Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ไหว้ 7 สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมือง อุดร ขอพรให้สัมฤทธิ์ผล
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
webmaster
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 04 มิ.ย. 2004
ตอบ: 769
ตอบเมื่อ: 15 พ.ย.2007, 2:41 pm
พระพุทธรัศมี พระประธานในพระอุโบสถวัดโพธิสมภรณ์
ไหว้ 7 สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมือง อุดร ขอพรให้สัมฤทธิ์ผล
ต้องขอยอมรับว่าในช่วงหลังๆ ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทยนิยมท่องเที่ยวเชิงธรรมมะ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันมากขึ้น เหตุผลหนึ่งคงเนื่องมาจากสถานการณ์ในสังคมปัจจุบันที่รุมเร้า สภาพจิตใจของผู้คนให้กระทบกระเทือนในด้านต่างๆ หลายๆ คนจึงหลีกหนีปัญหาโดยการมุ่งหน้าเข้าวัด เข้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
สำหรับ ผู้จัดการท่องเที่ยว เอง แม้จะไม่มีปัญหาหนักหนาสาหัสขนาดนั้น แต่การไปเที่ยวเชิงธรรมะก็ถือเป็นการเสริมมงคลให้กับชีวิตอีกทางหนึ่ง อย่างในครั้งนี้ที่เรามีโอกาสร่วมทริปมงคลไปกับ
อาจารย์คฑา ชินบัญชร
ใน
เมืองอุดรธานี
จังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายต่อหลายท่าน
พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
งานนี้อาจารย์คฑาแกไม่ได้มาเที่ยวเฉยๆ แต่แกยังมาทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้ คำแนะนำในการไหว้พระตามวัดต่างๆ อีกด้วย โดยวัดแรกที่พวกเราไปประเดิมเสริมสิริมงคลกันก็คือ
วัดโพธิสมภรณ์
ที่สร้างขึ้นในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ์ เนติโพธิ์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ปัจจุบันมี
พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
เป็นเจ้าอาวาส
พระขอ เชื่อกันว่าหากเราขออะไรก็จะได้อย่างนั้น
หลังจากที่พวกเรากราบไหว้ขอพรจากหลวงปู่จันทร์ศรีแล้ว ก็พากันไปกราบ
พระพุทธรัศมี พระประธานในพระอุโบสถ
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย สมัยกรุงศรีสัตตนาคนหุต (เวียงจันทร์) อายุประมาณ 600 ปี และพระประธานองค์นี้ยังมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในพระเศียรด้วย
จากนั้น อาจารย์คฑา นำพวกเราเดินอ้อมพระอุโบสถไปยังด้านหลัง ซึ่งมีซุ้มฝาผนังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาแลง ปางประทานพรขนาดองค์เล็กๆ สมัยลพบุรี อายุราว 1,300 ปี พระพุทธรูปองค์นี้ชาวเมืองอุดรให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก มักจะมีคนมากราบไหว้ขอพรอยู่เสมอ จนมีอีกชื่อหนึ่งว่า
พระขอ
ซึ่งหมายถึงหากเราขออะไรก็จะได้อย่างนั้นนั่นเอง
จากวัดโพธิสมภรณ์ พวกเราเดินทางต่อไปยัง
ศาลหลักเมือง
ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญของชาวอุดรธานี ศาลหลักเมืองเดิมสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2502 แต่เมื่อเวลาผ่านไปสภาพของศาลได้ทรุดโทรมลงมาก จึงได้ทำการสร้างใหม่โดยได้รับการออกแบบจากศิลปินแห่งชาติ
ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี
ด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานไทยอีสานที่สวยงาม เมื่อดำเนินการสร้างแล้วเสร็จ ได้อัญเชิญองค์ท้าวเวสสุวัณ อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอุดรธานีมาประดิษฐานเคียงคู่กับอาสน์ศาลหลักเมืองใหม่แห่งนี้
ท้าวเวสสุวัณตั้งตระหง่านเคียงคู่กับอาสน์ศาลหลักเมืองอุดรธานี
สำหรับผู้ที่ได้มาสักการะศาลหลักเมืองอุดรธานี รวมถึงคณะของเรา อาจารย์คฑา แนะนำว่า
ศาลหลักเมืองเป็นสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านความมั่นคง ทั้งหน้าที่การงาน การเงิน การดำเนินชีวิต
ดังนั้น การขอพรให้ขอพรที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชีวิต และจากตำนานของจังหวัดอุดรธานี มีเคล็ดลับว่า หากเข้าประตูไหนให้ออกประตูนั้นจะทำให้การขอพรได้อานิสงส์มากยิ่งขึ้น เมื่อพวกเราตั้งจิตอธิฐานขอพรกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พากันเดินออกทางประตูเดียวกับที่เข้าตามเคล็ด
แล้วไปสักการะ
ท้าวเวสสุวัณ
หนึ่งใน 4 ท้าวจตุโลกกบาล ปกครองเหล่าอสูรและยักษ์ ตลอดจนภูตผีปีศาจทั้งหลาย ส่วนเคล็ดลับในการไหว้ขอพรท่านท้าวเวสสุวัณ อาจารย์คฑา บอกว่าให้ขอพรให้ศัตรู หมู่มาร หรือผู้ที่คิดร้ายกับเรา แพ้ภัยตนเองหรือกลับใจมาเป็นมิตร
และบริเวณใกล้กับท้าวเวสสุวัณ ยังมี
พระพุทธโพธิ์ทอง
สันนิฐานว่าสร้างมาแล้วกว่าพันปี ได้ถูกอัญเชิญมาจากวัดร้างบ้านเพียปู่ อ.ไชยวาน มาประดิษฐานไว้ที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ส่วนเคล็ดลับของการขอพรพระพุทธโพธิ์ทองคือ การขอให้เรามีร่มโพธิ์ร่มไทร มีผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือสนับสนุน และขอให้เราเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนอื่นๆ ด้วย หลังจากขอพระแล้วให้ไปเก็บใบโพธิ์ที่ร่วงหล่นแล้วทางด้านหลังของศาลเพื่อนำกลับไปบูชา บางคนเก็บใบเดียว บางคนก็เก็บหลายใบฝากเพื่อนฝูงญาติมิตร ก็ตามแต่อัธยาศัย
หลวงพ่อนาค วัดมัชฌิมาวาส มีชื่อเสียงในเรื่องของความรัก
สถานที่ถัดไปพวกเราไปยัง
วัดมัชฌิมาวาส
หรือที่ชาวบ้านละแวกนั้นนิยมเรียกว่า
วัดเก่า
เนื่องจากวัดแห่งนี้เคยเป็นวัดร้างมาก่อน วัดนี้มีพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรก หรือที่เรียกกันว่า
หลวงพ่อนาค
ศิลปะสมัยทวาราวดี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ที่ผู้คนที่มากราบไหว้มักจะนิยมขอในเรื่องของความรัก ทั้งความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ครูอาจารย์ต่อศิษย์ หรือความรักของหนุ่มสาวก็ได้ทั้งนั้น
หลังขอพรเรื่องต่างๆ กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ถวายของเป็นคู่ เช่น เชิงเทียนหนึ่งคู่ และตักน้ำมนต์ในโอ่งด้านข้างหลวงพ่อนาคมาประพรมใส่คนที่เรารักเพื่อให้สมหวัง แต่สำหรับ ผู้จัดการท่องเที่ยว ไม่รู้จะประพรมน้ำมนต์ให้ใคร ก็เรามันไร้คู่ตุนาหงัน ได้แต่ขอพรให้มีคนชอบของแปลกหลงเข้ามาในชีวิตเผื่อจะได้เจอะเนื้อคู่กับเขาบ้าง
ศาลเจ้าปู่-ย่า มีความเชื่อว่าท่านทั้ง 2 ใจดีมีเมตตา
จากความชุ่มชื่นหัวใจในเรื่องของความรักในทุกๆ รูปแบบแล้ว เราเดินทางต่อไปยังสถานที่ถัดไป คือ
ศาลเจ้าปู่-ย่า
ที่ได้รับการกล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความเมตตาแก่คนยากไร้หรือผู้มีทุกข์โศก ภายในศาลเจ้าปู่-ย่า ประกอบไปด้วยศาลต่างๆ 6 ศาล โดยเราจะใช้ธูปรวม 30 ดอก จุดไหว้ตั้งแต่ศาลที่ 1 เรียงไปจนถึงศาลที่หก ปักกระถางธูปตรงกลาง 3 ดอกหมายถึงความเคารพเลื่อมใสบูชา ปักด้านซ้าย-ขวาอีกข้างละ 1 ดอก เพื่อเป็นการบูชาองค์เทพอารักขาของเทพเจ้านั้นๆ ด้วย
โดยเริ่มบูชาจุดแรกที่
ศาลเทพยดาฟ้าดิน
ศาลต่อไปคือ
ศาลเจ้าปู่-ย่า
ศาลที่สามคือ
ศาลเจ้าพ่อหนองบัว
ศาลที่สี่คือ
ศาลเจ้าที่
จุดต่อไปคือ
พระสังกัจจายน์
และจุดสุดท้ายคือ
ฉั่งง่วนส่วย
เทพที่เชี่ยวชาญในการปราชญ์ ซึ่งเป็นที่นิยมบูชาของเหล่านักเรียนนักศึกษาในการสอบครั้งสำคัญๆ เป็นอย่างยิ่ง
อนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดร
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่อไปตั้งอยู่กลางเมืองอุดรธานี คือ
อนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ ศิลปาคม
ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และเจ้าจอมมารดาสังวาลย์ ท่านผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2436 พร้อมทั้งวางผังเมือง วางระเบียบราชการปกครองบ้านเมือง ทำคุณแก่ชาวเมืองอุดรธานีนานัปการ ชาวเมืองอุดรธานีจึงได้สร้างอนุสาวรีย์พระองค์ทรงยืนในเครื่องแบบนายพลตรีแห่งกองทัพบกไทย เพื่อเป็นการระลึกถึงคุณความดีของพระองค์
การกราบไหว้ขอพรอนุสาวรีย์แห่งนี้ จึงเกี่ยวพันในเรื่องของความวิริยะอุสาหะ การแข่งขัน ความก้าวหน้า โดยการตั้งจิตอธิฐานและบนบานด้วยการวิ่งแก้บนรอบอนุสาวรีย์ฯ 3, 5, 7, 9 รอบ แล้วแต่กำลัง และถวายม้ากับดาบซึ่งเป็นกุศโลบายว่า จะต้องมีความมานะบากบั่น ต้องมีความพากเพียรก่อน จึงจะถึงยังจุดมุ่งหมาย
เจดีย์องค์ใหญ่ในวัดป่าบ้านจิก ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้
จากนั้นเราไปกันที่
วัดทิพยรัฐนิมิตร
หรือ
วัดป่าบ้านจิก
ภายในวัดแห่งนี้มีพระเจดีย์องค์ใหญ่สวยงาม ฐานคล้ายทะนานที่ใช้ตวงพระบรมสารีริกธาตุในครั้งพุทธกาล สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2544
ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรูปเหมือนพระครูสถิตธรรมวิสุทธิ์ (หลวงปู่ถิร ฐิตธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาส
เดินเข้าไปด้านในจะเห็นพระอุโบสถ 3 ชั้น แลดูสวยงามเช่นกันด้วยศิลปะผสมไทย-อยุธยา เล่ากันว่าแต่ก่อนบริเวณนี้เป็นสระน้ำ หลวงปู่ถิร อดีตเจ้าอาวาสนิมิตเห็นพญานาคจึงได้สร้างพระอุโบสถขึ้นกลางน้ำและสร้างบันไดเป็นรูปพญานาค
และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองอุดรธานี ที่พวกเราได้ไปเยือนเป็นแห่งสุดท้ายคือ
วัดป่าบ้านตาด
ที่พำนักของ
พระธรรมวิสุทธิมงคล
หรือที่คุ้นหูคุ้นปากกันว่า
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
นั่นเอง ภายในวัดป่าบ้านตาดนั้นร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ใหญ่นานาชนิด จึงเป็นสถานที่พักพิงของสัตว์ป่าน้อยใหญ่ อาทิ ไก่ป่า กระแต กระรอก แย้ นก และหมูป่า เป็นต้น
ภายในวัดป่าบ้านตาดนี้ หากใครเคยมาจะรู้ว่าบรรยากาศความเงียบสงบ ให้ความรู้สึกที่เป็นวัดป่าจริงๆ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างก็ล้วนแล้วแต่ทำและใช้อย่างพอเพียงพออยู่ได้ทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้จัดการท่องเที่ยว คิดว่าวัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไปปฏิบัติธรรมจริงๆ โดยเฉพาะเท่านั้น
อุโบสถ 3 ชั้นศิลปะผสมไทย-อยุธยา เล่ากันว่าสร้างขึ้นตามนิมิตของเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านจิก
และก่อนที่พวกเราจะจบทริปสุขใจเสริมมงคลในครั้งนี้ พวกเราทุกคนก็ได้ร่วมใจกันนั่งสมาธิพร้อมอุทิศส่วนกุศล เป็นการปิดท้ายการเดินทางอันอิ่มบุญอิ่มใจ และไม่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะบันดาลให้ได้ดังหวังหรือไม่ ผู้จัดการท่องเที่ยว ก็ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ หากแต่คนที่เชื่อและยึดมั่นทำในสิ่งที่ดี ไม่ช้าก็เร็วจะต้องได้สิ่งดีๆ ตอบแทนอย่างแน่นอน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองอุดรธานี เพิ่มเติมได้ที่
ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5 โทรศัพท์ 0-4232-5406-7
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2550 14:24 น.
_________________
ธรรมจักรดอทเน็ต
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th