Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ : อะไหล่ที่หาไม่ได้
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ผู้ตั้ง
ข้อความ
through time
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 27 เม.ย. 2008
ตอบ: 1
ตอบเมื่อ: 28 เม.ย.2008, 2:42 pm
สุชีพ ปุญญานุภาพ : อะไหล่ที่หาไม่ได้
เสฐียรพงษ์ วรรณปก
จากมติชนรายวัน ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๔๓
ก่อนจะถึงวันวิสาขบูชา ก็ได้รับข่าวน่าเสียใจ ท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ได้สิ้นชีวิตเสียแล้วเมื่อวันที่เสาร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๔๓ ท่านเสียวันไหนผมไม่ทราบ ได้ทราบข่าวเมื่อเช้าวันเสาร์ จากท่านที่เคารพนับถือโทรศัพท์มาบอก ทราบเรื่องราวว่าหลังจากรับประทานอาหารมื้อหนึ่งแล้ว ก็รู้สึกอึดอัดในท้อง ขอนั่งพักสักระยะหนึ่ง ท่านนั่งเข้าสมาธิอยู่เป็นเวลานาน จนภรรยาและบุตรสงสัยว่าทำไมนั่งนานปานนั้น จึงเข้าไปจับตัว จึงได้รู้ว่าตัวเย็นเฉียบ เห็นท่าไม่ไหวแล้วจึงนำส่งโรงพยาบาล ทั้งที่ท่านบอกว่า ไม่ต้องการไป ต้องการจากไปอย่างที่สงบที่บ้าน แต่ก็ด้วยความเป็นห่วงว่าท่านจะเป็นอะไรมากกว่านี้ จึงนำส่งถึงมือหมอ และก็เป็นการไปที่ไม่กลับ ท่านสิ้นลมด้วยอาการอันสงบ !
เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งปรารภว่า ท่านอาจารย์คงรู้ว่าถึงวาระที่ท่านต้องไป จึงขอไปด้วยท่านั่งสมาธิดุจดังอาจารย์เซนทั้งหลายในอดีต แต่ถึงจะไปในท่าไรก็เป็นการไปอย่างสงบเช่นกัน และก็เป็นการไปที่ผู้อยู่เบื้องหลัง เสียใจและเสียดาย
เสียใจน่ะ เป็นของธรรมดา สักพักหนึ่งก็คงทำใจได้ เมื่อรำลึกได้ว่า "มันเป็นเช่นนั้นเอง" มีเกิดก็มีดับ เป็นธรรมดา ไม่ช้าไม่นานก็คงทำใจได้ แต่เสียดายนี่สิครับ ยากจะทำใจได้ เพราะบุคคลอย่างท่านอาจารย์สุชีพ หาไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบันนี้ ถ้าเป็นอะไหล่ ไม่ว่าจะอะไหล่อะไรก็ตาม ท่านอาจารย์สุชีพเป็นอะไหล่ที่หาไม่ได้อีกแล้ว
หลายสิบปีมาแล้ว ถ้าท่านยังรำลึกได้ คงจะทราบว่า มีภิกษุหนุ่มรูปงามท่านหนึ่ง จบเปรียญเก้าประโยค มีความรู้พระพุทธศาสนา และศาสตร์อื่น ๆ อย่างหาตัวจับยาก เป็นนักเทศน์นักปาฐกถาธรรมที่โด่งดัง เรียกได้ว่าเพียงรูปเดียวในยุคนั้นเป็นพระไทยไม่กี่รูปที่รู้ภาษาฝรั่งเศษดีเยี่ยม แสดงธรรมเป็นภาษาฝรั่งให้ชาวต่างชาติสดับด้วยความคล่อง แคล่ว ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว
มิเพียงแต่เป็นนักเทศน์นักสอน ภิกษุหนุ่มรูปนี้ยังเป็นนักเขียนฝีมือดีอีกด้วย งานเขียนมีมากมายพอ ๆ กับงานพูด หนังสือ พระไตรปิฎกสำหรับประชาชน เป็นงานอมตะที่ถึงปัจจุบันนี้พิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก และเป็นหนังสือที่ขายดิบขายดีอย่างยิ่ง
ท่านเป็นผู้ริเริ่มการเขียน นวนิยายอิงพระพุทธศาสนา ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ , เชิงผาหิมพานต์ ได้ออกมาสู่บรรณพิภพ ทำให้มีความตื่นตัวในการสอนธรรมะแนวใหม่ ที่คนทั่วไปรับได้ อ่านด้วยความสนุกสนาน
จากนั้นมาลูกศิษย์ลูกหาที่มีฝีมือในด้านการขีดเขียน ก็หันมาเอาอย่าง แต่งนิยายอิงธรรมะกันเป็นแถว อาทิ ธรรมโฆษ (แสง จันทร์งาม) ได้สร้างบทบาทของพระเรวตะ กับสีกาลีลาวดี ด้วยสำนวนอันชวนติดตามใน ลีลาวดี ที่พระเล็กพระน้อยติดกันงอมแงม วศิน อินทรสระ ผจงเรียงร้อย อานนท์พุทธอนุชา ออกมาอย่างไพเราะเพราะพริ้ง การกู้ชาติของเจ้าชายสิทธัตถะ ของ "กนกพร" (จำนงค์ ทองประเสริฐ ) ก็ดี คำให้การของพระเทวทัต ของ "กนกบุญ" (อดิศักดิ์ ทองบุญ) ก็ดี ถึงแม้ว่า ผุ้ประพันธ์ทั้งสองมิใช่ศิษย์โดยตรงของอาจารย์สุชีพ ก็ยากปฏิเสธว่ามิได้อิทธิพลจากแนวคิดแนวเขียนของท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ เดิมนาม บุญรอด ฉายาตอนบวชคือ สุชีโว ภิกขุ อันเป็นนามที่ติดหูชาวพุทธไทยทั่วประเทศ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชคณะชั้นสามัญที่พระศรีวิสุทธิญาณ ตั้งแต่ยังหนุ่ม เป็นพระเจ้าคุณทั้งหนุ่ม และมีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญใน สกสมัย (ศาสตร์ของลัทธิของตน) และ ปรสมัย (ศาสตร์ของลัทธิอื่น) ท่านก็มิได้เคลิบเคลิ้ม หรือหลงในโลกธรรมเหล่านั้น ตรงข้ามกลับเป็นพระที่สงบสำรวมอย่างยิ่ง
เมื่อลาสิกขาออกมาแล้ว ท่านก็ทำงานในแนวที่ถนัดในด้านวิชาการ ถ่ายทอดความรู้แก่สานุศิษย์และประชาชนทั่วไป และช่วยงานการพระศาสนา และประเทศชาติสืบมาจนอายุขัย ดังเคยช่วยกระทรวงวัฒนธรรมฟื้นฟูวัฒนธรรมแห่งชาติ ช่วยสอนมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ช่วยสำนักงานเอกลักษณ์ผลิตคำถาม-คำตอบเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ ช่วยราชบัณฑิตยสถาน ทำพจนานุกรมศาสนาสากล พจนานุกรมพระไตรปิฎก
ที่สำคัญยิ่งก็คือท่านมีบทบาทสำคัญใน องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พสล.) ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศไทย เผยแผ่พระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ
อาจารย์สุชีพมีความจำแม่นยำ ใครอยากทราบว่าพระสูตรไหน อยู่ที่ไหน มาถามท่าน ท่านจะบอกเล่มบอกหน้า พร้อมท่องให้ฟังเสร็จ คนรุ่นใหม่ "เป็นงง" ว่าท่านจำได้อย่างไร เวลาเข้าประชุมกับท่าน ท่านจะยกพุทธวจนะให้ฟังเป็นตอน ๆ พร้อมอธิบายให้ฟัง เพราะฉะนั้น ใครจะคุยกับท่านว่าได้ซื้อคอมพิวเตอร์มาค้นพระไตรปิฎกซีดีรอมท่านไม่ตื่นเต้น เพราะข้อมูลทั้งหมดอยู่ใน "ฮาร์ตแวร์" และ "ซอฟต์แวร์" ของท่านหมดแล้ว ดึงออกมาเร็วกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอีก อะไหล่อย่างนี้ หาไม่ได้อีกแล้วครับ
ผู้รู้อาวุโสอย่างท่าน มีความถ่อมตนอย่างน่าอัศจรรย์ เรียกกรรมการทุกคน ซึ่งก็วัยลูกวัยหลานของท่านทั้งนั้นว่า "ท่านอาจารย์" ทุกคำ เรียกเลขานุการว่า "ท่านเลขาฯ" จนเธอบอกว่าขนลุกทุกครั้งที่อาจารย์เรียก มิใช่การแสร้งทำ หากออกจากจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาอย่างยิ่งของท่าน
มีบุคคลสองท่านเท่านั้นที่ผมนินทาให้ใครฟังแล้ว ไม่ต่อประโยค จะนิ่ง หรือไม่ก็ชวนคุยเรื่องอื่นคือ ท่านอาจารย์จำนงค์ ทองประเสริฐ หนึ่งท่านอาจารย์สุชีพอีกหนึ่ง เฉพาะท่านอาจารย์สุชีพนั้น ท่านระมัดระวังเรื่องทรรศนะที่แสดงออกมาไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนใคร จนบางครั้งคนหาว่าท่าน "แหย" แต่ท่านยืนในหลักการของพระพุทธเจ้าชัดแจ้ง เมื่อถึงคราวแสดงออกท่านแสดงออกด้วยความกล้าหาญยิ่ง
เมื่อเกิดวิวาทะว่า พระนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา ผมเรียนถามท่านว่า ท่านอาจารย์ว่าอย่างไร ท่านตอบว่า ถามทำไมว่าเป็นอัตตา หรืออนัตตาพระพุทธเจ้าท่านตรัสแล้วว่า อนัตตา ไม่ใช่ความเห็นของใคร เป็นพุทธวจนะของพระพุทธเจ้า
แล้วท่านก็ยกบาลีแล้วแปลให้ฟังว่า คนที่มีความเห็นถูกต้อง ไม่พึงยึดถือธรรมใด ๆ ว่าเป็นอัตตา
หลังจากอ้างเล่ม อ้างหน้าเสร็จแล้ว ท่านอธิบายว่า ธรรมะใด ๆ หมายถึงธรรมะทุกระดับ ทั้งสังขตธรรม และอสังขตธรรม และพระนิพพานเป็นอสังขตธรรม พระพุทธเจ้ามิให้ยึดถือว่าเป็นอัตตา
บางครั้งมีการกระทบกันเรื่องนิกาย ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ตามประสาผู้ยึดติด มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าท่านอาจารย์สุชีพ "นิ่ง" มากในเรื่องนี้จนวันหนึ่งในที่ประชุม เราคุยนอกเรื่องกันด้วยเรื่องอะไรจำไม่ได้ ท่านอาจารย์กล่าวขึ้นว่า "พ่อผมบวชมหานิกาย ผมบวชธรรมยุต ผมจะไปว่ามหานิกาย ยกย่องธรรมยุตก็ไม่ได้ เท่ากับลบหลู่พ่อผม จะตำหนิธรรมยุต ยกย่องมหานิกายก็ไม่ได้เท่ากับดูหมิ่นตัวเอง เหนืออื่นใด ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ก็คือลูกของพระพุทธเจ้า เราควรจะดูหมิ่นพระศาสดาของเราหรือ
จึงไม่แปลกใจว่าทำไม ท่านอาจารย์สุชีพมีน้ำใจประเสริฐ มีความเป็นกลาง มีความยุติธรรมเหลือเกิน คนอย่างนี้มิใช่หรือที่เราสมควรยกย่องให้เป็นแบบอย่าง
แบบอย่างผู้รู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน แบบอย่างผู้ไม่ยึดติดในเปลือกกระพี้ หากมุ่งชี้แก่นสารที่พึงนำไปปฏิบัติ ต่างจากบางคนตั้งหน้าแบกแต่เปลือกกระพี้ แถมยังเน่าเสียด้วย
ตัดทอนจากบทความเรื่อง "สุชีพ ปุญญานุภาพ : อะไหล่ที่หาไม่ได้"
http://www.dharma-gateway.com/ubasok/ubasok_hist/misc-103.htm
รวมคำสอน อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49286
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th