Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
ชมพระสำเภาพระเจดีย์กลางกรุงเทพฯ ที่ วัดยานนาวา
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ผู้ตั้ง
ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993
ตอบเมื่อ: 18 ส.ค. 2007, 7:45 am
พระสำเภาพระเจดีย์ในวัดยานนาวาที่สูงใหญ่เทียบเท่าของจริง
ชมพระสำเภาพระเจดีย์กลางกรุงเทพฯ ที่ วัดยานนาวา
คงจะเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า คนจีนในสมัยก่อนหอบเสื่อผืนหมอนใบรอนแรมมากับเรือสำเภาลำใหญ่ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงสยามประเทศ เพื่อที่จะเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าอยู่หัว เข้ามาทำมาหากินในดินแดนขวานทองแห่งนี้ ส่วนใหญ่ได้ดิบดีเพราะความอุตสาหะหนักเอาเบาสู้ ทำให้หลายคนเป็นใหญ่เป็นโตเป็นเจ้าสัวก็มากมาย เมื่อได้ฟังแล้วก็ให้สงสัยว่าเรือสำเภา (ของจริง) หน้าตาเป็นอย่างไร จะใหญ่โตสักเพียงไหน เพราะเคยเห็นแต่ในหนังสือเรียนเมื่อตอนเด็กๆ ครั้นโตขึ้นก็จำไม่ค่อยได้เสียแล้ว
แต่ก็มาถึงบางอ้อ เนื่องจากเมื่อวันก่อนนั่งรถผ่านไปแถวเจริญกรุง เห็นเรือสำเภาลำใหญ่ยักษ์แถมมีเจดีย์อยู่บนลำด้วย ด้วยความสงสัยจึงรีบกระโดดลงจากรถเพื่อไปดูให้เห็นกับตา (ว่าไม่ได้ตาฝาด) ว่ามีเรือสำเภาอยู่กลางเมืองกรุงฯ ในยุคนี้จริงๆ
เรือสำเภาหรือพระสำเภาพระเจดีย์ลำที่ว่า ตั้งอยู่ในวัดยานนาวา
แต่เดิมชื่อ วัดคอกควาย เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง แต่ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี (ประมาณปีพุทธศักราช 2319)
พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือพระเจ้ากรุงธนบุรี
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดคอกกระบือ
อุโบสถของวัดเป็นอีก 1 แห่งที่มีภาพจิตรกรรม
ที่มีคุณค่ามากมายฝังตัวอยู่ตามบานประตู หน้าต่าง
ส่วนการสร้างเรือสำเภาจำลองขึ้นมานั้น ก็รู้มาว่า
เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ที่พระองค์ต้องการจะสร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้นที่วัดนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงใช้เรือสำเภาขนส่งสินค้าไปทำมาค้าขายถึงเมืองจีนและประเทศต่างๆ
นับว่าเป็นสายพระเนตรอันยาวไกลของพระองค์ท่านที่ทรงมีพระราชดำริว่า ต่อไปในภายหน้าคนรุ่นหลังอาจไม่รู้จักเรือสำเภาจีนก็เป็นได้ ประกอบกับพระองค์ทรงรำลึกใน
พระธรรมเวสสันดรชาดก
ตอนที่พระเวสสันดรทรงตรัสเรียกกัณหาและชาลีให้อุทิศตน เพื่อร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศล อันจักเป็นเสมือนเรือสำเภาใหญ่พามนุษย์ชาติข้ามโอฆะสงสารไปสู่พระนิพพาน
จากพระราชประสงค์นี้เอง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์แบบใหม่ขึ้น เป็นสำเภาจีนมีพระเจดีย์ 2 องค์อยู่บนเรือ พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ราชทานนามจากวัดคอกกระบือเป็น
วัดญาณนาวาราม
มีความหมายว่า ญาณอันเป็นพาหนะดุจดั่งสำเภาข้ามโอฆะสงสาร ต่อมาภายหลังชื่อจึงได้เปลี่ยนมาเป็น
วัดยานนาวา
ที่มีความหมายใกล้เคียงกับชื่อเดิมคือ
วัดอันมีพาหนะดุจสำเภาในการที่จะนำพาเวไนยสัตว์ให้ข้ามพ้นโอฆะสงสาร
ปัจจุบัน เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
พระแท่นที่ประทับ
ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จำลองขึ้นมาใหม่
พอแหงนหน้าขึ้นมองพระสำเภาพระเจดีย์ ที่ทางหัวเรือหันสู่ทิศใต้และปากแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนท้ายเรือหันไปทางทิศเหนือ ความยาวตอนบนตลอดลำเรือสำเภาวัดจากหัวเรือถึงท้ายบาหลียาว 21 วา 2 ศอก (43 เมตร) ความยาวตอนล่าง ส่วนที่ติดกับพื้น 18 วา 1 ศอก (36.5 เมตร) ความกว้างตรงส่วนกลางของเรือ 21 วา 3 ศอก (9.5 เมตร) ความสูงตรงส่วนกลางลำเรือ 2 วา 3 ศอก (5.5 เมตร)
และเจ้าความสูงที่ว่าทำให้ต้องแหงนคอ (อีกครั้ง) มองหาเสากระโดงเรือ แต่ก็ต้องพบกับพระเจดีย์ 2 องค์อยู่ในตำแหน่งของเสากระโดงเรือแทน ถึงตอนนี้จึงเริ่มจะมองหาทางขึ้นพระสำเภาพระเจดีย์ลำนี้เสียแล้ว เพราะอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าจะมีอะไรน่าค้นหาอีกหรือไม่
นั่นไงทางขึ้นพระสำเภาอยู่ทางด้านท้ายของเรือ...ดูคล้ายกับทางเข้าอุโมงค์ขนาดเล็ก คะเนว่าความสูงไม่น่าเกิน 165 เซนติเมตร ฉะนั้นสำหรับใครที่คิดว่าตัวเองสูงกว่านี้ควรก้มศีรษะด้วย มิฉะนั้นอาจหัวโนไม่รู้ตัว แต่สำหรับตนเองเดินลอดผ่านไปได้อย่างสบายๆ พลางคิดในใจว่าตอนนี้ตนเองคงกำลังเดินอยู่ใต้ท้องเรือ ที่เปรียบได้กับห้องเก็บสินค้าและสัมภาระต่างๆ ที่บรรทุกไปขายยังดินแดนไกลโพ้น
ขณะที่สมองกำลังจินตนาการอย่างออกรสชาติอยู่นั้น พลันสายตาก็มาเจอะกับพระเจดีย์องค์ที่ 1 ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า จึงเดินขึ้นบันไดเพื่อนำทางขึ้นไปสู่ชั้น 2 ของเรือเพื่อไปดูพระเจดีย์ใกล้ๆ แล้วก็พบว่าเป็นพระเจดีย์ฐานย่อมุมไม้ยี่สิบ ขนาดฐานล่างกว้าง 3 วา 1 ศอกเศษ สูงประมาณ 8 วา 2 ศอก (17 เมตร) ส่วนพระเจดีย์องค์เล็กที่อยู่เยื้องกับองค์ใหญ่นั้น เป็นพระเจดีย์แบบฐานย่อมุมไม้สิบหก ขนาดฐานล่างกว้าง 7 ศอกเศษ สูงประมาณ 6 วา (12 เมตร) พระเจดีย์ทั้งสององค์นั้นเป็นศิลปกรรมในแบบ
ขนบประเพณี สมัยรัชกาลที่ 3
ที่มีความโดดเด่นและมีความสวยงามยิ่ง
รอยพระพุทธบาทจำลองที่อยู่ทางท้ายบาหลีพระสำเภา
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับการนับมุมของพระเจดีย์ทั้งสององค์อยู่นั้น ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้กราบพระที่อยู่ทางท้ายบาหลีพระสำเภาเลยนี่นา คิดได้ดังนั้นก็เลยเดินไปยังท้ายเรือแล้วเข้าไปกราบพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ซึ่งมีมากมาย นอกจากนี้ยังมี
รูปหล่อพระเวสสันดรโพธิสัตว์ กัณหา-ชาลี รอยพระพุทธบาทจำลอง
แต่ที่ทำให้ต้องตื่นเต้นคือ
หินพระไตรปิฎกเสี่ยงทาย
ที่ร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก หากใครอธิษฐานแล้วสมประสงค์จะสามารถยกหินขึ้นโดยง่าย แต่ตรงกันข้ามหากสิ่งที่หวังไม่ได้ดังหวังก็จะไม่มีทางยกหินนี้ขึ้นได้เลย
หลังจากที่ผิดหวังกับการยกหินพระไตรปิฎกเสี่ยงทายแล้ว ก็เลยใส่รองเท้าแล้วเดินออกมาจากท้ายบาหลีพระสำเภา จุดประสงค์ก็เพื่อจะเดินชมพระสำเภาพระเจดีย์ลำนี้ให้ทั่ว เพื่อต่อไปจะได้อธิบายให้รุ่นลูกรุ่นหลายฟังได้ว่าเรือสำเภาที่ใช้ขนสินค้าในสมัยโบราณนั้นเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องพบว่าพื้นที่บนเรือลำนี้กว้างใหญ่เอาการอยู่ ทำเอาตัวเล็กลงไปถนัดตา เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรที่ในสมัยก่อนนอกจากสินค้าซึ่งมีจำนวนมากแล้ว ยังสามารถบรรจุคนได้อีกกว่าร้อยคน ใช้ชีวิตกินอยู่หลับนอนรอนแรมอยู่บนเรือสำเภาเป็นเวลานานนับเดือน กว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง
หลังจากที่เดินดูจนทั่วแล้ว จึงออกมาข้างนอกเรือเพื่อมาชม
พระแท่นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ที่จำลองขึ้นมาใหม่ให้มีหลังคาคลุมพร้อมกับมีที่กั้นโดยรอบ แต่ของเดิมนั้นเป็นเพียงแท่นหินวางไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายของพระองค์ท่านได้เป็นอย่างดี
ใกล้ๆ กันนั้นเป็น
พระอุโบสถที่มีภาพจิตรกรรมที่มีคุณค่ามากมายฝังตัวอยู่ตามบานประตู หน้าต่าง
ไม่ว่าจะเป็นบานหน้าต่างด้านนอกปิดทองรดน้ำเป็นภาพเล่าเรื่องทศชาติ ส่วนด้านในบานหน้าต่างเป็นภาพจิตรกรรมโถยาคู
อาคารสำคัญๆ ในวัดนี้เป็นอาคารทรงไทย ประดับยอดปราสาทดูวิจิตรตระการตา
สังเกตเห็นได้ว่าอาคารที่สำคัญๆ ภายในวัดยานนาวานี้จะเป็น
อาคารทรงไทยประดับยอดปราสาท
ดูวิจิตรตระการตาและแสดงให้เห็นฝีมือของช่างไทย ไม่ว่าจะเป็น
อาคารมหาเจษฎาบดินทร์
ที่มียอดปราสาทถึง 5 ยอด สูง 3 ชั้น และ
หอพระไตรปิฎก
มียอดปราสาท 3 ยอด สูง 3 ชั้น ภายในใช้เป็นห้องสมุดและยังเป็นที่เก็บรักษาตู้พระไตรปิฎกเขียนลายลงรักปิดทองของโบราณไว้ด้วย
เมื่อกวาดตามองพื้นที่รอบวัดยานนาวา พบว่าส่วนใหญ่รายล้อมด้วยอาคารพาณิชย์สูงตั้งตระหง่านมากมาย และย่านเจริญกรุงยังเป็นย่านการค้าที่ผู้คนพลุกพล่าน แต่ภายในบริเวณวัดแห่งนี้กลับยังมีสถาปัตยกรรมไทยที่งดงามและความเงียบสงบแบบเขตสงฆ์อยู่ ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วของสองสิ่งที่แตกต่างกันก็สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ หากรู้วิธีที่จะอยู่ร่วมกัน
พระสำเภาพระเจดีย์ในวัดยานนาวา อีกมุมหนึ่ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
วัดยานนาวา
(พระอารามหลวง) ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญกรุง (แถวซอยเจริญกรุง 54) แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร สามารถเดินทางไปวัดยานนาวาได้ทั้งทางรถและเรือ หากลงเรือให้ขึ้นที่ท่าสาทรแล้วเดินตรงขึ้นไปจะเจอสี่แยกให้เลี้ยวขวา เดินต่อไปอีกประมาณ 50 เมตรจะเจอกับวัดยานนาวาที่อยู่ทางขวามือ แต่หากเลือกใช้บริการรถประจำทาง มีรถเมล์ประจำทางสาย 1, 15, 17, 35, 75 และ ปอ. 38, 75 ปอ.พ. 9, 20 ผ่าน ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่วัดยานาวา โทรศัพท์ 0-2211-9317
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2548 18:21 น.
_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
วัดและศาสนสถาน
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th