Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ปัญญา เครื่องกลั่นกรองธรรม (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ผู้ตั้ง
ข้อความ
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
ตอบเมื่อ: 07 พ.ย.2007, 7:31 am
สิกขาสาม เป็นเครื่องกลั่นกรองธรรมในโลกนี้
เมื่อของสะอาด กับของไม่สะอาด ปนกันอยู่
ผู้มีปัญญาปรารถนาจะเอาของสะอาด สามารถกลั่นกรองเอาของสะอาดมาใช้ได้
เหมือนน้ำที่ไม่สะอาด กลั่นกรองเอาแต่น้ำสะอาดมาบริโภคใช้สอยได้ฉะนั้น
โลก กับ ธรรม เป็นของประสมโรงกันมาแต่ดั้งเดิม ดังได้อธิบายมาแล้วข้างต้น ผู้ที่ยังติดรสชาติของโลก ไม่รู้สึกอิ่มเบื่อ ก็เสวยนัวกันไป ผู้อิ่มแล้ว เห็นเป็นภัยร้ายแรงของชีวิต เบื่อหน่ายคลายความพอใจในรสนั้น ก็พยายามกลั่นกรอง แก้ไข จนสละหลุดพ้นไปได้
เครื่องกลั่นกรองของธรรมเพื่อให้ใสสะอาดจากโลกนั้น นอกเหนือจาก
ศีล สมาธิ ปัญญา
แล้วไม่มี พระอริยเจ้าทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ท่านคิดค้นหามาใช้ ได้ผลสำเร็จมาแล้วเป็นอย่างดี แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมาแล้วตั้งสองพันกว่าปีก็ตาม ผู้มีปัญญาจะนำมาใช้ให้ถูกต้อง ตามวิธีการของท่าน ก็ยังได้ผลอยู่เช่นเดิม
บิดา มารดา รักบุตรหลาน บุตรหลานรักบิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย สามีภรรยารักใคร่ชอบใจในกันแลกัน เรื่องเหล่านี้ เป็นสัญชาติญาณของสัตว์โลกย่อมมีได้ทั่วไป
แต่ยังไม่ได้จัดเข้าในเกณฑ์ของการกลั่นกรองธรรม แต่ผู้ใดที่มีความรักใคร่ หรือเคารพนับถือในผู้มีพระคุณ หรือมีหิริโอตัปปะอยู่ในใจ แล้วงดเว้นจากความชั่วบาปกรรมนั้นๆ เพราะกลัวความดีของตนจะเสื่อมเสียไป ผู้นั้นจัดได้ชื่อว่า เป็นผู้ก้าวขึ้นสู่ขั้นความเจริญแล้ว
O
ศีล
จัดเป็นเครื่องสำหรับกลั่นกรองคนออกจากสัญชาตญาณของสัตว์ทั่วไปได้ดีที่สุด
เพราะว่าสัญชาตญาณของมนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย ที่เกิดมาในโลกนี้ย่อมมีความเห็นแก่ตัวเป็นมูลฐาน แล้วก็อิจฉา ริษยา ฆ่าฟัน บั่นทอนกำลังของผู้อื่น เพื่อจะยื้อแย่ง หยิบฉวยเอาเนื้อหนังแลทรัพย์สิ่งของของคนอื่นมาเป็นของตัว
ไม่คิดถึงความชั่วช้าสามานย์ในการกระทำอันเป็นบาปกรรมนั้นเลย
ศีล
ถึงแม้ว่าจะเป็น
เครื่องกลั่นกรอง อย่างหยาบ
ก็ยังได้ชื่อว่าละบาป ทางกาย แลวาจา ซึ่งปรากฏออกมาแก่สายตาของสามัญชนทั่วไป เช่น
งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
ถึงใจยังปรารถนา อยากได้เนื้อของเขามาบริโภคอยู่เพื่อชีวิตของตัว แต่เมื่อนึกถึงศีลข้อนี้แล้วกาย แลวาจา ไม่กล้าจะลงมือทำได้
ท่านก็ไม่จัดว่าศีลขาด
เพราะไม่พร้อมด้วยองค์สาม คือกาย วาจา แลใจ
ศีลข้ออื่นๆ ทั้งศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ แลศีล ๒๒๗ ของภิกษุก็ใน ทำนองเดียวกันนี้ ศีล จึงได้ชื่อว่าเป็นเครื่องกลั่นกรองของไม่ดี ออกไปจากกาย วาจา ได้ชั้นหนึ่ง
อนึ่ง บางคนรู้ว่าการกระทำเช่นนั้นผิดจากศีลแล้วไม่ยอมละการกระทำชั่วนั้น หรือละได้แล้วเป็นครั้งคราวแล้วกลับทำอีก
เช่นการดื่มเหล้า
ก็เข้าใจดีอยู่แล้วว่าผิดศีลข้อห้า
เมื่อถึงเวลาพระเข้าพรรษาก็เข้าบ้างพอออกแล้ว ยิ่งดื่มหนักกว่าเก่า คล้ายๆ กับว่าดื่มเหล้าบาปแต่ในฤดูเข้าพรรษา ก็เข้าบ้างออกพรรษาแล้วไม่บาปเลยดื่มทดแทนในพรรษาเสียให้คุ้ม
อย่างนี้เรียกว่าเครื่องกรองขาด ใช้ไม่ได้
ผู้มีศีลตามภูมิของตนๆจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตาม ก็จัดได้ชื่อว่าเป็นผู้นำเครื่องกรองมาใช้แล้ว
O
สมาธิ
ได้แก่
การหัดใจให้สงบจากอารมณ์ต่างๆ
จะด้วยการใช้บริกรรม นึกแต่ในใจว่าพุทโธๆๆ หรืออรหังๆๆ มรณังๆๆ บทใดบทหนึ่งก็ได้ หรือบทบริกรรมนอกเหนือไปจากนี้ก็ได้ทั้งนั้น แล้วแต่จะชอบใจ คือเมื่อบริกรรมแล้ว จิตสงบ สบาย โล่งดี ใช้ได้ทั้งนั้น
แต่ให้เอาบทเดียว อย่าไปเอาโน่นบ้าง นี่บ้าง ใช้ไม่ได้
ในขณะที่กำลังบริกรรมอยู่นั้น ให้ตั้ง สติ ประคอง จิต (คือผู้รู้สึก หรือผู้นึกคิด) ให้แน่วอยู่ที่คำบริกรรมนั้นแห่งเดียว กลั่นกรองเอาความคิด ความนึก ที่นอกเหนือจากนั้น สละทิ้งหมด
เช่น คิดนึกส่งส่าย หรือทะเยอทะยานอยากโน่นอยากนี่แม้แต่จิตที่จะแว่บออกไปจากเอกัคคตารมณ์ ก็อย่าให้มี ปลิดทิ้ง สละให้หมด อย่าให้มีเหลือไว้ ณ ที่นั้น ให้คงยังเหลืออยู่แต่ เอกัคคตาจิต คือ จิตที่ปราศจากความกังวล วุ่นวาย ส่งส่าย แล้วสงบสุขเย็นอยู่เฉพาะมันคนเดียว
เมื่อเราฝึกหัดจิตให้ได้อย่างนั้นแล้ว เราก็จะเห็นตัวจิตได้ชัดทีเดียวว่า จิตแท้ไม่มีอะไร ที่มีเรื่องยุ่งเหยิง แลวุ่นวายเดือดร้อนด้วยประการต่างๆ นั้นมิใช่จิต แต่จิตไปรับเอาเรื่องภายนอกจากจิตมาประสมโรงต่างหาก
แล้วจิตก็ไปเดือดร้อน โวยวาย โน่นนี่ แล้วอยากหนีจากความเดือดร้อนวุ่นวายนั้นๆ จิตนี้ชอบกล ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัด ยิ่งมัดยิ่งผูกให้แน่นตึงเข้าไปทุกที หากเรานิ่งเฉยเสีย ถึงมันจะไม่หลุด แต่มันก็ไม่รัดให้เดือดร้อนเกินไป
O
ปัญญา
เป็นสิ่งที่คนเราทุกคน ไม่เลือกชั้น ไม่ว่า ไพร่ ผู้ดี มี จน ย่อมปรารถนาด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าได้ทราบว่า คนนั้น คนนี้ แม้จะไม่ใช่ลูกหลานเหลน หรือญาติมิตรของเราก็ตาม ว่าเขาเป็นผู้ดีมีปัญญา เฉลียวฉลาดแล้ว ก็จะแสดงความสนใจเป็นพิเศษในบุคคลนั้น
อย่างน้อยก็อยากจะดูว่าหน้าตาเขามีลักษณะท่าทีเป็นอย่างไร บางคนทั้งๆ ที่ตนก็สนใจอยู่กับเรื่องปัญญานั้น แล้วก็ใช้ปัญญานั้น ซึ่งมีประจำอยู่ในตัว เท่าทีมีอยู่ แต่ก็หาได้รู้ไม่ว่า ปัญญามีลักษณะแลคุณประโยชน์อย่างไรไม่
คนชนิดนี้ คิดๆ ดูแล้วก็น่าขบขัน แลคนที่น่าขบขันยิ่งกว่านั้นก็คือ
ผู้ที่ไม่รู้จักลักษณะของปัญญา
แลปัญญานั้นก็ไม่มีในตนเสียด้วย
แต่อยากจะแสดงภูมิปัญญาให้ปรากฏแก่สายตาของคนอื่น
: มรดกอันล้ำค่าของโลก (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
http://www.thewayofdhamma.org/page2/moradok214.html
_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.
ตอบเมื่อ: 07 พ.ย.2007, 11:43 pm
เมื่อเราฝึกหัดจิตให้ได้อย่างนั้นแล้ว
เราก็จะเห็นตัวจิตได้ชัดทีเดียวว่า
จิตแท้ไม่มีอะไร ที่มีเรื่องยุ่งเหยิง
แลวุ่นวายเดือดร้อนด้วยประการต่างๆ นั้นมิใช่จิต
แต่จิตไปรับเอาเรื่องภายนอกจากจิตมาประสมโรงต่างหาก
อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ คุณ I am
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
ตอบเมื่อ: 09 พ.ย.2007, 11:39 am
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณ I am
ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ...คุณ I am คุณกุหลาบสีชา และญาติธรรมทุกท่าน
เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
admin
บัวทอง
เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886
ตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2012, 3:01 pm
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
บทความธรรมะ
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th