Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
...ความพอดี ที่ต้องใส่ใจ...
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 23 ม.ค. 2008, 6:06 pm
ความพอดี ที่ต้องใส่ใจ
เรื่อง : ประณม ถาวรเวช
สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ จอห์น โรเบิร์ต พาวเวอร์
มีเสียงถามไถ่เข้ามา เรื่อง บุคลิกภาพที่ควรปฏิบัติ
และ บุคลิกภาพที่ไม่ควรปฏิบัติสำหรับสาวทำงานยุคใหม่
พอพูดถึง สาวยุคใหม่ ปุ๊บ
ภาพของหญิงสาวที่ดูฉลาด มั่นใจเต็มร้อย
และมักจะมาพร้อมกับบุคลิกภาพเฉพาะตัวมากกว่าสาวทำงานยุคเก่า
ที่ออกจะดูเรียบร้อย แต่งกายเป็นชุดทำงานตามแบบฟอร์ม
ก็ผุดขึ้นมาทันที
จริงหรือไม่...ไม่ขอฟันธง
แต่เท่าที่สังเกต พบว่า ผู้หญิงทำงานรุ่นใหม่ๆ
เขาถูกหล่อหลอมมาด้วยสภาพแวดล้อม
ซึ่งต่างไปจากคนทำงานยุคก่อนๆ
ในสมัยหนึ่ง คนเราเติบโตมากับสภาพแวดล้อมในครอบครัวขยาย
คือ บ้านที่มีปู่ย่าตายายอาศัยร่วมอยู่ด้วย
กระบวนการขัดเกลากิริยามารยาท
และการถูกอบรมสั่งสอนมีมากหลายระดับชั้น
ทำให้เกิดบุคลิกภาพที่ดูสำรวม ระมัดระวังตน
และมีกติกาให้คอยคำนึงหลายอย่าง
นั่นทำให้การแต่งกาย การพูดจา การแสดงออก
เต็มไปด้วยความสุขุม ครุ่นคิด
และคล้ายไม่ค่อยเผลอปล่อยกิริยาให้เป็นอิสรเสรีนัก
คนรุ่นใหม่อิสระมากกว่า เติบโตมากับครอบครัวเดี่ยว
ที่มีเพียงพ่อแม่พี่น้องเท่านั้น
การปกครองกันก็แปรเปลี่ยนไปตามสภาพสังคม
พ่อกับแม่วางตัวประดุจเพื่อนของลูก
ให้ลูกมีสิทธิ มีอิสระในการเลือกชีวิต จะใช้ชีวิตแบบไหน
จะประกอบอาชีพอะไร เรียนอะไร
เด็กๆ เลือกได้ตามความต้องการของตน
เราจึงพบว่า คนรุ่นใหม่มีความกล้า
เช่น กล้าแต่งเนื้อแต่งตัว กล้าที่จะเปลี่ยนทรงผมบ่อยๆ
กล้าคิด กล้าพูด กล้านำเสนอ
จนบ่อยครั้งชวนให้รู้สึกว่า ความกล้าของพวกเขา
ช่างไม่มีขีดจำกัดเอาเสียเลย
จึงเกิดช่องว่าง...ทำให้มีความต่าง
ซึ่งนำความห่างมาสู่คนต่างรุ่นในที่ทำงาน
จะทำอย่างไรให้เข้าใจกัน...
1. มองกันในด้านบวก
หญิงสาวไม่ว่ารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่
ขอให้เข้าใจตรงกันประการหนึ่งว่า
คนทุกคนถูกหล่อหลอมมาด้วยเบ้าหลอมที่ต่างกัน
ต่อให้เกิดในบ้านเดียวกัน
ผลลัพธ์ในบุคลิกส่วนตนก็ยังไม่เหมือนกันเลย
ประสาอะไรกับคนที่เกิดต่างบ้าน ต่างยุค ต่างสมัย
ดังนั้น ขอให้เคารพในความต่างของกันและกัน
รู้จักมองเห็นข้อดีในตัวผู้อื่น
แล้วใช้ข้อดีที่แต่ละคนมีอยู่นั้นให้เป็นประโยชน์
ต่อการทำงานและการอยู่ร่วมกัน
ดีกว่าเอาความแตกต่างมาทำให้เกิดความแตกแยก
ทั้งในระดับความรู้สึกและในระดับของการแสดงออก
2. ตั้งอยู่บนความพอดี
จะแต่งเนื้อแต่งตัวก็ต้องพอดี แต่งหน้าแต่งตาก็ต้องพอดี
พูดจากันก็ให้พอดีๆ ใช้สุ้มใช้เสียงก็ขอให้พอดี พอน่าฟัง
ไม่ต้องแจ๊ดแจ๋นมาก ไม่ต้องใส่จริตมาก
แค่ไหนล่ะ... ถึงจะพอดี
ก็ให้ดูจากสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว
ส่วนใหญ่เขาแต่งกายกันอย่างไร เสื้อผ้า หน้า ผม
เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่
และความรับผิดชอบในการงานของตนหรือไม่
คล้อยตามระเบียบปฏิบัติของหน่วยงานหรือไม่
ราคาของมัน เกินตัว หรือไม่
สีสันของมันกลมกลืน น่ามอง หรือดูตลก ไร้รสนิยม
หากอยู่บนความพอดี มันก็ย่อมดีพอ
พอที่จะไม่เอาเป็นเหตุติฉินนินทากัน หมั่นไส้ หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน
คนบางคนชอบแต่งตัว ชอบพูดจา มากกว่าอีกคน
ความต่างตรงนี้บางทีอาจไม่ใช่ความแปลกประหลาดเท่าไหร่
หากทำใจเป็นกลางๆ
3. มีความเคารพผู้อาวุโส
คนรุ่นใหม่มักไม่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกเรื่องความอาวุโส
เนื่องจากโตมาในเบ้าหลอมของความเป็นเพื่อน
พ่อแม่กับลูกยุคนี้อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน
ความเป็นเพื่อนทำให้กติกาต่างๆ ที่ควรจะละเอียดอ่อน
ก็ได้รับการโอนอ่อนผ่อนตามมาก
จนเด็กไม่อาจแยกแยะได้ว่า อะไรควรปฏิบัติ อะไรไม่ควรปฏิบัติ
เมื่อเข้าสู่สังคมการงาน ก็มักมีพฤติกรรม ตีตัวเสมอท่าน
คือ คุ้นเคยต่อการวางตัวเสมอกันไปหมดกับคนทุกคน
สังคมไทยเป็นสังคมแห่งชนชั้น
เส้นคั่นอันหนึ่งที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ จัดชั้น มาโดยตลอด
ก็คือ ความมีอาวุโส
อาวุโสที่ว่าเป็นได้ 2 แบบ
คือ อาวุโสด้วยอายุ กับอาวุโสด้วยตำแหน่ง
พูดง่ายๆ ว่าใครแก่กว่า หรือใครใหญ่กว่านั่นเอง
เรื่องแก่กว่ากับใหญ่กว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว
ต้องการการใส่ใจ ให้ค่า และแสดงออกมาให้เหมาะให้ควร
4. มีความรู้และรับผิดชอบ
ความรู้กับความรับผิดชอบจะเป็นเกราะคุ้มครองที่สำคัญ
โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่
ความรู้เกิดขึ้นใหม่ๆ ทุกวัน และเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
คนรุ่นใหม่ได้ประโยชน์ตรงที่เป็นคนทันยุคทันการณ์
แต่ต้องไม่ใช้ข้อได้เปรียบนั้นไปข้ามหน้าข้ามตา
หรือทำร้ายความรู้สึกคนอื่นเขา
ถึงที่สุดแล้วสังคมการงานไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า
คนที่มีความรู้และคนที่มีความรัก
ความรู้จำเป็นสำหรับการทำงาน การขับเคลื่อนองค์กร
และการแก้ไขปัญหาที่ระบบการงานอาจต้องเผชิญ
ความรักทำให้เกิดการทุ่มเท เกิดการทำงานเป็นทีม
เกิดความเข้าใจและเห็นใจกัน
คนรุ่นใหม่ได้เปรียบในเรื่องความรู้ใหม่ๆ
โดยที่บ่อยครั้งไม่ทันได้ใส่ใจว่า สิ่งที่ตนรู้นั้น คนอื่นเขาไม่เคยรู้มาก่อน
และมันกลายเป็นจุดด้อยหรือปมด้อยของเขา
ก็เผลอคุยฟุ้งหรือแสดงออกจนคล้ายๆ ไปตอกย้ำปมด้อยของอีกฝ่าย
ความรู้สึกหมั่นไส้จึงเกิดขึ้นง่าย
ดีที่สุดก็คือ ใครมีหน้าที่อะไรก็รับผิดชอบหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด
และหน้าที่นั้นต้องการความรู้อะไร
ก็ขวนขวายเสาะหามาเพิ่มเติมกับตัวเองให้ได้
และความรู้ที่ตนมีก็มีไว้
เพื่อจัดการกับหน้าที่การงาน ไม่ใช่เพื่อการ โชว์
5. รู้กาลเทศะ
สิ่งที่คนรุ่นใหม่ขาดมากๆ คือ การละเอียดอ่อนต่อกาลเทศะ
จึงมักแสดงออกผิดที่ผิดทาง เกินงาม
และเกินหน้าเกินตาคนอื่นๆ อย่างไม่สมควรอยู่เสมอ
กาลเทศะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการเข้าสังคม
และอยู่ร่วมกันกับคนอื่นๆ
ขอเพียงละเอียดอ่อนกับเรื่องนี้ให้มาก
ก็จะกลายเป็นคนน่ารักและเป็นที่ยอมรับได้ง่าย
กระนั้นก็ตาม ถึงที่สุดแล้วดิฉันก็ไม่อยากให้คนแบ่งแยกกันว่า
ฉันรุ่นนี้ เธอรุ่นไหน
คนที่สูงวัยหลายคนมีความทันสมัย ทันโลก
มีธรรมชาติของความเป็นคนรุ่นใหม่อยู่ในตัวเสมอ
ขณะที่คนอายุน้อยบางรายก็เป็นฝ่ายคร่ำครึ ปรับตัวช้า
ไม่ทันโลก ไม่ทันกาล ก็กลายเป็นคนตกรุ่น
ตามยุคสมัยไม่ทันไปโดยปริยาย
ถึงที่สุดแล้วคนต้องการเพียงการยอมรับ
และปรับตัวเข้าหากันเพื่อความเข้าใจกันก็แค่นั้นเอง
อยู่ให้เสมอๆ กันเข้าไว้ ไม่ต้องสูงหรือต่ำกว่ากันมาก
ไม่เด่นหรือด้อยไปกว่ากันมาก
ความรู้สึกแบ่งแยกแตกต่างก็จะลดน้อยถอยลงไปเอง
คัดลอกจาก
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=magazine&id=216401
p.somchai
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 22 พ.ย. 2007
ตอบ: 48
ที่อยู่ (จังหวัด): ชลบุรี
ตอบเมื่อ: 24 ม.ค. 2008, 1:19 pm
_________________
หนทางหมื่นลี้ ย่อมมีก้าวแรก
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2008, 8:22 am
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 25 ม.ค. 2008, 9:45 am
สาธุค่าคุณลูกโป่ง
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th