Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 โพธิญาณพฤกษา : ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
เว็บมาสเตอร์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 มี.ค. 2005
ตอบ: 993

ตอบตอบเมื่อ: 18 พ.ค.2007, 10:42 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

โพธิญาณพฤกษา
พันธุ์ไม้ที่พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ ประทับตรัสรู้


ต้นแคฝอย (ต้นปาตลี)


ในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ตำราชินกาลมาลีปกรณ์ กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 พระนามว่า “พระสรณังกรพุทธเจ้า” และในพระไตรปิฎกเล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 25 ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ วิปัสสีพุทธวงศ์ กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าองค์ที่ 22 พระนามว่า “พระวิปัสสีพุทธเจ้า” ซึ่งทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ 8 เดือนเต็ม ทั้งสองพระองค์ได้ประทับตรัสรู้ ณ ควงไม้แคฝอย เช่นเดียวกัน

ต้นแคฝอย มีชื่อเรียกในภาษาบาลีว่า “ต้นปาตลีหรือต้นปาฏลิ” (Patali หรือ Patli) เป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งจัดอยู่ในวงศ์ BIGNONIACEAE มีชื่อพื้นเมืองที่เรียกกันต่างไปในแต่ละท้องถิ่นของไทย คือ แคฝอย (กรุงเทพฯ), ศรีตรัง (ตรัง) เป็นต้น มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศบราซิล นิยมปลูกกันทั่วไปในเขตร้อนแถบเอเชีย เช่น อินเดีย มาเลเซีย พม่า เวียดนาม ฯลฯ

ต้นแคฝอย มีอยู่ 2 ชนิด คือ 1. ชนิดที่มีช่อดอกเกิดที่ปลายยอด มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Jacaranda minosifolia D.Don

2. ชนิดที่มีช่อดอกเกิดที่ซอกใบตามกิ่งและปลายยอด มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Jacaranda filicifolia D.Don ซึ่งเป็นชนิดที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไปในประเทศไทย โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เจ้าเมืองตรัง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้นำมาปลูกครั้งแรกที่เมืองตรัง ในปี พ.ศ.2444 ดังนั้น แคฝอยจึงเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “ศรีตรัง”

Image

เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบสูงประมาณ 4-10 เมตร ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20-30 ซม. เปลือกสีน้ำตาลอ่อนปนเทา เรือนยอดโปร่ง ใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ใบย่อยขนาดเล็ก ปลายใบแหลม โคนใบมน ออกดอกเป็นช่อใหญ่ตามกิ่ง ดอกมีสีม่วงปนน้ำเงิน กลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบดอกติดกันเป็นรูประฆังยาว 3-4 ซม. ปลายแยกกันเป็น 5 กลีบ

ผลเป็นฝักแบนๆ ฝักแก่สีน้ำตาลอมเทา จะแตกทั้งสองซีก เมล็ดมีขนาดเล็กสีน้ำตาลเข้ม มีปีกใสๆ 2 ปีก ปลิวตามลมได้ จะผลัดใบในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ และจะออกดอกราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ดอกจะบานพร้อมๆ กัน และคงอยู่ประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นจะร่วงโรยไป

ต้นแคฝอย เป็นไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินแทบทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามอาคารและถนนหนทางต่างๆ เพราะยามออกดอกจะผลัดใบเกือบหมด ดอกบานพร้อมกันเป็นสีม่วงทั้งต้นแลดูสวยสดงดงาม

แคฝอยหรือศรีตรังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพร คือ ใบแห้ง ใช้ในการรักษาบาดแผล เปลือกไม้ ใช้ทา ล้างแผลเปื่อยแผลพุพอง และเปลือกไม้และใบไม้ ใช้ผสมกันรักษาโรคซิฟิลิสและโกโนเรีย ส่วน เนื้อไม้ มีรสเฝื่อน ฝาด แก้ท้องบวม ขับพยาธิ ตกเลือด

ด้วยเหตุที่เนื้อไม้มีลักษณะบางเบา มีลายสวยงาม และมีกลิ่นหอม จึงมักนำมาใช้ทำเป็นโครงของเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ต่างๆ เช่น พื้นปาร์เก้ กีตาร์ เป็นต้น

ปัจจุบัน ศรีตรังเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดตรัง

Image


......................................................

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 มกราคม 2547 11:32 น.
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง