|
|
|
|
ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
วีรยุทธ
บัวทอง
เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1790
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร
|
ตอบเมื่อ:
17 ธ.ค.2007, 1:22 pm |
|
มหามงคลวัตถุแห่งชาติ
ที่คุ้มครองประเทศได้หมดทั้งแผ่นดินของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน!?!?!?!
เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2526-2528 ก่อนหน้าโน้น อันเป็นสมัยแรกๆ ที่ผู้เขียนเลือกสืบเสาะแสวงหา พระในดวงใจเพื่อมาเป็น ครูอาจารย์นั้น ผู้เขียนก็ได้โอหังบังอาจอุตริตั้งกฏเหล็กในการเลือกสรรค์ไว้อย่างเข้มงวด ให้ตรงกับ จริตและ วาสนาตลอดจน ศรัทธาของตนเองเป็นหลายข้อหลายปราการด้วยกัน กล่าวโดยย่อก็คือ
1. ต้องเป็นพระอริยเจ้าชั้นสูง เพื่อเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐอันยิ่งแก่เรา
2. พระอริยเจ้าองค์นั้น ต้องผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ มีจริยาวัตรอันบริสุทธิ์ผุดผ่องตามพุทธวินัยแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด
3. พระอริยเจ้าองค์นั้น งามทั้ง รูป งามทั้ง นาม คือต้องมี วาสนาสูง(ใจสูงใจกว้าง) ทั้งกริยามารยาทก็ต้องงดงามเรียบร้อยอย่าง ผู้ดีโดยเนื้อแท้ ชนิดที่ได้กราบได้ไหว้ได้ใกล้ชิดแล้ว ก็ให้เป็นที่เจริญหู เจริญตา เจริญใจ จนถึงก้นบึ้งแห่งจิตวิญญาณได้ตลอดชั่วกาลนาน
4. พระอริยเจ้านั้น ต้องมี ธรรมปัญญาอันปรีชา สามารถไขข้อข้องใจในธรรมได้เป็นอย่างดี
5. พระอริยเจ้านั้น ต้องได้รับ การันตีจากบรรดาท่านผู้รู้ไว้อย่างแน่ชัดและกว้างขวางด้วย
6. พระอริยเจ้านั้น ต้องเป็นผู้มีอิทธิจิตฤทธิ์อำนาจสูง สามารถทำฤทธิ์อันน่าตื่นตาตื่นใจให้เป็นที่ประจักษ์ได้
7. พระอริยเจ้านั้น ต้อง ปลุกเสกได้ อีกทั้งมีของดี(พระเครื่อง)แจกแก่ผู้ที่ยัง ติดในวัตถุอย่างแรง เฉกเช่นตัวของผู้เขียนได้ด้วย(อันนี้สำคัญม๊าก มากจ๊ะ!!!!)
ในสมัยนั้น แม้จะยังมีพระอัจฉริยเจ้าผู้ทรงคุณธรรมอันสูงส่งดำรงขันธ์อยู่เป็นอันมากก็ตาม แต่ ในเมื่อได้ล็อคสเป๊กตีกรอบไว้อย่างหนาแน่นที่สุดตามมติบ้าส่วนตัวไว้ถึงเพียงนี้แล้ว จึงเป็นเหตุให้ผู้เขียนได้เดินไปเป็น เส้นขนานกับพระอริยเจ้าองค์สำคัญยิ่งองค์หนึ่งมาตลอดโดยปริยาย นั่นก็คือพระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานีนั่นเองแม้ หลวงตาจะมี อธิคุณเพียบพร้อมและสูงล้ำ จนสามารถฝ่า กฏเหล็กในทุกสิ่งดังว่า เกือบหมดก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่ท่าน ไม่มี, ไม่ทำและ ไม่ให้ตามใจกิเลสตัณหาของผู้เขียนแต่เพียงอย่างเดียว ก็คือ ของดีหรือ พระเครื่องนั่นแล????? เพราะหลวงตาท่านมีแต่ ธรรมให้แต่เพียงล้วนๆเพียวๆเท่านั้น
ใครที่คิดอ่านไปขอ รูปวัตถุจากท่าน ก็มีหวังโดน ฟ้าผ่าเปรี้ยงๆดังเสียงฟ้าฟาด ใส่กลางกระหม่อมตายคาที่อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้เขียนก็เลย ถอดใจ พลางถอยกรูดๆๆๆๆอย่างไม่เป็นขบวน
ถอยดีกว่า.............................. ไม่อาววววดีกว่า............................... ก็ของมันชอบนี่นา จะทำไงได้ล่ะคร้าบเรื่องของเรื่อง ผู้เขียนก็เลยระเห็จไปลงล็อคที่ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรแห่งสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่มี คุณสมบัติแห่ง พระในฝันดังว่าครบถ้วนตามสเป๊คทุกอย่างไปด้วยประการฉะนี้.......
แต่แม้กระนั้น ผู้เขียนก็ใช่ว่าจะลืมเลือน หลวงตาแต่อย่างไรก็หามิได้ หากพอมีเวลาว่างเมื่อไร ผมก็จะ ชะแว๊บมากราบมาทำบุญตักบาตรฟังธรรมที่สวนแสงธรรมบ้าง หรือบางคราวช่วย ล้างเท้าเช็ดเท้าหลวงตากับลูกศิษย์ท่านกลุ่มใหญ่หลังบิณฑบาตรบ้างฯลฯ ตามสมควรแก่กาล แต่นั่น ก็เป็นเพียง ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น หาได้ ตามติดฉันศิษย์อาจารย์แต่อย่างไรไม่ จนกระทั่งกาลเวลาได้ เลยเถิดมาจนถึงปีพ.ศ. 2541 อันเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยต้องประสพกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง จนหลวงตาท่านได้ เปิดตัวออกหน้ามา ช่วยชาติ อย่างเต็มกำลัง นั่นแหละ จึงทำให้ผมเริ่มได้รู้ว่า หลวงตามหาบัวองค์นี้ มีดีและ มีฤทธิ์อันวิเศษที่ พิเศษกว่าธรรมดาๆอย่างที่เคยคิดไว้อีกเยอะมากๆๆๆๆๆ............
ขอย้ำคำว่า มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆไว้ตรงนี้ก่อนเลยด้วย
หากไม่เชื่อ ก็ลองอ่านเรื่องราว คัดพิเศษจากหนังสือ มหาบุรุษฯอย่างย่นย่อที่สุดที่จะขอไล่เรียงมาโดยลำดับดังนี้ดูเอาเองเถิดครับ
1. นิมิตมืดครอบประเทศ ก่อนการช่วยชาติ
ต้นปีพ.ศ. 2541 ซึ่งเป็นเวลาที่ประเทศไทยกำลังถูกโจมตีด้วย สงครามเศรษฐกิจจากต่างชาติอย่างรุนแรงที่สุด อาณาประชาราษฏร์เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ฐานะทางการเงินของประเทศใกล้ถึงกาลอวสาน ซึ่งการทั้งนั้น ก็ได้ไป กระเทือนถึง ญาณพระอรหันต์ของหลวงตามหาบัว ที่ได้ นิมิตอันน่าขนพองสยองเกล้าจากสมาธิภาวนา และได้เล่าให้พระลูกศิษย์ฟังเป็นการส่วนตัวที่สุดในเวลาต่อมาว่า ปกติทุกคืน เราเข้าสมาธิภาวนาเพื่อเป็นวิหารธรรม แผ่เมตตาจิตแก่สรรพสัตว์ทั้งมวล อำนาจจิตนี้แผ่ไปไม่มีประมาณ ทะลุแผ่นดินแผ่นฟ้าได้หมด ไม่มีอะไรขวางกั้นจิตบริสุทธิ์อิสระได้ในสามแดนโลกธาตุนี้........
แต่คืนนั้น จิตก็ประหวัดถึงประเทศชาติบ้านเมืองที่อาศัยเกิดอยู่มาเป็นเวลานาน กำลังวิกฤตด้วยหนี้สินเป็นแสนล้าน เกิดความห่วงโลกห่วงสงสาร.....
ในนิมิตภาวนานั้นปรากฏว่า ประเทศชาติบ้านเมืองมืดครึ้ม ประหนึ่งว่า อุ้งหัตถ์แห่งพญามารที่กางเล็บไว้รอบปฐพีมณฑลไทย คอยแต่ที่จะบีบรัดผู้อยู่ภายใต้ให้ตายได้ในเร็วพลัน
ใช้จิตดวงอ่อนนิ่มพิจารณาแผ่เมตตาไปทางใด มีแต่ความมืดดำปกคลุมหุ้มห่อ ประหนึ่งว่าจะหมดหวังในแสงสว่าง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีอะไรขวางกั้นทางเดินแห่งจิตที่มีเมตตาครอบโลกธาตุนี้ได้เลย พิจารณาแผ่เมตตาครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 พญามารตัวมืดบอด จ้องทำลายสรรพสัตว์บนพื้นโลก ก็หายอมรับเมตตาและอรรถธรรมอันนั้นไม่....
กำหนดจิตพิจารณาหาใครหรือผู้ใด ที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระและจุดประกายให้แสงสว่างแก่ประเทศชาติที่ดำมืดครึ้มนั้นก็ไม่เห็นมี ประหนึ่งว่า หมดหวังแล้วหนอ ชาติบ้านเมืองคราวนี้ ถึงคราวที่จะสูญสลายสิ้นชาติและศาสนาที่ให้ความร่มเย็นแก่โลกมาเป็นเวลานาน มองไปช่องทางใด ก็มีแต่ความมืดมิดปิดตา...
2. ไม่มีใครช่วยได้นอกจาก.....
เมื่อไม่เห็นผู้ใดที่พอจะช่วยได้แล้ว จึงกำหนดจิตย้อนเข้ามาในตน ปรากฏว่าเห็นเป็นแสงสว่างเพียงหิ่งห้อย จึงกำหนดจิตเข้าไปตามลำแสงอันน้อยนิดนั้น ลำแสงนั้น รูเล็กคับแคบก็จริง แต่เมื่อกำหนดตามลำแสงนั้นออกไปจนสุดทางแห่งความมืดที่อุ้งหัตถ์แห่งมารปกคลุม ปรากฏว่า แสงสว่างจ้าโล่ง โปร่ง สดใสเบิกบาน เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ... ซึ่งหลวงตามหาบัว ได้เล่าต่อไปอีกว่า แสงเพียงหิ่งห้อยนั้น ก็คือองค์ของท่านหลวงตานั่นเอง..!!!!! นอกจากนี้ หลวงตาท่านยังกล่าวต่อไปอีกด้วยว่า .... มองไปทางไหน ก็มองไม่เห็นใครจะเป็นผู้นำชาติไทยให้ขึ้นจากหล่มลึก สุดท้ายก็มาโดนหลวงตาบัว หลวงตาบัวมีช่องแคบๆเท่านี้ วาสนาน้อย ไม่ได้กว้างขวางอะไร ช่องแคบๆ แต่ช่องนี้เป็นช่องแห่งความปลอดภัย มีเท่าไรไหลเข้าสู่คลังหลวงหมด ไม่มีตกค้างตรงไหน ไอ้ช่องกว้างๆ มันลงพุงหลวง(รับประทานโกงกิน)ไปเสียมากต่อมาก หลวงตาเลยต้องเข้ามาช่วยประเทศไทย ทั้งๆที่ในเวลานั้น เรากำลังป่วยหนัก เกี่ยวกับโรคมะเร็งลำไส้ขั้นสุดท้าย ถ่ายวันละ 10 กว่าครั้ง หมอบอกว่า ไม่รอด จึงมีความปริวิตกว่าถ้าหลวงตาบัวยังไม่ตาย เมืองเรายังจมไม่ได้ นี่คือกำลังใจของเรา มันจะพยายามแหวกว่ายเอาให้ได้ ส่วนร่างกายไม่ต้องพูดถึงเลย มันหมดสภาพแล้ว ที่อยู่ได้เพราะกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น....
3. ไม่ช่วยชาติไม่ได้หรือ???
มีบางคนถามว่า ทำไมหลวงตามหาบัวต้องมาช่วยชาติ ไม่ช่วยไม่ได้หรือ??? หลวงตาท่านได้เมตตาตอบว่า เหมือนเราเดินไปนี่ เห็นคนตกน้ำ เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาตกน้ำเองต่างหาก(เสือกโง่โดนฝรั่งหลอกให้หมดตัวเอง- ผู้เขียน) แล้วเราจะช่วยเขา หรือเราจะไปเฉยๆ ถ้าเราจะไปเฉยๆ มันก็ขาดเมตตาธรรม คนมีคุณธรรมก็ต้องช่วยกัน ยิ่งชาติบ้านเมืองที่คนทั้งชาติตกน้ำดำผุดดำว่ายอยู่ เราจะไม่ช่วยฉุดลากขึ้นได้ยังไง..???? และ ภารกิจช่วยชาติเราต้องทำ จึงจะนำสมบัติเข้าคลังหลวงได้ครบครัน ไม่มีรั่วไหลแตกซึม จึงจำเป็นต้องขายตัวเพื่อชาติ ประกาศตัวเป็นผู้นำชาติ ไม่งั้น ก็จะไม่พูดเพื่อให้ความมั่นใจแก่คนทั้งหลาย...
4. คัดค้านรวมบัญชี
เมื่อหลวงตามหาบัว ได้บิณฑบาตทองคำและเงินดอลล่าห์เข้าสู่คลังหลวงฝ่ายออกบัตร เพื่อ ค้ำค่าเงินของประเทศมิให้ รูดมหาราชจนถึงขั้นมหาวินาศได้นับเป็น พันๆล้านบาท แล้ว เมื่อปีพ.ศ. 2543 หลวงตาก็ต้องยอม เปลืองตัวให้ประชาชนที่ไม่เข้าใจ กระแนะกระแหนและ ด่ากระทบกระเทียบเปรียบ
เปรยอย่างไม่ต้องนับ จากการที่ท่านคอย ปกป้องเหลือบตัวใหม่ ที่คิดอ่านจะ แทะและ ละลายสมบัติของประเทศให้วินาศสูญสิ้นไปโดยเร็วอีกครั้งโดยการ รวมบัญชี เพื่อเอา เงินคงคลังจาก ฝ่ายออกบัตรที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานไว้ให้เป็นประเดิม เพื่อ ค้ำค่าเงินให้มีค่าจริงๆ (ไม่ใช่เป็นเพียงแบงค์กงเต็ก) มารวมกับ เงินอิสระของ ฝ่ายการธนาคาร(ที่แบงค์ชาติสามารถใช้ได้โดยอิสระ) เพื่อไป ใช้หนี้ไอ.เอ็ม.เอฟ ตามที่ ฝรั่งมีหนวดนักโจมตีค่าเงินรายใหญ่ของโลกตัวหนึ่ง วางแผนหลอก ด้วยหมายจะให้ประเทศไทย เงินไหลออกจนหมดประเทศจนถึงขั้นล้มละลายไปเลยทีเดียว โดยหลวงตามหาบัวท่านก็รู้ทัน เกมการเงินแห่งมารได้โดยญาณพระอรหันต์อย่างทะลุปรุโปร่ง พร้อมกับปรารภไว้กับด.ร.วีระพงษ์ รามางกูร และ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอีกด้วยว่า
คลังหลวง(เงินคงคลังฝ่ายออกบัตร) ถ้าเอามารวมกันเมื่อไร มันจะไหลหมดไปเลย.. เงินมันหมด...จะวิบัติยิ่งกว่าปี 2540 อีกนะ..!!!!!
ท้ายที่สุด.....แผนการรวมบัญชี ตามเพท์ทุบายที่ ฝรั่งมีหนวดหลอกจะให้ประเทศไทยฉิบหายทั้งประเทศ ก็มีอันต้อง เป็นหมันลงไป ด้วยเดชะบุญบารมีและ อรหันตญาณคุ้มแผ่นดินของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนโดยแท้
หมายเหตุ 1. นี้แสดงถึง ญาณวิเศษของหลวงตามหาบัวได้อย่างชัดแจ้ง ที่หากท่านคัดค้านการรวมบัญชีในเวลานั้นไม่สำเร็จแล้ว ประเทศไทยทั้งประเทศมีหวัง ชิบหายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ขอประทานโทษที่ใช้คำนี้ แต่ก็ไม่เห็นคำอื่นที่จะเหมาะสมยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว)อย่างไม่รู้จบตามอย่างประเทศอาเจนติน่าแน่ๆ(ต้องพิมพ์ธนบัตรใบละ 250,000 ออกมาใช้!!!!) ประชาชาวไทยอาจจะต้องอดตายไม่น้อยกว่าครึ่งค่อนประเทศ และดีไม่ดี ข้าวแกงจานหนึ่งหรือก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่งอาจจะมีราคาสูงถึงชามละ 50,000 หรือ 100,000 บาท เพราะเงินบาทไร้ค่าแทบจะโดยสิ้นเชิงยิ่งกว่าเงินกีบไม่รู้ว่าจะกี่ร้อยกี่พันเท่าตัว (เพราะไม่มีทองคำและเงินสกุลแข็งรองรับและต่างชาติไม่เชื่อถือ)ก็เป็นไปได้อย่างแน่ๆ
2. และเมื่อเศรษฐกิจการเงินของชาติล่มสลาย แน่นอนเสียเหลือเกินว่า สถาบันศาสนาคือวัดทุกวัดในประเทศไทยก็ต้องซวดเซล้มลงตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย พระภิกษุที่มีอยู่กว่า 300,000 รูปทั่วประเทศมีหวังอดตาย เพราะลำพังตัวของชาวบ้านเอง เงินซื้อข้าวกินจานละตั้งครึ่งแสนยังไม่มีปัญญา แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อข้าวตักบาตรถวายพระสร้างวัดสร้างวาได้เล่า ?????
3. แน่นอนที่สุด เมื่อข้าวจานละเป็นหมื่นเป็นแสนเยี่ยงนี้ อิฐหินปูนทรายที่จะมาสร้างวัดซ่อมวา หรือสถาปนามหาวิทยาลัยสงฆ์สักกี่สิบกี่ร้อยกี่พันแห่ง จะมิยิ่งมีราคาแพงหูดับถึงกี่พันกี่หมื่นเท่าตัวไปถึงขนาดใด ใครๆที่มีปัญญาก็เร่งตรองให้แจ้งใจทั่วกันเถิด
3. ทราบเป็นการวงในชั้นลึกที่สุดได้ทราบมาว่า เหล่านี้คือแผนของ ต่างชาติต่างศาสนาที่มุ่งทำลายประเทศไทยและบวรพระพุทธศาสนาให้ล่มสลายไปในกระสุดนัดเดียวที่อันตรายที่สุด แต่นับเป็นบุญนักหนาที่หลวงตามหาบัวท่านมีญาณหยั่งรู้และแก้ไว้ได้ทัน ไม่งั้นก็คงได้อภิอัครบรมมหาวิบัติกันถ้วนหน้าแล้วในเวลานี้นะครับ)
5..คัดค้านขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
เมื่อหลวงตามหาบัว คัดค้านการ รวมบัญชีอันจะเป็นเหตุให้คนไทยทั้งประเทศต้อง ล้มละลายและ อดตายได้เป็นผลสำเร็จแล้ว คุณูปการที่ท่านมีต่อมหาชนทั้งแผ่นดินอันใหญ่หลวงที่สุดที่น้อยคนนักจักล่วงรู้อีกประการ ก็คือการที่หลวงตาท่านได้ใช้ สิทธิยับยั้ง แนวคิดของธนาคารชาติที่จะขึ้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ต่างประเทศ ซึ่งม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาด้วย หลวงตามหาบัวก็ได้เมตตา ดับไฟแผ่นดินอีกครั้งไปว่า
ตอนนี้ประชาชนเดือนร้อนมากแล้ว อะไรก็ตามที่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอีก อย่าทำเลย..!!!!!!!!
นี่ถ้าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านมิได้ วีโต้(ยับยั้ง)เอาไว้แล้ว ประชาชาวไทยหน้าซีดทั้งหลาย ก็คงจะทุกข์ซ้ำทุกข์ซ้อนอย่างหนักหนาสาหัส กับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ เพิ่มสมชื่อ เพื่อนำไปใช้หนี้ต่างประเทศกันเลือดตาแทบกระเด็นอีกถึงขนาดไหน ใครๆก็คงจะตระหนักเรื่องเช่นนี้ได้เป็นอย่างดีที่สุดโดยแท้ทีเดียว...... พระเดชพระคุณล้นหัวล้นชีวิตของหลวงตามหาบัว ที่มีต่อทุกพระทุกผู้คนทั้งแผ่นดินมีอยู่อย่างท่วมท้นเห็นปานนี้ มีใครสักกี่คนที่จะล่วงรุ้ได้บ้างเล่า...??????
6.มหาวัตถุมงคลแห่งชาติ
ตามปกติแล้ว หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านไม่มี จริตและ นิยมสร้าง วัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น โดยท่านเคยให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟังยิ่งว่า
หัวใจเป็นมงคลสำคัญที่สุด ถ้าหัวใจไม่เป็นมงคลเสียแล้ว มีวัตถุมงคลมากมายเพียงใดก็ไม่มีความหมาย..!!!!!!
แม้แต่หลวงปู่ฝั้น อาจาโร สุดยอดพระอัจฉริยาจารย์แห่งวัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร เจ้าของเหรียญราคาแพงที่สุดแห่งภาคอีสาน เมื่อกำลังแจกเหรียญญาติโยมอยู่ แต่พอหลวงปู่ฝั้นเหลือบมาเห็นหลวงตามหาบัว เดินเข้ามาเท่านั้นแหละ หลวงปู่ฝั้นก็ถึงกับยกมือห้ามญาติโยมก่อนออกปากเลยทีเดียวว่า
อ้าว...หยุดๆๆๆ หยุดก่อน ....ตอนนี้ถึงเวลาคุยธรรมะกัน...!!!!!!
เหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะหลวงปู่ฝั้นท่านทราบเป็นอย่างดีว่า อันหลวงตามหาบัวนั้น ท่านไม่มีจริตในเรื่องวัตถุมงคลใดๆเลยแม้แต่น้อย
แต่ชมชอบอย่างยิ่งใน ธรรมปฏิบัติล้วนๆเป็นสาระแก่นสารเท่านั้น
แต่..เมื่อมาถึงคราวที่หลวงตาจะต้องทำของดีหลวงตามหาบัวก็หาได้ทำ ของขลังแบบเล็กๆน้อยๆให้ชาวบ้านชาวช่องไปห้อยไปแขวนไปปั่นราคาเพื่อขายมายาไส้ตนเองหรือครอบครัว หรือให้นายทุนนายหัวยักยอกนำไปส่งส่วยเมียน้อยหรือผัวหลวง(เฉพาะตัว)เหมือนอย่างที่พบเห็นกันได้ทั่วไปแต่อย่างไรไม่.......
แต่หลวงตาท่านเสก ทองคำแท่งน้ำหนักเป็น 10ๆตัน เข้าคลังหลวง เพื่อมอบไว้ให้ แขวนทั้งประเทศไทยเป็นมหาสิริมงคลอันศักดิ์สิทธิ์สูงสุด ที่สามารถคุ้มครองรวดเดียวได้ทั้งชาติเลยนั่นแล..!!!!!!!!!
ทองคำและดอลล่าห์ ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งนับเป็น มหาวัตถุมงคลแห่งชาติประจำคลังหลวงของประเทศนี้ มีอานุภาพเข้มขลังและศักดิ์สิทธิ์นักหนา เพราะสามารถส่งผลอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นที่แจ้งประจักษ์ได้ในทันทีทันใด ไม่ต้องอาราธนาปลุกแต่ประการใดๆทั้งสิ้นเลยแล.....
ปกป้องมิให้ประชาชนทั้งประเทศต้องวิบัติและอดตายอย่างทารุณก็ได้....
คุ้มครองมิให้วัดวาศาสนาทั่วประเทศล่มสลายจนสูญสิ้นก็ได้........
และยังสามารถ ธำรงและรักษาเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็น ไทยให้คงความเป็น ไทสมชื่อในเวทีโลกก็ยังได้อีกต่างหากด้วย............
คงไม่มี วัตถุมงคลใดๆของคณาจารย์ท่านไหนๆที่จะทรงมหาอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเสมอด้วย มหามงคลวัตถุแห่งชาติคือทองคำและดอลล่าห์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนที่ได้หลอมรวมจากศรัทธาของมหาชนทั้งประเทศ ที่ท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตและมอบไว้คู่แผ่นดินไทยยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว
อาจที่จะกล่าวได้ว่า ที่ทุกๆคนในประเทศไทยยังมี ชีวิตและ เงาหัวตั้งอยู่บนบ่าอย่างพออยู่พอไปตามอัตภาพจนถึงวินาทีนี้ ก็เพราะได้อาศัย บุญบารมีและ ญาณวิถีตลอดจน ความกล้าของหลวงตามหาบัวท่าน ตัดคอรองเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ทั้งสิ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็ได้ว่า คนไทยทั้ง 62 ,000,000 คนในเวลานี้ ล้วนติด หนี้บุญคุณที่เป็นถึงขั้น หนี้ชีวิตหลวงตามหาบัว ที่ท่านได้อุตส่าห์ เปลืองตัวคุ้มให้ โดยที่มิพักจะใส่ใจไยดีต่อคำ ครหานินทาและ ใส่ร้ายป้ายสีจากคนที่ ไม่รู้จริงหรือ แกล้งทำเป็น ไม่รู้ อย่างชนิดที่ไม่มีวันที่จะ แก้หรือ ปฏิเสธให้พ้นตัวตามธรรมได้เลย.........
และเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่ผ่านมา ที่สุดแห่งโครงการช่วยชาติของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนก็ได้บรรลุถึงความสำเร็จอย่างท่วมท้น เกินความคาดหมายไปเรียบร้อยแล้ว ทองคำ 99.99 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนักมากกว่า 10,300 กิโลกรัม ( 10 ตัน กับอีก 300 กว่ากิโลกรัม)และเงินดอลล่าห์สหรัฐอีก กว่า 10,800,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่ารวมมากกว่า 5,700,000,000 บาท (ห้าพันเจ็ดร้อยล้านบาท)ได้นำเข้าคลังหลวงอย่างเกินครบตามปณิธานแห่งหลวงตา ที่ได้มีไว้เมื่อครั้งกระนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งหมดนี้ ล้วนคือ มหาวัตถุมงคลแห่งชาติที่ทรงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ,เข้มขลังที่สุดและเป็นสากลที่สุด ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่แม้ไม่อาจสามารถจะนำมาแจกให้ห้อยคอทุกๆคนได้ แต่ก็สามารถแผ่มหาพลังมหาบารมีค้ำแผ่นดินที่ประดิษฐานบวรพระพุทธศาสนา อันเรียกโดยสมมุตินามว่า ประเทศไทย ตลอดจนครอบประชาชนทั้งหมดให้ยัง คงอยู่และ ยามหิวมีข้าวกิน ยามหนาวมีเสื้อใส่ อีกทั้งยังสามารถ เชิดหน้าชูตาบนเวทีโลกได้อย่างสง่างามมีศักดิ์ศรีอีกต่างหากตราบชั่วจิรกาลแท้ทีเดียว
และไม่ต้องสงสัยเลยว่า สำหรับตัวของผู้เขียนแล้ว ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนนี้ จะได้กลายเป็น ที่สุดแห่ง พระในฝันกลางใจองค์เยี่ยมยอดอย่างที่สุด ที่มีมหาบารมีอันท่วมท้น ปานประหนึ่ง พระมหาโพธิสัตว์องค์ประเสริฐผู้ช่วย โปรดโลกให้พ้นทุกข์เข็ญเห็นปานใด??????
และเมื่อพรรณามาถึงตอนนี้ ก็อดให้หยิบเหรียญแห่งประวัติศาสตร์ ภูริทัตโตอนุสรณ์(เหรียญลายมือลายเซ็น หลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ) ซึ่งประดิษฐานอยู่ข้าง ทันตธาตุฟันกรามของท่านพระอาจารย์มั่น ที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนท่านได้อธิษฐานจิตในการทำน้ำมนต์ที่วัดเจดีย์หลวง จ. เชียงใหม่ เมื่อปลาย พ.ศ. 2546 ขึ้นมาเป็น สื่อเพื่อกราบอนุโมทนาสาธุการไปด้วยมิได้ ก่อนที่จะรำลึกนึกถึงคำพยากรณ์ของท่านพระอาจารย์มั่น ที่ได้กล่าวไว้เมื่อครั้งยังเที่ยวธุดงค์ในเขตภาคเหนือเมื่อ ปีพ.ศ. 2482 ที่ว่า (รูป D)
ในอนาคตกาลอีกไม่นาน จักมีพระหนุ่มรูปหนึ่งเข้ามาหาเรา เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ เธอจะทำประโยชน์ใหญ่ให้แก่ประเทศชาติและพระศาสนา...
และในไม่ช้า หมู่คณะทั้งสิ้น จึงได้รู้ว่า พระหนุ่มรูปที่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตได้กล่าวถึงองค์นั้น โดยแท้แล้ว ก็คือพระมหาบัว ญาณสัมปันโน หรือที่มีราชทินนามทรงพระมหากรุณาพระราชทานให้เป็นกรณีพิเศษสุดที่ พระธรรมวิสุทธิมงคลในปัจจุบัน ผู้ทำประโยชน์ใหญ่แก่ประเทศชาติและพระศาสนาอย่างยวดยิ่ง สมจริงดังที่ญาณพระอรหันต์แห่งท่านพระอาจารย์มั่นได้เล็งเห็นไว้ไม่ผิดคำแม้แต่เพียงน้อยเดียวเลยจริงๆ...!!!!!!! เชื่อและอนุวัตรตาม พระอรหันต์(ของแท้) อย่างท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ หรือหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ขอรับรองว่า ท่านจะไม่ หลงทางและ ลงเหวอย่างแน่นอน.........
ก็ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะคร้าบ........?????????
นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา...................
ขอนอบน้อมพระวิมุติธรรม
ขอนอบน้อมและถวายมหาสักการพระผู้หลุดพ้นแล้วทั้งหลายด้วยเศียรเกล้าและชีวิตจิตวิญญาณและอายุขัยทั้งสิ้นของตัวผู้เขียนนี้เลยแลฯ...............
สาธุ..................................................................... |
|
_________________ ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com |
|
|
|
|
|
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่ คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ คุณไม่สามารถลงคะแนน คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้ คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
|
| | |