Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มาวัด “ดวง” กันดูว่าใครจะ“เป็นบัณฑิต” หรือ “เป็นคนพาล” อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
phunchulee
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 29 ก.พ. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): buriram

ตอบตอบเมื่อ: 04 มี.ค.2008, 12:34 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาวัด “ดวง” กันดูว่าใครจะ
“เป็นบัณฑิต” หรือ “เป็นคนพาล”


>>>>>มนุษย์เราในปัจจุบันนี้ มักจะมีความเชื่อผิดแผกแปลกออกไปเรื่อยๆ ยิ่งวิทยาศาสตร์เจริญขึ้นเท่าใด ท่านเคยสงสัยไหมว่า ทำไม มนุษย์เราก็ยิ่งทำอะไรเพี้ยนๆ ไปมากขึ้นเท่านั้น

>>>>>เพราะอะไรหนอถึงเป็นได้ถึงเพียงนี้ จะเป็นเช่นไรก็ตามทีหากเราติดตามดูพฤติกรรมของคนในสังคมอย่างต่อเนื่องเราจะพอเข้าใจว่า ทำไมคนเราถึงเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ ทุกวันนี้คนเรา “ขาดความเชื่อมั่น” ในตนเอง เพราะการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเข้ามาทำหน้าที่แทนนั่นเอง จึงทำให้คนเราเป็นเฉกเช่นที่เราเห็นกันอยู่นี้

>>>>>ทีนี้ก็มาดูว่า เมื่อเขา “ขาดความเชื่อมั่น” ในตนเองแล้ว เขาจะพึ่งพาสิ่งใดในการดำเนินชีวิตต่อไป เมื่อมองๆ ดูแล้วก็มีหลายสิ่งที่คนเหล่านั้นแสดงออกโดยที่ตนเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เช่น เสี่ยงโชค, เล่นเครื่องราง, ดูดวง เป็นต้น

>>>>>ในที่นี่จะยกประเด็นเรื่องของ “ดวง” มานำเสนอ เมื่อคุยถึงเรื่องนี้คนเราก็อาจจะมองไปได้ต่างๆ นานา ซึ่งก็จะขอเสนอให้ได้เห็นดังต่อไปนี้
คำว่า “ดวง” นั้น มีพยัญชนะไทยอยู่ 3 ตัวด้วยกัน คือ “ด” “ว” และ“ง” แล้วเจ้าสามตัวนี่แหล่ะ มันสามารถบอกได้ว่าใคร “เป็นคนพาล” และใคร “เป็นบัณฑิต” ก็มาเริ่มกันจากพยัญชนะตัวแรกกันก่อนนะ

>>>>>อันดับแรกก็คือพยัญชนะ ตัว “ด” ในมุมของคนบางพวกที่เขามองกันก็คือ ชีวิตการงานจะเจริญก้าวหน้าได้นั้น เราต้อง “เดินเรื่องหรือดำเนินการ” ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งและหน้าที่การงานนั้นๆ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกผิดกฎกติกาของสังคมหรือ ผิดศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรมก็ตาม

>>>>>ส่วนอีกมุมหนึ่งที่คนบางพวกมองกันก็คือ ชีวิตการงานจะเจริญก้าวหน้าได้นั้น เราต้อง “ดี” ในสามลักษณะด้วยกัน อันได้แก่ “ดีด้วยการกระทำทางกาย ดีด้วยการกระทางวาจา และดีที่ออกมาจากจิตใจ” ดังนั้น ตำแหน่งและหน้าที่การงานที่จะได้มานั้นพวกนี้จะเน้นในเรื่อง ศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม สำหรับคนที่ทำงานตามหน่วยงานต่างๆ คงเคยพบปะบ้างแหล่ะ เมื่อเรานำมาวิเคราะห์ดูเราก็จะรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็น “คนพาล” หรือเป็น “บัณฑิต”

>>>>>อันดับที่สองก็คือพยัญชนะ ตัว “ว” ตัวนี้ก็คงต่อเนื่องมาจากเรื่องหน้าที่การงานอีกนั่นแหละ พวกแรกก็จะขับเคลื่อนกระบวนการไปในลักษณะของการ “วิ่งเต้น” เพื่อให้ตน พวกพ้อง ญาติพี่น้องของตนให้ได้รับโอกาสที่เหนือกว่าใครๆ ในบรรดาคู่แข่งเกือบทุกเรื่อง เช่น ให้ข้าวของต่างๆ แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางพวกก็ใช้อิทธิพลขู่บังคับ บางพวกก็ประจบสอพลอ

>>>>>ทีนี้ก็มามองพวกที่ตรงข้ามดูว่าเขามองกันเช่นไร พวกนี้เขาจะใช่ความสามารถเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็คือ “วิชาการ” เท่าที่ตนเองพอจะมี ฟันฝ่ากับอุปสรรค์ต่างๆ มากมาย ได้อย่าน่าชื่นชม ซึ่งในสังคมปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นเป็นแบบอย่างอยู่เนืองๆ ก็อย่าอ่านแต่เพียงอย่างเดียวละ พิจารณาตามไปบ้างนะ จะได้เห็นกันชัดๆ ว่า “คนพาล” กับ “บัณฑิต” นั้นท่านเคยเห็นกันบ้างหรือเปล่า

>>>>>มาถึงพยัญชนะตัวสุดท้ายก็คือพยัญชนะ ตัว “ง” ตัวนี้ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรมากมายเลย หากท่านใดที่ทำงานในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ยิ่งจะเข้าใจอย่างชัดเจนดี สิ่งนั้นก็คือ “เงินใต้โต๊ะ” นั่นเอง หากใครที่เคยประสบมากับตนเอง ไม่ว่าจะทำเอง รู้เห็นเป็นใจ สมรู้ร่วมคิด หรืออะไรก็ตามแต่ ขอบอกเลยก็คือเขาจะทำแบบหลบๆ ซ้อนๆ หากจะพูดถึงความสบายใจนั่นหรือก็คงยากพอดู เพราะต้องระแวดระวังทุกขั้นตอนเลยที่เดียว นี่คือวิถีหนึ่งที่บางคนในเกือบทุกสังคมดำเนินการอยู่

>>>>>แต่ก็มีอีกพวกหนึ่งที่ยังพอมี “หิริ ความละอาย, โอตตัปปะ ความเกรงกลัว” อยู่ จึงตั้งอกตั้งใจใช้ “งานดี งานเด่น งานโดน” เป็นเส้นทางในการพัฒนาอาชีพหน้าที่การงานของตนจนได้ดิบได้ดี จนบางครั้งก็กลับถูกมองว่า “ซื่อบื้อ” ( แต่บางคนก็ซื่อจนเซ่อจริงๆ ด้วยแหล่ะ ) ถึงกระนั้นก็ตามหากเขาทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ก็ยังถือว่าน่าคบค่าสมาคมอยู่ ( ถ้าบ่อยจนเกินไปก็แย่เช่นกัน )

>>>>>พอดู “ดวง” มาถึง ณ จุดนี้แล้ว ก็หวังว่าท่านคงจะตัดสินใจได้ว่า “ดวง” สำหรับคนพาลก็คือ ด = เดินเรื่องในทางที่ผิด, ว = วิ่งเต้นเพื่อตนจนน่าเกลียด, ง = เงินใต้โต๊ะ และ“ดวง” สำหรับบัณฑิตก็คือ ด = ดีด้วยกาย วาจา และใจ, ว = วิชาการถูก ประณีต รอบคอบ, ง = งานดี เด่น โดน”

>>>>>เมื่อเราเข้าใจกันเช่นนี้แล้ว ต่อไปเราคงจะใช้ “ดวง” เพื่อยกระดับชีวิตของตนให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นสืบไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่กันทุกคนนะ


**************************
( 18 / 02 / 51 )
พระคุ้มภัย อุตฺตมปญฺโญ
กรรมการสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ จตุจักร กรุงเทพฯ
32 หมู่ 2 วัดเสมียนนารี จตุจักร กทม.
ที่มา : http://koomphai.com/
 

_________________
good
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง