Home
•
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทาน
•
หนังสือ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
•
แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้
ค้นหา
สมัครสมาชิก
รายชื่อสมาชิก
กลุ่มผู้ใช้
ข้อมูลส่วนตัว
เช็คข้อความส่วนตัว
เข้าสู่ระบบ(Log in)
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
รบกวนช่วยตอบที
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
:: ลานธรรมจักร ::
»
การรักษาศีล-การบวช
ผู้ตั้ง
ข้อความ
k13k
บัวผลิหน่อ
เข้าร่วม: 11 พ.ค. 2007
ตอบ: 1
ที่อยู่ (จังหวัด): หนองบัวลำภู
ตอบเมื่อ: 11 พ.ค.2007, 11:27 am
ดิฉันมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถเข้าวัด หรือไหว้พระ สวดมนต์ได้
หลายครั้งหลายคราที่พยายามลองทำแล้ว ก็จะเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น
ส่วนตัวดิฉันเอง ก็อยากมีความดีติดตัวกับเขาบ้าง จึงต้องลองปฏิบัติด้วยตัวเอง
คือ การถือศีล 5 อย่างสม่ำเสมอมาเป็นเวลาหลายปีให้หลังแล้ว
แต่ไม่ได้ไหว้พระอาราธนาศีล เลยอยากทราบว่า
การทำกรรมดีนั้น ขึ้นอยู่กับการไหว้พระอาราธนาศีลก่อนหรือไม่
หรือเพียงแค่จิตใจเราคิดดี ทำดี กรรมดีนั้นจะติดตัวเราไปได้หรือไม่
และมีอีกอย่างที่ไม่แน่ใจ ว่าการที่เราไม่สะดวกในการรับประทานเจ
เนื่องจากย้ายสถานที่ทำงานไปเรื่อย และบางที่ก็ไม่สะดวกให้หารับประทาน
แล้วทานอาหารปกติทั่วไป ที่หลายครั้งก็มีเนื้อสัตว์อยู่ด้วย ถือว่าผิดศีลข้อ 1 หรือเปล่าคะ
_________________
ดี-ชั่ว อยู่ที่ตัวทำ
สูง-ต่ำ อยู่ที่ทำตัว
และพระมงคลอันยิ่งใหญ่ คือพระในบ้าน
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 11 พ.ค.2007, 2:18 pm
ท่านพุทธทาสกล่าวเกี่ยวกับการเข้าวัดว่า อย่าเที่ยวหาวัดนู้นวัดนี้ พระดังที่นู้นที่นี้ เพราะยิ่งหาก็ยิ่งไม่เจอ วัดแท้พระแท้นั้นอยู่ในใจ เพียงเปิดม่านแห่งอวิชชาอันมีนิวรณ์ทั้ง 5 ที่มันบังจิตใจของเราอยู่ออกก่อน
การที่คุณถือศีลรักษาศีลอยู่ตลอดแล้วนั้นก้เป็นการอาราธรนาศีลไปในตัว เพราะการที่เราจะอาราธนาศีลนั้นก็เพื่อที่จะรักษาศีล มันก็เหมือนกับการที่คุณมีการยับยั้งชั่งใจในเรื่องดีเรื่องชั่วต่างๆ เพื่อหลีกเหลี่ยง หรือ สนับสนุน ก่อนจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไป นี่อย่างนี้เรียกว่าเป็นการอาราธนาศีลอยู่แล้ว เพราะเมื่อคุณอารธนาศีลด้วยวิธีเมื่อกี่นี้ มันก็ทำให้คุณรักษาศีลได้
แต่มันก็ไม่ผิดหากว่าคุณอยากจะอาราธนราศีลก่อน เพราะมันจะเป็นการเพิ่มเจตนาตั้งมั่นให้บังเกิดศรัทธาความเพียรเข้าไปเสริมสร้างความชัดเจนให้กับดวงจิตของคุณ หรือพูดง่ายๆว่ามีที่ยึดเหนี่ยวที่ชัดเจน
ฉะนั้นเรื่องการทำดีหรือการรักษาศีลนั้นทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องอารธนาหรือไหว้พระอะไรทั้งนั้น
มันก็เหมือนกับการที่เราจะช่วยใครคนใดคนหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เห็นว่าเป็นการทำดีที่สากลที่สุด เราไม่จำเป็นที่จะต้องไหว้พระ หรือ อาราธนาศีลที่ไหน เพราะวีธีการที่ว่านั้นมันทำได้ในเฉพาะพิธี อย่างเช่นเวลาเราเข้าวัดเราก็ต้องไหว้พระเรียกว่า "พอเป็นพิธี" พระในวัด เวลาท่านจะทำวัตรท่านก็ต้องกราบพระก่อนที่จะทำดีต่อไป พอถึงวันพระ เราก็เข้าวัดไปรับศีล อย่างนี้เป็นพิธี
ส่วนผู้รู้แล้วนั้นจะไม่ติดในพิธีรีตรองต่างๆ เป็นพุทธศาสนาที่มีอิสระตามธรรมชาติ จะขึ้นอยู่กับดวงจิตอย่างเดียว
ส่วนเรื่องการกินเจนั้น คุณกินได้ตามอัตภาพตามแต่กระแสกรรมที่หมุนมาให้คุณได้ประพบพา
คุณอย่าไปยึดว่าต้องกินต้องกิน เมื่อคุณได้กินครั้งหนึ่งแล้ว คุณก็ต้องอยากกินอีกครั้งหนึ่ง และในการที่จะได้กินคุณก็ต้องแสวงหา ทั้งได้มาด้วยความง่าย และความยากลำบาก มันจะกลายเป็นปัญหาแก่ชีวิตคุณเสียเปล่าๆ
การกินเนื้อสัตว์นั้นเรากินเพื่อมีชีวิตรอด ไม่บาป เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ฆ่าด้วยเจตนาอันโหดเหี้ยม และเวลาเรากินเราก็ไม่ได้กินมันด้วยความแค้น หรือความเกลียดในสัตว์ตัวใดตัวหนึ่งหรือกินด้วยความโลภมากถึงขนาดที่เป็นบาปมหันต์ก็ไม่ใช้ และการที่เรากินเขาเข้าไปเพื่อการมีชีวิตรอดก็เพื่อที่จะสร้างคุณงามความดีต่างๆให้สมกับที่กินพวกเขาเข้าไป และก็เพื่อที่จะไม่ลืมบุญคุณของสัตว์ที่เกิดมาชดใช้กรรมให้เราได้กินนั้น เราก็ควรที่จะแผ่บุญกุศลให้เขาด้วย
การที่เราต้องทำแบบนั้นเพราะมันเป็นกงกรรมกงเกวียนเกิดมาก็ต้องกิน กินแล้วก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการทำดี แต่บางคนไม่รู้สึกตัวกลับไปสร้างกรรมชั่ว ก่อบรรลัยใส่ตัวเองแบบนั้น มันก็ไม่บุญที่ไหนจะส่งไปให้พวกเขาเหล่านั้น นี่แหละแบบนี้จะบาป ผิดศีลข้อที่หนึ่งไหม มันไม่ผิดแต่มันจะเป็นเงาบาปติดตามตัว คอยสร้างโรกร้ายให้กับตัวเองอยู่เสมอ แต่ถ้าพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว มันผิดเพราะพวกเขากำลังฆ่าตัวเองและสัตว์เหล่านั้นอยู่ เป็นการฆ่าทางฝ่ายวิญญาณ คือทำให้เขาไม่ได้รับในสิ่งที่ควรจะได้รับจากเรา และตัวเรายังทำไม่ดีอีก ซึ่งมันจะเป็นบ่อนทำลายดวงจิตของเรา ให้หลุ่มหลงอยู่ในวังวนแห่งความชั่ว เมื่อเขาบ่อนทำลาย(ฆ่าตามศีลข้อที่1)จิตวิญญาณอันดีงามของตัวเองแล้วนั้นก็หมายความว่าเขาก็พร้อมที่จะระเบิดความชั่วร้ายออกมาได้ทุกเมื่อ ไม่รู้จักความดี หรือรู้จังแต่น้อยนั้นเอง
ฉะนั้นแล้วไม่ว่าคุณจะกินเจหรือกินเนื้อ มันก็เหมือนกัน หากคุณไม่สร้างคุณงามความดีต่างๆเอาไว้
เพราะบางคนที่กินเจ แต่ไม่เคยนั่งภาวนาส่งบุญกุศลไปให้คนที่เขาอุตส่าปลูกผัก อุตส่าทำขึ้มมาเป็นอาหารให้เราเลย มันก็หวิดเฉียดบาปมหันต์ไปเหมือนกัน
สรุปว่าคุณกินเจเพื่ออะไรกันแน่ 1เพราะเป็นแฟชั่นวัฒนธรรม 2 เพราะสุขภาพ หรือ 3 เพราะสงสารสัตว์ ไม่ว่าคุณจะกินแบบไหน มันก็ล้วนแต่เป็นอุปาทานทั้งนั้น มันก็ไม่ตางกับการกินเนื้อสัตว์เลย เช่นนั้น เช่นนี้ เท่านั้นเอง สวัสดี
Be careful the Dark side; support only the Light side.
May the Dhamma be with you. ขอธรรมจงสถิตอยู่กับท่าน
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 11 พ.ค.2007, 2:19 pm
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 11 พ.ค.2007, 2:57 pm
ขอบคุณมากนะคะสำหรับผู้ที่ช่วยตอบ
ตอนนี้คงหมดปัญหาที่เคยคาใจ
ซึ่งจริงๆ แล้วตัวดิฉันเองก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด
เพียงแต่ยังต้องการเหตุผลสนับสนุนบ้าง
ขอบคุณค่ะ
จะหมั่นชำระจิตใจให้ผ่องใสด้วยธรรมะค่ะ
Atago
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 11 พ.ค.2007, 5:59 pm
ต้องมีศีลแต่ไม่ยึดมั่นในศีล ยึดมั่นสิ่งใดย่อมทุกข์เพราะสิ่งนั้น ไม่ทำกรรมชั่ว ทำแต่กรรมดี ทำจิตให้ผ่องใส
ผู้เยี่ยมชม
ตอบเมื่อ: 21 พ.ค.2007, 8:41 pm
ผิดทางกาย ผิดได้อย่าบ่อยนัก จนเป็นนิสัย
สำคัญคือ อย่าผิดทางใจครับ คือ ใจแสวงหามีเจตนาให้ผิด
kt13
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 11 พ.ค. 2005
ตอบ: 18
ตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2007, 8:51 pm
ชื่อคล้ายผม จังเลย อิอิ
_________________
ความสุข คือความสงบ
kt13
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 11 พ.ค. 2005
ตอบ: 18
ตอบเมื่อ: 26 พ.ค.2007, 8:53 pm
เป็นสมาชิกวันเดียวกันด้วย แต่คนละปี อิอิ
_________________
ความสุข คือความสงบ
ลานดาว
บัวใต้ดิน
เข้าร่วม: 05 ก.พ. 2007
ตอบ: 21
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร
ตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2007, 10:21 am
ดิฉันมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่สามารถเข้าวัด หรือไหว้พระ สวดมนต์ได้
หลายครั้งหลายคราที่พยายามลองทำแล้ว ก็จะเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น
อ่านแล้วนึกถึง "นุ่น" ในเรื่องกาษา นาคา จังเลยค่ะ
ทำมัยก็ไม่รู้เนอะนาคกลับชาติมาเกิดถึงเข้าวัดแล้วเหมือนโดนเผา
ทั้งๆ ที่ส่วนหนึ่งของวัดก็เป็นนาค มีจิงรึป่าวค่ะ หรือแค่ในละคร
_________________
นิพพานโดยเร็ว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
แสดงทั้งหมด
1 วัน
7 วัน
2 สัปดาห์
1 เดือน
3 เดือน
6 เดือน
1 ปี
เรียงจากเก่า-ใหม่
เรียงจากใหม่-เก่า
:: ลานธรรมจักร ::
»
การรักษาศีล-การบวช
ไปที่:
เลือกกลุ่ม บอร์ด
กลุ่มสนทนา
----------------
สนทนาธรรมทั่วไป
แนะนำตัว
กฎแห่งกรรม
สมาธิ
ฝึกสติ
การสวดมนต์
การรักษาศีล-การบวช
ความรัก-ผูกพัน-พลัดพลาก
กลุ่มข่าวสาร-ติดต่อ
----------------
ข่าวประชาสัมพันธ์
ธรรมทาน
รูปภาพ-ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
สำหรับนักเรียน นักศึกษา ขอความรู้ทำรายงาน
แจ้งปัญหา
รูปภาพในบอร์ด
กลุ่มสาระธรรม
----------------
หนังสือธรรมะ
บทความธรรมะ
นิทาน-การ์ตูน
กวีธรรม
นานาสาระ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
วิทยุธรรมะ
ศาสนสถานและศาสนพิธี
----------------
สถานที่ปฏิบัติธรรม
วัดและศาสนสถาน
พิธีกรรมทางศาสนา
พุทธศาสนบุคคล
----------------
พระพุทธเจ้า
ประวัติพระอสีติมหาสาวก
ประวัติเอตทัคคะ (ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา)
สมเด็จพระสังฆราชไทย
ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์
ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณ
ไม่สามารถ
สร้างหัวข้อใหม่
คุณ
ไม่สามารถ
พิมพ์ตอบ
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลบข้อความของคุณ
คุณ
ไม่สามารถ
ลงคะแนน
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ
ไม่สามารถ
ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้
เลือกบอร์ด •
กระดานสนทนา
•
สมาธิ
•
สติปัฏฐาน
•
กฎแห่งกรรม
•
นิทานธรรมะ
•
หนังสือธรรมะ
•
บทความ
•
กวีธรรม
•
สถานที่ปฏิบัติธรรม
•
ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ
•
วิทยุธรรมะ
•
เสียงธรรม
•
เสียงสวดมนต์
•
ประวัติพระพุทธเจ้า
•
ประวัติมหาสาวก
•
ประวัติเอตทัคคะ
•
ประวัติพระสงฆ์
•
ธรรมทาน
•
แจ้งปัญหา
จัดทำโดย กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ
webmaster@dhammajak.net
Powered by
phpBB
© 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
www.Stats.in.th