Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เมาวิมาน : หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กุหลาบสีชา
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 30 เม.ย. 2007
ตอบ: 1466
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2007, 6:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เมาวิมาน
หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนให้เราทำบุญเพื่อจะไปสวรรค์
สวรรค์นั้นเป็นแต่เพียงเครื่องล่อนิดๆ หน่อยๆ ให้พอเพลินเท่านั้นเอง

คนติดสวรรค์มักจะทำบุญเพื่อต้องการสวรรค์
เรียกว่าทำบุญเพื่อกิเลส ทำบุญเพื่อจะเอา
เอานั่นเอานี่ ที่มีอยู่ก็รักษาไม่ไหวอยู่แล้ว
ยังจะเอาแถมเข้ามาอีกมากมายก่ายกอง
อย่างนี้เขาเรียกว่า เป็นบุญไม่บริสุทธิ์ ไม่เป็น “กุศล”


มันเป็นแต่เพียงบุญเท่านั้นเอง ชื่นใจสบายใจ ได้ทำอะไรแล้ว
แหม ! ดีใจจนเนื้อเต้น อย่างนี้เขาเรียกว่า “บ้าบุญ”

พวกนั้นไม่คิดจะออกไปจากสิ่งเหล่านั้น
ด้วยการฟอกจิตใจให้สะอาด
ปราศจากสิ่งเศร้าหมองทางใจ ไม่ได้คิดอย่างนั้น


เพราะว่าผู้สอนผู้เทศน์ก็ไม่ได้พยายามชี้ให้เห็นว่า
อะไรเป็นอะไรให้ถูกต้อง


ล่อว่า มีสวรรค์ ไวให้โยมสร้างนั่นสร้างนี่
แล้วจะได้เกิดในสวรรค์มีวิมาน

พระบางองค์ก็เก่งอยู่เหมือนกัน
เห็นว่าโยมทำอะไรมากๆ แล้ว แต่ยังอยากจะให้ทำอีก ก็บอกว่า

“แหม เมื่อคืนก่อนนี้ อาตมานอนหลับฝันไป ฝันว่าได้ขึ้นสวรรค์
ขึ้นไปถึงเห็นวิมานหลังคาระยิบระยับ
ประดับด้วยเพชรพลอยสวยงาม สูงหลายชั้น
แล้วก็มีเทวดานั่งเฝ้าอยู่องค์หนึ่ง เลยถามว่าวิมานนี้เป็นของใคร
เทวดาบอกว่าเป็นของคนชื่อนั้น”


โยมคนนั้นแหละ โยมที่แกคุยด้วยนั่นเอง
บอกว่าชื่อของคุณโยมนี่ สมมติว่าโยมคนนั้นชื่อว่า แม่จันทรา

“เทวดาบอกว่านี่เป็นวิมานของคุณแม่จันทรา กำลังมารออยู่แล้ว
คุณแม่จันทรายังไม่มาเกิด ให้อยู่ทำบุญเพิ่มเติมต่อไป
แล้วก็วันหนึ่งจะได้มาเกิดอยู่ในวิมานนี้”


แล้วก็ถามว่า “ท่านมาจากเมืองมนุษย์หรือ”

“ใช่ มาจากวัดเมืองมนุษย์
อยากจะดูวิมานของแม่จันทราสักหน่อยว่ามีอะไรบ้าง”


"เมื่อเข้าไปดูในวิมาน วิมานยังว่างอยู่ห้องนอนก็ยังไม่มีเตียงนอน
ไม่มีหมอน ไม่มีเครื่องใช้ไม้สอย วิทยุก็ไม่มี โทรทัศน์ก็ไม่มี
เครื่องทำความอบอุ่นก็ไม่มีในวิมาน ห้องน้ำก็มีแต่ห้องเฉยๆ ยังไม่มีน้ำ
ยังไม่ได้ต่อประปาเข้าไปในวิมานเลยแม้แต่น้อย บอกให้คุณโยมทราบ”


โยมฟังแล้วถามว่า

“ทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ ทำอย่างจึงจะมี”

“โยมต้องบริจาคเตียง บริจาคผ้าห่มนอน หมอนมุ้ง
บริจาคอ่างน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ”


โยมก็ “เมาวิมาน” ก็ต้องบริจาคไป

ความจริงกุฏิท่านสร้างแล้ว แต่ว่ามันยังขาดในเรื่องเหล่านี้อยู่
อย่างนี้ โยมก็ไปสร้างให้ได้ดังใจ เพราะได้วิมานแล้ว

หนักเข้าไปกว่านั้น คุณโยมคนหนึ่งสามีตาย
ก็คิดถึงพระท่านก็มาเยี่ยมมาเยียน

วันหนึ่งมาบอกว่า

“เมื่อคืนอาตมานอนฝันเห็นคุณหลวง คุณหลวงมาหา

“เป็นยังไงเจ้าคะ คุณหลวงสบายดีหรือ รูปร่างเป็นอย่างไร”

“อ้วนท้วนเป็นน้ำเป็นนวลดี สบายทุกอย่าง เจริญพร
แต่คุณหลวงแกบ่นว่า ไปไหนลำบาก เพราะไม่มีรถยนต์ใช้”


เออ ตายแล้วอย่างงี้ จะหารถยนต์ไปใช้ในสวรรค์อีกต่อไป
ก็เมืองสวรรค์เขาขี่รถกันเมื่อไหร่


เทวดามันลอยฟ่องเหมือนมนุษย์อวกาศ ลอยไปนั่งอยู่ตรงนี้
พอนึกว่าจะไปวิมานน้อยหน่อย ก็ลอยไปทันที
จะกลับมาก็ลอยมา แล้วจะใช้รถยนต์เมื่อไหร่

โยมแกไม่ได้ฟังเรื่องนี้ละเอียด
พอพระบอกว่าสงสารคุณหลวงไม่มีรถยนต์ใช้
อยู่เมืองมนุษย์นี่ได้ใช้รถยนต์ตลอดเวลา ที่โน่นไม่มีรถยนต์ใช้

“ทำอย่างไรดีเจ้าคะ”

“ก็โยมจะต้องสร้างรถยนต์ถวายวัดสักคันหนึ่งสิ”

คุณนายก็ตกลงใจซื้อรถยนต์ไวถวายวัดคันหนึ่ง
ปรากฏว่าขับรถปร๋อไปปร๋อมา
ขึ้นเหนือล่องใต้ บรรทุกเฮโรอีนส่งไปเมืองนอกบ้างก็ได้

ที่นี้เรื่องมันไปกันใหญ่

นี่เขาเรียกว่า พระประเภทต้มคน

มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ
ใครเชื่อก็ถูกหลอกถูกต้มเรื่อยไป
ฝันเรื่อยฝันไม่หยุดไม่หย่อน
ขัดข้องอะไรก็ไปหาคุณนายคนนั้น

ฝันอีกแล้ว ฝันบ่อย มันเป็นอย่างนี้ คุณนายก็เชื่อ

อันนี้ก็เรียกว่าเป็นอันตรายอย่างหนึ่ง
ซึ่งทำให้คนหลงผิดเรื่องของพระศาสนา
ไม่สอนสิ่งทีถูกต้อง ไม่พูดความจริงให้คนฟัง
เพราะความต้องการในลาภสักการะ


นักเผยแผ่ธรรมะ ถ้าเผยแผ่เพื่อลาภ เพื่อสักการะ
มันไม่ได้ มันไม่ถูกต้อง


เราต้องเผยแผ่สัจจธรรม
อันเป็นหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
ให้คนเข้าเอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
ถ้าเขาเข้าใจเอาไปปฏิบัติแล้วเขาเห็นผลประจักษ์ด้วยตัวเอง


สาธุ สาธุ สาธุ

(จากปาฐกถาธรรมวันอาทิตย์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๒๗ :
ในหนังสือ “ชีวิตงาม เล่ม ๕” จัดพิมพ์โดย กองทุนสืบอายุพระพุทธศาสนา
วัดชลประทานรังสฤษดิ์, กองทุนห้องสมุดศาลาจำปีรัตน์ วัดชลประทานรังสฤษดิ์
และกองทุนเสถียรธรรม เสถียรธรรมสถาน)

* ท่านปัญญานันทภิกขุ หนึ่งในพระสุปฏิปัณโณของวงการคณะสงฆ์ไทย
พระผู้มีคุณูปการยิ่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศไทย

สาธุ สาธุ สาธุ ขอกราบนมัสการมาด้วยความอาลัยต่อการมรณภาพของท่าน ด้วยจิตคารวะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2007, 6:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ...คุณกุหลาบสีชา

ธรรมะสวัสดีค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
I am
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972

ตอบตอบเมื่อ: 11 ต.ค.2007, 7:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศรัทธา ความเชื่อนั้น ต้องประกอบด้วยปัญญา
จึงจะเป็นศรัทธาที่เป็นคุณเป็นประโยชน์
เป็นศรัทธาแท้ของพระพุทธศาสนา

โมทนา สาธุคร้าบบ.. คุณกุหลาบสีชา

สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง