ตาม อธิษฐานมุ่งให้ได้ผลอย่างเดียว
เช่น ให้เป็นคนมีปัญญาดี เป็นต้น
พร้อมทั้งฝึกฝนตนให้เป็นคนมีปัญญาไปด้วย
เปรียบเหมือน เรานําผลมะม่วง ผลทุเรียนไปขาย
ได้เงินมาแล้วไปปลูกบ้านไปซื้อที่ดิน
อย่างนี้เรียกว่า ปลูกมะม่วง ปลูกทุเรียนแล้วได้บ้านหรือได้ที่ดิน เป็นต้น

การอธิษฐานทําให้เกิดผลรวม (Aggregate)
ใครจะว่า “ทําดีหวังผล” หรือ “ทําด้วยความโลภ” ก็ช่างเขาเถอะ
ขอให้เราได้ตามที่เราต้องการก็พอแล้ว
เมื่อไปถึงจุดหนึ่งคือ จุดแห่งความอิ่มตัว
ความต้องการผลต่างๆ ก็จะลดลงเอง
เหมือนคนอาศัยเรือข้ามฝั่ง เมื่อถึงฝั่งและขึ้นบกแล้ว
ความต้องการแต่แรกที่ว่า เมื่อไหร่จะถึงฝั่ง เมื่อไหร่จะถึงฝั่ง
ย่อมจะหมดไปเอง จุดนี้แหละที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย แม้แต่ธรรมเราก็สอนให้ละเสีย จะกล่าวไยถึงอธรรมเล่า”


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 13 มี.ค.2008, 2:30 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อานิสงส์ของบุญที่แตกต่าง

Image

พระอาทิตย์ ๑๓. คนที่มีศีลมาก ทําบุญกับพระทุศีลก็ยังมีอานิสงส์มาก แก่ผู้ทําหรือคะ

ดอกไม้ ถูกต้องแล้ว ทางพระพุทธศาสนาต้องการให้บุคคลพัฒนาตนให้เป็นคนดี
ให้มีบุญขึ้นในตนเอง มากกว่าหวังบุญจากผู้อื่น ท่านจึงกล่าวไว้เช่นนั้น
คนส่วนมากมุ่งทําบุญกับผู้มีศีล ซึ่งก็ดีในส่วนหนึ่ง
แต่ถ้าไม่ทําตนให้เป็นคนมีศีลมีธรรม ยังเป็นคนไม่ดีอยู่ ก็จะได้ประโยชน์น้อย
ถ้าจัดตามลําดับชั้น ทานเป็นเบื้องต้น ศีล, สมถะและวิปัสสนาสูงขึ้นไปโดยลําดับ
ศีลสูงกว่าทานอยู่แล้ว ผู้ทําตนให้เป็นคนมีศีลธรรม
แม้จะให้ทานในผู้ทุศีลก็มีผลมาก
ถ้าให้ทานในผู้มีศีลจะมีผลมากขึ้นไปอีก
ท่านกล่าวว่าทานของผู้มีศีลย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
แนวคิดอันนี้ได้มากลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมไทย
ที่ให้เจ้าภาพผู้ทําบุญให้ทาน รับศีลเสียก่อนแล้วจึงถวายทาน

ในอรรถกถาแห่งพระไตรปิฎก (อรรถกถา ทักขิณาวิภังคสูตร)
ท่านได้ยกตัวอย่างประกอบเรื่องนี้ไว้ว่า จีวรที่พระสารีบุตรถวายแก่พระพุทธเจ้า
กับจีวรที่พระพุทธเจ้าถวายแก่พระสารีบุตร
อย่างไหนมีผลมีอานิสงส์มากกว่า?
ท่านตอบว่า ที่พระพุทธเจ้าถวายแก่พระสารีบุตรมีผลมากกว่า
เพราะพระพุทธเจ้าทรงมีคุณธรรมเหนือกว่าพระสารีบุตร

แต่ถ้าจะทําบุญอุทิศให้ผู้ตาย ท่านว่าให้ทําในผู้มีศีล
เล่าไว้ใน อรรถกถาแห่งทักขิณาวิภังคสูตรว่า
บุคคลผู้หนึ่งทําบุญอุทิศให้ผู้ตาย
แต่ทําในภิกษุผู้ทุศีล ๒ ครั้ง อมนุษย์คือ ผู้ตายได้ร้องขึ้นว่า
ภิกษุผู้ทุศีลแย่งสมบัติเขา ผู้ทําบุญได้ทราบแล้ว
ในครั้งที่ ๓ ได้ทําบุญในภิกษุผู้มีศีล อมนุษย์
ได้รับแล้วร้องบอกให้ทราบว่าเขาได้รับบุญที่อุทิศให้แล้ว


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 26 ก.พ.2008, 5:38 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

‘ผล’ กับ ‘อานิสงส์’

Image

พระอาทิตย์ ๑๔. อาจารย์กรุณาอธิบายผลกับอานิสงส์ค่ะ

ดอกไม้ ผลเป็นคํากลางๆ เป็นผลดีก็ได้ ผลไม่ดีก็ได้
ส่วนอานิสงส์ หมายถึง ผลดีอย่างเดียว
มีคํากล่าวในพระสูตรว่า การให้ทานที่มีผลมาก
แต่ไม่มีอานิสงส์มากก็มี การให้ทานที่มีทั้งผลมากและอานิสงส์มากนั้น
คือคิดว่า ทานนี้เพื่อการฝึกจิต
ถ้าคิดอย่างอื่นนอกจากนี้ เช่น ให้ทานแล้วจักได้ทรัพย์สมบัติมาก
จักเป็นที่รักของคนทั้งหลาย อย่างนี้มีผลมาก แต่ไม่มีอานิสงส์มาก
ที่ว่าให้ทานเพื่อการฝึกจิตนั้น คือ เพื่อปลดเปลื้องความตระหนี่ออกจากจิต
ฝึกจิตให้คิดถึงประโยชน์ของคนผู้ที่จะรับทาน
ในอรรถกถาแห่งพระไตรปิฎก ท่านกล่าวไว้ว่า
ทานเป็นเครื่องฝึกคนที่ยังไม่ได้ฝึกทานให้สําเร็จประโยชน์ทุกอย่าง
(เช่นการผูกมิตร) ผู้ให้บันเทิงอยู่ด้วยการให้
ผู้รับอ่อนน้อมถนอมน้ำใจด้วยปิยวาจา

ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕
ให้ความหมายของคํา “อานิสงส์” ไว้ว่า ผลแห่งกุศลกรรม, ผลบุญ, ประโยชน์
(หน้า ๙๑๗) โดยนัยนี้ การกระทําใดๆ ที่มีประโยชน์มาก
ก็มีอานิสงส์มาก ผลกับอานิสงส์ต่างกันอย่างนี้
(ดูในทานสูตร อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต พระไตรปิฎกเล่ม ๒๓)


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรณียเมตตสูตรคืออะไร?

Image

พระอาทิตย์ ๑๕. กรณียเมตตสูตร คืออะไรคะ

ดอกไม้ กรณียเมตตสูตร เป็นพระสูตรที่ว่าด้วย
คุณสมบัติของผู้ควรบรรลุสันตบท (ทางแห่งผู้สงบ)
และว่าด้วยการแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์
ตัวอย่าง คุณสมบัติของผู้ควรบรรลุสันตบท
เช่น เป็นผู้กล้าหาญในการละความชั่วในการทําความดี เป็นต้น
เป็นผู้ซื่อตรง เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย
เป็นผู้ไม่ดูหมิ่นผู้อื่น เป็นผู้มีอินทรีย์สงบ

การแผ่เมตตานั้นท่านให้แผ่เมตตาไปในสัตว์ทั้งปวง
ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ
อรรถกถาแห่งพระสูตรนี้เล่าไว้ว่า
ภิกษุจํานวนหนึ่งออกไปบําเพ็ญเพียรในป่า
พักอยู่ใต้ต้นไม้ รุกขเทวดารู้สึกลําบากใจที่ตนอยู่บนต้นไม้
จึงทําวิธีต่างๆ ให้ภิกษุเหล่านั้นกลัว ไม่อาจอยู่ได้
ภิกษุเหล่านั้นจึงพากันกลับไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องแล้ว ตรัสให้ภิกษุกลับไปอยู่ที่เดิม
พร้อมด้วยประทานพระพุทธโอวาท
ซึ่งมีเนื้อความเป็นกรณียเมตตสูตรดังกล่าวแล้ว
พุทธศาสนิกชนจะสวดไว้ก็ดี แต่ขอให้รู้ความหมายด้วย

อรรถกถาเล่าว่า ภิกษุเหล่านั้นสวดกรณียเมตตสูตร
ตั้งแต่ออกจากวัดเชตวันไปถึงป่าอันเป็นที่พักอาศัย
ปรากฏว่า ได้ความรักจากเทวดาและอยู่สงบสุขดี


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 13 มี.ค.2008, 2:29 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การแผ่เมตตา

Image

พระอาทิตย์ ๑๖. เราแผ่เมตตาเพื่ออะไรคะ ทําไมต้องแผ่เมตตา

ดอกไม้ การแผ่เมตตา เพื่อให้จิตใจของเราอ่อนโยน
ปรารถนาดี มีไมตรีจิตต่อผู้อื่น ถ้าต่างคนต่างแผ่เมตตาเข้าหากัน
สังคมก็จะสงบสุขไม่มีการประทุษร้ายกัน
ทีแรกท่านให้แผ่ถึงตัวเองก่อนเช่นว่า
“ขอให้เรามีความสุขเถิด” “ขอให้เราปราศจากทุกข์เถิด”
ทั้งนี้เพื่อทําตนให้เป็นพยานว่า
เรารักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นสัตว์อื่นก็เช่นเดียวกัน
จึงไม่ควรเบียดเบียนกัน
ประโยชน์โดยตรงได้แก่ ผู้แผ่เมตตา ทําให้อยู่เป็นสุข
เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์
เป็นคนมีเสน่ห์ในตัวเพราะอานุภาพของเมตตา
ส่วนคนมักโกรธมีโทสะอยู่เสมอ ก็จะมีลักษณะที่ตรงกันข้ามกับผู้มีเมตตา
ท่านให้เอาน้ำ คือ เมตตามาล้างโทสะหรือความโกรธ
แต่คนเราโดยปกติบางคราวก็มีเมตตา บางคราวก็มีโทสะ
เมื่อหมั่นเจริญเมตตาบ่อยๆ รู้จักให้อภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น
จิตก็จะชุ่มเย็นอยู่ด้วยเมตตา โทสะเกิดได้ยาก


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การแผ่เมตตาที่ไม่ได้ผล

Image

พระอาทิตย์๑๗. เมื่อเราแผ่เมตตาให้คนที่โกรธเรา ไม่ชอบเรา
จะทําให้เขากลับมาดีกับเรา จริงหรือคะ
แสดงว่าเราต้องทําสมาธิจนเกิดกระแสพลังก่อนด้วยหรือเปล่าคะ
ถ้าสมาธิเราไม่หนักแน่น ก็แผ่เมตตาไม่ได้ผลหรืออย่างไร


ดอกไม้ ไม่แน่เสมอไป บางคนหนาเกินไปจนรับกระแสแห่งเมตตาไม่ได้
เหมือนกําแพงหนาทึบ ที่แสงไฟลอดไปไม่ได้
แต่ถ้าเขาไม่หนาเกินไป และเรามีกระแสเมตตาแรงพอสมควร
เขาก็จะรับได้ และรู้สึกได้

พระพุทธเจ้ามีพลังแห่งเมตตามากเพียงไร เราก็รู้กันอยู่แล้ว
แต่ไม่สามารถให้พระเทวทัต และนางจิญจมาณวิกา เป็นต้น
รับรู้ถึงพระเมตตา ของท่านได้
เขาจึงต้องทํากรรมหนักและได้รับผลแห่งกรรมของเขาเอง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การอธิษฐานในบุญ

Image

พระอาทิตย์ ๑๘. การอธิษฐานเป็นสิ่งที่ควรทําไหมคะ
จะกลายเป็นหวังผลในบุญที่ทําไปไหมคะ


ดอกไม้ ได้พูดไว้บ้างแล้วในคําตอบข้อ ๑๒
แต่ขอยืนยันในที่นี้ว่า การอธิษฐานเป็นสิ่งที่ควรทํา
แม้จะเป็นการหวังผลในบุญที่ทําก็ไม่เป็นไร
พระพุทธเจ้าเมื่อทรงบําเพ็ญบารมีอยู่ ก็ทรงอธิษฐานเหมือนกัน
คือ ขอให้บรรลุพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า
แล้วพระองค์ก็ทรงได้ตามที่อธิษฐาน
เราปรารถนาสูงก็ได้สูง การอธิษฐานไม่เสียหายอะไร
มันเป็นผลรวมของกุศลกรรมที่เราได้ทําตามที่กล่าวแล้วในข้อ ๑๒


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.พ.2008, 4:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิธีฝึกตนเป็นคนดี

Image

พระอาทิตย์ ๑๙. อยากเป็นคนดี มีวิธีฝึกตนอย่างไรคะ

ดอกไม้ มีหลายวิธี เช่น ตั้งใจว่าจะเป็นคนดี แล้วทําตาม ที่ตั้งใจ
พยายามละความชั่ว พยายามทําความดี ทําจิตใจ ให้ผ่องแผ้ว
ดําเนินชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘
นอกจากนี้ ควรอบรมตนด้วยภาวนา ๓ คือ

๑. กายภาวนา
อบรมกายด้วยการรู้จักใช้ปัจจัย ๔ ตามจุดมุ่งหมายไม่ขาดไม่เกิน ไม่เฟ้อ

๒. สีลภาวนา
อบรมตนให้มีศีล มีมารยาทดี มีคุณธรรม

๓. จิตตภาวนา
อบรมจิตให้บริสุทธิ์มั่นคง ใช้การได้ คือ จะหมุนจิตไปทางไหนก็ได้

๔. ปัญญาภาวนา
อบรมตนให้มีปัญญา รู้สิ่งที่ควรรู้ ไม่ต้องรู้ สิ่งที่ไม่ควรรู้
ในระดับสูง หมายถึง รอบรู้ในกองสังขาร
พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ในเบญจขันธ์
เพียงพอที่จะปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งทั้งปวงมากเกินไป

เพียงเท่าที่กล่าวมาโดยย่อนี้
ก็คิดว่าเพียงพอที่จะเป็นคนดีระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูงสุด


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง