Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เจ้าคุณประยุทธ์ชี้กระแสจตุคามฯ ทำสังคมหมุนกลิ้ง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 14 พ.ค.2007, 2:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เจ้าคุณประยุทธ์ชี้กระแสจตุคามฯ ทำสังคมหมุนกลิ้ง
ลัทธิบริโภคนิยมผสมพึ่งโชค คนเป็นเหยื่อธุรกิจ-วัดหาลาภ


“เจ้าคุณประยุทธ์” วิพากษ์กระแส “จตุคามรามเทพ” วงจรลัทธิบริโภคนิยมกับลัทธิหวังผลดลบันดาลมาบรรจบกัน ทำสังคมไทยหมุนกลิ้ง คนเป็นโรคเส้นตื้น เป็นเหยื่อที่ดีของธุรกิจ “พระ-วัด” ฉวยโอกาสหาลาภ ไม่ยืนอยู่กับพระรัตนตรัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ได้เตรียมเผยแพร่บทสนทนาธรรม “คติ : จตุคามรามเทพ” เนื่องในโอกาสวิสาขบูชา วันที่ 31พฤษภาคม 2550 จัดพิมพ์โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 10,000 เล่ม

เนื้อหาถ่ายทอดผ่านบทสนทนาธรรม ระหว่างคณะผู้มาเยี่ยมกับท่านเจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต มีทั้งหมด 6 บท ได้แก่ บทสนทนาธรรม “คติ : จตุคามรามเทพ”, หลวงพ่อที่ดัง มีเทวดาใหญ่เฝ้าดู, ที่ใหญ่แท้คือธรรม พึ่งกรรมดีกว่ารอเทวดา, เทพดี คนดี บรรจบกันที่ธรรม, ผู้มีปัญญา เชิญเทพพรหมมาช่วยพัฒนาบ้านเมือง และยุคธุรกิจฟู่ฟ่า เงินต้องมาเป็นทาสรับใช้ธรรม รวมทั้งหมด 24 หน้า

ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ตอบคำถามของผู้มาเยี่ยม ที่แสดงความเป็นห่วงปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ ว่ากระแสจตุคามฯ เป็นเพียงอาการหนึ่งของโรคนี้ที่สังคมไทยเป็นมานานแล้ว เรื่องพระพรหม พระราหู พระพิฆเนศ คนไทยเอาทั้งนั้น เดี๋ยวก็ฮือๆ แต่ตอนนี้อาการแรงขึ้นๆ ถ้าปล่อยกันอยู่ ก็คงแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดหนึ่งก็อาจจะเป็นสังคมหลักลอย ที่ผู้คนเลื่อนลอย หาอะไรเป็นหลักยึดไม่ได้ บางคนอาจจะเรียกว่า “โรคเส้นตื้น”

มองอีกแง่หนึ่ง เรื่องนี้ ถ้าคนเป็นชาวพุทธจริง ไม่ต้องไปห่ว ถึงจะนับถือของพวกนี้ ก็จะมีวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ให้เกิดผลเสียหาย

ท่านเจ้าคุณประยุทธ์กล่าวว่า พวกที่พาสังคมเคว้งคว้างน่าห่วงแน่ คือพวกตื่นตามกระแส หรือพวกเหยื่อกระแส พวกนี้นอกจากไม่มีหลักอะไร พระพุทธศาสนาที่ตัวว่านับถือ ก็ไม่รู้จักเลย นอกจากนั้นแล้ว แม้แต่สิ่งที่ตัวไปรับเอามา อย่างจตุคามฯ นั้น ตัวก็ไม่รู้หน้ารู้หลังว่าเป็นอะไร ไปอย่างไรมาอย่างไรกันแน่ ได้แต่ว่าไปตามเสียงที่ปั่นกระแสเท่านั้นเอง นี่ด้านชาวบ้าน แต่ไม่ใช่แค่โยมเท่านั้น มาเป็นเรื่องของพระกับวัด ที่พลอยเข้ากระแสไปกับชาวบ้านด้วย คือ

หนึ่ง เหมือนกับถือหรือฉวยโอกาสหาลาภ หารายได้ หาผลประโยชน์ไปด้วย

สอง เสียหลัก ไม่ยืนอยู่ในหลักการของตัว คือพระรัตนตรัย และพระธรรมวินัย

แค่เอาเทพมาปลุกเสกในวัด ถ้าทำพลาด จะกลายเป็นว่าพระไปนับถือเทพเข้า ก็หล่นคะมำเลย นี่ทำไปได้อย่างไร สำหรับพวกที่ไปตื่นหาจตุคามฯ นั้น ก็มีแง่ที่น่าเห็นใจอยู่บ้าง แต่ไม่มีแง่ที่จะตามใจ อย่างที่อ่อนแอคอยหวังผลหวังพึ่ง หรือเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีความรู้เข้าใจเรื่องอย่างนี้ว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร ทำให้ตื่นตูมตามกระแสไปง่ายๆ ต้องมองไปที่คนและสถาบันที่ควรจะทำหน้าที่รับผิดชอบเช่นให้การศึกษา

นอกจากนี้ ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ยังอรรถาธิบายความรู้เข้าใจเรื่องหลักความสัมพันธ์ระหว่างเทพกับปูชนียวัตถุ-สถานในพระพุทธศาสนา ระหว่างมนุษย์กับเทวดา ระหว่างคนกับเทพ รวมถึงประวัติความเป็นมาของจตุคามฯ โดยบอกว่าเป็นการรู้จักตัวเอง ถ้าแค่เรื่องตัวเองก็ยังไม่รู้ ทางที่ตัวเองเดินมาก็ไม่เห็น แถมข้างหน้าก็มืดอีก แล้วจะมองจะเดินต่อไปให้ดีได้อย่างไร

ผู้ร่วมสนทนาอีกคนถามว่า เทวดาดีอย่างจตุคามฯ ที่รักษาพระธาตุนครศรีธรรมราช มีเมตตากรุณาคอยช่วยเหลือคน เลยทำให้คนคอยหวังพึ่ง รอให้มาช่วย แล้วจะทำอย่างไรให้คนไทยเข้มแข็ง รู้จักคิดทำอะไรด้วยตัวเอง

ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ตอบว่า เทพองค์นั้นเป็นชาวพุทธที่ดี มีศรัทธามาทำหน้าที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนา มาบำเพ็ญความดี นับเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าชาวพุทธควรจะบำเพ็ญความดีอย่างเทพองค์นี้ ไม่ใช่ว่าเทพจตุคามฯ ทำความดี แต่คนคอยฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์จากการทำความดีของเทพ ชาวพุทธควรเอาเทพที่ดีมาช่วยประกันใจตัวให้มั่นคงไม่หวาดหวั่นพรั่นกลัว และปลุกใจตัวให้มีกำลังใจเข้มแข็งที่จะทำการดีงามให้สำเร็จ ร่วมขบวนกับเทพนั้นในการบำเพ็ญความดีตลอดจนบารมีต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้

“ไม่ว่าเรื่องพระพรหม หรือเรื่องจตุคามรามเทพ ผู้รับผิดชอบต่อสังคม เริ่มด้วยผู้บริหารบ้านเมือง จะต้องดูแลให้เกิดโอกาสในการพัฒนาคน เช่น พระพรหมเอราวัณ เราละเลยปล่อยให้คนอยู่กับความหลงหรือการขาดความรู้กันเรื่อยมา แต่ทำอย่างไรจะพัฒนาเขาขึ้นมาได้บ้าง ก็เผยแพร่ให้ความรู้แก่ประชาชนว่า ท้าวองค์นี้ท่านคือใคร มีอะไรที่ควรรู้บ้าง ในเมื่อเราไม่สามารถหักด้ามพร้าด้วยเข่า เขานับถือลุ่มหลงอยู่ เราก็เอาเป็นจุดบรรจบประสานให้เป็นแนวทางที่เขาจะเดินก้าวหน้าในการพัฒนาตัวต่อไป แต่คนไทย ท่านผู้ปกครอง ไม่เอาเรื่องเลย ไม่มองช่องทางที่จะพัฒนามนุษย์อันนี้ ก็เลยไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรทั้งนั้น” ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ตอบ

ผู้มาเยี่ยมกล่าวว่า ถ้าไม่หาความรู้ความเข้าใจกันอย่างที่ว่านั้น ก็ได้แต่ตื่นตูมตามกระแสเรื่อยไป ก็สมที่ว่าเป็นโรคเส้นตื้น พระพรหมคุณาภรณ์กล่าวเสริมว่า กระแสจตุคามฯ ไม่ใช่แค่โรคเส้นตื้นเฉยๆ แต่กินลึกเลย แล้วก็หนักหนามาก ฟ้องสภาพสังคม และบ่งบอกปัญหาคุณภาพของคน อาการนี้ ด้านหนึ่งคือแสดงอิทธิพลของระบบธุรกิจ ว่าสังคมไทยนี่ ธุรกิจเฟื่องดีนัก คนอยู่ใต้ครอบงำของระบบธุรกิจ มุ่งหาแต่ผลประโยชน์ขนาดหนัก มองหาแต่เงิน แม้แต่เรื่องทางด้านจิตใจ ก็ไม่เว้น ยังเอามาใช้เป็นช่องทางหรือเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์

อีกด้านหนึ่ง อาการนี้แสดงว่าคนไทยเวลานี้ตื่นตูมง่ายมาก ปั่นกระแสขึ้นดีนัก เลยสอดรับกับข้อแรกที่ว่าไปแล้ว คือเป็นเหยื่อที่ดีของธุรกิจ ทำไมจึงตื่นตูมง่าย ก็เพราะพื้นฐานของตัวชอบหวังผลจากการดลบันดาล ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย คิดแต่จะพึ่งอำนาจภายนอกมาทำให้ อย่างที่ว่า “หวังลาภลอย นอนคอยโชค” แล้วระยะยาวคนก็อ่อนแอ ไม่มีความเพียรพยายามที่จะทำการให้เกิดผลสำเร็จด้วยเรี่ยวแรงของตนเอง ได้แต่เป็นนักพึ่งพา ถ้าขมวดให้สั้นก็คือวงจรของลัทธิบริโภคนิยม กับลัทธิหวังผลดลบันดาล มาบรรจบประสานกัน แล้วส่งผลเป็นเหตุปัจจัยหนุนกัน ให้ชีวิตและสังคมนี้หมุนกลิ้ง หรือลอยเคว้งคว้างต่อไป

ผู้ถามถามอีกว่า นิตยสาร “มติชนรายสัปดาห์” ขึ้นปกว่า จตุคามฯ ทำให้เงินสะพัดกว่า 22,000 ล้านบาท จะหยุดกระแสนี้ได้อย่างไร ท่านเจ้าคุณประยุทธ์ตอบว่า รู้อยู่ว่าสังคมนี้กำลังต้องการเงินทองมาก เป็นสังคมธุรกิจ ประสานกับบริโภคนิยม เห็นแก่การเสพบริโภค ระบาดเข้ามากระทั่งในวัด กระแสใหญ่เป็นอย่างนี้ ต้องพยายามดึงกระแสใหญ่เข้ามาหาหลัก

“ในท่ามกลางสภาพสังคมอย่างนั้น พระพุทธเจ้าทรงใช้ความนิยมหรือกระแสที่เกิดขึ้น เป็นจุดปรารภที่จะสอนให้คนที่มีบทบาทสำคัญในสังคมนั้น หันมาใฝ่ธรรม และนำธรรมไปปฏิบัติดังเช่นเศรษฐีก็ควรจะเอาทรัพย์มาทำประโยชน์ ส่งเสริมธรรม เกื้อกูลสังคม รวมทั้งพัฒนาชีวิตของตนเอง ไม่ลุ่มหลงมัวเมาในการเสพบริโภคหรือใช้อิทธิพลจากทรัพย์และอำนาจไปข่มเหงคนอื่น มาถึงสมัยนี้ก็เหมือนกัน ปัจจุบัน สังคมเป็นอย่างนี้ก็ต้องรู้เข้าใจว่าทำอย่างไรจะให้ธรรมเกิดประโยชน์แก่คนที่ต่างๆ กันได้” พระพรหมคุณาภรณ์กล่าว


หนังสือพิมพ์มติชน รายวัน หน้า 1
วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10656
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
เศษพุทธทาส
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 08 เม.ย. 2007
ตอบ: 121

ตอบตอบเมื่อ: 31 พ.ค.2007, 6:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กระแสทุกข์ของสังสารวัฏนั้นเชียวกรากนัก เหมือนมีแรงปราถนาที่จะให้สรรพสัตว์เวียนว่ายไปตลอดอนันตกาล

เห็นแล้วลืม ลืมก็คือไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็ทำให้ต้องก่อร่างสร้างชาติ แต่ละชาตก็รู้คิดแค่เท่าที่ตาเห็น

เป็นอยู่ได้แค่เท่าที่กำเนิดจะอำนวย ฉวยได้แค่ความสุขเท่ากับไอน้ำที่มากับลมแล้งเกาะมือแล้วก็ละเหยหายไปในพริบตา ย้ำลุยขี้เยี่ยวของตนเองในบั้นปลาย จึงค่อยสำนึกว่าในวัยต้นชีวิตถูกหลอกให้หลงรูป หลงเสียง ปิดบังความแก่ ความเจ็บ ความตาย ที่ปรากฏทนโท่รอบตัว ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะมาถึงตน

May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน ซึ้ง
 

_________________
ทำวันนี้ให้ดีและต้องรู้ไว้ว่า ทำดีเพื่อดี ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปัญญา เรืองระยับ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 03 มิ.ย. 2007
ตอบ: 4
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2007, 6:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำมากกว่าครับ
 

_________________
จิตใดยึด จิตนั้นทุกข์
จิตใดไม่ยึด จิตนั้นไม่ทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kanawat_ny
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2007
ตอบ: 47

ตอบตอบเมื่อ: 11 มิ.ย.2007, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ไขว่คว้า แก่งแย่ง ชิงดี
เพื่อชีวี จะได้ ดังใจหวัง
สิ้นชีพ ไร้วิญญาณ ไม่จีรัง
คงแต่ยัง ดี ชั่ว...เท่านั้นแหละคน

“นรก”
วัดร่องขุน นครเชียงราย
 

_________________
กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(อิสระ ชีวา)
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 19 ก.ย. 2007, 4:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อันต้นไม้ ถ้าไม่มีรากแก้ว และรากฝอยก็ไม่ชอนไช หาน้ำมาหล่อเลี้ยงลำต้นและกิ่งใบ ไม่นานนัก เมื่อถูกลมฝน หนักเข้า ก็ย่อมต้องโค่นล้มไป หรือกิ่งใบย่อมต้องถูกพวกแมลงกัดกินเป็นธรรมดา

เปรียบศาสนาก็เช่นกัน หากศาสนาไม่มีรากแก้ว คือไม่มีหลักธรรมะอันเป็นหลักใหญ่ที่ดีมั่นคง ครอบคลุมจนเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหลักความจริงแล้ว ศาสนานั้นๆ ก็ย่อมเสื่อมโทรม เสื่อมทรามไปเป็นธรรมดา หรือจะกล่าวอีกรูปแบบหนึ่งก็คือ ถ้ารากและลำต้นไม่ดี ไม่แข็งแรง กิ่งใบก็ย่อมเสื่อมโทรมไม่แข็งแรงตามไปด้วย ฉะนี้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
sila
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 23 ก.ย. 2007
ตอบ: 1
ที่อยู่ (จังหวัด): นนทบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 23 ก.ย. 2007, 5:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ด้วยเจตนาดีมีอยู่ก็ไม่น้อย
ช่วยทำบุญองค์ละร้อยให้คอสวย
เป็นมงคลแขวนแล้วทำให้รวย
ดวงไม่ซวยรถพังยับกลับไม่ตาย
ยิ้ม
โยมของวัดบอกมาว่าสร้างโบสถ์
มีบางวัดว่าสร้างโกฎเมรุให้สวย
อีกหลายวัดสร้างโน่นและสร้างนี่
มาบอกว่าหลวงพ่อนี่ท่านขลังนัก

องค์ละล้าน องค์ละแสนแขวนกันเกลื่อน
องค์นี่เหมือนไม่เหมือนบิดเบือนเยอะ
องค์นี้แท้องค์นี่ปลอมย้อมกันมาก
องค์นี้ลายสวยมากราคาสูง

ผู้รู้ดีมีปัญญาดีย่อมไม่ทุกข์ด้วยประการทั้งปวง

(เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
ผมว่าก็ช่วยเต็มที่แต่ถ้าเขาไม่เอาก็ต้องปล่อยล่ะครับ ไปตามกรรมเถอะ

ยิ้ม
 

_________________
มันอยู่ที่ใจ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ปกรณ์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 15 ม.ค. 2008
ตอบ: 6
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 11:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำว่าผลประโยชน์ ที่เกิดขึ้นจากความโลภ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ล้วนแล้วแต่วิ่งเข้าใสแบบไม่ลืมหู ลืมตา ธุรกิจพานิชเข้าครอบงำ จนทุกวันนี้ ภาพลักษณ์ของศาสนา แทบจะหาไม่เจอสำหรับคนเหล่านี้เลย
 

_________________
พระธรรมของพระพุทธเจ้า ย่อมสัมผัสได้ด้วยการปฏิบัติ
ได้แต่ฟัง แต่ไม่รู้จักคิด แล้วนำไปปฏิบัติ ไม่ต่างอะไรกับนั่งฟังนิทานหลอกเด็ก แบบนี้ไม่ใช้ธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง