Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ขอเชิญร่วมไถ่ชีวิตโคกระบือ ประจำปี ๒๕๕๑ (ปีที่ ๑๗) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
มะลิท่าพระจันทร์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ธ.ค. 2006
ตอบ: 13

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 10:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กองธรรมพระศรีอาริย์ กองธรรมนำสุข พ้นทุกข์นิพพานัง
ขอเชิญร่วมไถ่ชีวิตโคกระบือ ประจำปี ๒๕๕๑ (ปีที่ ๑๗)
ตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง


ขอเชิญทุกท่านร่วมบริจาคซื้อชีวิตวัว – ควาย จากโรงฆ่าสัตว์ตามที่เคยปฏิบัติมาทุกปีจนเป็นประเพณีและเป็นที่ทราบกันดีสำหรับผู้ที่เคยร่วมบริจาคว่า ต้นเดือนมีนาคมทุกปี ผมจะรวบรวมเงินที่ทุกท่านร่วมกันบริจาคมา เพื่อนำไปซื้อวัว – ควายจากโรงฆ่าสัตว์แจกให้ชาวบ้าน

นับแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันคือ ปี 2550 ผมได้นำวัว - ควายลงพื้นที่ ตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เป็นเวลา 4 ปี รวมได้ประมาณ 300 ตัว ซึ่งในแต่ละปียอดเงินบริจาคอยู่ที่ประมาณ 4 – 5 แสนบาท แต่ปี 2549 เราได้ยอดเงินบริจาค 6 แสนเศษ ปี 2550 ยอดเงินบริจาคพุ่งขึ้นมาเป็น 1.2 ล้านบาท ผลจากแรงศรัทธาที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแพร่ข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตและวิธีการทำงานของเรา ทำให้จำนวนเงินเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มีผลโดยตรงต่อจำนวนวัว – ควายที่รอดชีวิต และพื้นที่ที่ต้องติดตามดูแล ขยายเพิ่มขึ้นจากเดิม ปี 2546 – 2548 มีพื้นที่รับผิดชอบ 4 หมู่บ้าน ปัจจุบันครอบคลุม 10 หมู่บ้าน เกือบหมดตำบลบ้านขอซึ่งมี 13 หมู่บ้าน คาดว่าปี 2551 คงจะได้ครบทุกหมู่บ้านแน่นอน

ในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ผมจึงได้แจ้งให้ผู้บริจาคทุกท่านทราบตั้งแต่ช่วงการรับบริจาครอบที่ผ่านมาว่า หากเรายังคงไถ่ชีวิตโค – กระบืออย่างเดียวโดยไม่มีโครงการเสริมเพื่อดึงมวลชน คือ ชาวบ้านให้เข้ามาร่วมกับเราในการรักษาชีวิตวัว – ควายด้วยความสมัครใจแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมดูแลได้ทั่วถึง และหากมีการแอบขายหรือนำไปฆ่าโดยที่เราควบคุมไม่ได้ ผมก็จำต้องยุติโครงการไถ่ชีวิตทันที

นั่นคือที่มาของการแจกทุนการศึกษาและการแบ่งเงินบริจาค จากยอดเงินประมาณ 15 – 20% (เริ่มตั้งแต่ปี 2550) เพื่อนำมาทำโครงการที่เป็นประโยชน์ลงพื้นที่ โดยแจ้งให้ชาวบ้านและผู้นำชุมชนทุกคนทราบว่า เงินที่ใช้จ้างวิทยากรหรือแจกทุกการศึกษาก็ดี เป็นเงินของวัว – ควายทั้งสิ้น หากทุกคนไม่ช่วยกันรักษาชีวิตวัว – ควาย โครงการที่ทำต้องยุติไปทั้งหมดโดยปริยาย แม้ว่าการแจกวัว - ควายเราจะมีการคัดเลือกรายชื่อโดยดูจากความประพฤติ ให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้คัดเลือกในเบื้องต้น มีการเซ็นสัญญายืม ทำทะเบียนประวัติพร้อมรูปถ่าย ทำเครื่องหมายรหัสประจำตัววัว – ควายทุกตัว สัญญายืม 14 ข้อระบุห้ามฆ่าห้ามขายหรือแลกเปลี่ยน แม่และลูกตัวที่ 1 ผู้รับต้องดูแลตลอดชีวิต ตายต้องแจ้งให้สัตวแพทย์ชันสูตรศพแล้วฝัง ห้ามกินเนื้อ หากใครทำผิดกติกาถูกปรับตัวละ 2 หมื่นบาท และหมู่บ้านนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ในปีต่อไปทุกเรื่องก็ดี

คนเราเมื่อลำบากยากจนมีหนี้สินเพิ่มพูนมากขึ้น ก็อาจหน้ามืดแอบขายเข้าสักวัน ใช้แต่กฎหมายรังแต่จะได้รับความเกลียดชังและศัตรู ผู้ใหญ่บ้านต้องประกอบอาชีพของตัวที่ต้องรับภาระ ขณะเดียวกันเขารับนโยบายจากทุกกระทรวง จะไปผลักภาระให้เขาทั้งหมดไม่ได้ ดังนั้นหากเราหวังทำเรื่องไถ่ชีวิตวัว – ควายให้ยั่งยืน เราต้องลงพื้นที่เองและทำโครงการเสริมเพื่อดึงมวลชนมาช่วย

9 พฤษภาคม 2550 ผมได้ส่งจดหมายถึงผู้นำชุมชนและผู้ใหญ่บ้าน เสนอโครงการ 4 โครงการ คือ
1. โครงการบ้านดิน เพื่อแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย ใช้ดินเป็นวัสดุแทนไม้, ปูน ให้คนจนมีบ้านของตัวเองอาศัยและไม่ต้องโค่นไม้ทำลายป่า
2. โครงการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน ทำหน่วยผลิตปุ๋ยชีวภาพที่ใช้ขี้วัว – ขี้ควายกับใบไม้แห้งแทนปุ๋ยเคมีใช้ในไร่นา และผลิตเพื่อขายเป็นขั้นที่ 2
3. โครงการหน่วยผลิตแก๊สชีวภาพ ด้วยการนำมูลสัตว์และขยะมาหมัก สอนให้ชาวบ้านทำแก๊สหุงต้ม โดยไม่ต้องไปซื้อแก๊ส ESSO ปตท. อีกต่อไป
4. โครงการทำสวนสาธารณะเป็นที่พักผ่อนของหมู่บ้าน และใช้เป็นที่ฝึกฝนอาชีพของชุมชนต่อไป ทุกโครงการมีเป้าหมาย เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง
(บ้านดินหลังที่ 1 จะใช้เป็นสำนักงานและที่พักของวิทยากร)

จดหมายดังกล่าวได้ถูกนำเข้าที่ประชุมหมู่บ้าน หมู่ 4 – หมู่ 9 ซึ่งเป็นหมู่บ้านนำร่องได้ผ่านมติที่ประชุม ชาวบ้านยินดีเข้าร่วมโครงการที่ผมเสนอ

30 กรกฎาคม 2550 ผมเดินทางไปตำบลบ้านขอ อำเภอเมืองปาน ร่วมประชุมกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ได้ชี้แจงหลักการและเหตุผลของโครงการให้เป็นที่เข้าใจตรงกันว่า เงินทุกบาทที่นำมาบริหารผลักดันโครงการเป็นของวัว – ควาย และมีเป้าหมาย คือ ต้องการความร่วมมือจากชาวบ้านทุกคน ไม่ใช่แค่ผู้นำ

บรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปด้วยความเข้าใจกันดี ทุกคนที่ร่วมประชุมให้คำมั่นสัญญาที่จะจับมือร่วมกันเดิน วันนั้นผมได้มอบเงินในการเตรียมการจัดตั้งโครงการทุกโครงการประมาณ 5 หมื่นบาท และนัดหมายกันว่าเดือนกันยายน ผมจะนำวิทยากรทุกโครงการลงพื้นที่เพื่อให้การอบรมชาวบ้านที่เข้าร่วม

สำหรับปี 2551 นี้ ผมได้เสนอที่ประชุมหมู่บ้านไปว่า เราจะซื้อลูกวัวตัวที่ 2 เพราะสัญญาเดิมไม่มีข้อผูกมัดคุ้มครอง ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยชีวิตตัวที่ 2 เราจะขอซื้อแล้วนำมาแจกให้สมาชิกใหม่ต่อไป มิฉะนั้นเขาจะขายให้ พ่อค้าวัว – ควายที่เข้ามาซื้อในหมู่บ้านเข้าโรงฆ่าสัตว์แน่นอน

ในทุกปี ผมจะเล่าเรื่องราวที่สะเทือนใจจากเหตุการณ์ที่ไปพบเห็นระหว่างการเดินทางไปซื้อวัว – ควายที่โรงฆ่าสัตว์ต่าง ๆ แต่ปีนี้ผมจะถ่ายทอดให้ท่านเห็นการฆ่าสัตว์ในโรงฆ่าสัตว์ผ่าน วีซีดี (VCD) ซึ่งจะทำให้ท่านทั้งหลายได้เห็นความจริงที่เราไม่เคยเห็น ขอให้ทุกท่านได้พิจารณาภาพที่ปรากฏจาก วีซีดี ชุด “ร้องขอชีวิต” เมื่อได้ดูแล้ว ผมอยากถามว่า เขาทำผิดอะไรจึงทำกับเขาเช่นนั้น? และมีสิทธิ์อะไรไปทำกับเขาเช่นนั้น? เพื่อให้มีสารอาหารครบ ให้ร่างกายได้โปรตีนหรือสัตว์เกิดมาเพื่อเป็นอาหารมนุษย์ ถ้าคิดเช่นนั้น เวลาที่ท่านไปหลงอยู่กลางป่าหรือลอยคออยู่กลางทะเลแล้ว เสือโคร่งมันมาขย้ำ หรือไอ้เข้ ฉลามมันฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ ก็อย่าร้องขอชีวิตหรือวิ่งหนีมัน เพราะมันก็มีสิทธิ์อ้างเช่นนั้นเหมือนกัน

แท้จริงแล้ว ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาบนโลกต่างมีสิทธิ์ที่จะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้เหมือนกัน เพียงแต่มนุษย์ใช้ความได้เปรียบ กำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นเพื่อประโยชน์ตัวเอง โดยพูดฝ่ายเดียวไม่เคยคิดถึงจิตใจของสัตว์เหล่านี้ คงลืมไปแล้วว่า เขาก็มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกทุกอย่างเหมือนเรา แต่เพียงเขาไม่มีโอกาสพูด

คนกินก็ไม่เคยได้รู้เห็นว่าเขาฆ่ามันอย่างไร? มันเจ็บปวดขนาดไหน? เราก็เลยกินมันเป็นปกติ แค่เราโดนมีดหรือกระจกบาดก็เจ็บมากแล้ว แล้วมันเทียบกันได้ไหม? กับการถูกเชือดคอหรือจ้วงแทงแบบสุดแรง ท่านทั้งหลาย ท่านไม่จำเป็นต้องบริจาคเงินเพื่อไถ่ชีวิตวัว – ควายกับผมก็ได้ เพียงแต่ท่านเลิกกินเนื้อเขา ก็ถือว่าเป็นการไถ่ชีวิตแบบถาวรแล้ว

แต่หากท่านยังทำไม่ได้ ก็ขอให้กินด้วยเคารพ ละลดลงตามโอกาสอันควร จนเลิกได้ในวันหนึ่ง กุศลใหญ่จะเกิดขึ้นกับท่าน เนื่องจากถ้าไม่มีคนกิน เขาก็ไม่รู้จะฆ่ามาขายใคร การกินมันอยู่ก็คือการสั่งฆ่ามันนั่นเอง ในทางกฎหมายแบบโลก ๆ ถือว่าเป็นผู้สมคบกันกระทำความผิด ในทางธรรมหรือกฎแห่งกรรมละเอียดกว่ามาก มันติดตามข้ามภพข้ามชาติ ลามปามระบาดไปถึงลูกเมียท่านอีก “บุคคลทำกรรมเช่นใดได้รับผลเช่นนั้น” ผมขอตั้งความหวังว่าทุกท่านเมื่อได้ดูแล้วจะเกิดความเวทนาสงสารชีวิตพวกเขา ลด ละเลิกกินเนื้อเขาเสียที ขอกระแสความเมตตาจงจุดประกายขึ้นกลางใจของท่านทุกคน โลกนี้จะได้มีความสุข และขอให้พลังของความเมตตาของจิตทุกดวงจงมารวมกัน ประกาศมโนปณิธานที่จะรณรงค์ให้เลิกเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม การกระทำเช่นนี้เปรียบเสมือนชูคบเพลิงเดินสวนพายุ แต่ก็จำต้องทำเพราะประโยชน์และคุณค่ามหาศาลที่เห็นอยู่ชัดแจ้ง แม้เป็นการฝืนกฎของกรรมอย่างเต็มที่ ก็พร้อมน้อมยอมรับผลกรรมนั้นเช่นกัน เพราะการมีชีวิตอยู่ในโลก หากปราศจากความปรารถนาที่งดงามเช่นนี้ ก็หาประโยชน์ไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

ดังนั้น นับแต่ปีนี้เป็นต้นไป เราขอยกระดับการเรียกร้องที่ไม่เพียงแค่ไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์ มาเป็นการรณรงค์ให้พวกเรางดเว้นการกินเนื้อเขาด้วย

ท่านใดที่ร่วมบริจาค โดยทราบข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต และต้องการแผ่น วีซีดี บันทึกเหตุการณ์จากโรงฆ่าสัตว์ชื่อ “ร้องขอชีวิต” เมื่อโอนเงินเข้าบัญชีแล้วให้แฟกซ์ใบโอนเงินพร้อมเขียนชื่อที่อยู่มาด้วย เพื่อผมจะได้จัดส่งไปให้

ท่านใดต้องการปกป้องชีวิตจากการฆ่า ปลดปล่อยพวกเขาสู่อิสรภาพ ให้มีชีวิตใหม่ที่มีความสุขและได้รับการดูแลตลอดไป ร่วมบริจาคได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2551

โอนเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอโศก
ประเภทบัญชี ออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 032-2-58355-6
ชื่อบัญชี นายพงษ์ชัยทัศน์ (ธวัชชัย) วณิชย์กุล เพื่อกองทุนพระศรีอริยเมตตไตรย
โทร : 0-2261-1313, 08-1614-9382 โทรสาร : 0-2664-0582

หรือ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักงานบางกะปิ
ประเภทออมทรัพย์
เลขที่บัญชี 003-2-95237-2
ชื่อบัญชี นายพงษ์ชัยทัศน์ (ธวัชชัย) วณิชย์กุล
โทร : 0-2261-1313, 08-1614-9382 โทรสาร : 0-2664-0582

หรือธนาณัติ สั่งจ่าย นายพงษ์ชัยทัศน์ วณิชย์กุล
18/6 ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
ปณ. ประสานมิตร เท่านั้น

หลังจากการไถ่ชีวิตโค – กระบือ จะมีการรายงานผลถึงจำนวนวัว– ควาย ยอดเงินบริจาคและรายละเอียดค่าใช้จ่ายอีกครั้งเช่นที่ทำมาทุกปี
(หมายเหตุ – ผมได้เปลี่ยนชื่อจาก “ธวัชชัย” เป็น “พงษ์ชัยทัศน์” ตั้งแต่ 10 กันยายน 2550)


“ กองธรรมพระศรีอาริย์ ปรารถนาให้โลกนี้มีความสุข ”
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
มะลิท่าพระจันทร์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 25 ธ.ค. 2006
ตอบ: 13

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 10:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

“ กองธรรมพระศรีอาริย์ กองธรรมนำสุข พ้นทุกข์นิพพานัง ”

บันทึกเหตุการณ์การซื้อชีวิตวัว-ควาย นับตั้งแต่ปี 2539

ในปีแรกของการซื้อชีวิตวัว-ควาย ประมาณปี 39 ที่จังหวัดชลบุรี เราไปถึงโรงฆ่าสัตว์ประมาณบ่ายสองโมง ตกลงซื้อวัว-ควายที่เหลืออยู่ได้เกือบหมด รอบเช้าเขาเชือดไปแล้ว 4 ตัว คงเหลือเพียง 1 ตัวที่ติดต่อเจ้าของไม่ได้ เจ้าของโรงฆ่าสัตว์แจ้งว่าเจ้าของควายอยู่ที่สนามวิ่งแข่งวัวที่อำเภอบ้านบึง เวลาผ่านไปเกือบห้าโมงเย็น พลบค่ำแล้ว คณะที่ไปด้วยประมาณ 10 คนทนรอไม่ไหว ตัดสินใจจะกลับก่อน ผมคิดในใจคนเดียวว่า หากเอาเจ้าควายเขาเกตัวนี้ออกไปไม่ได้ ผมจะไม่ยอมเลิกรา จึงจ้างรถสองแถวไปตามหาเจ้าของควายที่สนามแข่ง ซึ่งก็ได้ผล เขากลับมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด

ทันทีที่พบหน้ากัน คณะที่ไปด้วยก็เจรจาขอซื้อจากเจ้าของ ซึ่งก่อนหน้านี้ เรารู้จากเจ้าของโรงฆ่าสัตว์แล้วว่า เขาขายเข้าโรงฆ่าสัตว์ ราคา 8,300 บาท เมื่อเจอหน้าพวกเรา ท่านลองเดาดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาโก่งราคาขึ้นทีเดียวเป็น 13,500 บาท พวกผู้หญิงโวยวายต่อว่า ว่าทำไมขายแพงเกินไป เจ้าแขกเจ้าของควายโกรธจัด พูดตอบกลับมาว่า “ ผมไม่ขาย ” ผมแทบทรุดลงทั้งยืน พยายามขอร้อง ขอโทษ และให้ราคาตามที่เขาต้องการ ขอร้องขอโทษอยู่นาน พูดไปเดินตามเขาไป กว่าจะยอมรับเงิน เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ผมจำมาตลอด ว่าจะไม่พาคณะไปซื้อวัว-ควายด้วยอีกแล้ว เราจะเสียเงินโดยไม่จำเป็น นับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา จึงเลิกพาคณะไปด้วย หากเขามีเมตตาต่อสัตว์ เขาจะมาค้าวัว-ควายทำไม มาเป็นเจ้าของโรงฆ่าสัตว์ทำไม

ท่านอย่าลืมว่าโรงฆ่าสัตว์ไม่ใช่สถานที่ซื้อขายวัว-ควาย โรงฆ่าสัตว์ก็คือโรงฆ่าสัตว์ สถานที่ซื้อขายวัว-ควายที่แท้จริง คือตลาดนัดวัว-ควาย ซึ่งจะมีกระจายอยู่ทุกจังหวัด แทบทุกอำเภอ โดยเค้าจะมีนัดว่า มีวัว-ควายมาขายในวันใด เช่นทุกวันพุธหรือพฤหัส เป็นต้น อย่างเช่นจังหวัดลำพูน ตลาดนัดวัว-ควายอยู่เขตอำเภอสันป่าตอง ชื่อว่าตลาดทุ่งฟ้าบด เป็นตลาดนัดวัว-ควายที่ใหญ่มาก ทุกนัดจะมีวัว-ควายนับพัน และราคาซื้อขายที่ตลาดนัด นั่นแหละคือราคามาตรฐาน ซึ่งจะคำนวณจากขนาดและน้ำหนักของมัน แต่ในโรงฆ่าสัตว์ คนละเรื่อง เขาจะขายเราในราคาที่อยากจะขาย เพราะฉะนั้นการไปต่อรองซื้อกันในที่นั้น มันเป็นเรื่องที่เสียเปรียบอยู่แล้ว จึงต้องระมัดระวังท่าทีอย่างมาก

ในนาทีที่เจ้าแขกปาทานปฏิเสธว่า ผมไม่ขาย เจ้าทุยเขาเกที่ยืนฟังอยู่ตลอด คอตกก้มหัวลง น้ำตาไหลพราก เหมือนฟังภาษาคนรู้ทุกคำ เพราะระหว่างรอเจ้าของมา ผมเอาน้ำให้กินและบอกกับเขาว่า “ วันนี้รอดแล้ว จะพาเจ้าออกจากที่นี่ให้ได้ ” เขาจับมัดติดหลักประหารมา 2 วันแล้ว เชือกที่มัดจากรูจมูกเว้นระยะห่างจากหลักแค่คืบเดียว เพื่อไม่ให้มันนอนได้ ถ้าขืนนอนลงเชือกบาดรูจมูกขาดแน่ ถ้าท่านอยากรู้ว่ายืนอย่างเดียวสองวันสองคืน ปวดเมื่อยขนาดไหน ก็ลองดู น้ำก็ไม่ให้มันกิน เพื่อเวลาทุบหรือเชือดจะได้ไม่มีแรงขัดขืน ให้ล้มลงผ่าท้องแทงคอได้ง่าย เสาที่ใช้เป็นหลักประหาร ถูกเชือกเสียดสีจนสึกขอดไปเกือบครึ่ง ทั้งที่เป็นไม้เนื้อแข็ง ท่านลองคำนวณดูซิว่า ประมาณกี่ครั้ง กี่หน กี่ชีวิต? คงไม่ใช่หลักพันหรอกครับ เพราะวันเดียวก็เกือบสิบตัวแล้ว ท่านทราบหรือไม่ เฉพาะพัทยาอย่างเดียว วันหนึ่งเกินกว่าร้อยชีวิตแล้ว

โอ้มนุษย์นี้หนอ ทำไมเจ้าถึงได้โหดร้ายเช่นนี้! จะฆ่าเขาก็ยังต้องทรมานเขาก่อน เจ้าทุยถูกมัดอยู่กับที่สองวันสองคืนเต็ม ๆ มันถูกบังคับให้ยืนดูเพื่อนร่วมชะตากรรมถูกทุบหัว ถูกแทงคอ ผ่าท้อง แล่เนื้อออกเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าต่อตา ได้กลิ่นคาวเลือด ได้ยินเสียงร้อง ได้เห็นการดิ้นทุรนทุราย ด้วยความเจ็บปวด เนื้อที่ถูกมีดเถือสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด ความหวาดกลัวนั้นสุดจะบรรยาย

จิตใจเขาคงแตกสลายไปหมดแล้ว น้ำตาไหลเป็นคราบใต้ดวงตาที่หม่นหมองจนเหือดแห้ง ความเจ็บปวดทางวิญญาณ ความหวาดกลัว ความรู้สึกวิงวอน ขอร้อง มันฉายออกมาจากดวงตาคู่นั้น มีคำพูดมากมายอยู่ในแววตานั้น และเมื่อท่านได้สัมผัส เสียงเรียกร้อง อ้อนวอนในความเงียบนั้น ผ่านดวงตาคู่นั้น ประดุจว่าฟ้าผ่าลงมากลางใจของเรา

วันนั้น คือ วันที่เกิดมโนปณิธาน ตั้งสัจจะอธิษฐานในการที่จะยืนหยัดกระทำสิ่งนี้ตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพื่อสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์และสัตว์โลกที่ประสบเคราะห์กรรมเช่นพวกเขาให้รอดพ้นจากคมมีดให้มากที่สุด

ทุก ๆ ปีเมื่อย่างเข้าสู่เดือนธันวาคม ลมหนาวพัดมาเยี่ยมเยือน นั้นคือสัญญาณที่เตือนว่า เวลาของการกู้ชีวิต เวลาของการยื้อแย่ง ชักเย่อ กับพญามัจจุราช ได้มาถึงแล้ว

ภาพบาดใจในทุกเหตุการณ์แม้จะผ่านมานานปี ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ แม่ควายท้องแก่ ถูกจูงเข้าหลักประหาร ถูกควักลูกในท้องออกมา เรียกว่าควายน้อยนึ่ง ส่วนลูกวัวที่ขายแม่เจ้าไปก่อนแล้ว จะถูกต้อนมารวมกันและขายเหมาให้พ่อค้า เอาไปทำวัวหัน มันทุกตัวตื่นกลัวและมองหาแม่ร้องระงมไปหมด ใครจะให้นมมันหนอ? เจ้าควายตัวน้อยวิ่งร้องจ้า หาแม่ไม่เจอ ในตลาดนัดวัว-ควาย เพราะเค้าขายแม่เจ้าไปเสียแล้ว

แม่ควายกับลูกควายถูกจูงเข้าหลักประหารพร้อมกัน เจ้าลูกน้อยเดินตามแม่ไปติด ๆ ยืนอยู่ข้างหลัง หวังให้แม่ปกป้อง บางทีเขาก็ฆ่าแม่เจ้าให้เจ้าดูเสียก่อน บางทีเขาก็ฆ่าเจ้าให้แม่เจ้าดูเสียก่อน แบบไหนมันจะเจ็บปวดรวดเร้ากว่ากัน?

โอ้ มนุษย์ผู้ประเสริฐ ท่านกระทำต่อสัตว์โลกผู้อ่อนแอกว่า ยิ่งกว่าศัตรูทำร้ายศัตรูของเขา ยิ่งกว่าผู้ซึ่งเกลียดชังกัน กระทำต่อกัน เพราะเพียงเขาเป็นวัว-ควายเช่นนั้นหรือ?

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกวันๆๆๆๆ ทุกคืนๆๆๆๆ เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว ใครบ้างได้ยิน? เสียงนั้นดังสนั่นหวั่นไหว ดั่งอัสนีฟาด โลหิตนั้นไหลหลั่ง ดั่งอุทกธาร

ท่านทั้งหลายโปรดเมตตาเขาด้วยเถิด ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง ด้วยการหยุดกินเลือดเนื้อของเขาเสียที นั่นแหละจึงเรียกว่า การไถ่ชีวิตโค-กระบือที่แท้จริง


ขอกระแสพลังแห่งความเมตตาของจิตทุกดวง เมื่อได้อ่านข้อความนี้ จงมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อเกิดเป็นมโนปณิธาน ตั้งสัจจาธิษฐานร่วมกับกองธรรมพระศรีอาริย์ ในอันที่จะสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก ที่ประสบเคราะห์กรรม ให้สมดั่งคำประกาศของกองธรรมพระศรีอาริย์ที่ว่า “กองธรรมพระศรีอาริย์ ปรารถนาให้โลกนี้มีความสุข”

ท่านใดมีเมตตา มีศรัทธา สามารถร่วมบริจาคได้นับตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2551 โดยรวมเงินทั้งหมดเพื่อเดินทางไป จ.ลำปาง ในอาทิตย์แรกของเดือนมีนาคม 2551 เพื่อดำเนินการต่อไป เมื่อแล้วเสร็จ จะได้มีการรายงานผลอีกครั้ง

โอนเข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอโศก
ประเภทบัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี นายพงษ์ชัยทัศน์ (ธวัชชัย) วณิชย์กุล เพื่อกองทุนพระศรีอริยเมตตไตร์ย
Tel : 0-2261-1313, 08-1614-9382 Fax : 0-2664-0582
เลขที่บัญชี 032-2-58355-6

หรือ ธนาคารกสิกรไทย สาขาสำนักงานบางกะปิ ประเภทบัญชีออมทรัพย์
ชื่อบัญชี นายพงษ์ชัยทัศน์ (ธวัชชัย) วณิชย์กุล
Tel : 0-2261-1313, 08-1614-9382 Fax : 0-2664-0582
เลขที่บัญชี 003-2-95237-2

หรือ ธนาณัติ สั่งจ่าย นายพงษ์ชัยทัศน์ วณิชย์กุล
18/6 ซอยสุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
ปณ. ประสานมิตร เท่านั้น จนกว่าจะพบกันอีก

“ กองธรรมพระศรีอาริย์ ปรารถนาให้โลกนี้มีความสุข ”
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง