Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 แสงส่องใจ ว่าด้วยศีล...ปีใหม่ ๒๕๔๑ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:43 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พระพรประทานปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๔๑
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

แสงส่องใจ ส.ค.ส. ๒๕๔๑

(สมเด็จพระญาณสังวร)
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
...........วรพรปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๔๑..........

ด้วยเดชะพระรัตนตรัย
ขอปัญญาสว่างไสวส่องปัญหา
ให้เห็นแจ้งเหตุแห่งสุขทุกข์นานา
สามารถพาชีวิตวิวัฒน์สวัสดี
เทิดทูนชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
เป็นดวงรัตน์เลิศดิลกปกเกศี
ทุกทุกวันทุกทุกคืนทุกเดือนปี
นับแต่นี้อยู่ที่ไหนสบายที่นั่น

มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:44 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ชัยมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

(โคลง ๔)
พระโพธิ์ทองร่มให้ พสุธา
เปรียบปิ่นนัครา- ธิราชเจ้า
ทรงปกปักรักษา สยาม พสุธาเย็น
พระจักรีคือท้าว ท่านผู้โพธิ์ทอง

(กาพย์ยานี ๑๑)
พระโพธิ์ทองป้องปกเกล้า ข้าพระพุทธเจ้า
คือพระผู้จอมดวงใจ มหาราชแห่งจักรี
วันเฉลิมพระชนม์พรรษา บรมราชาพระองค์นี้
นำความปีติยินดี ท่วมท้นใจไทยทั้งนั้น
ที่ ๕ ธันวาคม วันอุดมมงคลสำคัญ
นำเสด็จธรรมราชัน เลื่อนลอยฟ้าลงมาดิน
ร่วมจักรีบรมราชวงศ์ ที่สูงส่งในปัถพิน
ทรงเป็นพระนวมิน- ทราธิราชผู้เลิศหล้า
พระบุญญาธิการให้ ปกป้องไทยทั่วหย่อมหญ้า
ให้เป็นสุขทุกถ้วนหน้า ท่ามกลางโลกที่ร้อนแรง
พระมหากรุณานี้ พ้นคำที่จะแจกแจง
สว่างไทยยิ่งสว่างแสง แห่งสุริยาคราเที่ยงวัน
เย็นไทยยิ่งเย็นแสง นวลเย็นแห่งแสงเพ็ญจันทร์
ซาบซึ้งซึ่งพระคุณท่าน ปิ่นปัถพีจักรีพงศ์
เชิญอนุภาพที่สูงสุด แห่งพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
มาสนองพระคุณพระองค์ ในมหามงคลสมัย
กาญจนาภิเษกสำคัญ ขอประทานสรรพ์พระพรชัย
จากพระรัตนตรัย มาน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย
ขอทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญมิเสื่อมสลาย
ทรงพระเจริญดั่งทรงหมาย ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญเทอญ
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

แสงส่องใจ

O โลกกำลังร้อน ไทยก็กำลังร้อน เราทุกคนกำลังร้อน ร้อนที่สุด ที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ ช่วยให้พ้นร้อนได้จริงคือศีล เชื่อเถิด ศีลช่วยได้แน่ ศีลช่วยได้จริง.

O “ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุดศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์”

นี้เป็นพระพุทธศาสนาสุภาษิต ผู้อ่านหรือผู้ฟัง ด้วยความใส่ใจแม้เพียงเล็กน้อย ย่อมรู้สึกได้ถึงความประเสริฐเลิศล้ำของศีล แต่ผู้ใดจะปรารถนาทำตนให้เป็นผู้มีศีลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความมีบุญหรือไม่มีบุญของผู้นั้น พึงพิจารณาตนให้ดี ตกลงใจให้ดี ว่าจะยอมเป็นผู้ไม่มีบุญ หรือจะเป็นผู้ใฝ่บุญ ได้เป็นผู้มีบุญ

O บุญเป็นเครื่องนำสุขมาให้ แทบทุกคนเข้าใจความจริงนี้ดี แต่แทบทุกคนหลงลืมความจริงนี้ จึงไม่เอาจริงเอาจังที่จะทำบุญให้เกิดขึ้นเป็นสมบัติของตนเพื่อให้นำความสุขมาให้ตน ทั้งที่รู้ว่าบุญจะนำสุขมาให้เป็นอำนาจของกรรมไม่ดีที่ให้เป็นไป ให้ไม่สามารถนึกได้ถึงอานุภาพแห่งบุญ ที่จะนำให้เกิดความสุข.

O ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ กำลังไม่มีที่เปรียบคือกำลังที่ยิ่งใหญ่กว่ากำลังอื่นใดทั้งสิ้น กำลังของความโลภก็ตาม กำลังของความโกรธก็ตาม กำลังของความหลงก็ตาม ไม่ยิ่งใหญ่เหนือกำลังของศีล

ขอให้พิจารณาให้ดี พิจารณาให้เกิดความอบอุ่นใจ ว่าศีลจะช่วยให้สามารถชนะกำลังของอะไรอื่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกำลังที่ใหญ่ยิ่งเพียงไหน ความจริงเป็นเช่นนี้ กำลังของศีลอาจเอาชนะกำลังอื่นใดได้ทั้งหมด

O คนอ่อนแอไม่มีกำลังเป็นผู้ที่ทำอะไรก็ไม่ไหวอย่าว่าแต่จะช่วยใครทำอะไรเลย แม้แต่ตนเองก็ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ไหว มีภัยเกิดขึ้นที่ควรต้องสู้หรือต้องหนี ก็ทำไม่ได้ทั้งสองประการ คือสู้ก็ไม่ไหว หนีก็ไม่ไหว แรงไม่มีจะสู้ แรงไม่มีจะหนี

ต้องตระหนกตกใจตัวสั่นขวัญหายรอรับความแรงร้ายทุกประการ ไม่ว่าจะเพียงบอบซ้ำเล็กน้อย หรือถึงแก่ชีวิต ผู้ไม่มีแรงจะสู้ไม่มีแรงจะหนี ก็ต้องยอมรับทั้งนั้น ศีลเป็นกำลัง ผู้ไม่มีศีลคือผู้ไม่มีกำลัง โทษที่จะได้รับเพราะไม่มีแรงกายไม่หนักเท่าผู้ไม่มีแรงแห่งศีล ไม่มีกำลังแห่งศีล.

O ผู้ไม่มีศีล แม้เหตุการณ์รอบตัวสงบเป็นปกติดีอยู่ ก็ยากจะรู้ว่าเป็นผู้ไม่มีกำลังเป็นผู้ที่อ่อนปวกเปียกไม่อาจป้องกันตัวได้เลย อะไรเกิดขึ้นก็จะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ดังเช่นหลาย ๆ คนต้องทำลายชีวิตตน ทิ้งผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดให้เป็นทุกข์โศกเศร้า เผชิญสภาพการเลวร้ายตามลำพัง

ผู้ทำลายชีวิต คือผู้ไม่มีศีล ๕ ข้อ ที่ ๑ เว้นจากการทำชีวิตให้ตกล่วง เพราะไม่มีศีลเป็นพื้นใจ ไม่มีศีลประจำใจ จึงไม่มีกำลังสู้สภาพที่ร้ายแรงไม่มีกำลังเอาชนะความคิดทำลายชีวิตตนเอง

O ใครที่เคยมีความคิดผ่านเข้ามา ว่าไม่อยากอยู่ในโลกอีกต่อไปแล้ว อยากตายให้พ้นความน่ากลัวนานาประการ เช่นความยากจน ความเป็นหนี้ ความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ ขอให้คิดถึงผู้ช่วยที่มีกำลังไม่มีที่เปรียบ คือ ศีล อย่ายอมตามง่าย ๆ โดยไม่เข้าหาที่พึ่งศีลเป็นที่พึ่งได้จริง ทำตนให้มีศีล เพียงศีล ๕ ชีวิตก็จะสวัสดี การทำลายชีวิตตนจะไม่เกิดขึ้นแม้มั่นใจว่าการรักษาศีล ๕ เป็นการสร้างเกราะป้องกันชีวิตให้พ้นจากความคิดร้ายแรงของตนเอง.

O การละเมิดศีล ๕ ข้อที่ ๑ นั้นเป็นบาปนักชีวิตใครใครก็รัก ชีวิตใครใครก็หวง ชีวิตใครใครก็ปรารถนาจะถนอมรักษาไว้ให้สวัสดี ความปฏิบัติละเมิดศีลข้อที่ ๑ ด้วยการทำลายชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นเป็นบาปเป็นความเศร้าหมองแห่งจิต

แต่การทำลายชีวิตตนเองเศร้าหมองยิ่งกว่า บาปหนักยิ่งกว่า ผู้ใหญ่ท่านว่าผู้ที่ฆ่าตัวตายนั้นจะต้องไปเกิดเป็นหมาบ้า ๕๐๐ ชาติ จริงหรือไม่จริง เชื่อไว้ก่อนก็ดีกว่า แม้มีศีลข้อที่ ๑ ให้มั่นคงเชื่อให้มั่นว่าศีลมีคุณสถานเดียว ศีลไม่มีโทษแม้แต่น้อย

แล้วปฏิบัติรักษาศีลข้อที่ ๑ ให้เคร่งครัด เว้นจากการฆ่าสัตว์ชีวิตสัตว์ทั้งปวง รวมทั้งชีวิตของตนเองด้วยผลแน่ๆ ก็คือจะได้ไม่ต้องไปเกิดเป็นหมาบ้า ๕๐๐ ชาติ ซึ่งคิดให้ดีคงจะเห็นว่าเป็นหมาบ้าเพียงชาติเดียวก็ยากจะทนได้อยู่แล้ว จะต้องไปเป็นถึง ๕๐๐ ชาติ จะไหวหรือ

เป็นหมาบ้า ๕๐๐ ชาติกับทนมีชีวิตที่ลำบากยากจนในชาตินี้เพียงชั่วเวลาน้อยนัก จะไม่ดีกว่าหรือ จะไม่น่าทนกว่าหรือ จะไปละเมิดศีลข้อที่ ๑ ถึงทำลายชีวิตตนเอง เพื่อไปเกิดเป็นหมาบ้า ๕๐๐ ชาติจะถูกละหรือ.

O พุทธศาสนิกผู้นับถือพระพุทธศาสนาที่มีปัญญารู้จักพิจารณาเหตุผล ย่อมเชื่อเรื่องภพชาติ ว่ามีทั้งอดีตชาติและอนาคตชาติ และย่อมเชื่อเช่นที่ปรากฏในพระพุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งด้วยว่า “ปราชญ์กล่าวว่าชีวิตนี้น้อยนัก”

คือชีวิตในชาตินี้ไม่ว่าจะยาวนานเป็นร้อยปีก็ตาม ก็ยังต้องกล่าวว่าเป็นชีวิตที่น้อยนักเมื่อเปรียบกับชีวิตในอดีตชาติ ที่มากมาย และสลับซับซ้อนจนนับไม่ถ้วน และที่จะต้องมีต่อไปในอนาคต แม้ไม่สิ้นกิเลสจบภพจบชาติเสียก่อน และเพราะการจะสิ้นกิเสลอันเป็นเหตุให้จบภพชาติมิใช่เป็นสิ่งจะพึงทำได้ง่ายๆ

ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าชีวิตนี้น้อยนักเมื่อเปรียบกับชีวิตในอนาคต ที่จะต้องมากมายจนนับภพนับชาติไม่ได้ได้ยินได้ฟังเรื่องนี้แล้ว ควรพินิจพิจารณาให้เห็นให้ชัดแจ้งตามความจริง และอย่าเพียงสักแต่ว่าเห็น แต่จงยอมรับและยอมกลัวภพชาติข้างหน้า ที่แม้ไม่เลือกสร้างสรรค์ให้ดีก็จะเป็นที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่ายอมเสี่ยงเป็นหมาบ้า ๕๐๐ ชาติด้วยการฆ่าตัวตายเป็นอันขาด เพราะน่ากลัวมากนัก

O ปฏิบัติรักษาศีลข้อที่ ๑ ให้จงดี เว้นขาดจากการทำลายชีวิตสัตว์ทั้งหลายและชีวิตตนเองให้ได้ จะลำบากยากจนเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวเพียงไร ก็จงตั้งใจให้มั่นว่าจะไม่ละเมิดศีลข้อที่ ๑ ตั้งใจให้มั่นว่าจะไม่หนีชีวิตเป็นทุกข์ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ที่ผิดศีลสำคัญ อันเท่ากับเป็นการทำลายกำลังที่จะปกปักรักษาชีวิตตนเองเพราะดังกล่าวแล้ว “ศีลเป็นกำลัง ไม่มีที่เปรียบ”


(มีต่อ ๑)
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

O เกี่ยวกับการรักษาศีล เพื่อให้ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ เพื่อให้ศีลเป็นอาวุธสูงสุด เพื่อให้มีศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด และเพื่อให้ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์ เพื่อให้ศีลมีกำลังพรั่งพร้อมทุกประการดังกล่าว

ขอให้ผู้ตั้งใจจริงจะให้ศีลปกปักรักษาให้งดงามสวัสดี จงประกาศความตั้งใจจริงของตนที่จะรักษาศีล แม้เพียงข้อ ๑ แล้วจงอ้างสัจจะอธิษฐานขอจงได้รับผลวิเศษของศีลดังกล่าวให้ครบถ้วน ความจริงใจที่อ้างเป็นสัจจะดังกล่าวจะบังเกิดผลงดงามตามปรารถนาทุกประการ.

O ศีลข้อที่ ๑ เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงแม้คิดแล้วปฏิบัติรักษาได้ไม่ยาก นอกจากจะเป็นผู้มีอาชีพที่จำเป็นต้องฆ่าสัตว์ จะไม่พูดถึงผู้มีอาชีพเช่นนั้น ซึ่งมีไม่มาก ที่มีมากกว่าคือพวกมีอาชีพอื่น ซึ่งมีจำนวนมากกว่ามากมายหลายเท่า ขอผู้ที่มีบุญเป็นพื้นฐานชีวิตอยู่แล้ว ไม่ต้องประกอบอาชีพทำลายชีวิตใคร

จงพยายามถือเอาโอกาสดีในชีวิตมาทำคุณทำประโยชน์ ทำบุญทำกุศลให้เต็มสติปัญญาความสามารถอย่าทำลายชีวิตเขา ไม่ว่าจะเป็นชีวิตเล็กชีวิตน้อยเพียงใดก็จงหลีกเลี่ยง อย่าเข้าไปแตะต้อง อย่าว่าแต่จะถึงกับให้เป็นให้ตายเลย แม้ทำให้บอบซ้ำไม่ว่าทางกายหรือทางใจก็อย่าทำ ทำสติให้ดี ระลึกไว้ให้มั่น ว่าจะไม่ทำชีวิตใดให้ซอกซ้ำด้วยฝีมือเรา

โดยเฉพาะชีวิตของเราเองด้วย และจงเชื่อเถิดว่าทันทีที่มีความตั้งใจจริงด้วยความรู้สึกเป็นบุญ คือด้วยเมตตาจริงใจ ทันทีทีเดียวที่จะเกิดผล แม้จะไม่อาจเห็นได้ด้วยสายตาสามัญชนเช่นเราท่านทั้งหลาย แต่สายตาอันเป็นทิพย์ของผู้เป็นทิพย์ทั้งปวงย่อมรู้ย่อมเห็น ย่อมอนุโมทนาสาธุการและย่อมบันดาลผลดีตอบสนอง ควรแก่ความหนักแน่นจริงใจในการตั้งจิตอธิษฐาน.

O ความทุกข์ยากกำลังครองโลก กำลังครองไทยแม้รู้สึกเช่นนี้ ก็ควรถือเป็นโอกาสดีที่จะได้อธิษฐานใจเป็นบุญเป็นกุศลช่วยตนเอง และช่วยประเทศชาติบุญมีจริง ผลบุญมีจริง กุศลมีจริง ผลแห่งกุศลมีจริงก่อนอื่นขอให้พยายามทำใจให้เชื่อเสียก่อน

เชื่อเพื่อประโยชน์ของตนเอง อย่าไปห่วงว่าจะเป็นการงมงายโง่เขลาในการมาเชื่อสิ่งที่แลไม่เห็นด้วยสายตา เชื่อ แล้วก็ทำ ทำบุญทำกุศล ด้วยวิธีที่สบายมาก คือทำใจให้ยินดีในการจะไม่เบียดเบียนชีวิตทั้งหลายหมด ที่เรียกว่าเป็นการปฏิบัติศีลข้อที่ ๑ นั่นเอง ศีลที่เป็นกำลังไม่มีที่เปรียบจริง.

O ในสมัยพุทธกาลมีเรื่องเล่า ที่มีผู้เคยได้ยินได้ฟังได้รับรู้มาแล้วเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องกำลังยิ่งใหญ่น่าอัศจรรย์ของศีลข้อที่ ๑ นี้ คือข้อละเว้นไม่ทำลายชีวิตสัตว์การให้ชีวิตสัตว์นี้แหละ

เรื่องก็คือ สามเณรรูปหนึ่งที่อยู่ปฏิบัติธรรมกับครูอาจารย์ มีความประสงค์จะไปเยี่ยมบ้าน ที่อยู่ห่างไกลออกไป ได้ไปกราบลาอาจารย์ท่านผู้เป็นอาจารย์นั้นปฏิบัติธรรมจริงจนได้อำนาจจิตอัศจรรย์ สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดแก่ชีวิตของศิษย์สามเณรได้ เมื่อสามเณรมาขออนุญาต ก็อนุญาตด้วยดี ด้วยความรู้ด้วยว่าสามเณรจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว เพราะหมดอายุแล้ว

แต่วันหนึ่งสามเณรก็กลับมาท่านผู้เป็นอาจารย์แปลกใจที่สิ่งที่รู้เห็นว่าจะจากไปไม่กลับมิได้เป็นความจริง จึงขอให้สามเณรเล่าเรื่องระหว่างการเดินทางกลับบ้านโดยตลอด สามเณรเล่าถึงเหตุการณ์ตอนหนึ่งว่า ขณะเดินไปนั้นพบปลาตัวหนึ่งเกยแห้งกำลังใกล้ตาย สามเณรได้ซ้อนไปปล่อยในน้ำ ปลาก็มีกำลัง มีชีวิตรอดอยู่ได้ และสามเณรเองก็พ้นจากความตาย

การให้ชีวิตจึงมีผลอัศจรรย์ทันที ถ้าเป็นการให้ชีวิต โดยไม่เป็นผู้ทำลายเสียเอง ผลย่อมยิ่งใหญ่กว่า กำลังของศีลย่อมปรากฏให้เห็นเป็นอัศจรรย์ยิ่งกว่าแน่นอน โดยเฉพาะการทำให้ชีวิตตนเองยืนยาวอยู่.

O เพียงชีวิตหนึ่งกำลังตกอยู่ในอันตรายมหันต์ถึงกำลังจะจบสิ้น ผู้พบเห็นไม่ดูดาย ยื่นมือเข้าช่วยประคับประคองชีวิตนั้น ผลบุญก็ยังใหญ่ยิ่ง สามารถยังชีวิตให้สวัสดีได้ การตั้งจิตคิดให้ชีวิตสัตว์ทั้งหลายพ้นจากการถูกเบียดเบียน ย่อมมีผลบุญยิ่งใหญ่กว่าอย่างประมาณมิได้

ชีวิตทุกชีวิตในโลกปัจจุบันกำลังตกอยู่ในห้วงมหันตภัย ไม่ยกเว้นแม้ชีวิตของเราห้วงมหันตภัย ไม่ยกเว้นแม้ชีวิตของเราทุกคนในประเทศไทยนี้ ที่เคยร่มเย็นเป็นสุข ไม่ใช่เป็นการตื่นตระหนกตกใจ และไม่ใช่เป็นการปลุกปั่นให้เกิดความหวาดกลัวจนเป็นความชุลมุนวุ่นวาย

แต่เป็นการพยายามช่วยให้เพื่อนผู้ร่วมทุกข์ทั้งหลาย ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ได้ใช้ความสามารถของตน ช่วยตน ให้สวัสดีได้แม้ความไม่สวัสดีจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เต็มไปทั้งโลก.

O สารพัดข่าวเล่าขานที่กำลังดังอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแสดงความมีเคราะห์มีภัยของผู้คนในโลกทั้งสิ้น จะจริงหรือไม่ ไม่พึงลังเลสงสัยปลงใจไม่ตก แต่ควรใช้วิธีของผู้มีปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้นับถือพระพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่ประกอบพร้อมด้วยคำทรงสอนของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงเป็นยอดของผู้มีปัญญา หาที่เปรียบมิได้

ไม่ว่าในโลกไหนทั้งนั้น วิธีที่ผู้มีปัญญาจะนำมาใช้ในขณะนี้ ที่กำลังเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ก็คือหาที่พึ่งที่คุ้มภัยได้จริง ซึ่งจะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากศีล เพราะศีลนั้นปราชญ์ท่านแสดงไว้ชัดแจ้งว่าเป็นเลิศในโลกขณะที่ผู้มีปัญญาเป็นผู้สูงสุด มนุษย์ก็ตาม เทวดาก็ตาม จะเป็นผู้ชนะ แม้มีศีลมีปัญญา.

O ปัญญาอันมีมาในแต่ละคนตั้งแต่เกิดนั้นอบรมให้เป็นปัญญายิ่งไม่ง่าย แต่ศีลปฏิบัติให้มีเป็นสมบัติของตนง่ายกว่า และคุณของศีลก็เป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไปยิ่งกว่าปัญญา
เพราะ

ศีล เป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ
ศีล เป็นอาวุธสูงสุด
ศีล เป็นเครื่องประดับอย่างวิเศษสุด
ศีล เป็นเกราะอย่างอัศจรรรย์
ศีล เท่านั้นเป็นเลิศในโลกนี้
ศีล เป็นคุณรวมกำลังอย่างเลิศ
ศีล เป็นเสบียงเดินทางอย่างสูงสุด
ศีล เป็นผู้นำทางอย่างประเสริฐสุดเพราะศีลมีกลิ่นขจรไปทั่วทุกทิศ
ศีล เป็นสะพานอันมีศักดิ์ใหญ่
ศีล เป็นกลิ่นที่ไม่มีกลิ่นอื่นยิ่งกว่า
ศีล เป็นเครื่องลูบไล้อันประเสริฐขจรไปทั่วทุกทิศ
ศีล ยังประโยชน์ให้สำเร็จตราบเท่าชรา
ศีล นำสุขมาให้ตราบเท่าชรา
ท่านว่าศีลนั่นเทียวเป็นความดี
ศีล เป็นเยี่ยมในโลกและปราชญ์พึงรักษาศีล



(มีต่อ ๒)
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:48 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

O ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์ นั่นก็คือเมื่อมีศีลศีลจะคุ้มภัยให้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก คิดดูง่ายๆ ก็ย่อมเห็นอยู่ ผู้มีศีลไม่เป็นทุกข์โทษภัยของใคร คือไม่ก่อทุกข์โทษภัยให้เกิดแก่ใคร ตรงกันข้ามผู้มีศีลคือผู้ป้องกันภัยให้ใครทั้งนั้น ในการเดินทาง หรือเข้าไปในที่เปลี่ยวปราศจากผู้คน แม้จะพบกับผู้ไม่มีศีลสักกี่คนก็ตาม อันตรายจะไม่เกิด

ตรงกันข้าม แม้พบกับผู้ไม่มีศีลที่มีกำลังกายกำลังอาวุธเพียงคนเดียว อันตรายก็จะเกิดได้อย่างไม่คาดคิด บรรดาข่าวฆ่ากันตาย ทำร้ายร่างกายกัน ข่มขืนกัน นั่นคือเครื่องแสดงถึงโทษของความไม่มีศีล จึงเป็นความไม่มีเครื่องป้องกันภัยให้แก่ผู้ใดในที่นั้น ที่ซึ่งไม่มีเกราะกันภัยคือศีล.

O ผู้มีศีลแม้เพียงข้อที่ ๑ ไม่เบียดเบียนชีวิตใครรวมทั้งชีวิตตน นั่นคือผู้มีศีลเป็นดั่งเกราะกันภัยมิให้เกิดแก่ชีวิตทั้งหลาย ไม่มียกเว้นแม้ชีวิตตน ศีลที่ผู้ใดมีจะคุ้มภัยเป็นเกราะให้ผู้อื่นด้วย เพราะผู้มีศีลจะไม่ทำใครให้เป็นทุกข์เดือดร้อน และยังจะช่วยผู้ต้องเดือดร้อนเพราะความไม่มีศีลของผู้อื่น ให้พ้นความเดือดร้อนได้ด้วย

มีตัวอย่างปรากฏอยู่มิใช่น้อย แม้พิจารณาให้จริงจังจนยินดีที่จะได้เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ยินดีที่จะได้เป็นเกราะกันภัยให้ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ตนเอง ตนเองจะไม่เป็นเหตุแห่งการสูญเสียชีวิตของตน ไม่ว่าจะต้องเผชิญความทุกข์ยากเพียงใด ศีลจะรักษาชีวิตไว้จนถึงวันสว่างข้างหน้า.

O ศีลสำคัญนักทุกข้อ แต่ข้อที่มีโทษหนักแก่ชีวิตตนและชีวิตผู้อื่นคือศีลข้อที่ ๑ ทำบาปด้วยการทำลายชีวิตย่อมหนักกว่าทำบาปด้วยการลักขโมย ผิดประเวณีหลอกลวงด้วยวาจาอันเป็นเท็จ และดื่มสุราเมรัยอันเป็นเครื่องดองของเมา พิจารณาศีลทั้ง ๕ ข้อ ย่อมเห็นได้ไม่ยากว่าการละเมิดศีลข้อที่หนักที่สุดต้องเป็นข้อที่ ๑

เพราะเกี่ยวกับความเป็นความตาย เกี่ยวกับชีวิต ซึ่งเป็นที่รู้จักดี ว่าชีวิตเป็นที่รักที่หวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใดอื่นทั้งนั้นการทำลายชีวิตเขาก็เท่ากับทำลายสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา กรรมของผู้ทำจึงต้องหนักหนาเช่นกัน เพียงแต่ว่าผู้สามารถละเมิดศีลข้อที่ ๑ ได้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ

ความหลงผิดทำให้เกิดความโลภ ความโกรธเมื่อไร ก็ก่อกรรมทำชั่ว เบียดเบียนชีวิตเขาได้เมื่อเป็นผู้พบเห็นได้ยินได้ฟังเรื่องน่าสลดสังเวชนี้เมื่อไร ทางที่ถูกต้องมองให้เห็นหน้าตาของกิเลส บอกตัวเองให้ได้ทันทีว่านั่นคือความน่ากลัวที่สุดของกิเลส

กิเลสจับผู้ใดได้เมื่อไร ผู้นั้นจะไม่เป็นตัวของตัวเอง จะสิ้นอิสรภาพ เป็นทาสของกิเลส และจะต้องทำทุกอย่างไปตามอำนาจของกิเลส ไม่กลัวคุก ไม่กลัวตะราง ไม่กลัวการพลัดพรากจากบ้านเมืองเรือนและผู้คนผู้เป็นที่รักไม่กลัวทั้งสิ้น

กิเลสมีอำนาจร้ายแรงนัก จักบัญชาให้ทำแต่สิ่งชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวได้ทุกอย่าง โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้ตกเป็นทาสเกิดความหวาดกลัวผลกรรม กิเลสน่ากลัวนัก ขอให้จำไว้และกลัวกิเลสให้มากๆ ระวังอย่าตกเป็นทาสของกิเลสเป็นอันขาด.

O ศีลข้อที่ ๑ เว้นการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง น่าจะเป็นการไม่ยากจนเกินไปสำหรับผู้นับถือพระพุทธศาสนาทั้งหลาย สำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องทำความเข้าใจให้ชัดแจ้งพอสมควร ก่อนอื่นควรจะสำนึกว่าสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงสอนให้ทำสิ่งที่ง่ายมากและมีคุณมีประโยชน์กว้างใหญ่ไพศาลมากทั้งแก่ตนเองและแก่ชีวิตอื่นทั้งหลาย

การปฏิบัติรักษาศีลข้อที่ ๑ ไม่มีการต้องสูญเสียอะไรเลย อย่างมากก็คงเพียงเสียเลือดไม่ถึงหยดให้แก่ยุงตัวน้อย หรือไม่ก็เสียผิวให้เป็นจุดแดงนิดดำหน่อยอันเกิดจากปากน้อยๆ ของมดหรือไม่ก็เสียยาทาแก้คันสักหยดสองหยด รวมทั้งอาจเสียแรงเกาให้หายเจ็บหายคันสักวินาทีเดียว เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นยังให้เป็นทานแก่ชีวิตไม่ได้

แล้วจะไปให้อะไรใครได้ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น มดยังต้องบี้ ยุงยังต้องตบ อ้างว่ากัดเจ็บ กวนลูก มีเชื้อโรค เหล่านี้เป็นเครื่องแสดงความอ่อนเมตตา เพียงตั้งใจว่าจะไม่ตบยุง จะไม่บี้มด จะไล่ จะเกา จะทายาให้หายเจ็บหายคัน จะไม่ทำหายเจ็บหายคันด้วยการตบให้ตายบี้ให้แหลกแล้วนั่นจะเป็นบุญที่หาได้ง่ายๆ .

O ความเดือดร้อนกำลังคืบคลานมาสู่โลกของเรามากขึ้นทุกที เราหนีไม่พ้น เพราะเราทุกคนยังอยู่ในโลก แต่เราสามารถสร้างเครื่องป้องกันความร้อนแรงมีให้กระทบกระเทือนเราได้ นั่นคือบุญ คือความดี เท่านั้นที่จะมีกำลังต้านทานความร้อนแรงทั้งปวงได้

อะไรที่เป็นบุญเป็นความดี แม้เพียงเล็กน้อยนิดเดียว ก็พึงทำเมื่อโอกาสมาถึง เมื่อโอกาสเปิดให้ทำได้ อย่าปล่อยให้โอกาสดีผ่านไป โดยอย่าคิดว่าเรื่องเล็กบุญน้อยไม่จำเป็นต้องสนใจไยดีทำ น้ำหยดเดียวย่อมทำให้น้ำเต็มโอ่งเต็มไหได้ ให้ชีวิตยุงตัวเดียวมดตัวเดียว บุญน้อยเมื่อเป็นตัวเดียวตัวเริ่มแรก แต่ให้ต่อไป ให้ตลอดไป บุญย่อมมากขึ้น มากขึ้น ที่เรียกว่าสั่งสมบุญนั่นเอง

สิ่งที่ทำง่ายน่าจะยินดีทำ ไม่น่าจะปฏิเสธ โดยเฉพาะในยามนี้ที่ควรทำทุกอย่าง ไม่ว่าเล็กว่าใหญ่ ไม่ว่าง่ายว่ายาก เพราะยามนี้บาปกำลังห้อมล้อมเราทุกคนอยู่อย่างหนาแน่น มีบุญเล็กบุญน้อยช่วยแทรกแซงไว้บ้างก็ย่อมดีกว่า.

O ศีลก็เช่นเดียวกับคนดีของดีทั้งหลาย คือมีทั้งคุณอนันต์ มีทั้งโทษมหันต์ ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของผู้เกี่ยวข้องกับศีล ความจริงศีลมิได้มีฤทธิ์มีเดชอยู่ในตัวผู้ปฏิบัติมีศีลที่จะทำให้ศีลมีฤทธิ์ในทางดี ส่วนผู้ปฏิบัติไม่มีศีลก็จะทำให้ศีลมีฤทธิ์ในทางร้ายนานาประการ

คนดีทั้งหลายก็เช่นกัน ขึ้นชื่อว่าคนดีย่อมไม่ทำตนให้เป็นโทษเป็นภัยแก่ใครทั้งหลาย แต่ถ้าผู้ใดปฏิบัติผิดต่อคนดีก็ย่อมได้รับผลไม่ดี ราวกับคนดีมีความร้อนแรงอยู่ในตัว เหมือนภาชนะที่ตั้งอยู่บนไฟ ผู้เข้าไปแตะต้องอย่างซุ่มซ่ามไม่ระมัดระวัง มือไม้ย่อมพองไหม้ ผู้มีปัญญารู้ความจริงนี้ จึงเตือนไว้ ว่าอย่าคิดร้ายพูดร้ายทำร้ายผู้ที่เป็นคนดี เพราะโทษจะเกิดแก่ตนเอง ดังปรากฏให้พบเห็นอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่ได้รับความสนใจนำไปเตือนตนเองเท่านั้น

O เคยมีผู้เล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งมีคดี หาทนายได้ก็บอกเล่าเรื่องราวให้ฟังตามเป็นจริง แต่ต่อมารู้สึกว่าทนายผู้นั้นจะไม่เหมาะกับคดี จึงขอเปลี่ยน ทำให้ทนายผู้นั้นโกรธมาก นำเรื่องราวที่ได้รับการบอกเล่าไว้ไปลงหนังสือพิมพ์ พร้อมกับลงชื่อผู้ขอเปลี่ยนทนายด้วย ทำให้ตกใจ ทั้งยังไม่ใช่เป็นการลงเรื่องราวตามเป็นจริงทั้งหมด หากแต่ได้บิดเบือนให้เสียหาย ทำให้ผู้ถูกแกล้งกลุ้มอกกลุ้มใจไม่แน่ใจว่าทนายผู้นั้นจะใช้เล่ห์เหลี่ยมต่อไปอย่างไรอีก

แล้วเหตุการณ์เป็นที่อัศจรรย์ใจก็เกิดขึ้นในเวลาเพียง ๒ วันต่อมา ทนายผู้นั้นนั่งรถเมล์โดยสารพาดแขนไว้กับขอบหน้าต่างรถ มีรถเมล์โดยสารอีกคันหนึ่งแล่นเฉียดแซงขึ้นหน้าไป จากหน้าโรงหนังเฉลิมกรุงขณะนั้น ไปถึงสะพานพุทธยอดฟ้าทนายผู้นั้นจึงรู้สึกตัว ว่าแขนขาด ซึ่งต่อมาได้รู้กันว่าไปตกอยู่ในรถคันที่แซงขึ้นไป และก็สายเกินไปแล้ว ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เลือดออกมาก เขาสิ้นใจในรถนั่นเอง ความโกรธแค้นของเขาที่จะทำลายผู้ไม่มีความผิดไม่ได้คิดร้ายต่อเขา จึงจบสิ้นลงเพียงนั้น.

O ผู้ที่เคยถูกทนายแกล้ง และทนายต้องประสบอุบัติเหตุถึงเสียชีวิตขณะพยายามแกล้งเขาโดยที่เขามิได้คิดร้ายต่อทนายผู้นั้นอย่างใด ได้เล่าเรื่องสืบเนื่องกับคดีของเขา ว่าในการขึ้นศาล เขาได้พบกับทนายฝ่ายตรงกันข้ามที่ตนมิได้เป็นฝ่ายผิด มิได้มีเจตนาจะทำร้ายผู้ใดมิได้คิดหาอุบายบิดเบือนคดีให้ผิดกลายเป็นถูกแต่อย่างใดเขาให้การไปตามความจริงทั้งหมด

เขาเล่าว่าเขามีความสุจริตใจต่อทุกคน แต่ทนายก็รุนแรงก้าวร้าวเขามาก ทั้งที่เขาก็เป็นผู้หญิง คดีนี้ก็ทำให้เขาอัศจรรย์ใจอีกเป็นอย่างยิ่ง เพราะในระหว่างดำเนินคดียังไม่จบสิ้นนั้นเองก็มีผู้ร้ายขึ้นไปบนสำนักงานทนายความผู้นั้น ใช้ขวานฟันหัวเขา จนเขาตายคาที่

เจ้าของผู้เล่าเรื่องแสดงความรู้สึกของเขา ว่าเขามั่นใจและภูมิใจในความเป็นคนดีมาตลอดอายุ ว่าผู้คิดร้ายทำลายเขา ทั้งที่เขามิได้คิดร้ายต่อแม้สักน้อย ต้องได้รับผลกรรมที่น่าสยดสยองนัก ความจริงจะเป็นเช่นไร ผู้เล่าเรื่องนี้บอกด้วยว่าไม่สนใจ แต่ภูมิใจและมั่นใจ ว่าผู้คิดร้ายต่อคนดีจริงย่อมไม่อาจทำให้สำเร็จ

ความดีคุ้มครองได้เป็นอัศจรรย์ และผลร้ายนักหนากลับเกิดแก่ผู้คิดร้ายกับผู้ไม่ได้มีความผิดร้าย แต่มีคุณมีประโยชน์ เรื่องนี้น่าที่จะเป็นกำลังใจให้ทำดีกันไว้ อะไรๆ ที่ร้ายแรงที่กำลังครอบคลุมโลกอยู่จะได้ไม่กระทบกระเทือนถึงชีวิตผู้ที่มีความดีคุ้มครอง

O เคยเล่าไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ถึงการมรณภาพของท่านพระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่ง ด้วยการถูกรถทับในรถมีผู้นั่งอยู่หลายคน แต่ท่านพระอาจารย์องค์นั้นมรณภาพเพียงองค์เดียว โดยมีล้อรถทับอยู่บนหน้าอก ผู้เป็นศิษย์ลูกหาของท่านรู้กันดีว่าท่านรู้ล่วงหน้าแล้ว และบอกเล่าแล้วไม่ต่ำกว่า ๓ ปี ว่าท่านจะต้องมรณภาพเพราะถูกรถทับ

เพราะท่านเคยขับเกวียนทับเด็กตาย โดยเจตนา และเมื่อถึงวันที่ท่านจะมรณภาพท่านก็ลงจากเขาอันเป็นที่ตั้งวัดของท่าน บอกลูกศิษย์ลูกหาว่าท่านอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เท่ากับท่านเตือนให้รู้ว่ากรรมนั้นมีจริง ทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นทำลายชีวิตเขา ชีวิตเราก็ต้องถูกทำลาย

O เมื่อมีข่าวการฆ่ากันตาย ควรเห็นความแรงร้ายของกิเลสที่เข้าจับคนนั้นคนนี้ให้เป็นทาส และบังคับให้เป็นฆาตกร ขณะเดียวกันก็อย่าลืมนึกถึงความน่ากลัวของกรรม ที่กว่าจะได้มาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ต่างได้กระทำกันมามากมายสลับซับซ้อน จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ผู้ที่มาถูกเขาฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตในชาตินี้ ใครเล่าจะรู้ว่าเขาผู้เป็นฆาตกรในชาตินี้จะเคยถูกเขาฆ่ามาก่อนหรือไม่ เรื่องของกรรมน่ากลัวนัก ผู้มีปัญญาจึงกลัวกรรม จึงหาทางหนีกรรม เพื่อไม่ให้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆ ในชาตินี้ภพนี้ และการจะหนีกรรมที่ไม่รู้ว่าได้ทำไว้หนักหนาเพียงไหน มากมายเพียงใด

ก็มีอยู่เพียงต้องตั้งใจทำบุญทำกุศล ทำความดีให้เต็มสติปัญญาความสามารถ ซึ่งอาจจะหนีกรรมพ้นได้บ้าง อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เท่ากับเป็นการวิ่งหนีขณะที่กรรมวิ่งไล่ และการวิ่งไล่ของกรรมนั้นไม่มีเหน็ดเหนื่อย ไม่มีต้องหยุดต้องพัก

ดังนั้นเมื่อผู้ไล่ไม่เคยหยุดไม่เคยหย่อน ผู้หนีที่ต้องการหนีให้พ้นมือพิฆาตก็ต้องไม่หยุดไม่พักเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะหนีไม่พ้นจะต้องถูกเจ้ากรรมนายเวรตามทันทุบตีถึงเป็นถึงตายก็มี จะโหดร้ายทารุณเพียงไหนอยู่ที่ได้ทำกรรมทำเวรกับเขามาหนักเบาเพียงไหน

ศีล ๕ ข้อที่ ๑ จึงเป็นอาวุธสำคัญสำหรับป้องกันตัว ไม่ให้ก่อกรรมทำเข็ญกับใคร ไม่ให้ต้องรับใช้กรรมที่ได้กระทำแล้ว อาจจะส่งผลในชาตินี้หรือชาติใดชาติหนึ่งในอนาคตอันไม่ไกลนักก็ได้ สมัยนี้พูดกันว่ากรรมส่งผลเร็ว ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า ฟังแล้วก็น่ากลัวมิใช่น้อย


(มีต่อ ๓)
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:49 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

O พระมหากรุณาคุณในสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นพ้นจะพรรณนา ศีล ๕ ที่ทรงแสดงให้รักษาก็เพื่อปกป้องรักษาทุกชีวิตให้ร่มเย็นเป็นสุข ให้ไม่ต้องมีการอาฆาตจองเวรติดตามล้างแค้นกันไปไม่สิ้นสุด ไม่ให้ต้องผจญกับความน่าสยดสยองนานาประการ โดยไม่สามารถหลีกหนีได้ เพราะตนเองเป็นผู้ก่อกรรมทำไว้

อาจจะนานแสนนาน ข้ามภพข้ามชาติจนผู้ทำเองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว หลงลืมหมดสิ้นแล้ว ทุกวันนี้ความล้มหายตายจากของมากมายหลายชีวิตด้วย เหตุร้ายต่างๆ ก็อาจเกิดแต่กรรมที่ได้พากันกระทำไว้ ที่มีผลให้ต้องรับสภาพน่าสยดสยองอย่างยิ่งและยิ่งวันจะยิ่งหนักหนาขึ้นเป็นลำดับ ไม่มีผู้ใดไม่กลัวโลกในอนาคตอันใกล้

แต่ผู้นับถือพระพุทธศาสนา หาควรต้องพลอยกลัวไปกับเขาด้วยไม่ เรามีที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีที่พึ่งใดเปรียบเสมอ และไม่มีพิษภัยใดจะอาจเอาชนะที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ของเราผู้เป็นพุทธศาสนิกชนได้

ศีล คือที่พึ่งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาพุทธเจ้าโปรดประทานไว้ให้แล้วด้วยพระมหากรุณาที่เปรียบมิได้จะพากันยอมรับสภาพที่น่าสะพรึงกลัวทำไม ทำไมไม่เทิดทูนศีลขึ้นปกปักรักษาก่อนจะสายเกินแก้

O เว้นจากการทำลายชีวิต เว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของไม่ให้ เว้นจากประพฤติผิดในภริยาสามีลูกหลานเขา เว้นจากเจรจาหลอกลวง และเว้นจากเสพสิ่งที่จะทำให้ขาดสติ

๕ ประการนี้คือศีล ๕ ที่รวมแล้วเป็นที่พึ่งที่ใหญ่ยิ่งที่ท่านกล่าวเป็นพุทธศาสนาสุภาษิต “ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์” เมื่อมาถึงเวลาที่หมดที่พึ่งอื่นใดแล้ว ก็น่าจะมีความคิดถูกคิดชอบยอมรับยอมเทิด ทูนศีลเป็นที่พึ่งให้พร้อมเพรียงกัน เพื่อให้เกิดคุณ กว้างขวางยิ่งกว่าที่กำลังเกิดโทษเกิดภัยกว้างใหญ่ไพศาลไปทั่วบ้านทั่วเมืองทั่วโลกจะได้ประจักษ์ด้วยตน เอง ว่าศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์จริง พระพุทธศาสนา สุภาษิตกล่าวไว้ไม่ผิดเลย .

O ผู้คนกำลังกลัวภัยที่กำลังคุกคามอยู่อย่างหนักที่เกิดให้เห็นแล้วบ้าง ที่มีการทำนายทายทักบ้าง ว่าโลกจะว่างในไม่ช้าแล้ว เพราะผู้คนกำลังจะพากันล้มตายหมด บางรายถึงกับบ่งบอกจำนวนเป็น ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ที่จะต้องตาย

นั่นก็คือจะเหลือมนุษย์ในโลกน้อยมาก เข้าตำราที่คนโบราณบอกเล่ากันมาว่าจะมีไฟบัลลัยกัลป์มาล้างโลก เมื่อมีโรคเอดส์เกิดขึ้น ว่ารักษาไม่หาย ตายเท่านั้น ก็คิดกันว่าโรคเอดส์ก็คือไฟบัลลัยกัลป์มาล้างโลกนั่นเอง

ครั้นต่อมาอุบัติเหตุเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน คร่าชีวิตไปเสียมากมาย ก็ยกให้เป็นตัวแทนไฟ บัลลัยกัลป์อีก กลัวกันไปทำไม ในเมื่อเรามีศีลในพระพุทธศาสนาของเรา ศีลที่จะปกปักรักษาให้พ้นภัยแก้ไขให้ความเลวร้ายทั้งหลายยุติได้จริง ถ้าพากันเทิดทูนศีลไว้เหนือชีวิตจิตใจจริง.

O การจะแก้ไขบ้านเมืองของเราให้พ้นสภาพน่าประหวั่นพรั่นพรึงนั้น ทำอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากต้องทำใจให้พ้นจากสิ่งที่ควรประหวั่นพรั่นพรึงที่สุด คือความไม่มีศีล คือความสกปรกด้วยความโลภความโกรธความหลง จนศีลไม่มีเกราะไว้คุ้มกันภัย แล้วความสวัสดีจะเกิดได้อย่างไรในท่ามกลางโลกที่มืดมิดด้วยภัยที่น่าสยดสยองยิ่งนัก.

O ถ้าเปรียบภัยที่คุกคามโลกอยู่ทุกวันนี้ว่าเป็นมารร้ายที่ต้องการการประหัตประหารด้วยอาวุธวิเศษศีลก็เป็นอาวุธสูงสุด ผู้มีศีลไม่มีบาปไม่มีกรรม มีแต่บุญแต่กุศล เพราะผู้มีศีลเป็นผู้ให้ชีวิต ไม่ตบยุง ไม่บี้มด ไม่ยิงนก ไม่ตกปลา ไม่ฆ่าคน เหล่านี้ล้วนเป็นบุญ เป็นการให้ชีวิต เป็นการให้ความสุข เป็นการให้ความปลอดภัย

แล้วผลที่จะเกิดสนองก็จะต้องตรงตามเหตุแน่นอนความสวัสดีไม่มีภัย อยู่ที่ไหนที่นั่นจะร่มเย็น แต่ก็จะเป็นอยู่ในขอบเขตเล็กๆ ที่แต่ละคนอยู่เท่านั้น

จึงควรต้องพร้อมเพรียงกันจำนวนมากปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีศีลให้เป็นผู้ให้ชีวิต และไม่เบียดเบียนเสียเงินทองของใครไม่เบียดเบียนจิตใจใคร ไม่หลอกลวงใคร และไม่ทำตนเองให้ขาดสติด้วยอำนาจของเครื่องดองของเมา อันอาจเป็นเหตุให้ละเมิดศีลทุกข้อได้ด้วยความไม่รู้ตัวเพราะขาดสติ

แม้มากคนมีศีลบริเวณร่มเย็นเป็นสุขย่อมใหญ่โตกว้างขวางกว่าคนเดียวมีศีล หรือน้อยคนมีศีล การพร้อมเพรียงกันเป็นจำนวนมากถือศีลจึงเป็นความเหมาะสมอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ที่อันตรายร้อยแปดกำลังคุกคามโลกอยู่อย่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก

O วันพระทีหนึ่ง พระท่านก็จะให้ศีลตามที่ได้รับอาราธนา ก่อนจะแสดงธรรม ก็จะมีผู้รับศีลบ้างไม่รับบ้าง และแม้รับก็จะรับเพียงครบ ๒๔ ชั่วโมง ตามธรรมเนียมนิยมกันเท่านั้น

นั่นนับว่าดีมากแล้วในยามที่บ้านเมืองมีความเป็นปกติสุข แต่ยามนี้พูดไม่ได้ว่าบ้านเมืองมีปกติสุข การถือศีลก็น่าจะเปลี่ยนไปตามสภาพของบ้านเมืองด้วย คือรักษาศีลไว้ให้ตลอดไปเหมือนมีเครื่องป้องกันตัวอยู่กับตัวตลอดเวลาที่อยู่ในท่ามกลางภัยร้อยแปด ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นจะป้องกันตัวให้พ้นภัยได้อย่างไร อาวุธต้องมีประจำตัว ต้องมีอยู่ในมือ ให้เสมอไป จึงจะปลอดภัยจึงจะช่วยบ้านช่วยเมืองให้พ้นผองภัยได้

O ความจริงนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธดำรัสไว้ ว่าจะไม่ทรงสอนสิ่งที่ทำไม่ได้ จะทรงสอนแต่ที่ทำได้เท่านั้น และแม้ท่านผู้เป็นพุทธศาสนิกทั้งหลายจะให้ความสนใจกับ ๕ ข้อ ของศีลที่ทรงโปรดประทานไว้ให้เป็นเครื่องปกป้องคุ้มครองชีวิต คุ้มครองโลก ก็จะได้รู้สึกว่ามิได้ทรงมอบสิ่งที่ยากเย็นเกินไปสำหรับปุถุชนทั้งหลายที่จะปฏิบัติ

เป็นจริงดังพระพุทธดำรัสที่ว่าทรงสอนแต่ที่ทำได้เท่านั้นนั่นก็คือเราทำได้ ศีล ๕ เราถือได้ด้วยกันทุกคน และมิใช่ว่าจะทำได้อย่างลำบากยากเย็นอย่างไร การถือศีล ๕ นั่นง่าย แต่ผลที่จะได้รับนั้นใหญ่ยิ่งนัก รักตัวเองรักชาติ รักพระพุทธศาสนา รักพระมหากษัตริย์ ตามนี้จะไม่มีวิธีแสดงความรักใดให้ผลยิ่งกว่ารักษาศีลให้จริงใจ ให้พร้อมพรั่งตั้งแต่วันนี้ บัดนี้ ก่อนที่บ้านเมืองจะตกอยู่ในภัยพิบัติยิ่งกว่านี้

O น่าจะทุกคนที่เคยรู้สึกว่าตนเป็นผู้มีเมตตามีน้ำใจเพื่อให้การรักษาศีล ๕ ง่ายสำหรับแต่ละคน ก็นำเมตตาหรือน้ำใจนั่นเองมาใช้ ใช้เมตตาหรือน้ำใจให้มากที่สุดแล้วก็จะไม่จำเป็นต้องแยกศีลออกไปเป็นข้อนั้นข้อนี้ก็ได้มีเมตตามีน้ำใจให้แผ่ไปกว้างขวาง อย่าเลือกเฉพาะต่อพวกพ้องน้องพี่ของตนเท่านั้น

เพราะการเจาะจงแสดงเมตตาหรือมีน้ำใจในขอบเขตนั้น จะนำเมตตามาช่วยให้การรักษาศีลง่ายขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเพื่อให้สามารถรักษาศีลได้ง่ายได้ครบอย่างบริสุทธิ์สะอาด ต้องอบรมเมตตาอบรมน้ำใจที่มีอยู่แล้วในหมู่พวกพ้องน้องพี่ให้กว้างใหญ่ไพศาล ปราศจากขอบเขตจึงจะช่วยประเทศชาติได้ด้วยการถือศีล ให้มีศีลเป็นเกราะกันภัยทั้งปวง

O ปราชญ์ในพระพุทธศาสนาท่านกล่าวไว้ว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก” นั่นก็ด้วยท่านนำไปเปรียบกับชีวิตที่ผ่านมาแล้วในอดีตชาติ และที่จะต้องไปผ่านอีกในอนาคต ซึ่งทุกชีวิตหนีไม่ได้ นอกจากจะไกลกิเลสแล้วสิ้นเชิงเท่านั้น จึงจะจบภพชาติได้

พึงนำคำกล่าวของปราชญ์ที่ว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก” มาช่วยประคับประคองศีลให้มั่นคงอยู่คู่ชีวิตจิตใจเราก็ได้ ชีวิตนี้น้อยนัก ไม่นานก็จะต้องละโลกนี้ ละทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในโลกนี้ ไม่สู่ภพชาติใหม่ สิ่งที่จะนำไปด้วยได้มิใช่สามีภริยา ลูก หลานเพื่อนสนิทมิตรสหาย สิ่งที่จะนำไปด้วยได้มิใช่ทรัพย์สินเงินทองของมีค่าที่ปรารถนากันนัก สิ่งที่จะนำไปได้คือ ความดีความชั่ว บุญบาป กุศลอกุศล เท่านั้น

ศีลเป็นผู้นำทางอย่างประเสริฐสุด ทุกชีวิตเป็นนักเดินทางจะต้องเดินทางอีกไกลแสนไกลด้วยกันแทบทั้งนั้นสิ่งที่ควรมีคือผู้นำทาง ซึ่งไม่มีทางใดจะประเสริฐเสมอด้วยศีล เพราะศีลมีกลิ่นหอมขจรไปทั่วทุกทิศ ผู้เดินทางที่มีศีลนำย่อมไกลจากความทุกข์ความเดือดร้อนเมื่อเราจะต้องพากันออกเดินทางแน่นอนแล้ว เราก็น่าจะเตรียมหาผู้นำทางที่ประเสริฐสุดของเราไว้ตั้งแต่บัดนี้คือเราต้องเริ่มเอาจริงในการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ตั้งแต่บัดนี้โดยพร้อมเพรียงกัน


(มีต่อ ๔)
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 02 ม.ค. 2008, 7:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

O การละเมิดศีลข้อใดข้อหนึ่งก็ตาม ไม่ได้อะไรที่มีคุณค่าจากการละเมิดนั้นเลย ตรงกันข้ามจะได้แต่ความเศร้าหมอง สกปรก จะได้แต่ศัตรูที่ปราศจากชีวิตและศัตรูที่ปราศจากชีวิตและศัตรูที่ยังมีชีวิตอยู่

เพราะศีลทุกข้อแม้ละเมิดก็จะเป็นการกระทบกระเทือนผู้อื่นแน่นอน จะเบียดเบียนชีวิตใด ขอให้เมตตา และขอให้กลัวความรู้สึกจากผู้ถูกเบียดเบียนถึงชีวิต ว่าอาจมีพยาบาท อาจมีการติดตามจองเวร แม้ข้ามภพข้ามชาติแล้วก็อ้างยังไม่หยุดติดตามยังมีความอาฆาตพยาบาท เป็นกำลังผลักดันให้ได้แก้แค้น

เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว เคยมีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ที่น่าสนใจข่าวหนึ่ง เป็นเรื่องเกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครนำนักเรียนไปทัศนาจรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นักเรียนหญิงผู้หนึ่ง อายุสิบกว่าขวบเท่านั้นเกิดอาการเปลี่ยนแปลงไปมาก จากเด็กผู้หญิงนักเรียนไทยกลายเป็นมีกิริยาท่าทางชอบกล

ทั้งยังพูดจากราดเกรี้ยวไม่กลัวใครความว่าเขาเป็นวิญญาณพม่า ถูกทหารไทยฆ่าตายในการรบเมื่อร้อยปีกว่าปีมาแล้ว เขาโกรธแค้นมาก วิญญาณไปไหนไม่ได้ ไปผุดไปเกิดก็ไม่ได้ เพราะนอกจากจะฆ่าเขาแล้ว ทหารไทยผู้นั้นยังสับร่างเขาเป็นท่อนๆ ทิ้งไว้ให้เป็นผีเฝ้าอยุธยา เขารอจะแก้แค้นทหารไทยผู้นั้นอยู่นานนักหนา เพิ่งจะได้พบอยู่ในร่างของเด็กหญิงเขาจะต้องฆ่าให้ได้ ให้หายแค้น

คุณหลวงสุวิฌานที่มีความสามารถในเรื่องวิญญาณ เป็นผู้เข้ามาขอชีวิตเด็กหญิง ไว้ ด้วยการอธิบายเหตุผลร้อยแปด แต่ไม่สำเร็จมาสำเร็จเมื่อคุณหลวงให้นำเลือดจากตัวเด็กหญิงให้เขาเห็นโดยใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดออกจากกายเด็ก แล้วเทใส่ใบไม้ส่งให้วิญญาณในร่างเด็ก

นั่นแหละวิญญาณจึงยอมออกจากร่างเด็กไป เป็นการอโหสิกรรม เรื่องนี้จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม ก็ควรรักษาตัวให้สวัสดีก่อนจะดีกว่าชาตินี้ไม่มีวิญญาณใดมาตามจองเวรก็นับว่ามีบุญนักแล้วอย่าเบียดเบียนชีวิตใครให้ต้องเสี่ยงถูกติดตามแก้แค้นในภพชาติข้างหน้าต่อไปอีกเลย จะดีที่สุด

O ศีลข้อที่ ๒ ให้เว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ยกให้ การละเมิดศีลข้อนี้ทำกันง่ายและชอบทำกันจนเคยตัว การโกงกินทุกอย่างเกิดแต่ความไม่พอ มีเท่าไรก็ไม่พอ มีโอกาสเป็นลักเป็นขโมยเป็นฉ้อโกงเป็นกอบโกย

ชื่อเสียงไม่ถือว่าสำคัญกว่าเงินทองของมีค่า เป็นไปได้หรือไม่ที่เมื่อกรรมส่งผล ก็ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวทนรับสภาพนั้นไม่ได้ ศีลข้อที่ ๑ ไม่เคยนึกถึงมาก่อนชีวิตก็จะจบลงด้วยฝีมือตนเองได้ ดูให้ตลอดสายก็จะเห็นว่าการละเมิดศีลข้อที่ ๒ เป็นเหตุให้ละเมิดศีลข้อที่ ๑ ด้วย

ชีวิตใหม่ในภพภูมิใหม่ ใครเล่าจะรู้ว่าทุกข์ร้อนเพียงไหน จะยาวนานสักเท่าไร กี่ภพกี่ชาติก็ยากจะกำหนดรู้ได้ถึงความทุกข์ร้อนที่ผู้ละเมิดศีลข้อที่ ๒ แล้วสืบเนื่องไปถึงศีลข้อที่ ๑ ถึงทำลายชีวิตตนเอง ทั้งๆ ที่เป็นที่รักของตนยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ยิ่งกว่าชีวิตใด

การละเมิดศีลมิใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องใหญ่ ที่ให้ผลน่ากลัวนัก ควรที่จักอย่าเห็นศีลเป็นเรื่องไร้ความหมายศีลสำคัญมาก พระพุทธศาสนสุภาษิตกล่าวถึงศีลไว้ด้วยว่า “ศีลเป็นเยี่ยมในโลก” ควรจะคิดถึงความจริงนี้เพื่อความสวัสดีของชีวิต.

O การละเมิดศีลข้อที่ ๑ นั้นอาจเกิดได้จากมีการละเมิดศีลข้อที่ ๓ เป็นเหตุสำคัญประการหนึ่ง ฆ่ากันตายเสียนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแต่ละเมิดศีลข้อที่ ๓ และก็ยากจะชี้ลงไปได้ว่าผู้ที่ถูกละเมิดด้วยการผิดศีลข้อที่ ๓ นั้น ได้เคยละเมิดศีลข้อที่ ๓ นี้มาในชาติใดก่อนหรือไม่

ทำไมจึงไม่ใช่ทุกคนไปที่จะถูกละเมิดในเรื่องนี้ ที่ทำให้อับอายขายหน้า เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ ถ้าเชื่อเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมก็น่าจะเชื่อได้ ว่าผู้ไม่ทำเขาก่อนน่าจะไม่ถูกเขาทำ จะผิดจะถูกหรือไม่ ไม่สำคัญ

สำคัญที่ว่าควรคิดไปให้สามารถยอมรับความจริงประการสำคัญ คือทำกรรมใดไว้ย่อมต้องได้รับผลของกรรมนั้น ตั้งใจให้มั่น ให้เป็นสัจจะว่าจะไม่ทำอีกที่ทำแล้วได้ชดใช้แล้ว ก็จะจบสิ้น ชีวิตมีวันได้เป็นสุขแน่นอน

O การทำความเจ็บซ้ำน้ำใจให้เกิดแก่ผู้ใดผู้หนึ่งอย่างมากมาย ย่อมเป็นไปได้ที่วันหนึ่งจะต้องได้รับความเจ็บซ้ำเช่นเดียวกัน และเราก็จะไม่ยอมรับรู้ว่านั่นเป็นผลแห่งกรรมที่เราได้ทำไวเอง แต่จะโทษว่าเขาเป็นฝ่ายมาทำเราให้เจ็บซ้ำน้ำใจอย่างปราศจากเหตุผล แล้วก็คิดอาฆาตมาดร้าย จะหาทางทำลายเขาต่อไป

ความสุขจึงเกิดยากมาในโลกมนุษย์นี้ เหมือนคนทำผิดแล้วไม่ยอมขอโทษ ผู้ต้องเสียหายจะต้องพากันต่อต้าน ความยุ่งยากเดือดร้อนในโลกนี้มีสืบเนื่องกันตลอดมา ไม่รู้จบไม่รู้สิ้น ทำให้จบสิ้นเสียเถิด ด้วยการตั้งสัจจะว่าจะไม่ละเมิดศีลให้เป็นการเบียดเบียนผู้ใดอีก

O ที่มีสัมมาทิฐิเคยให้คำแนะนำไวด้วยความปรารถนาดีต่อลูกหลาน ว่าก่อนนอนให้กราบพระรัตนตรัย คือกราบสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบพระธรรม คำทรงสอน กราบมารดา บิดา ครูอาจารย์ กราบผู้มีพระคุณ กราบพรหมเทพและกราบเจ้ากรรมนายเวร

กราบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามสมเด็จพระบรมครู ท่านสอนว่าให้กราบอย่างนอบน้อม กราบด้วยจิตใจจริง ความอ่อนน้อมจริงใจจะสามารถคลี่คลายความโกรธแค้นขุ่นเคืองพยาบาทมาดร้ายได้ ดีกว่าคำกล่าวขอโทษด้วยปาก มิใช่ด้วยใจ มิใช่ด้วยกิริยา.

O ผู้เป็นดีมีวาจาสัตย์บางคนพบว่าคำพูดของตนไม่เป็นที่เชื่อถือ แม้ในหมู่ผู้ใกล้ชิดที่คุ้นเคยรักชอบกัน เมื่อหาเหตุไม่ได้จริงๆ ก็น่าจะหันเข้าหากรรม ใครเล่าจะรู้ว่าในภพชาติก่อนๆ คนนั้นจะเป็นคนช่างหลอกลวงสักเพียงไหน

ผลทุกอย่างต้องมาแต่เหตุ และเหตุทั้งปวงก็ไม่พ้นการละเมิดศีล ๕ อาจจะข้อใดข้อหนึ่งก็ได้ถ้าเป็นการพูดจาเรื่องไม่สำคัญ ความไม่เชื่อของผู้ฟังก็ไม่เสียหาย แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ก็ย่อมเสียหายได้เป็นอันมาก

สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระกรุณา และทรงมีความรอบคอบละเอียดอ่อนยิ่งนัก จึงทรงบัญญัติศีลขึ้น เพื่อให้ผู้เทิดทูนพระวาจาของสมเด็จพระบรมครูสามารถถือเอาประโยชน์ได้อย่างยิ่งได้มีความสุขสมบูรณ์พร้อมด้วยอานุภาพของศีล ที่เป็นเลิศในโลกนี้

O ศีลข้อที่ ๕ ในศีล ๕ มีความสำคัญเป็นอันมาก ท่านแสดงไว้ว่าการทำตนให้มึนเมาขาดสติ คือการเตรียมชีวิตให้เป็นชีวิตที่บกพร่องอย่างสำคัญ อาจถึงขั้นเป็นผู้เสียสติได้ ใครเล่าจะปฏิเสธได้ว่าผู้เสียสติทั้งหลายที่มีอยู่ไม่น้อยในภพชาติปัจจุบัน จะไม่มอมเมาตัวเองด้วยเครื่องดองของเมามาแล้วในอดีตชาติ ชีวิตนี้น่ากลัวนักแม้ปราศจากศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์ ที่จะคุ้มกันให้สวัสดี

O ความสวัสดีของประเทศชาติเรา อยู่ในมือเราทุกคน ควรยื่นมือออกประคับประคอง ด้วยอาศัยกำลังที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานไว้ให้แล้ว นั่นคือศีล ยินดีพร้อมเพรียงกันรักษาศีลให้จริงจังแต่บัดนี้เถิด จะได้เชื่อว่าเป็นปราชญ์ ผู้มีคุณต่อประเทศชาติ ซึ่งท่านแสดงไว้ในพระพุทธศาสนาสุภาษิตชัดเจนว่า “ปราชญ์พึงรักษาศีล”

O ปีใหม่นี้ ความสุขหาได้ยากในประเทศชาติของเรา เช่นเดียวกับในโลก ขอจงพร้อมใจกันทำประโยชน์ยิ่งใหญ่ช่วยชาติ ช่วยไทย ด้วยการตั้งสัจจะถือศีลให้บริสุทธิ์ให้จงได้ จะได้ไม่ต้องเสียดายชีวิตที่เกิดมาเป็นคนไทย พบพระพุทธศาสนาที่ประเสริฐสุด ไม่มีที่เสมอ


ขออำนวยพร


สาธุ สาธุ สาธุ

เจริญธรรมครับ.. ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
ธำรงค์ศักดิ์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 03 ม.ค. 2008
ตอบ: 39
ที่อยู่ (จังหวัด): สระบุรี

ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2008, 12:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีปีใหม่ครับคุณท่าน I AM ระลึกถึงเสมอครับ
ขอให้ผลบุญทั้งหลายที่คุณท่านทำอย่างมั่นคงมาตลอด นำท่านถึงซึ่งนิพพานโดยเร็วพลัน
โมทนาบุญอย่างสูง
 

_________________
จงทำจิตให้ผ่องใสอยู่เสมอ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 07 ม.ค. 2008, 3:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีปีใหม่ครับ คุณธำรงค์ศักดิ์
ขอให้พรนั้นได้แก่คุณเช่นเดียวกันนะครับ


สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง