Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ตาล ที่มาของตาลปัตร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 05 ก.ย. 2007, 10:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ตาล ที่มาของตาลปัตร

ตาล เป็นไม้ยืนต้นในตระกูลปาล์ม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Borassus flabellifer Linn. อยู่ในวงศ์ Palamae มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น ตาลโตนด, ตาลใหญ่, ตาลนา เป็นต้น มีความสูงราว 15-40 เมตร โคนต้นอวบใหญ่ ลำต้นสีน้ำตาลเข้ม ขณะที่ต้นยังเตี้ยอยู่จะมีทางใบแห้งติดแน่น และมีกาบขอบใบติดอยู่ประมาณ 5 เมตร ไม่แตกกิ่งก้านสาขา

ใบเป็นใบเดี่ยวอยู่ตรงยอดลำต้นมีรูปร่างคล้ายพัด มีก้านเป็นทางยาวราว 1-2 เมตร ขอบก้านใบหยักเป็นฟันเลื่อย ดอกเพศผู้และเพศเมียแยกกันอยู่คนละต้น ตาลตัวผู้ออก ดอกเป็นงวงคล้ายมะพร้าว ไม่มีผล ส่วนตาลตัวเมียออกดอกเป็นช่อเดี่ยวๆ ดอกสีขาว อมเหลือง และมีผลใหญ่กลมโตสีเขียวอมน้ำตาล ภายในมีเมล็ดราว 2-4 เมล็ด เมื่อยังอ่อนเรียกว่า ลอนตาล ถ้าจาวที่เกิดจากเมล็ดแก่ที่งอกแล้วเรียกว่า จาวตาล

Image

ประโยชน์ของต้นตาลนั้นมีมากมาย อาทิเช่น ลำต้น ใช้ในการก่อสร้าง ทำเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่างๆ และใช้ทำเรือขุด ที่เรียกว่าเรืออีโปง, ใบอ่อน ใช้ในการจักสาน เช่น ทำหมวก ทำของเล่นเด็ก, ส่วนใบแก่ ใช้มุงหลังคา ทำพัด, ราก ใช้ต้มกินแก้โรคตานขโมย, ผล ใช้เปลือกหุ้มผลอ่อน ปรุงเป็นอาหาร และคั้นนำจากผลแก่ใช้ปรุงแต่งกลิ่นขนม, ใยตาล ใช้ทำเครื่องจักสาน และทำเป็นเชือก, งวงตาล ให้น้ำหวานที่เรียกว่าน้ำตาลสด นำมากินสดๆ หรือใช้ทำน้ำตาล, ส่วนเมล็ด ที่มักเรียกกันว่าลูกตาล นำมารับประทานสดหรือกินกับน้ำเชื่อม และจาวตาล นำมาเชื่อมรับประทานเป็นของหวาน

ในพุทธประวัติได้กล่าวไว้ว่า หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ในพรรษาที่สองได้เสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ผู้ครองเมืองราชคฤห์ แต่เนื่องจากในเวลานั้นพระเจ้าพิมพิสารทรงนับถือ ชฎิลสามพี่น้อง คือ อุรุเวลกัสสป นทีกัสสป และคยากัสสป ดังนั้นพระพุทธองค์จึงทรงไปโปรดชฎิลสามพี่น้องก่อน เมื่อทรงแสดงธรรมจนกระทั่งชฎิลสามพี่น้องละความเชื่อดังเดิมของตน ยอมเป็นสาวกของพระองค์แล้ว พระองค์ก็ทรงพาชฏิลทั้งสามพร้อมสาวกอีกพันรูป เสด็จไปประทับยัง ลัฏฐิวัน (สวนตาลหนุ่ม) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองราชคฤห์

เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้สดับข่าว จึงเสด็จพร้อมประชาชนจำนวนมากไปยังสวนตาลหนุ่ม และเมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์แล้ว ก็เกิดธรรมจักษุ และประกาศพระองค์เป็นอุบาสก

Image

นอกจากนี้ ตาลปัตร ที่พระสงฆ์ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ นั้น สมัยโบราณทำมาจากใบตาล ซึ่งมาจากภาษาบาลีว่า ‘ตาลปตฺต’ ซึ่งแปลว่าใบตาลนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันพระสงฆ์บ้านเราไม่นิยมใช้ตาลปัตรที่ทำจากใบตาลแล้ว แต่พระสงฆ์ในประเทศอื่นที่นับถือพระพุทธศาสนา เช่น พม่า, ศรีลังกา, กัมพูชา และลาว ยังนิยมใช้ตาลปัตรที่ทำจากใบตาลอยู่ และถือเป็นพัดสารพัดประโยชน์ใช้พัดวีโบกไล่แมลง รวมทั้งใช้บังแดดด้วย

และด้วยลักษณะของต้นตาลซึ่งเมื่อตัดยอดไปแล้วกลายเป็น “ตาลยอดด้วน” ไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีกต่อไป ดังคำที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในพระสูตรต่างๆ ในพระไตรปิฎก ซึ่งขอยกมาบางตอนดังนี้

Image

“...สมบัติ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เหล่านั้น ตถาคตละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มีในภายหลัง มีไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา... ”

“...ดูกรชีวก บุคคลพึงมีความพยาบาท เพราะราคะ โทสะ โมหะใด ราคะ โทสะ โมหะนั้น ตถาคตละแล้ว มีมูลอันขาดแล้ว เป็นดุจตาลยอดด้วน ถึงความไม่มี มีอันไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดา...”

“...ดูกรราธะ เธอจงสละความพอใจ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยากในรูปเสีย ด้วยอาการอย่างนี้ รูปนั้นจักเป็นของอันเธอละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา เธอจงละความพอใจ ความกำหนัด ความเพลิดเพลิน ความทะยานอยาก ในเวทนา...ในสัญญา...ในสังขาร...ในวิญญาณเสีย ด้วยอาการอย่างนี้ เวทนา...สัญญา...สังขาร...วิญญาณนั้นจักเป็นของอันเธอละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา...”


Image


......................................................

หนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 82 ก.ย. 50 โดย เรณุกา
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 4 กันยายน 2550 14:29 น.
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
สุนันท์
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 05 เม.ย. 2008
ตอบ: 126
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 26 ก.ย. 2008, 9:42 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ อนุโมทานด้วยเจ้าคะที่ให้ความรู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง