Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 มีจิตเช่นนี้ทำกรรมใดมา อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนแสวงบุญ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 14 มิ.ย. 2007
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 14 มิ.ย.2007, 1:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มักพูดเท็จเพื่อเรียกร้องให้เป็นจุดสนใจ เช่น บางทีกล่าวว่าตนเป็นโรคร้าย เพื่อให้คนสงสาร แม้ไม่ได้เป็นการสร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นแต่กรรมเช่นนี้จะส่งผลอย่างใด และเกี่ยวข้องหรือไม่ว่า เป็นเพราะจิตขุ่นมัวมาแต่ชาติก่อนจึงโน้มน้าวให้ทำเรื่องแบบนี้ได้

ปล.หากเป็นในทางโลกปัจจุบันก็คือโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่ชอบเรียกร้องความสนใจนี่เอง
 

_________________
กัมมุนา วะตะตีโลโก
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2007, 10:21 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ลองนึกย้อนกลับไปพิจารณาการเลี้ยงดูจากสถาบันครอบครัว และสภาพแวดล้อม ที่สำคัญในเบื้องต้นคือสถาบันพ่อแม่ นั่นแหละคือตัวเพาะบ่มนิสัยแบบนี้ติดใจมาจนกลายเป็นนิสัย
 
พรรณลักษณ์
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2007, 10:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บุคคลผู้มีลักษณะเช่นนี้ มักเกิดจากการมองไม่เห็นคุณค่าในตนเองค่ะ
ไม่รักตนเอง แต่อยากให้คนอื่นมารัก มาสนใจ
เศร้า
และตราบใดที่เขายังคิดไม่ได้ ก็จะมีจิตที่คิดหวังพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

การเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอน มีส่วนเป็นอย่างมากในกรณีนี้ค่ะ

ซึ้ง ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน ซึ้ง
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 15 มิ.ย.2007, 6:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พูดเเท็จ คือ การพูดคำไม่จริง ไม่มีอยู่จริง การกล่าวคำลอยไร้เหตุไร้ผล

ในเมื่อรู้ว่าเป็นคำไม่จริงแล้วจะสนใจไปทำไมครับ เพราะคำไม่จริงก็เปรียบเสมือนการพูดจาไร้สาระ นั่นเอง

แต่เรื่องไร้สาระบ้างเรื่อง เรื่องที่มีมูลความจริงอยู่เพียงเล็กน้อย บ้างเรื่อง ก็สามารถสร้างความบันเทิงอารมณ์ให้กับผู้รับรู้ได้ โดยที่ผู้รับสารก็รู้อยู่ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่รับรู้มาเพื่อความบันเทิงอารมณ์เพียงอย่างเดียว

การฟังเรื่องเท็จนั้น ต้องพิจารณาดูที่จุดประสงค์ของเรื่องเท็จ นำมาประกอบการพินิจพิจารณา เพื่อให้รู้ว่าเรื่องเท็จนั้นก่อให้เกิด สิ่งดี สิ่งไม่ดี หรือ ไม่เกิดผลดีผลเสียอันใด


สาธุ ไม่เดือดร้อนใครก็อย่าไปใส่ใจเลยครับ
 
เต้น เพชรบุรี
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 05 มิ.ย. 2007
ตอบ: 4

ตอบตอบเมื่อ: 16 มิ.ย.2007, 11:47 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ คุณต้องรู้จักปล่อยวาง ทําใจให้เป็นกลางไม่ยึดมั่นถือมั่น ใช้หลักโลกธรรม8 คือ สุข คู่กับ ทุกข์ ชื่นชม คู่กับ ติฉินนินทา มียศ คู่กับ เสื่มยศ มีราบ คู่กับ เสื่มราบ เพราะทุกอย่างถ้าคุณไปยึดติดมันก็ทุกข์ แต่ถ้าคุณทําใจให้เป็นกลางไม่ยินดีไม่ยินร้าย เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นและดับไป มันเป็นของไม่เทียง ต้องนั่งสมาธิและพิจารณา อริยสัจ 4 อริยสัจ 4 คือ เกิดทุกข์ สาเหตุที่เกิดทุกข์ วิธีดับทุกข์ และ ผล ทุกข์เพราะ ไม่มีใครสนใจคุณ เหตุที่เกิดทุกข์ เพราะ คุณไปยึดมั่นตัวตน คุณยึดมั่นในความเด่น คุณอยากเป็นที่สนใจ

และเป็นกรรมเก่าที่คุณเกิดมาต้องเป็นเช่นนี้ วีธีดับทุกข์ คุณต้องรู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติดต่อสิ่งใดๆๆ เพราะทุกอย่างเป็นของไม่เที่ยง เด่วเราก็ตาย ร่างกายไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงธาตุ 4 ปะกอบมาเป็นรูปร่าง และจิตเป็นที่อาศัยเท่านั้น เปรียบกับคนตายพอจิตออกจากร่าง เราลองเอาอะไรไปตี หรือไปทําอะไรแรงๆๆ กับร่างกายที่ไม่มีจิตอาศัยอยู่สิ มันจารู้สึกเจ็บไหม มันปวดไหม เพราะจิตมันเป้นตัวรู้ เราจึงต้องใช้สมาธิเข้าไปซักฟอกจิตให้รู้จักปล่อยวาง ต้องหมั่นนั่งสมาธิครับ ผล คือ เมื่อรู้วิธีดับทุกข์ และดับทุกข์ได้จริงมันก็จาไม่ทุกข์

ต้องหมั่นนั่งสมาธิครับ วันละ 10 นาที หรือ 20 นาทีก็ได้ครับ หรือนั่งวันเว้นวันก็ได้ครับ สมาธิต้องใช้เวลาครับ เปรียบเหมือนกับ เราใส่เสื้อผ้ามา 30 ปีไม่เคยซักเลย แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราจะซักมันครั้งเดียวให้สะอาดเลย มันก็เป็นไปมะได้ มันต้องค่อยๆซัก ซักบ่อยๆๆ และศึกษาวิธีการซัก และนํามาซัก ค่อยๆๆ แก้ไข และขยันซัก สักวันมันต้องสะอาดแน่นอนครับ ขอให้ดชคดีครับ สาธุ
 

_________________
เส้นทางสายกิเลสเป็นเส้นทางเรียบง่าย เจริญตาเจริญใจ
เส้นทางสายธรรมเป็นเส้นทางแห่งความยากลําบาก ความไม่เข้าใจ ความขรุขระ และอุปสรรค์ต่างๆๆนาๆๆต้องใช้ความอดทน
ผู้ใดขาดความเพียร ผู้นั้นย่อมไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พีรวิชญ์
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 19 เม.ย. 2007
ตอบ: 24

ตอบตอบเมื่อ: 19 มิ.ย.2007, 10:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ควรรักษาศีลให้ดีจะดีกว่าครับ ยิ้มแก้มปริ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
suvitjak
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 26 พ.ค. 2008
ตอบ: 457
ที่อยู่ (จังหวัด): khonkaen

ตอบตอบเมื่อ: 29 พ.ค.2008, 4:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อายหน้าแดง ต้องปล่อยว่าครับ อันลาภยศ นั้นมันไม่เที่ยงนะครับ เงินทองได้มากก็หมดไป แต่ความดีติดตัวเราตลอดกาล ร้องไห้
 

_________________
ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 24 ส.ค. 2008, 4:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อาการเหมือนคนเก็บกด หรือขาดความอบอุ่น
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง