Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 สวยแปลกหนึ่งเดียวในไทย ที่ “วัดบางกะพ้อม” เมืองแม่กลอง อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 31 ต.ค.2007, 10:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
[รูปหล่อหลวงพ่อคง ธมฺมโชโต]


สวยแปลกหนึ่งเดียวในไทย ที่ “วัดบางกะพ้อม” เมืองแม่กลอง

เมืองแม่กลอง หรือจังหวัดสมุทรสงคราม นั้นแม้ว่าจะเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย แต่ก็เป็นเมืองที่อบอวลไปด้วยทรัพยากรท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยังไม่ถูกกลืนกินไปกับโลกยุคโลกาภิวัตน์

วัดบางกะพ้อม ตั้งอยู่ที่ ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีของดีที่น่าสนใจในระดับชาติ ที่ทางวัดระบุว่ามี “หนึ่งเดียวในเมืองไทย” แอบแฝงซ่อนตัวอยู่ในพระวิหารหลังเก่าแก่ของวัด อย่างเงียบๆ มาช้านานแล้ว พูดถึงวัดในเมืองไทย ส่วนใหญ่ชื่อของวัดมักจะเกี่ยวพันกับตำนานการสร้างวัดอยู่ไม่มากก็น้อย สำหรับวัดบางกะพ้อมก็เช่นกัน

วัดบางกะพ้อม เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยไม่ปรากฏนามผู้สร้าง แต่กลับปรากฏตำนานเล่าขานที่มาของชื่อวัดว่า

Image
[รอยพระพุทธบาท 4 รอย]


สามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ และมีอาชีพด้วยการสานกระพ้อม (ใช้ไม้ไผ่สาน) ใส่ข้าวเปลือกขาย วันหนึ่งกองทหารพม่าได้ยกพลมาปล้นบ้านเรือนราษฎรในเมืองแม่กลอง และกำลังสู้รบกันอยู่ที่ค่ายบางกุ้งที่อยู่ไม่ไกลกัน สามีภรรยาคู่นี้ด้วยความจวนตัวและไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน จึงได้เข้าไปหลบอยู่ในกะพ้อมที่ตัวเองสาน พร้อมอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายว่า ถ้ารอดชีวิตออกไปจะจัดการสร้างวัดและวิหารขึ้นในบริเวณนี้

และก็เป็นจริง ดังนั้น เมื่อกองทหารพม่าผ่านทั้งคู่ไปโดยมิได้พบเห็น เมื่อทั้งคู่ปลอดภัยและทรัพย์สินก็ไม่เสียหาย จึงได้ทำตามสัญญาด้วยการบริจาคที่บ้านและดินบ้านเรือนสร้างวัดขึ้น ณ บริเวณนั้น โดยชาวบ้านต่างเรียกขานกันว่า “วัดบังกะพ้อม” หรือไม่ก็ “วัดบังกับพ้อม” ก่อนที่จะเพี้ยนมาเป็น “วัดบางกะพ้อม” ในปัจจุบัน

Image
[ภาพจิตรกรรมฝาผนังปูนปั้นนูน]


วัดบางกะพ้อม แม้ไม่ใช่วัดใหญ่โต แต่วัดนี้ก็มี “หลวงพ่อคง ธมฺมโชโต” อดีตเจ้าอาวาส ผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัด เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ที่พอไปถึงก็เข้าไปสักการะปิดทองรูปหล่อเหมือนจริงของหลวงพ่อคงเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อน ว่ากันว่าเหรียญหลวงพ่อคงนี้มีพุทธคุณทางด้านอยู่ยงคงกระพัน โดยเฉพาะหลวงพ่อคงรุ่นหนึ่งที่ราคาเช่าสูงถึง 4-5 แสนบาททีเดียว

แต่ในวันนั้นวัตถุมงคลที่สะดุดตามากที่สุดกับไม่ใช่เหรียญหลวงพ่อคง หากแต่เป็นวัตถุมงคลทรงกลมแบบจตุคามรามเทพที่ทางวัดเปิดให้ผู้สนใจเช่าจอง ซึ่งต้องยอมรับว่ายุคนี้กระแสจตุคามรามเทพนั้นแรงสุดๆ แบบฉุดไม่อยู่ ไม่ว่าวัดไหนหรือสำนักไหนหากจะทำวัตถุมงคลให้เช่าบูชา ต่างก็เลือกที่จะทำออกมาในรูปแบบของจตุคามรามเทพกันทั้งนั้น หลังสักการะปิดทององค์หลวงพ่อคงเอาฤกษ์เอาชัยแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลาเดินเข้าไปดูของดีที่แอบซ่อนอยู่ในวิหารวัดบางกะพ้อมกันเสียที

Image
[2 นายทหารทวารบาล]


วิหารหลังนี้สร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับการสร้างวัด โดย 2 สามีภรรยาผู้สร้างวัดนั่นเอง แต่ว่ายุคนั้นยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย กระทั่งในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 มีเชื้อพระวงศ์ท่านหนึ่งในราชวงศ์จักรีได้ออกผนวช และได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม ท่านจึงได้สร้างวิหารต่อให้เสร็จสมบูรณ์ รูปแบบที่ออกมาจึงได้รับอิทธิพลของงานศิลปกรรมในสมัยรัชกาลที่ 2 มาไม่น้อย นั่นก็คือ เป็นวิหารออกแนวสถาปัตยกรรมจีน ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าปั้นเป็นลายปูนปั้นแบบจีน มีทางเข้าเป็นช่องกลม พร้อมด้วยทวารบาลทหารปูนปั้น 2 นาย ซ้าย-ขวา ยืนเฝ้าปากประตูอยู่

เมื่อโค้งกายคารวะลอดช่องประตูเดินเข้าสู่ภายในวิหาร สิ่งที่พบเบื้องหน้าก็คือ รอยพระพุทธบาท 4 รอย ขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ โดยรอยพระพุทธบาทที่เล็กและลึกที่สุดนั้นเป็นไม้ประดับมุกที่มีลวดลายสวยงามนัก ส่วนที่ถือเป็นดังของดีซุกซ่อนอยู่ตามผนังของวิหารก็คือ “ภาพจิตกรรมฝาผนังปูนปั้นนูน” ที่ทางวัดระบุว่ามีที่เดียวในเมืองไทยนั่นเอง

Image
[ภาพจิตกรรมฝาผนังปูนปั้นนูนสูงเขียนสี
เรื่องตำนานรอยพระพุทธบาท 4 รอย บนผนังวัดบางกะพ้อม]



แว่บแรกที่ได้เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง ณ ที่วัดแห่งนี้ บอกได้คำเดียวว่าสะดุดตาและชอบแบบไม่มีเหตุผลขึ้นมาในทันที เพราะเพิ่งเคยเจอจิตรกรรมฝาผนังแบบนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ว่ากันกันผู้มีส่วนสำคัญในการทำจิตกรรมแบบนี้ก็คือ ท่านเจ้าอาวาสเชื้อพระวงศ์ที่ทำการสร้างพระวิหารวัดบางกะพ้อมให้แล้วเสร็จเรียบร้อยนั่นเอง

ภาพจิตกรรมฝาผนังปูนปั้นที่นี่ แบ่งเป็นเรื่องราว 4 ตอน จาก 4 ด้านฝาผนัง ด้านแรก (เดินเข้าไปอยู่ซ้ายมือ) กล่าวถึง รอยพระพุทธบาทตามสถานที่ต่างๆ 5 แห่ง คือที่ สุวัณณมาลิก, ภูเขาสุวรรณบรรพต, ภูเขาสุมนกูฏ, เมืองโยนก และที่แม่น้ำนัมมทานที

Image
[ภาพแสดงรอยพระพุทธบาทตามที่ต่างๆ]


รอยพระพุทธบาทแต่ละแห่ง ต่างก็มีองค์ประกอบแวดล้อมไปทั้ง แม่น้ำ ทะเล ภูเขา ต้นไม้ หรือที่มณฑปพระพุทธบาทอันสวยงามวิจิตร ณ ภูเขาสุวรรณบรรพต ซึ่งทางวัดระบุว่าคือที่รอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี นั่นเอง

ส่วนด้านถัดมาเป็นภาพพระพุทธประวัติ วันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน แล้วต่อเนื่องด้วยด้านที่ 3 กับภาพพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานได้ 7 วัน แล้วแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการยื่นพระบาททั้ง 2 ข้างออกมาจากหีบพระบรมศพ เพื่อให้บรรดาพระสาวกได้ถวายสักการะก่อนที่หีบพระบรมศพจะลุกไหม้เป็นไฟ ภาพที่ 3 นี้ถือเป็นปางหนึ่งของพระพุทธรูปชื่อ “ปางพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน” ที่ในเมืองไทยเคยเห็นพระพุทธรูปปางนี้ที่ “วิหารแกลบ” ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก อันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชอันลือลั่นนั่นเอง

Image
[ภาพรอยพระพุทธบาทในมณฑปกับทิวทัศน์ประกอบ]


2 ภาพนี้หากใครมองให้ลึกๆ แล้วจะเห็นว่าแม้แต่พระพุทธเจ้ายังมีวันเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน แล้วปุถุชนคนทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ จะยึดติดกับตัวกูของกูไปไย ส่วนภาพสุดท้ายบนผนังด้านที่ 4 เป็นภาพพุทธประวัติรวมๆ คือ ภาพตอนตรัสรู้และภาพตอนได้อัครสาวกซ้ายขวา

สำหรับภาพจิตกรรมฝาผนังปูนปั้นที่นี่ มีทั้งเป็นภาพนูนสูง นูนต่ำ และภาพเขียนสีแซมในบางส่วน ฝีมืองานศิลปะพื้นบ้านที่แม้จะไม่ดูอ่อนช้อยพลิ้วไหวถึงขนาดปูนปั้นเต้นได้อย่างงานปูนปั้นเมืองเพชร แต่งานฝีมือที่นี่ก็ดูเรียบง่ายซื่อตรงและแฝงไว้ด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจ และรายละเอียดต่างๆ ที่แอบซุกซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่ออกแนวจีนนิดๆ หรือต้นไม้ที่มีต้นทุเรียนขึ้นอยู่ในรูปด้วย หรือลักษณะท่าทางของเทพเทวดานางฟ้า ภูเขา ทะเล ฯลฯ

และที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งของดีในระดับชาติแห่งเมืองแม่กลองที่น่าส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง

Image
[ภาพพระพุทธเจ้าปรินิพพานในวิหารวัดบางกะพ้อม]


* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤษภาคม 2550 17:06 น.
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 10 ก.ค.2008, 3:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ น่าสนใจมากเลยครับ อยากไปแล้วสิ ซึ้ง
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง