Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มีอำนาจขนาดไหนไม่เหนือความถูกต้อง (หลวงตามหาบัว) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
วีรยุทธ
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1790
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร

ตอบตอบเมื่อ: 03 ส.ค. 2007, 5:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



ltb1.jpg


หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

อำนาจขนาดไหนไม่เหนือความถูกต้อง

ทองคำของเราที่รวมกันทั้งประเทศเข้าสู่คลังหลวง ได้ทองคำทั้งหมดเป็น ๑๑,๕๔๙ กิโล ๑๔ บาท ๑๑ สตางค์ ได้เยอะ

วันนี้เป็นวันเพ็ญ เรียกว่าอาสาฬหะ เป็นวันเตรียมพร้อมที่จะเข้าพรรษา วันเพ็ญนี่เป็นฤดูร้อน เดือน ๘ เพ็ญ เป็นคาบฤดูร้อนอยู่ พอเข้าพรรษาก็เข้าฤดูฝน วันพรุ่งนี้แหละเข้าพรรษา

เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบไว้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาองค์เอกของโลกทั้งสาม เทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาทั้งนั้น เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าคือลูกศิษย์ของศาสดา อย่าเหลวไหลโลเล วันพระให้รู้ว่าวันพระ วันโยมมันยุ่งทั้งวันแหละ วันพระมี ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ ที่ท่านทรงอนุญาตให้เป็นวันผ่อนผันพักผ่อนทางด้านจิตใจ สั่งสมธรรมเข้าสู่ใจ วันนอกนั้นกิเลสแย่งเอาไปกินหมด ท่านทรงตัดเอาไว้หักเอาไว้ วัน ๗ ค่ำ ๘ ค่ำ ๑๔-๑๕ ค่ำ เป็นวันพระวันธรรม ไม่ให้กิเลสแย่งเอาไปกินหมด ท่านจึงแยกไว้วันพระวันโยม วันเสาร์อาทิตย์นี้รวมเข้าไปหาวันพระวันโยม เป็นวันว่างเหมือนกัน ซึ่งควรจะเสาะแสวงหาบุญเข้าสู่ใจ

ใจกับบุญเป็นของสำคัญมาก กายเรานี้กระดูกอยู่ศาลานี้ตายกองกันอยู่นี้เน่าเฟะ ไม่เผาไม่ฝังก็เน่าเฟะอยู่นี้แหละ ส่วนจิตก็ลงนรก ถ้าชอบสร้างตั้งแต่ความชั่วช้าลามกจิตลงนรก เดือดร้อนยิ่งกว่าคนที่ไม่มีบุญ นอนกองกันตายกองกันอยู่บนศาลานี้ นี่มันอุจาดบาดตาเหลือเกินนะ คนทั้งศาลาตายกองกันอยู่นี้เน่าเฟะ ดูไม่ได้นะ ยิ่งขึ้นไปเน่าเฟะพร้อมกับไฟนรกเผาอยู่ที่นรก ด้วยอำนาจแห่งการสร้างบาปสร้างกรรมมันหยาบขนาดไหนพิจารณาซิ บนศาลานี้ คนไม่มีบุญแต่ไม่ค่อยทำบาปทำกรรมนี้ตายแล้วเน่าเฟะอยู่บนศาลา

พระวัดเรามีจำนวนเท่าไร พระวัดนี้ไม่เคยน้อยนะ บังคับไว้ๆ ปีนี้ก็บังคับให้อยู่ใน ๕๐ ปีนี้มันยันขึ้นไป ๕๘ มันลอดไปอย่างนั้นละพระวัดนี้เราปกครอง หลักปกครองของเราต้องให้ถูกต้องแม่นยำทุกอย่าง ผิดไม่ได้ว่างั้นเถอะ ไม่อย่างนั้นเป็นตัวอย่างของผู้น้อยไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องปกครองตัวเองโดยเข้มงวดกวดขันยิ่งกว่าผู้น้อยนะ พอพูดไปนี้ก็ไปถึงขั้นตอนเอาตัวอย่างมาดู ว่าผู้ใหญ่ปกครองผู้น้อยต้องเป็นธรรมมันเป็นธรรมยังไง

พอดีวันหนึ่ง เรานั่งอยู่กระต๊อบเล็กๆ ที่เราพักนั่นน่ะ แต่ก่อนเรื่องการทำข้อวัตรปฏิบัติพระเณรไม่ทันเรานะ เหมือนเราเป็นผู้นำตลอด เข้มงวดกวดขัน เข้มแข็งทุกอย่าง มันพึ่งเป็นอย่างทุกวันนี้ไม่ได้บิณฑบาตมาได้ ๑๐ กว่าปีแล้วมีแต่กิน กินไม่ถอย บิณฑบาตไม่ไปเดี๋ยวนี้นะ แต่ก่อน โถ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องนำหน้าหมด เรียกว่าเป็นหัวหน้า สอดส่องมองทะลุไปหมดดูพระดูเณร

ทีนี้วันหนึ่งก็เผอิญหัวหน้าใหญ่นี่ไปพลาดยังไงไม่รู้นะ กำลังเขียนหนังสืออยู่ มองดูนาฬิกาผิดไป โธ้ ตาย ปุ๊บปั๊บลุกเลยเรา ลงไปคว้าไม้ตาด เป็นอย่างนั้นนะเป็นหัวหน้าของพระ เรียกว่าทุกข์กว่าพระนะ ตาสอดส่องทุกสิ่งทุกอย่าง คล่องตัวทุกอย่าง มองดูนาฬิกาผิดไป ปุ๊บปั๊บลงไปก็ฉวยเอาไม้ตาดปัดกวาดภายในออกมาข้างนอก ยังไม่เห็นพระเณรสักองค์เลย ตามธรรมดาเรากวาดข้างใน พระเณรก็กวาดทางนู้น ดูนาฬิกาพร้อมกันเป็นเวลา ๔ โมงเย็น แต่วันนั้นเราดูนาฬิกาผิด พอดูนาฬิกาก็ปุ๊บปั๊บลงไปจับไม้ตาดปัดรอบของตัวออกไปแล้ว แทนที่จะเห็นพระเณรเต็มอยู่หน้าศาลา

ธรรมดาเราออกไปพระเณรเต็มอยู่หน้าศาลา ปัดทางโน้นปัดทางนี้รวมเข้ามาๆ มารวมกันที่ศาลา พระเณรจะเต็มไปหมด วันนั้นไม่เห็นพระเณรสักองค์ พอไปมีเณรหนึ่งอยู่นั่น เราปัดกวาดไปหน้าศาลาไม่มีพระเณรสักองค์เลย เห็นเณรองค์หนึ่ง เรากวาดออกไปเณรก็รีบออกมา เอาไม้กวาดออกมาปัด เณร ขึ้นแล้วนะ พระวัดนี้ตายกันหมดแล้วหรือ ใครจะกุสลาใคร มันตายกันหมดทั้งวัดใครจะกุสลาใคร ถึงเวลาปัดกวาดแล้วทำไมไม่เห็นมาปัดกวาด มันเป็นยังไง นี่จะยังไม่แล้วนะ ถ้าสมมุติว่าผิดอย่างที่เราว่า ตอนกลางคืนจะประชุมอีกนะ ดีไม่ดีไล่พระเณรหนีจากวัดหมด เป็นยังไงเคร่งไหม เด็ดไหม อาจารย์ของพระของเณรทั้งหลายในวัดป่าบ้านตาดเป็นอย่างนั้นตลอดมานะ ไม่มีคำว่าย่อหย่อนอ่อนกำลัง

นาฬิกาได้เท่าไรเณร เราถามว่าพระตายหมดแล้วใครจะกุสลาใคร คึกคักเหมือนจะฉีกเดี๋ยวนั้นเลย นี่ละธรรมไม่ได้เป็นโลก ทางนี้คึกคักเหมือนจะฉีก ออกจากนั้นกลางคืนจะประชุมกัน เป็นยังไงเพราะเหตุใด ไล่เบี้ยพระ ถ้าหากว่าผิดพลาดจะไล่ออกจากวัดหมดเลย นู่นเห็นไหมล่ะ ทีนี้เณรมันคงรำคาญ เณรเวลาได้เท่าไร มันพึ่งได้ ๓ โมง ๒๐ นาที เหอ ขึ้นเลยนะ คือกำหนดกันว่า ๔ โมงเย็นปัดตาด แต่วันนั้นหลวงตาใหญ่อาจารย์ใหญ่ผิด มันพึ่งได้ ๓ โมง ๒๐ นาที ๔ โมงเย็นปัดกวาด

๓ โมง ๒๐ นาทีเราปัดกวาดออกมาถึงนี้แล้วนึกว่าผิดพลาดไปแล้วรีบออกมา ไม่ทันเวลา เราเลยเวลาไปแล้ว มาไม่เห็นพระเณรสักองค์ เห็นเณรองค์หนึ่งมันคงจะขวางตามันเลยด้อมๆ ออกมา เลยจ้อเณรเลย หือ เณร พระเณรวัดนี้ตายกันหมดแล้วหรือ ใครจะกุสลาใคร ถึงเวลาแล้วทำไมไม่มาปัดกวาด นาฬิกาได้เท่าไร นาฬิกาพึ่งได้ ๓ โมง ๒๐ นาที แล้วเราเคยปัดกวาดเท่าไรล่ะ ๔ โมงเย็น หือขึ้นอีกแล้วนะ พอว่าอย่างนั้น เอ้า เลิกๆ หยุดๆ เดี๋ยวพระเณรมันจะมาเป็นบ้ากันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าเรา กลับปุ๊บ เห็นไหมล่ะ เป็นอย่างนั้นละ

เหมือนจะกัดจะฉีกนะ เราเข้าใจว่าเราถูก พระเณรผิด ทีนี้เราผิดคนเดียว เลยบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวมันจะเป็นบ้ากันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าเรา แล้วก็กลับปุ๊บเลย เณรมันคงจะหัวเราะตายละ นี่เห็นไหมเป็นไฟมานี่ ไฟเพื่อธรรมไม่ใช่ไฟเพื่อโลก ดุแล้วพอเจ้าของผิดต้องรีบลงไปแก้บ้าเรา บอกให้หยุดทั้งหมดอย่ามาปัดกวาด มันจะเป็นบ้ากันทั้งวัด นั่นละภาษาธรรม เหมือนจะกัดจะฉีก พอผิดกับธรรมแล้วหมอบกราบธรรม แล้วรีบไปแก้บ้า นั่นละการปฏิบัติ เราปฏิบัติพระเณรเราอย่างนี้ เราไม่ได้ใหญ่กว่าใคร กราบธรรมตลอด ธรรมใหญ่กว่าอยู่ตลอด

เพราะฉะนั้นวัดนี้ถ้าพูดถึงว่าความเข้มข้นหรือดุด่าว่ากล่าว ไม่มีใครเกินเรา คือตีเข้าๆ เข้าหาธรรม ธรรมคือความถูกต้องดีงาม ผิดพลาดเมื่อไรต้องตีเข้าไปๆ ถ้าตีไม่อยู่ไล่ออก เนื้อร้ายเอาไว้ไม่ได้มันจะขวางวัดขวางวา ทำให้เสียวัดทั้งวัด นี่ละการปกครองเราปกครองอย่างนั้น ปกครองด้วยความเป็นธรรม เราเทิดทูนธรรมอยู่บนหัวเรา แต่กิเลสตีตลอด นี่ละการปกครองต้องให้ถูกต้องผู้นำ พระเณรของเราพูดไม่ใช่ยอนะ ไม่เคยมีเรื่องมีราวแต่ไหนแต่ไรมา เพราะหัวหน้าครอบตลอดเวลา ใครมาพอมองเห็นเรานี้

พอพูดอย่างนี้ก็มีขบขันนะ ก็มาเจอเอาที่ขบขัน เราอยู่กุฏิแล้วออกมา ตามธรรมดาพระเณรกลัวมากกลัวเรา ไม่ใช่กลัวแบบเสือแบบยักษ์ กลัวแบบธรรม พอเราเดินไปพระเณรกำลังฉันน้ำร้อนกันอยู่ตอนบ่าย ๒ โมง เราลงมาประตูวัดมาดูนั้นดูนี้ แล้วกลับเข้าไปทางครัว พอไปเห็นแก้วนี้ล้มระนาวเกลื่อน น้ำโกโก้ กาแฟ ไหลเกลื่อนอยู่ตามนั้น พอเห็นเรากลัว โดดใส่นี้เตะแก้วเตะอะไรเปิดหนีหมดเลย พอเราเข้ามาก็ถาม ทำไมถึงเตะถึงถีบ น้ำสาดกระจายไปหมดเป็นเพราะเหตุไร พระท่านเห็นท่านอาจารย์ท่านกลัวเลยวิ่งหนีหมด ก็เราไม่ใช่เสือนี่นะ นั่นเห็นไหมความกลัว แต่กลัวด้วยความเคารพความเลื่อมใส

ไม่ใช่กลัวแบบเสือกับวัวนะ กลัวแบบธรรม กับกิเลส กิเลสต้องหมอบ ธรรมต้องแข็งแกร่งตลอด นี่เราพูดตัวอย่างให้เห็น ความกลัว-กลัว แต่ใครมาอยู่แล้วไล่หนีก็ไม่ยอมหนี เรื่องกลัวน่ะกลัว อยากมาอยู่วัดนี้ตลอดเวลา ครั้นมาอยู่แล้วพูดตามความจริง เย็นไปหมดเลย เพราะการปกครองไม่ให้เคลื่อนคลาดจากธรรม มีอะไรๆ ถึงกันหมดในวัดนี้ เหมือนอวัยวะเดียวกัน ใส่เข้าไปในปากนี้มันจะทะลุถึงกันหมด เลี้ยงอวัยวะทุกส่วนให้สม่ำเสมอถึงกันหมด เรากับพระกับเณรเป็นอันเดียวกัน มีอะไรๆ มาถึงกันหมด เหมือนอวัยวะเดียวกัน นี่ละที่ว่าพระเณรกลัวกลัวอย่างนี้ ไม่ใช่กลัวแบบเสือโคร่งกับวัวนะ กลัวแบบธรรมกับกิเลสต่างหาก

พูดนี้ก็มาเกี่ยวข้องกับนี้ กลัวเฉยๆ กลัวด้วยความเคารพ กลัวด้วยความศรัทธา กลัวด้วยความเทิดทูนธรรมต่างหาก ว่างั้นเถอะ เห็นว่าเราปฏิบัติถูกต้องตามธรรม เห็นเราก็กลัวแทนธรรมไปเลย การอยู่กับหมู่กับเพื่อนเราปฏิบัติอย่างนั้น แล้วไม่เคยเห็นมีพระเณรในวัดนี้จะมาทะเลาะเบาะแว้งกันให้เห็น ไม่มี ตั้งแต่สร้างวัดมา เพราะต่างคนต่างระมัดระวังรักษาตัวตลอด เราครอบอยู่ข้างบน พอมองเห็นเราไม่มีอะไรก็กลัว ถ้ายิ่งมีอะไรแล้วไปใหญ่เลย

เป็นอย่างนั้นละการปกครอง กลัวเท่าไรยิ่งเคารพ นี่ละกลัวทางธรรม กลัวด้วยความเคารพ ความเทิดทูน ความรักความบูชาทุกอย่าง เย็นไปหมดกลัวแบบธรรม ถ้ากลัวแบบโลกไม่ได้ กัดฉีกกันแหลกเหลวไปหมด กลัวแบบโลก หัวใจมันไม่ยอม ธาตุขันธ์ยอม หมอบๆ ธาตุขันธ์หมอบแต่ใจไม่หมอบถ้ากลัวแบบโลก ถ้ากลัวแบบธรรมนี้หัวใจหมอบเลยๆ กายก็หมอบ ถึงจะมีลักษณะอาการตามนิสัยบ้างก็หมอบทางใจ นั่นละการปฏิบัติเป็นธรรม อยู่ด้วยกันร่มเย็นเป็นสุข

ขอให้ท่านทั้งหลายนำนี้ไปปฏิบัติ ให้ฟังเสียงกัน หัวหน้าครอบครัวคือพ่อกับแม่อย่าทะเลาะกันโดยหาเหตุผลไม่ได้ ใครผิดใครถูกให้ยอมรับกัน ผัวก็ตามเมียก็ตาม ใหญ่อยู่ที่ธรรมคือความถูกต้อง ไม่ได้ใหญ่เพราะความอำนาจบาตรหลวงนะ ใหญ่อยู่กับธรรม ธรรมอำนาจเหนือนี้อีก ให้ยอมรับธรรม ยอมรับธรรมแล้วอยู่กันได้ เมื่อพ่อกับแม่มีความสุข มีความยิ้มแย้มแจ่มใส ตอบรับหรือยอมรับกันด้วยเหตุด้วยผล ลูกเกิดมามันดูพ่อดูแม่เป็นบุพพาจารย์ เลี้ยงดูแล้วยังไม่แล้ว ดูพ่อดูแม่เสียก่อน เป็นยังไงพ่อแม่มีความยิ้มแย้มแจ่มใสลงเหตุลงผลซึ่งกันและกันแล้ว ลูกมองดูพ่อดูแม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไปโรงเรียน เรียนหนังแส่หนังสือได้เหตุได้ผลได้หลักได้เกณฑ์ ได้ความรู้วิชานะ

ถ้าพ่อกับแม่ทะเลาะกันเด็กไปเรียนหนังสือนี้ตาเหม่อมอง จิตมันวิ่งมาหาพ่อกับแม่ทะเลาะกัน อย่าทำให้ลูกเห็นนะ พากันเข้าใจทุกคน พ่อกับแม่ต้องเป็นแบบฉบับที่ดีทุกคนๆ ปกครอง แล้วลูกเต้าหลานเหลน บุพพาจารย์เลี้ยงดูก็อยู่ที่นั่นหมด อยู่กับพ่อกับแม่ เขาจะได้ถือเป็นคติตัวอย่างอันดีงามไปใช้ โลกนี้จะเป็นโลกมีหลักมีเกณฑ์มีเหตุมีผล ยอมรับกันโดยหลักเกณฑ์โดยเหตุผลแล้วชุ่มเย็น นี่เป็นของสำคัญ

วันนี้เป็นวันที่จะร่วมเข้าพรรษาแล้ว วันอาสาฬหะ วันรวมที่พระจะมาจำพรรษา วันนี้เป็นฤดูแล้ง พอถึงวันพรุ่งนี้ก็ฤดูฝน ฤดูฝนเป็นเดือนเข้าพรรษา เริ่มแต่วันพรุ่งนี้ พระก็อธิษฐานเข้าพรรษา ไม่ไปที่ไหนเป็นเวลา ๓ เดือน เว้นแต่มีข้อจำเป็นพระองค์ก็ทรงผ่อนผันให้ตามความจำเป็น หากว่ามีความจำเป็นท่านยกตัวอย่างว่า เช่นพ่อแม่หรือครูบาอาจารย์ หรือสัทธิงวิหาริกป่วย มีความจำเป็น หรือวัดชำรุดทรุดโทรมมีศาลาเป็นต้น เสื่อมโทรมจนจะพักไม่ได้ ก็ให้สัตตาหะไปเสีย ๗ วัน ไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ เยี่ยมลูกศิษย์ลูกหา หรือลูกศิษย์ลูกหาไปเยี่ยมครูเยี่ยมอาจารย์ ไปสัก ๗ วันแล้วกลับมาค้างคืนอย่างน้อยคืนหนึ่งแล้วกลับไปอีกถ้างานนี้ยังไม่เสร็จ นี่ท่านอนุญาตให้ภายใน ๗ วัน ไปได้ ๗ วันให้กลับมา ถ้าไม่จำเป็นไม่ให้ไป ท่านบอกว่ามีความจำเป็น ฟังซิน่ะ นี่ท่านก็ทรงลดหย่อนผ่อนผันให้ไปตามความจำเป็น แล้วให้กลับมา

วันเข้าพรรษาก็ ๓ เดือน พระวินัยห้ามไม่ให้ใครไปค้างวันค้างคืนที่อื่นโดยไม่มีความจำเป็นตามที่พระวินัยทรงอนุญาตไว้ แล้วปรับอาบัติ นั่นเป็นอย่างนั้น ปรับอาบัติ ปรับโทษ ว่าจะอยู่ ๓ เดือนแล้วทำไมแหวกแนวเสียล่ะ ปรับโทษ เป็นอย่างนั้นละพระวินัยท่านมีขอบเขตของท่าน วันพรุ่งนี้ก็จะอธิษฐานเข้าพรรษา พี่น้องชาวพุทธของเราขอให้มีธรรมเป็นเครื่องปกครอง อย่าให้กิเลสมาปกครองจะแหลกเหลวกันไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง

เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองพุทธ เมืองพุทธควรจะเป็นลูกของพระพุทธเจ้า ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม เสียงเหตุเสียงผล ฟังเสียงของกันและกัน ที่มีเหตุมีผลให้ยอมรับกันๆ อย่าดื้อรั้น อย่าดื้อด้าน ว่าตัวเป็นใหญ่ หรือตัวเป็นพ่อตัวเป็นแม่ ไม่ยอมฟังเสียงลูกที่เขาพูดถูกต้องทำถูกต้องนั้นเลย ผิดนะ ต้องยอมรับความถูกต้อง ความถูกต้องเป็นใหญ่กว่าอะไรทั้งหมด ตัวของเราอำนาจขนาดไหนไม่เหนือความถูกต้อง ความถูกต้องคือธรรม เอาธรรมเข้ามาปกครองตนเองแล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข

วันนี้เทศนาว่าการในวันอาสาฬหะ วันพรุ่งนี้จะได้เทศน์หรือไม่ได้เทศน์ก็ไม่ทราบแหละ แต่วันนี้เป็นวันที่คนมาจำนวนมาก ก็ได้เทศน์สอนพี่น้องทั้งหลาย แล้ววันเข้าพรรษาใครจะมีสัจจะอธิษฐานตั้งบังคับตัวเอง คือตัวกิเลสมันครอบอยู่นั้นอำนาจใหญ่ ถ้าเราจะสร้างความดีทั้งหลายแล้วมันจะบังคับ มันจะหาช่องออกในทางชั่วช้าลามกของมันแล้วก็ลากเราไปทางความชั่วช้าเสีย เราเลยกลายเป็นคนชั่วทั้งคนใช้ไม่ได้ วันที่จะบำเพ็ญกุศลนี้ให้บังคับ กิเลสตีออกจากตัวของเรา จากบ้านของเรา จากวัดของเรา ให้มีแต่อรรถแต่ธรรมเท่านั้นเข้าสู่ใจ ปฏิบัติตามอรรถตามธรรม

ความพากความเพียรให้ดุเดือดเสมอ อย่าให้มีแต่ดุเดือดกับกิเลสเหยียบหัวใจคน ให้มีธรรมดุเดือดเหยียบหัวกิเลสบ้าง กิเลสจะได้จางไปๆ คนเราจะน่าดู พระก็เป็นพระที่น่าดู ถ้ามีธรรมในใจ มีวินัยในใจ ชีวิตของพระอยู่กับธรรมกับวินัย บวชเข้ามาปั๊บธรรมวินัยครอบแล้วหัวใจ ความเคลื่อนไหวทุกอย่างต้องให้เป็นพระ คือถูกต้องตามหลักธรรมหลักวินัย ไปที่ไหนศาสดาติดตัวๆ ธรรมวินัยนั้นแลเป็นศาสดาแทนพระพุทธเจ้าของเรา

ให้เธอทั้งหลายเคารพในศาสดาคือธรรมคือวินัยที่เราประทานให้แล้ว นี้เป็นองค์แทนของเราอย่าข้ามกรายอย่าดื้อด้าน ถ้าผู้ใดมีความรักธรรมรักวินัย ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามหลักธรรมหลักวินัยสำหรับพระเรานะ พระองค์นั้นเป็นพระเต็มตัวๆ ไปที่ไหนเท่ากับตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ถ้าองค์ใดมีความฝ่าฝืนดื้อด้านในศาสดา ไปที่ไหนเหยียบหัวพระพุทธเจ้า เหยียบหัวศาสนาไปหมด แล้วเป็นยังไงพระเณรเราในประเทศไทยเอาย่อๆ อย่างนี้ละ เหยียบหัวพระพุทธเจ้า หรือเอาธรรมมาเหยียบหัว เราได้บอกลงไปด้วยความสงบร่มเย็นมีไหม มันเป็นยังไง

ส่วนมากมีแต่เหยียบหัวพระพุทธเจ้า มันไม่ฟังเสียงธรรมเสียงวินัย มันจะฟังแต่เสียงความโลภเป็นบ้ากับยศกับลาภกับชื่อกับเสียง ทั้ง ๆ ที่พระพุทธเจ้าเวลาบวชไปแล้วสอนให้ละหมด ให้เหลือแต่ความเป็นพระที่เลิศเลอสุดยอดแล้วไม่มีอะไรเสมอเหมือนเลย คำว่าพระแปลว่าประเสริฐ ลงในนามว่าประเสริฐแล้ว ไปที่ไหนประเสริฐอยู่ในตัว ใครจะยกย่องนับถือหรือไม่ก็ตาม เราให้เทิดทูนธรรมวินัยของเราไปตลอดเวลา เราเป็นพระเต็มตัว ศาสดาองค์เอกติดตามตัวเราไป ผู้นี้มีสง่าราศีนะ ถ้าไปที่ไหนมีแต่ยศแต่ลาภแต่ชื่อแต่เสียงในนามของพระที่ว่าเสียสละแล้ว มันเหมือนกองขี้นะเข้าใจไหม

เราต้องเอาธรรมเป็นที่กราบไหว้บูชา เราอย่าเอาขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ที่โลภมากเห็นแก่ลาภแก่ยศ หัวโล้นๆ เป็นบ้ากับญาติกับโยมนี้มันฟังไม่ได้นะ ไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่าพระ คำว่าพระประเสริฐ พระคือผู้ตั้งอยู่ในหลักธรรมหลักวินัยคือองค์ศาสดาอยู่ตรงกลางนั้น ถ้าผู้ปฏิบัติตามนี้แล้วเป็นพระที่สมบูรณ์ อยู่ในป่าในเขาที่ไหนเป็นพระสมบูรณ์งามหูงามตา ประชาชนญาติโยมมองเห็นแล้วเขากราบไหว้บูชาได้สนิทใจลงคอทุกอย่าง

ถ้าเป็นพระโกโรโกโสเป็นบ้ายศบ้าลาภไปที่ไหนแบกพัดเต็มบ่าๆ อาตมาเป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณ อาตมาเป็นปลัด อาตมาบวชใหม่ๆ เมื่อเช้าวันนี้เขาตั้งเป็นสมุห์ให้ ต่อไปวันพรุ่งนี้จะเป็นปลัด วันมะรืนเป็นเจ้าคุณ วันต่อไปข้าจะเป็นสมเด็จ วันต่อไปข้าจะเป็นสมเด็จพระสังฆราชเหยียบหัวสมเด็จพระสังฆราชไป รุมกันกินสมเด็จพระสังฆราชทั้งเป็น ข้าจะเป็นอย่างนี้ถ้าข้าได้เป็นผู้ใหญ่ นี่เปรตเข้าใจไหม.พวกเปรตมันได้ผ้าเหลือง ดูไม่ได้นะอย่างนี้ ให้ฟังเอาพระเรา นี่นำธรรมนำวินัยมาสอน เราไม่ได้ใหญ่โตยิ่งกว่าธรรมวินัย เราก็อยู่ในสภาพอันเดียวกัน ใครจะติจะชมอะไรให้ว่ามาเรายอมรับ แต่เมื่อผิดจากธรรมวินัยเราก็พูดได้ เราบรรดาลูกศิษย์ตถาคตที่จะตักเตือนสั่งสอนซึ่งกันและกันได้ ไม่ผิดธรรมผิดวินัยเราก็พูดได้อย่างนี้

แม้ตัวเราเองถ้าใครเห็นว่าผิดแล้วให้ว่ามา เราจะยอม เหมือนอย่างเราไปปัดกวาดไปเจอเอาเณร ปัดกวาดผิดเวลา จะเอาพระมาขยำทั้งหมดเลย ทีนี้พอเรารู้ว่าผิดนี้ นาฬิกาได้เท่านั้น แต่เราไปก่อนนาฬิกาสักเท่าไร นาฬิกาพึ่งได้ ๓ โมง ๑๐ นาที ๔ โมงปัดกวาดมันยังไม่ถึง เราเป็นบ้ามาปัดกวาดแล้วมาขู่เข็ญพระ ตายแล้วใครจะกุสลาใคร พอถามเณรเณรบอกว่าเวลายังไม่ถึง แล้วเวลาเท่าไรเดี๋ยวนี้ ปกติเวลาปัดตาดบ่าย ๔ โมง อันนี้ปัดตาด ๓ โมง ๒๐ นาที เหอขึ้นทันทีเลย นั่นเห็นไหมเสียงเหมือนจะกัดจะฉีก ตีเข้าสู่ธรรมเข้าใจไหมล่ะ พอเราผิดเท่านั้น เหอ อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นหยุดๆ มันจะเป็นบ้ากันทั้งวัด ที่ว่าเป็นบ้าคือปัดกวาดผิดเวลา เราขู่เข็ญหมู่เพื่อนให้มาผิดเวลาเหมือนกัน ก็เป็นบ้ากันทั้งวัด เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ยอมรับปุ๊บ หยุดๆ พระเณรอย่ามาปัดกวาดมันจะเป็นบ้ากันทั้งวัด เราจะไปแก้บ้าเราก็เดินกึกๆ เณรมันคงจะหัวเราะ

นี่พูดเป็นธรรมเป็นอย่างงั้น เราไม่ได้ใหญ่โตยิ่งกว่าธรรม ธรรมว่าอย่างไรหมอบทันทีๆ เลย ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ ถ้ากิเลสบอกว่านอนเสียก่อนดีกว่า นี่มันเหยียบธรรม ให้เอาหมอนฟาดเข้าป่านู่นน่ะ เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา เสร็จแล้วล้มนอนที่ไหนก็ได้ หมอนไม่หมอนก็ตาม คนเราเมื่อมันจะตายนอนหลับได้ทั้งนั้น เดี๋ยวนี้พวกนี้มีแต่เสื่อแต่หมอนมัดติดคอมัน ลูกศิษย์ตถาคตมีแต่เสื่อแต่หมอนมัดติดคอ ครั้นมองลงไปเห็นก้มหน้า ก้มอะไร เย็บเสื่อเย็บหมอน มันเป็นอะไรหมอนเสื่อ หมอนขาดเสื่อขาดนอนไม่ตื่นเข้าใจไหม อย่าให้ได้ยินอย่างนี้นะ เอาละพอ

ท่านพ่อลีอาจารย์ของพี่น้องชาวปากน้ำเราได้อาจารย์ดีมาก พูดขึ้นคำใดหลวงปู่มั่นพูดถึงท่านพ่อลี ไม่มีคำตำหนิแม้นิดเดียวเลย ท่านลีนี้เป็นพระสำคัญเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ตรงแน่วตามธรรมตามวินัย ท่านว่าอย่างนั้นนะ พูดทีไรยกขึ้นทันทีๆ แม้ที่สุดวาระสุดท้ายที่ท่านจะมรณภาพ ท่านพ่อลีไปเยี่ยมท่าน เราไม่เคยเห็นว่าท่านไปดูกับร้านไหน บรรดาลูกศิษย์ไปเยี่ยมท่าน ไปพักที่ร้านไหนๆ ท่านไม่เคยไปติดตามนะ พอท่านพ่อลีไปวันนั้นมานั่งเราก็จ้อเลย นิสัยเราเป็นอย่างนี้ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายมา องค์นี้มาท่านปฏิบัติต่อลูกศิษย์ของท่านขั้นผู้ใหญ่เข้าใจไหม ท่านปฏิบัติต่อกันอย่างไรบ้าง ทั้งภายในภายนอก ภายในคือด้านจิตใจ ภายนอกคือกิริยาอาการประพฤติตามหลักธรรมหลักวินัย องค์นี้มาหาท่าน ท่านปฏิบัติอย่างไรต่อกัน องค์นั้นมาท่านปฏิบัติอย่างไรต่อกัน

ทีนี้ปั๊บเข้ามาถึงท่านพ่อลี พอท่านพ่อลีมานี้ โอ๊ย ท่านพูดกันด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ดูลักษณะท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส เข้ากันได้กับท่านพ่อลีเด็ดเดี่ยว พ่อแม่ครูจารย์มั่นยิ่งเด็ดเดี่ยวเป็นอาจารย์ของท่านพ่อลี พูดกันนี้ขึงขังตึงตัง ยิ้มแย้มแจ่มใสทุกอย่าง เรานั่งข้าง ๆ เราฟังเราไม่ออกไปไหนถ้ามีครูอาจารย์ไป เราจะแอบฟังทุกอย่างเลยเชียว พอเสร็จแล้วหันหน้ามานี้ เอ้อ ท่านมหาไปจัดที่ให้ท่านลีนะ องค์อื่นมาท่านไม่เคยบอกเข้าใจไหม มองไปหาเรา ท่านมหาไปจัดที่ให้ท่านลีนะ อยู่ในเมืองในนามานานพอแล้วละ ไล่เข้าป่านะท่านงั้น ไล่เข้าไปอยู่ในป่านี้นะ พอลงจากนั้นแล้วเราก็ไปจัดที่ให้ท่าน ตอนเช้าพอฉันเสร็จแล้วท่านไปเองนะ ไปจัดที่ให้ท่านลี พอไปดูร้านเราจัดเรียบร้อยแล้ว ท่านดู เอ้อ เข้าท่าอยู่นะ พอดีละมันอยู่ในเมืองในนามาพอแล้ว มาอยู่ในป่าเสียบ้าง

ลูกศิษย์ตถาคตอยู่ในป่านะไม่ได้อยู่ในตลาด ท่านว่างั้น นี่พูดกับลูกศิษย์ของท่านพูดด้วยความเมตตาโปรดปรานมาก เด็ดก็เด็ดก็เป็นธรรมไปหมดเลย ไม่ใช่เด็ดแบบกิเลสตัณหาเด็ด มันอยู่ตั้งแต่ในเมืองไม่ได้อยู่ในป่า ให้อยู่ในป่าเสียบ้างซิ นี่ท่านพูดเด็ดธรรมะเข้าใจไหม โอ๊ย ดูอากัปกิริยาของท่านต้อนรับกันนี้ เราดูทุกกิทุกกี ยกให้นิ้วหนึ่งเลย หลวงปู่มั่นกับท่านพ่อลีต้อนรับกัน ดีแล้วได้ท่านพ่อลีปากน้ำมาเป็นอาจารย์เป็นของหายากแล้วนะ



รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์


ที่มา
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=4558&CatID=0
 

_________________
ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง