Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สุขจากสมาธิ...อย่าเพิ่งกลัว อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 02 ธ.ค.2007, 7:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สมถกรรมฐาน เป็นสิ่งที่มีประโยชน์น่ะครับ

อย่าประเมินค่าของสมถกรรมฐานต่ำกว่าความเป็นจริง

โดยเฉพาะในภาวะที่ เราคิดวน และสมองประสาท เริ่มล้าจากการคิดวน ....สมองและระบบประสาทจะทำงานไม่มีประสิทธิภาพ...สติจะเบลอร์

จิตลหุตา จิตปัสสัทธิ ที่เป็นอานิสงส์ของสมถกรรมฐาน เอื้อให้สติทำงานได้คล่องตัวขึ้น

อยากเสนอให้ เพื่อนสมาชิก ถ้าพอมีเวลาว่าง....ลองฝึกสมถกรรมฐานกันดูเหมือนกัน

สมถกรรมฐานก็เปรียบเสมือนกับสันมีด.....
มีดที่ดี นอกจากจะคมกล้า(ปัญญา)แล้ว สันมีดจะต้องมีความหนา(สมาธิ)ในระดับที่เหมาะสม จึงจะใช้งานได้ดี
มีดที่คมแสนคม แต่ถ้าไม่มีความหนาของสันที่เหมาะสมแล้ว จะใช้งานได้ไม่ดี
สันมีดที่เหมาะสม ให้น้ำหนักในการฟัน..... มีดจึงจะเป็นมีดที่ดี มีทั้งความคม และกำลัง

และก่อนที่จะกลัว การติดสุขจากสมาธิ
ควรทำให้สมาธิบังเกิดเสียก่อน.... อย่าเพิ่งกลัวสิ่งที่ยังไม่เกิด จนเป็นเหตุให้ละเลยการฝึกสมาธิ.... และไม่ได้รับประโยชน์จากสมถกรรมฐานเท่าที่ควร


สุขจากสมาธิ ไม่ใช่ของน่ากลัว ดังที่มีบางสำนักเข้าใจผิดกันน่ะครับ
พระพุทธเจ้า ท่านตรัสเองว่า อย่ากลัวสุขจากสมาธิ

จาก http://202.44.204.76/cgi-bin/stshow.pl?book=13&lstart=3253&lend=3507


[๑๘๓] ดูกรอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุ
ปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิต
ในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิด
แต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุ
ตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข บรรลุ

จตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขา

เป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

ฌานทั้งสี่นี้เรากล่าวว่า ความสุขเกิดแต่ความออกจากกาม ความสุข
เกิดแต่ความสงัด ความสุขเกิดแต่ความสงบ ความสุขเกิดแต่ความสัมโพธิ อันบุคคลควรเสพ
ควรให้เกิดมี ควรทำให้มาก

ไม่ควรกลัวแต่สุขนั้น ดังนี้.



ที่พระองค์ทรงตรัสเตือน ต่อจากพระพุทธวจนะบาทนี้
คือ ไม่ให้ติดตันยินดีหรืออาลัยอยู่เพียงสุขจากสมาธิ เพราะมีวิมุตติสุขที่เหนือกว่านั้นขึ้นไปอีกต่างหาก

ไม่ใช่ตรัสห้ามไม่ให้ฝึกสมาธิ อย่างที่มีบางท่านเข้าใจผิดกันครับ





และมีอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ

"เราสามารถเจริญสติในชีวิตประจำวันอย่างเดียวโดยไม่ต้องเจริญสมาธิเลยได้ไหม"....

ลองฟัง ท่านอ.ชยสาโร ท่านตอบน่ะครับ....


(ผมนำมาจาก"หลับตาทำไม")



------------------------------------------------------------------------ --------------



".......การทำสมาธิจึงช่วยได้ตั้งแต่เรื่องธรรมดา ๆ หรือง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันตลอดจนถึงเรื่องสูงสุด คือการบรรลุมรรคผล นิพพาน การพ้นทุกข์ในระดับสูงเกิดจากปัญญาระดับวิปัสสนา ปัญญาระดับวิปัสสนานั้นเกิดจากจิตใจที่สงบ ไม่มีนิวรณ์ณ์ จิตใจที่พ้นนิวรณ์ คือจิตใจที่ได้รับการฝึกอบรมทางสมาธิภาวนา

ฉะนั้น ผู้ที่ต้องการพ้นทุกข์ไม่ว่าระดับไหนก็ตาม ควรสนใจการทำสมาธิภาวนา.....บางคนถามว่าเอาแต่เจริญสติในชีวิตประจำวันได้ไหม....ถ้าทำสติมีความรู้อยู่ทุกอิริยาบถไม่ทำสมาธิได้ไม?

(คำตอบคือ)ไม่ได้ .....คือต้องทำ(สมาธิ)...... ถ้าไม่ทำ สติเราจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของกิเลส และจิตใจจะไม่เข้มแข็งพอที่จะปฏิเสธการสำออยของมัน จิตใจที่มีสมาธิย่อมมีกำลังมาก ......"

"......หลักการสำคัญที่ขอย้ำไว้ที่นี่ ก็คือ สมาธิเป็นเครื่องข่มกิเลสไว้ ไม่ใช่เป็นตัวทำลายกิเลส ...แต่ก็จำเป็น .....เพราะการข่มกิเลสไว้ทำให้ปัญญามีโอกาสทำงานคล่องแคล่ว... เหมือนหมอผ่าตัด ต้องวางยาสลบก่อนผ่า ไม่วางยาสลบจะผ่าตัดยากเพราะคนไข้เจ็บแล้วต้องดิ้น .....สมาธิเหมือนยาสลบ .....สิ่งที่สลบไปก็คือ ความรู้สึกยินดียินร้าย ความหลงใหลตามสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจิต ด้วยความพอใจและไม่พอใจ ....เมื่อจิตไม่เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ มีการรับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็จะเห็นชัดขึ้นซึ่ง อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความบกพร่อง ความไม่สบบูรณ์ และ อนัตตา ความไม่มีเจ้าของหรือแก่นสารในสิ่งเกิดดับ...."
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
jojam
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 27 พ.ค. 2004
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 04 ธ.ค.2007, 1:54 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ

ดีแล้ว

ปล. ภาวนา ให้สงบลงที่ใจ ดีกว่า หลงเข้าใจ หลงในบ่วงความคิด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แก้วลักษณ์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 03 ส.ค. 2006
ตอบ: 35

ตอบตอบเมื่อ: 06 ธ.ค.2007, 2:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณค่ะ สำหรับความรู้ใหม่ๆ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้ สู้
 

_________________
ธรรมะคือความจริงของชีวิต
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Story Note
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2007
ตอบ: 97

ตอบตอบเมื่อ: 09 ม.ค. 2008, 5:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ

สาธุ ค่ะ ชัดเจน และแจ่มแจ้ง

จะพยายามต่อไป เพียรต่อไป ให้มากยิ่ง ๆ ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
muntana
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand

ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 1:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณ สำหรับข้อมูล แต่การทำสมถะ ไม่ควรหวังผลสิ่งใด ๆ เพียง ทำใจให้ปลอดโปร่ง สงบ นิ่ง จะบังเกิดผลดี ๆ ต่อ สุขภาพใจ และ ร่างกาย จะเกิดปิติ ต่อตัวผู้ปฎิบัติ เอง ไม่มีใครล่วงรู้ได้ เหมือน คนกินข้าว จะอร่อย หรือ อิ่ม ผู้บริโภค จะรู้ด้วยตัวเอง คนอืน ๆ รอบข้างไม่สามารถล่วงรู้ได้

ถ้าคิดหวังผลจะได้โน่น ได้นี่ จะเกิดเป็นกิเลส อันนำมาซึ่งผลเสีย จิตจะไม่สงบ นิ่ง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
muntana
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 10 ม.ค. 2008
ตอบ: 108
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok , Thailand

ตอบตอบเมื่อ: 16 ม.ค. 2008, 1:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ต่อจากข้อความด้านบน การทำสมถะ ควรกระทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำ เสมอ ให้ได้ทุก ๆ วัน เหมือนการสะสมพลัง หรือ เก็บสะสมเงิน จากวันละ บาท สองบาท ไม่ช้าเร็ว ก็จะมีเงินมาก หรือมีน้ำเต็มตุ่ม นำเอาไปใช้ได้ประโยชน์หลาย ๆ อย่าง การทำสมถะ ควรกระทำอย่าง ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จะทำให้พลังจิตถุกสะสมเพิ่มพูน จนเกิดพลัง สมาธิที่ มากขึ้น อันจะนำไปสุ่พลังแห่งปัญญา กุศลกรรมจะบังเกิดและเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น ๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 13 ส.ค. 2008, 12:40 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาสาธุ ท่านผู้เจริญในธรรม สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
อิชิคาว่า
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 ส.ค. 2008
ตอบ: 94
ที่อยู่ (จังหวัด): กำแพงเพชร

ตอบตอบเมื่อ: 09 ก.ย. 2008, 6:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณที่ชี้ทางสว่าง
 

_________________
สังขารไม่เที่ยงหนอ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
darkwing789
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 17 ก.ย. 2008
ตอบ: 7

ตอบตอบเมื่อ: 17 ก.ย. 2008, 12:37 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตาม ดั่งที่เขาว่า ใจ เป็น นาย
กาย เป็น บ่าว

ใช่ป่ะครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง