Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง จ.พิจิตร
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
ตอบเมื่อ: 14 ก.ค.2008, 1:09 pm
ไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด
หลวงพ่อเพชร
วัดท่าหลวง (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.พิจิตร
“วัดท่าหลวง” เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก
ถนนบุษบาใกล้ศาลากลางจังหวัดเก่า ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร
เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ.๒๓๘๘
ในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
ภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ชื่อ
“หลวงพ่อเพชร”
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยเชียงแสนรุ่นแรก
หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ในท่าขัดสมาธิเพชร สังฆาฎิสั้นเหนือพระอุระ
มีพุทธลักษณะงดงามมาก มีขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๔๐ เมตร (๒ ศอกเศษ)
สูง ๑.๖๐ เมตร (๓ ศอกเศษ) ที่ที่ประทับนั่งตั้งอยู่บนฐานมีรูปบัวคว่ำบัวหงายรองรับ
สร้างในระหว่างปีพุทธศักราช ๑๖๖๐ ถึง ๑๘๘๐ สร้างมาแล้วประมาณ ๘๘๒ ปี
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองพิจิตร
ด้วยกิตติศัพท์นานัปการ เมื่อใครได้ไปเที่ยวเมืองพิจิตร
จะต้องไปนมัสการหลวงพ่อเพชร เพื่อความเป็นสิริมงคล
เนื่องจากมีประชาชนที่นับถืออย่างมาก เมื่อใครมีเรื่องเดือดร้อน เช่น
ของหายหรือมีความทุกข์ยาก ที่จะบนบานศาลกล่าวขออำนาจหลวงพ่อเพชร
ให้ช่วยปกป้องรักษา หรือปัดเป่าความทุกข์ยากให้หมดไป
เดชะบารมีขององค์หลวงพ่อเพชรก็จะช่วยทุกราย
เมื่อผู้นั้นพ้นทุกข์ก็จะนำหัวหมู เป็ด ไก่ ขนม ฯลฯ ไปถวายแด่
หลวงพ่อเพชรที่พระอุโบสถ กลิ่นธูปและควันเทียนจะไม่ขาดระยะ
ชาวพิจิตรทุกผู้ทุกนามต่างให้ความเคารพนับถืออย่างสูงต่อพระองค์หลวงพ่อเพชร
ทั้งยังเป็นมิ่งขวัญศูนย์รวมใจของชาวพิจิตร พลังแห่งความนับถือพุทธานุภาพ
ของหลวงพ่อเพชรจะไม่จางหายไปจากหัวใจของชาวพุทธ
ประวัติการสร้างหลวงพ่อเพชร
ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชัดแน่นอน
เพียงแต่มีตำนานเล่าขานกันสืบมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาลว่า
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เกิดขบถจอมทอง เมืองเชียงใหม่
กองทัพกรุงศรีอยุธยาจึงได้ไปปราบปรามขบถจอมทอง
เมื่อเดินทัพมาถึงเมืองพิจิตร แม่ทัพก็ได้สั่งให้หยุดพักลี้พลที่เมืองพิจิตร
ซึ่งทางเจ้าเมืองพิจิตรก็ได้ให้การต้อนรับปฏิสันถารเป็นอย่างดี
จึงสร้างความประทับใจให้แก่กองทัพเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกองทัพกรุงศรีอยุธยาหายเหนื่อยแล้ว จึงออกเดินทางจากเมืองพิจิตร
แต่ก่อนที่จะจากกันเจ้าเมืองพิจิตรได้ไปปรารภกับแม่ทัพว่า
ถ้าปราบขบถเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ขอให้หาพระพุทธรูปงามๆ มาฝากสักองค์หนึ่ง
ฝ่ายทางแม่ทัพเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ยุ่งยากนัก จึงรับปากว่าจะหามาให้ตามความต้องการ
พระอุโบสถวัดท่าหลวง จ.พิจิตร
หลังจากนั้นก็มุ่งสู่จอมทอง เมื่อไปถึงได้ปราบขบถจอมทองจนราบคาบ
ก่อนเดินทางกลับกรุงศรีอยุธยาก็นึกถึงคำร้องของ
พระยาเทพาธิบดี (อิ่ม) เจ้าเมืองพิจิตร ในขณะนั้น
จึงอัญเชิญองค์หลวงพ่อเพชรจากจอมทองมาด้วย
โดยให้ประดิษฐานบนแพลูกบวบล่องมาตามลำน้ำแม่ปิง
เมื่อมาถึงเมืองกำแพงเพชรก็ได้ฝากหลวงพ่อเพชรไว้กับเจ้าเมืองกำแพงเพชร
ต่อมาเมื่อเจ้าเมืองพิจิตรทราบข่าวจึงพร้อมด้วยชาวเมืองพิจิตรเป็นจำนวนมาก
ได้ไปอัญเชิญองค์หลวงพ่อเพชรมาประดิษฐานไว้
ณ
วัดนครชุม
(เมืองพิจิตรเก่า) ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.พิจิตร
ซึ่งนำความชื่นชมโสมนัสมาสู่ชาวพิจิตรเป็นอย่างมาก
จวบจนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช ๒๔๔๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
มีพระราชประสงค์จะหาพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงาม
เพื่อนำไปไว้ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จังหวัดพระนคร
เจ้าพระศรีสุริยศักดิ์ สมุหเทศาภิบาล มณฑลพิษณุโลก
จึงได้สั่งการให้
พระยาเทพาธิบดี (อิ่ม) เจ้าเมืองพิจิตร ในขณะนั้น
แสวงหาพระพุทธรูปที่สวยงามตามพระราชประสงค์
เมื่อได้รับคำสั่งดังนั้น
พระยาเทพาธิบดี (อิ่ม)
จึงออกตรวจดูพระพุทธรูปทั่วๆ ไปในเมืองพิจิตร ก็พบว่า
องค์หลวงพ่อเพชรเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงามตามพระราชประสงค์
และเพื่อสะดวกในการขนย้าย จึงได้จ้างชาวณวนคนหนึ่งชื่ออาง
ทำการทะลวงหุ่นดินภายในองค์หลวงพ่อเพชร
การทะลวงหุ่นดินนั้นก็เพื่อต้องการให้น้ำหนักเบา
แล้วนำขึ้นเกวียนมาลงเรือชะล่า มีปรำลากจูงด้วยเรือพาย
และเมื่อมาถึงเมืองพิษณุโลก ก็เทียบท่าอยู่หน้า
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่)
หลังจากนั้น พระยาเทพาธิบดี (อิ่ม) เจ้าเมืองพิจิตร ก็ได้ไปกราบเรียน
เจ้าพระศรีสุริยศักดิ์ สมุหเทศาภิบาล มณฑลพิษณุโลก
ว่า ได้นำองค์หลวงพ่อเพชรมาถึงเมืองพิษณุโลกแล้ว
และกราบเรียนต่อไปว่า การนำหลวงพ่อเพชรมาครั้งนี้
ชาวเมืองพิจิตรทุกคนมีความโศกเศร้าเสียใจเป็นอันมาก
เพราะเสียดายในองค์หลวงพ่อเพชร
ในฐานะที่เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่เดิม
เมื่อได้ทราบดังนั้น เจ้าพระศรีสุริยศักดิ์ สมุหเทศาภิบาล มณฑลพิษณุโลก
จึงได้ตรวจดูพระพุทธรูป ก็เห็นว่ามีความงดงามจริงๆ
ดังคำบอกเล่าของเจ้าเมืองพิจิตร แต่มีขนาดองค์ใหญ่โตเกินไป
อีกประการหนึ่งก็เห็นว่าเป็นการทำลายจิตใจของชาวเมืองพิจิตร
จึงได้สั่งให้เจ้าเมืองพิจิตรนำกลับไปไว้ที่เมืองพิจิตรตามเดิม
อย่างไรก็ตาม การอัญเชิญหลวงพ่อเพชรกลับมายังเมืองพิจิตรคราวนี้
ไม่ได้นำไปประดิษฐานไว้ที่อุโบสถวัดนครชุมเหมือนเดิม
แต่นำมาไว้ที่วัดท่าหลวง โดยทำปรำคลุมไว้เป็นการชั่วคราว
เมื่อประชาชนรู้ข่าวการนำหลวงพ่อเพชรกลับมาที่เมืองพิจิตร
ต่างก็พากันมาปิดทองนมัสการอยู่ที่วัดท่าหลวง
จึงได้ปรึกษาหารือกันจะแห่แหนหลวงพ่อเพชรกลับไปวัดนครชุมอย่างเดิม
ส่วนราษฎรทางเมืองใหม่เห็นว่าเมืองพิจิตรได้ย้ายมาตั้งใหม่แล้ว
หลวงพ่อเพชรก็ควรจะอยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวเมืองใหม่ด้วย
จึงไม่ยินยอมให้ชาวเมืองเก่านำกลับไปวัดนครชุม
เหตุการณ์ตอนนี้มีผู้เล่าขานว่า ขนาดเกิดการยื้อแย่งกัน
และถึงขั้นการเตรียมอาวุธเข้าประหัตประหารกัน เดือดร้อนถึง
พระธรรมทัสสีมุนีวงศ์ (เอี่ยม) เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ในขณะนั้น
ต้องออกห้ามทัพ ด้วยเดชะบารมีขององค์หลวงพ่อเพชร
ประกอบกับชาวเมืองพิจิตรเคารพนับถือท่านมาก ศึกครั้งนั้นจึงยุติลง
และได้ชี้แจงว่า จะหล่อหลวงพ่อเพชรจำลองเท่ากับขนาดองค์จริง
เพื่อนำกลับไปให้ชาวเมืองเก่าแทนองค์หลวงพ่อเพชรองค์จริง
ส่วนหลวงพ่อเพชรองค์จริงนั้น
ขอให้ประดิษฐานไว้ที่วัดท่าหลวงซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่
และถ้าชาวเมืองเก่าจะมานมัสการก็ไม่ไกลเกินไปนัก
ชาวเมืองพิจิตรก็เชื่อฟังแต่โดยดีไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
องค์หลวงพ่อเพชรจึงประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าหลวงตราบเท่าทุกวันนี้
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่องค์หลวงพ่อเพชรได้ประดิษฐาน ณ วัดท่าหลวง นั้น
มีคนเล่าสืบต่อกันมาว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระราชประสงค์จะอัญเชิญ
พระพุทธชินราช
จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) อ.เมือง จ.พิษณุโลก
ไปประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
ซึ่งพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่
พระองค์จึงมีพระกระแสรับสั่งให้สืบหาพระพุทธรูปที่มีลักษณะที่งดงาม
สมควรที่จะนำไปแทนพระพุทธชินราช
จึงมีคำสั่งให้เจ้าเมืองพิจิตรนำองค์หลวงพ่อเพชรไปยังเมืองพิษณุโลก
ข่าวการที่ทางราชการจะนำองค์หลวงพ่อเพชรไปกรุงเทพฯ
ได้ล่วงรู้ไปถึงประชาชน ชาวเมืองพิจิตรต่างพากันเสียดายและหวงแหน
องค์หลวงพ่อเพชรเป็นอันมาก จึงได้คบคิดกับนายอาง ซึ่งเป็นชาวญวน
มีหน้าที่จัดการทะลวงหุ่นดินภายในองค์หลวงพ่อเพชรออก
เพื่อให้น้ำหนักเบาสะดวกในการขนย้าย เมื่อจัดการทะลวงหุ่นดินออกแล้ว
ก็ช่วยกันย้ายองค์หลวงพ่อเพชรไปซ่อนไว้ในป่า
และเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ มิได้หยุดหย่อน
แต่ข่าวการนำองค์หลวงพ่อเพชรเคลื่อนย้าย
หาได้พ้นการติดตามและค้นหาของเจ้าหน้าที่ทางบ้านเมืองแต่อย่างใด
ผลที่สุดก็ใช้อำนาจบังคับให้นำองค์หลวงพ่อเพชรมาจากเมืองเก่า
และได้นำมาพักไว้ชั่วคราวที่วัดท่าหลวง เพื่อรอการนำไปยังเมืองพิษณุโลก
ชาวเมืองพิษณุโลกก็เช่นเดียวกันกับชาวเมืองพิจิตร
เมื่อทางราชการจะนำองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชไปจากพวกเขา
ต่างก็พากันหวงแหนโศกเศร้าเสียใจ ร้องให้กันทั่งเมือง เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก
ท่านเจ้าคุณสมุหเทศาภิบาล จึงได้นำความเรื่องนี้ขึ้นกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ทรงทราบก็เห็นใจชาวเมืองพิษณุโลก
จึงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ระงับการนำพระพุทธชินราชไปกรุงเทพฯ
โดยจะหล่อพระพุทธชินราชจำลองไว้ประดิษฐาน
ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม แทน
เมื่อองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชไม่ได้เคลื่อนย้ายไปกรุงเทพฯ
องค์หลวงพ่อเพชรจึงได้ประดิษฐานอยู่
ณ วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร ตราบจนกระทั่งปัจจุบันนี้
หนังสือไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด
กองบรรณาธิการข่าวสด สำนักพิมพ์มติชน
_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th