Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 อภัยทาน : พระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2007, 6:15 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

การผูกอาฆาตพยาบาท จองเวร ให้ผลข้ามภพข้ามชาติ
ถ้าเราเปรียบภพชาติเหมือนคืนวัน
การนอนหลับเหมือนการตาย
การตื่นนอนเหมือนการเกิด
ภพชาติก็ใกล้ตัวเราเข้ามา
การผูกอาฆาตพยาบาท
เหมือนการเข้านอนโดยไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกาย
หลับก็ไม่เป็นสุข ตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่น

ในแต่ละวัน จิตของเราเก็บเกี่ยวเฉี่ยวโฉบอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง
อิจฉา นินทา อาฆาต พยาบาท ขุ่นแค้น ขัดเคือง นานาชนิดเอาไว้
ถ้าไม่มีวิธีชำระก็จะเกิดสนิมใจขึ้นมา
กระทั่งไม่อาจนอนได้อย่างมีความสุข
หากไม่ชำระร่างกายฉันใด ใจที่ไม่ถูกชำระจะทำให้ฝันร้าย
อารมณ์หงุดหงิดหลับไม่สนิท ฉันนั้น

การแสดงอภัยทานเป็นการชำระใจ
แม้จะดูพูดง่าย แต่ก็ทำได้ยาก หากไม่ฝึกทำจนเป็นปกติ
เพื่อให้เข้าใจง่ายและอยากทำให้ได้
ขอให้เรามาพิจารณาเหตุผล
ถึงความต่อเนื่องของผลกรรมที่มีผลข้ามภพข้ามชาติว่า
ให้ผลเผ็ดร้อนเพียงใด และยังเป็นผลที่เราหนีไม่ได้อีกด้วย

เราต้องถามตนเองก่อนว่า
เราต้องการยุติการเผล็ดผลของกรรมกับคนๆ นั้นเพียงภพนี้
หรือต้องการจะพบเขา จะเจอเขาอีกในชาติต่อๆ ไป
เราต้องการจะยุติปัญหาเหล่านี้เพียงภพชาตินี้
หรือต้องการลากยาวไปถึงภพชาติข้างหน้า
เรามีสิทธิเสรีในตัวเราที่จะหยุดหรือสร้างเหตุต่อไปอีก

บางคน รักมาก หลงมาก เพราะเขาดีมาก
ก็ปรารถนาให้พบกันทุกภพทุกชาติ
บางคนก็อธิษฐานไม่ขอร่วมเดินทาง แต่ก็ไม่ยกโทษ
ในที่สุดผลของการไม่ยกโทษ คือไม่ยอมให้อภัย
ก็เหมือนการผูกสิ่งที่เราไม่ชอบไว้ที่เอวตนเองตลอดเวลา


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 06 ส.ค. 2007, 6:21 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2007, 6:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้อภัย จะทำให้เราสามารถยุติปัญหาต่างๆ ได้
เหมือนคนล้างแก้วน้ำสะอาด
ทำให้เหมาะสมที่จะรองรับน้ำบริสุทธิ์ที่เทลงไปใหม่
เหมือนการโยนของที่เราไม่ชอบทิ้งเสีย โดยไม่ต้องเสียดาย

การให้อภัย คือการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์
อภัยทานนั้นเวลาจะให้ไม่ต้องไปขอใคร
ไม่เหมือนใครมาขอเงินเรา เราต้องควักกระเป๋าให้
แต่ให้อภัย เราไม่ต้องหาจากไหน และไม่รู้สึกว่าเป็นการสูญเสีย

ขอให้เราภูมิใจเถิด เมื่อมีใครมาขอโทษ
เมื่อมีใครให้อภัยเรา หรือเมื่อสำนึกได้ว่า
เราได้ทำอะไรผิดพลาดไป ก็ขอโทษกัน
การขอโทษ หรือการให้อภัย มิใช่การเสียหน้า หรือเสียรู้
มิใช่การได้เปรียบเสียเปรียบแต่อย่างใด
หากแต่เป็นการชำระใจให้สะอาด
เหมือนภาชนะสกปรก ก็ชำระล้างให้สะอาด

ในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ อาจจะดูเหมือนยาว
แต่มีใครบอกได้ว่าเราจะอยู่ได้ปลอดภัยถึงวันไหน
เราต้องการความทรงจำที่เลวร้าย
หรือต้องการความทรงจำที่ดีในชีวิต
เราต้องการนั่งนอนอย่างมีความสุข
มีชีวิตอยู่ด้วยความอิ่มเอิบ
หรือต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยการถอนหายใจ
ด้วยความทุกข์และกังวลใจ
สิ่งเหล่านี้กำหนดได้ที่ตัวเราเอง กำหนดวิธีคิดให้ถูกต้อง

ความคิดเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก
สุขหรือทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่วิธีคิด
คิดเป็นก็พ้นทุกข์ คิดไม่เป็น แม้แต่เรื่องมิใช่เรื่อง ก็อาจเกิดเรื่องได้
ขอให้เรามาคิดดูว่า ในชีวิตของเราคนหนึ่ง
อย่างเก่งก็อยู่ได้ ๗๕ ปี เกินนี้ไป ถือเป็นกำไรชีวิต
ทำไมเราจะเสียเวลามาครุ่นคิดเรื่องไร้สาระ
ทำไมเราจะต้องเสียเวลา มาทำเรื่องที่ทำให้เกิดทุกข์
การยอมกันเสียบ้าง ก็เป็นความสุขได้ไม่ยาก
เราอาจคิดว่า การให้อภัยบ่อยๆ แก่คนบางคน
เขาอาจจะไม่ปรับตัว ยังก่อเหตุอยู่เสมอๆ
งานก็ไม่สำเร็จ ยังเหลวไหลอยู่เหมือนเดิม
นั่นอาจเป็นเหตุผลในการทำงาน

แต่สำหรับเหตุผลของใจนั่น
เมื่อให้อภัย ใจเราก็เบา การยกโทษ อาจดูเหมือนเรายอม
เราไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง แล้วจะทำให้เขากำเริบ
ส่วนเราเสียเปรียบ ความจริงไม่ใช่
เรากำลังบำเพ็ญบารมีขั้นสูง
คือ “อภัยทาน” อันเป็น “ทานบารมี” ที่สูงส่ง
การยอมแพ้อาจเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ข้ามภพชาติ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 06 ส.ค. 2007, 6:22 pm, ทั้งหมด 3 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 ส.ค. 2007, 6:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
เวลาเราโกรธ เกลียด พยาบาทใคร
สีหน้าของเราจะเปลี่ยนไป เลือดในร่างกายจะผิดระบบ
เช่น เวลาโกรธจัด จิตที่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ร้าย
ก็มีลักษณะเช่นเดียวกันคือ ความรุ่มร้อนไม่พอใจ
ทำอะไรก็กังวลเป็นทุกข์
แต่พอยกโทษให้ ก็จะรู้สึกทันทีว่า ยิ้มได้ จิตเบาสบาย
ที่เปรียบกันว่าเหมือนยกภูเขาออกจากอก
รู้สึกจิตเป็นอิสระทันที เพราะหมดห่วง หมดทุกข์
หมดสนิมที่จะกัดกร่อนจิตใจ

วิธีคิด มีความสำคัญมากสำหรับชีวิตของคน
เรามักได้ยินเสมอๆ ว่า แพ้หรือชนะอยู่ที่กำลังใจ
แท้จริงแล้ว คำว่า “กำลังใจ” ก็คือ วิธีคิดนั่นเอง
พลังที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ คือ การที่ใจมีกำลัง
มนุษย์เราจึงต้องสร้างกำลังใจให้แก่กันและกัน
กำลังใจเป็นสิ่งที่ให้ไม่รู้จักหมด
ยิ่งเราให้คนอื่นได้มากเท่าไหร่
กำลังใจก็จะยิ่งเกิดขึ้นแก่เรามากเท่านั้น
เหมือนวิชาความรู้ ยิ่งให้ยิ่งพอกพูน ยิ่งหวงไว้เฉพาะตัวก็ยิ่งหดหาย

การให้อภัย อาจพูดง่าย แต่ทำยาก
แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะใจไม่อยากทำ
แต่ก็สามารถทำได้เมื่อเราฝืนใจทำ
และจะเป็นความสุขใจในภายหลังเมื่อครวญคำนึงถึง
การตอบรับซึ่งกันและกัน
ถ้าเป็นความดี เป็นความรัก ความอบอุ่นก็ดีไป
แต่ถ้าเป็นความเกลียด ความโกรธ
สิ่งที่จะตามมา คือ การรับรู้และเก็บอารมณ์ทั้งโกรธ
และเกลียดนั้นไว้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เมื่อรู้แล้วก็ควรสละอารมณ์นั้นด้วยตัวเราเองก่อน
เพื่อป้องกันจิตเรามิให้เป็นทุกข์ เพราะคนนั้นเป็นเหตุ
เราอาจคิดเสมือนหนึ่งไม่ได้มีเขาอยู่ในโลกนี้เลยก็ได้
การให้อภัยเขา คือ คิดถึงเขาในฐานะเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่สมควรจะไปยึดเป็นรักเป็นชัง
ก็เมื่อแม้แต่รัก ท่านยังสอนให้เราละทิ้ง มิให้ยึดติด
แล้วทำไมเราจะยังมองเห็นโกรธเป็นสิ่งที่จะต้องยึดมั่นอยู่ได้


Image
พระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช)
................................................


คัดลอกจาก...หนังสือ “อภัยทาน”
โดย พระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช)

http://www.kanlayanatam.com/sara/sara85.htm

สาธุ สาธุ สาธุ

รวมคำสอน “พระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช)-ปิยโสภณ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44115
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง