Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 คำสอนของท่านเจ้าคุณนรฯ (เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2007, 5:25 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คำสอนของท่านเจ้าคุณนรฯ

Image

เรื่องที่ 1

ในวันวิสาขบูชาวันหนึ่ง หลังจากเวียนเทียนเสร็จ
ได้มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเข้าไปกราบท่านธมมวิตกโกขณะที่ท่านเดินอยู่
ท่านได้หยุดและถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ

หนุ่มสาวคู่นั้นได้เรียนท่านว่า มาขอพรให้เกิดมาพบกันอีก
ท่านได้ตอบว่า “มีแต่เขาไม่อยากจะมาเกิด
นี่ทำไมอยากมาเกิดอีก
อย่างอาตมา ถ้าใครแช่งให้ไม่รู้จักผุดจักเกิด
อาตมาก็จะขอบใจ
เอาละเมื่อมาขอพรก็จะให้
แต่จะบอกว่า คนเราไม่ได้อะไรง่ายๆ
ด้วยการร้องขอ อยากได้อะไรต้องทำถึงจะได้”

เรื่องการขอพรนี้มีคนไปขอพรท่านมาก
ใครอยากได้อะไรก็ไปขอ
จนท่านได้เขียนโอวาทเป็นข้อสุดท้าย
ลงในหนังสือสันติวรบทของท่านว่า ทำดีดีกว่าขอพร
ท่านบอกว่า พรเป็นเพียงกำลังใจให้คนประพฤติปฏิบัติเท่านั้น
และพุทธศาสนาก็ไม่ใช่ศาสนาของการสวดอ้อนวอนร้องขออะไร
พระบรมศาสดาสอนให้เชื่อในเรื่องกรรมและผลของกรรมนั้น
ฉะนั้นท่านจึงบอกว่า “ทำดีดีกว่าพร”


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2007, 5:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 2

คราวหนึ่งมีนักเรียนแพทย์ที่จบจากศิริราช
จะออกไปเป็นแพทย์ฝึกหัดตามโรงพยาบาลต่างๆ
ได้มาขอโอวาทจากท่าน ขอให้ท่านกรุณาให้โอวาทด้วย
เพราะจะออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว
ท่านธมมวิตกโกได้ให้โอวาทว่า

ถ้าจะมาขอโอวาท ก็จะเตือนให้ระวังระเบิดสามลูก
มีชื่อ ราคะ โทสะ และโมหะ
ระเบิดสามลูกนี้ร้ายกาจมาก
เป็นรากเหง้าของความชั่วร้าย
เรื่องโทสะเห็นจะไม่มีใครชอบ
เพราะเป็นของร้อนและเห็นได้ง่าย ว่าเป็นทุกข์
แต่ราคะและโมหะให้ระวังให้มาก
เพราะมาในรูปของไฟเย็น ให้ความสุขได้
มองไม่ค่อยเห็นความทุกข์
และราคะนั้นเมื่อมีโมหะเข้าช่วยจะไปกันใหญ่
เพราะจะพากันหลงรักหลงชัง

เมื่อท่านให้โอวาทจบ ได้ถามแพทย์ผู้หนึ่งว่าจะไปอยู่ไหน
นายแพทย์ผู้นั้นตอบว่าไปอยู่โรงพยาบาลเชียงใหม่

ท่านธมมวิตกโกบอกว่า คุณต้องระวังให้มากนะ
เพราะจะเดือดร้อนจากระเบิดสามลูกนี้โดยเฉพาะลูกที่ชื่อราคะ


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2007, 5:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 3

ในกุฏิของท่านธมมวิตกโก นอกจากจะมีหีบศพแล้ว
ยังมีโครงกระดูกแขวนอยู่ เป็นโครงกระดูกเต็มตัวร้อยไว้อย่างดี
ท่านเคยชี้ให้ดูและบอกว่า เป็นโครงกระดูกผู้หญิง
ท่านว่าเป็นคุณหญิงของท่าน
ท่านชมว่าดีแท้ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย
ไม่เคยบ่น ไม่เคยทำให้กลุ้มใจ
มีแต่ให้ประโยชน์ให้สติ ให้รู้ว่าจะต้องตายเช่นนั้น
วันหนึ่งก็จะเหลือแต่โครงกระดูกเช่นนี้ ได้พิจารณาทุกวัน
แล้วท่านก็บอกว่าเมื่อมีเนื้อหนังหุ้มโครงกระดูก ก็นิยมกันว่าสวย
รักกันอยู่ด้วยกันความหลงแท้ๆ
หลงว่าจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ตลอดไป ไม่ได้มองลึกลงไป
ไม่ได้เห็นแก่นแท้ว่ามีแต่กระดูก ไม่น่าอภิรมย์แต่อย่างใด
ทำไมจึงยังหลงไหลมัวเมากันอยู่ได้
แล้วท่านก็จะสรุปว่า

“บ่อน้อยเท่ารอยโคหรือจะโผข้ามพ้น
เป็นมหาบาเรียนยังเวียนไปหาก้น”


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2007, 5:33 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 4

ที่บริเวณกุฏิของท่านธมมวิตกโก
มักจะมีชาวจีนเอาเครื่องไหว้แบบจีนไปไหว้เสมอ
โดยเขานับถือว่าเป็นเซียน
แต่ท่านบอกว่าเขาเห็นว่า กุฏิท่านเป็นศาลเจ้า
วันหนึ่งมีชาวจีนเอาธูปเทียนป้ายหนังสือจีน
และกระดองเต่าไปวางไว้ที่โคนต้นไม้ข้างกุฏิของท่าน
เมื่อท่านกลับจากโบสถ์มาพบเข้า
ท่านได้ชี้ให้ดูและบอกว่า

ชาวจีนเขายกย่องเต่ามาก เพราะเต่าเป็นสัตว์ที่อดทน
แม้จะเดินช้าก็มั่นคงและไปถึงเสมอ
ถ้าจะเอาเต่าเป็นตัวอย่างในการครองชีวิต
ก็ต้องอดทนและรอบคอบดำเนินชีวิตให้มั่นคง
ส่วนในแง่ธรรมะจะเอาเต่าเป็นตัวอย่าง
ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นตัวอย่าง
เพราะเต่ามีกระดองและอวัยวะที่พ้นจากกระดอง
คือ 4 ขา หัวและหาง รวมเป็น 6
เปรียบเหมือน ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจของคน

เมื่อเต่าพบอันตราย
จะหดอวัยวะทั้งหมดเข้ากระดอง จนกว่าจะปลอดภัย
ถ้าคนเราจะเอาตัวอย่างนี้มาประพฤติจะดีไม่น้อย
เช่นเมื่อประสาททั้ง 6 ดังที่กล่าวมากระทบกับอารมณ์ใด
ก็เอามาพิจารณา ด้วยความระมัดระวัง
เช่นเดียวกับเต่าหดอวัยวะเข้ากระดอง
ไม่วู่วามตัดสินใจทำอะไรไปโดยไม่ถูกไม่ควร


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 21 เม.ย.2007, 5:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 5

เรื่องบวชไม่สึกของท่านธมมวิตกโกนี้
ท่านบอกวาไม่เพียงแต่พี่สาวของคุณชุบว่า ท่านบ้าเพียงคนเดียว
แม้แต่คนอื่นก็ว่าท่านบ้าเหมือนกัน
ท่านเล่าว่าพระบวชใหม่องค์หนึ่งมาบวชที่วัดเทพศิรินทร์
ขณะที่มาบวชนี้มีคู่หมั้นอยู่แล้ว
เมื่อบวชแล้วก็ได้รู้จักกับท่าน ได้เล่าให้ท่านฟังว่า
ก่อนบวชคู่หมั้นได้สั่งไว้ว่า ไม่ให้มาหามาคุยกับท่านธมมวิตกโก
โดยบอกว่าท่านธมมวิตกโกบ้า บวชแล้วไม่สึก
คู่หมั้นของพระรูปนั้นเกรงว่า
ถ้าได้รู้จักกับท่านธมมวิตกโกแล้วจะไม่สึกตามไปด้วย
จึงได้ห้ามไว้เช่นนั้น

เรื่องนี้ท่านธมมวิตกโกบอกว่า
คนที่ทำอะไรไม่เหมือนที่โลกนิยมก็จะมีคนว่าบ้า
โดยคนที่พูดไม่ได้เข้าใจโดยถ่องแท้ว่า
อย่างไรจึงบ้า อย่างไรจึงดี
ท่านบอกว่าคนเราที่เกิดมานี้
มีหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งที่พึงกระทำ
คือ การทำให้พ้นทุกข์
ถ้าไม่ทำก็เท่ากับว่าไร้ประโยชน์ในการเกิดมา
เพราะจะต้องเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่นเอง
และคนที่มีความประสงค์จะพ้นทุกข์
และพยายามกระทำเพื่อให้พ้นทุกข์

คนที่ไม่เข้าใจก็ว่าบ้าเหมือนอย่างที่สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) บอกว่า
“เมื่อขรัวโตบ้าก็ว่าขรัวโตดี เมื่อขรัวโตดีก็ว่าขรัวโตบ้า”


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2007, 5:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 6

ในระหว่างเข้าพรรษาท่านธมมวิตกโก จะเตือนพระภิกษุใหม่เสมอว่า
ให้รีบศึกษารีบทำความดีเสีย เพราะมีเวลากันคนละไม่มาก
ถ้าหากไม่ขวนขวายที่จะศึกษาในทางธรรมแล้ว
เมื่อสึกออกไปก็จะยิ่งไม่มีโอกาส
หากใกล้จะออกพรรษา ท่านก็จะเตือนอีกเช่นกัน
แต่มีคราวหนึ่งท่านไม่เตือนเหมือนเคย
ท่านกลับเตือนว่าอีก “กี่วัน” จะออกพรรษาแล้ว
โดยพูดเป็นจำนวนวันที่เหลือ
พระภิกษุบวชใหม่ไปเล่าให้ญาติโยมฟังถึงเรื่องนี้
มีบางคนบอกว่าท่านให้หวย
แล้วพากันไปแทงตามตัวเลขที่ท่านพูด
ปรากฏว่าในงวดนั้นลอตเตอรี่ออกตรงตามที่ท่านพูด
ทำให้เล่าลือกันไปว่าท่านให้หวยแม่น
เมื่อท่านทราบเรื่องนี้ท่านบ่นว่า
“เหลวไหลกันใหญ่ ต่อไปนี้อาตมาจะพูดอะไรเป็นตัวเลข
ต้องระวังเสียแล้ว ถ้าเกิดไปแทงไม่ถูก
จะพากันเสียเงินโดยใช่เหตุ นี่เคราะห์ดีว่าแทงถูก”


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2007, 5:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 7

มีพระภิกษุบวชใหม่รูปหนึ่ง
เมื่อบวชแล้ว ก็ตั้งใจขวนขวายศึกษาธรรม
และพยายามจะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ท่านธมมวิตกโกเห็นอุปนิสัยเช่นนั้น
จึงได้ชักชวนให้พระภิกษุรูปนั้นบวชต่อไป
การชักชวนของท่านธมมวิตกโกนี้ เป็นการชักชวนอย่างจริงจัง
พร้อมทั้งแนะแนวปฏิบัติให้อีกด้วย
แต่พระภิกษุรูปนั้นก็ยังไม่รับคำ จนกระทั่งออกพรรษา
ท่านธมมวิตกโกได้บอกกับพระภิกษุรูปนั้นว่า
“คุณมีอุปนิสัย เพราะคุณเรียนธรรมได้ง่าย
นี่แสดงว่าคุณบวชแล้วหลายชาติ และคุณก็สึกทุกที
ชาตินี้คุณไม่สึกไม่ได้หรือ”
พระภิกษุรูปนั้นได้ตอบว่า
“ผมยังมีวิจิกิจฉา ยังสงสัยทุกเรื่อง
ยังไม่มั่นใจว่า อะไร คือ อะไรเป็นที่แน่นอน
คิดเอาเองว่าจะสิ้นสงสัยได้ ต้องอธิษฐานขอเป็นพระพุทธเจ้าเอง
เพราะเท่าที่ทราบมาพระอรหันต์ระลึกชาติเพียงกัปป์เดียว
คงไม่สิ้นสงสัย” ท่านธมมวิตกโกบอกว่า
“คุณคิดเหมือนคุณเสถียร โพธินันทะ
คุณเสถียรบอกกับอาตมาว่า อยากเป็นพระพุทธเจ้า
อาตมาเห็นเป็นเรื่องเหลวไหล
เกิดมาพบพระพุทธเจ้าแล้ว ได้เรียนธรรมของท่านแล้ว
จะอยากไปเป็นพระพุทธเจ้าอีก
ต้องทรมานต่อไปอีก ด้วยเหตุผลอะไรกัน
แล้วที่คุณว่าเป็นพระอรหันต์ไม่สิ้นสงสัยนั้น
คุณทราบแล้วหรือว่าพระอรหันต์เป็นอย่างไร
เป็นเรื่องรู้ก่อนเกิด เหลวไหล”
แล้วท่านธมมวิตกโกได้กล่าวต่อไปว่า
“สำหรับอาตมานั้น ต้องการให้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
อาตมาไม่อยากจะเกิดอีก
อาตมามั่นใจว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย”
แล้วท่านก็พูดเป็นภาษาอังกฤษว่า
“This Life is the last”
ผมก็ไม่ทราบว่าความหวังของท่านบรรลุผลหรือไม่
และท่านเป็นพระอรหันต์จริงหรือไม่
ใครเล่าจะมีคุณธรรมพอจะไปหยั่งรู้ได้
เพราะผู้นั้นจะต้องเป็นพระอรหันต์เช่นกัน
และที่ท่านธมมวิตกโกบอกว่า
ต้องการให้เป็นชาติสุดท้ายนั้น
ก็มีความหมายได้สองนัย
กล่าวคือ เป็นชาติสุดท้ายจริงๆ เพราะต้องนิพพานแน่
หรืออีกนัยหนึ่งเป็นชาติสุดท้ายของการเกิดเป็นมนุษย์
แล้วไปบังเกิดในภพอื่น ไปนิพพานในภพอื่น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงการเดาเท่านั้น
ถ้าพวกเรา คือ ผู้อ่านและผมผู้เขียน
เข้าใจว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลจริงๆ
จะเป็นพระอริยบุคคลชั้นใดก็ตาม
เราท่านทั้งหลายก็ไม่อาจจะหยั่งถึงความเป็นไป
หรือความคิดของพระอริยบุคคลได้
คงได้แต่ตั้งจิตอธิษฐาน
ขอให้ท่านได้สมปรารถนาในเจตนาของท่านอย่างบริบูรณ์


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2007, 5:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 8

ในบั้นปลายของชีวิต ท่านธมมวิตกโกอาพาธด้วยโรคมะเร็งที่ลำคอ
การอาพาธของท่านนี้พูดตามที่บุคคลธรรมดาพึงเห็น
แต่สำหรับท่านธมมวิตกโกแล้ว ท่านเป็นปกติธรรมดา
ไม่เคยแสดงอาการใดว่า ท่านได้อาพาธ
ท่านปกติธรรมดาจนทุกคนที่พบเห็นท่าน คล้ายจะลืมว่าท่านอาพาธ
ถ้ามีใครถามถึง ท่านจะเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เริ่มเป็นเมื่อปี พ.ศ. 2509
มีขนาดเท่าไข่จิ้งจก และโตต่อมาเรื่อยๆ
จนมีขนาดเท่าลูกพุทรา เท่าไข่เต่า
และท่านจะบอกว่าตอนนี้เท่าไข่เป็ดแล้ว
เมื่อถามถึงความเจ็บปวด ท่านจะบอกว่าไม่เจ็บปวดมากนัก
จะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ผมคิดว่าถ้าเป็นอย่างไร ท่านคงจะลุกเดินไม่ไหว
เพราะความเจ็บปวดแล้ว
แต่ท่านธมมวิตกโก ท่านกลับเป็นปกติทุกอย่าง
สมมติว่าถ้าแผลมะเร็งนี้เกิดขึ้นกับอวัยวะภายใน
ไม่มีใครมองเห็นแล้ว ก็จะไม่มีใครรู้ว่าท่านอาพาธเลย
ท่านเล่าว่าเมื่อก่อนจะเป็น ท่านมีความรู้สึกว่าจะเป็นที่ตับ
เพราะมีอาการบางอย่างที่นั่น
ท่านเล่าว่าเหมือนกับมีอะไรวิ่งกันอยู่เป็นริ้วๆ ที่บริเวณนั้น
ท่านได้อธิษฐานว่า หากจะป่วยเป็นโรคใดแล้ว
ขอให้ปรากฏออกมา ขอให้เป็นภายนอกเถิดจะได้มองเห็น
และเป็นตัวอย่างให้ศึกษา
หลังจากท่านอธิษฐานแล้ว ท่านรู้สึกว่าสิ่งที่วิ่งกันอยู่นั้น
ได้ย้ายวิ่งมาที่ลำคอและปรากฏเป็นอย่างนี้
เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่แรงอธิษฐานของท่าน
เป็นไปตามที่ท่านอธิษฐาน
เห็นจะเป็นด้วยบุญบารมีที่ท่านบำเพ็ญมา
และท่านจะยกเอาอาการอาพาธของท่าน
เป็นตัวอย่างสอนคนที่ไปพบท่านว่า
ร่างกายเป็นรังของโรค ต้องเจ็บป่วยอยู่เสมอเป็นธรรมดา
เป็นเรื่องของการเกิดแก่เจ็บตาย
อย่าเศร้าหมองตามการป่วยเจ็บนั้น
ทำใจให้ปลอดโปร่ง และให้นึกเสมอว่าการเจ็บการตายไม่แน่นอน
จะมาถึงเมื่อใดก็ได้อย่าประมาท
อย่ารั้งรอต่อการทำความดีในขณะที่ยังมีโอกาสทำความดี
จะได้ไม่ต้องเสียใจ แม้ความตายจะมาถึงในวินาทีใดก็ตาม
ท่านจะยกคำกลอนในอุทานธรรมมาพูดเสมอว่า

ถึงกายแพ้แต่ใจเราไม่แพ้
ใจไม่แก่เจ็บตายตามกายหนา
กายนี้มันจะเน่าเราก็ลา
ไปสวรรค์ชั้นฟ้านิพพานเอย


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2007, 5:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image
วิหารอัฐิท่านเจ้าคุณนรฯ ประดิษฐาน ณ วัดเทพศิรินทราวาส


เรื่องที่ 9

คราวหนึ่งท่านได้เคยพูดกับนายอธึก สวัสดิมงคล
นายกยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี
ภายหลังจากถวายของให้ท่านอธิษฐานจิตแล้ว เป็นคติน่าฟังมาก

“ทั้งหมดนี่” ท่านกล่าวขึ้น พร้อมกับชี้มือ
ไปยังหีบพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตแล้ว “สู้ธรรมะไม่ได้”

แสดงว่าท่านยกย่องการประพฤติปฏิบัติ
ตามหลักธรรมของสมเด็จพระบรมศาสดานั้นว่า
มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
สำคัญยิ่งกว่าการมีพระเครื่องไว้ประจำตัว


อีกคราวหนึ่งในปี 2513 หลังจากพิธีสวดอธิษฐานจิต
เมื่อวันเสาร์ห้าผ่านไปเพียงเล็กน้อย
นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์ ได้นำพระเครื่องพิมพ์นาคปรก
เนื้อนวโลหะที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ
สร้างเพื่อจำหน่ายหารายได้สมทบทุน
สร้างโรงเรียนนวมราชานุสรณ์ นครนายกนั้น
ราว 4-5 องค์ไปถวายให้ท่านอธิษฐานจิตซ้ำอีก
ก่อนที่ท่านจะยินยอมอธิษฐานจิตให้
ได้ถูกท่านเทศนาสั่งสอนอย่างเจ็บๆ อยู่นานร่วม 1 ชั่วโมง

“หมอนี่เรียนมาเสียเปล่า มาหลงงมงายอะไรกับเรื่องพรรค์นี้ !”

ท่านได้ว่ากล่าวสั่งสอน มิให้ลุ่มหลงมัวเมา
อยู่กับเรื่องของขลังและอภินิหาร
เพราะอภินิหารต่างๆ นั้น
มิได้ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ทุกครั้งอยู่เสมอไป
ตลอดเวลาที่ท่านเทศนาว่ากล่าวอยู่นานโขนั้น
นายแพทย์สุพจน์ ได้โต้แย้งท่านอยู่ไม่หยุดเช่นกัน
โดยปกตินั้นท่านชอบคนโต้เถียงท่านด้วยเหตุผลอยู่เหมือนกัน

การที่นายแพทย์สุพจน์โต้เถียงท่านในเรื่องอภินิหารนั้น
ก็เป็นด้วยนายแพทย์ผู้นี้ได้ เคยเอาพระเครื่องกรุเก่า
มาทดลองยิงด้วยปืนพกด้วยมือของตนเองมาหลายครั้งหลายหน
จนกระสุนหมดไปหลายกล่อง
ปรากฏผลเป็นที่น่าทึ่งมาก
โดยใช้วิธีอาราธนาพระไว้ที่ตัวปลาหมอ
ในระยะที่ยิงได้แม่นยำอย่างสบาย
แล้วก็ระเบิดกระสุนใส่เข้าไป !

ผลของการทดลอง ปรากฏว่าจากการยิงพระนางพญากรุพิษณุโลก
ราว 7-8 องค์ ส่วนใหญ่ยิงถูกแต่ไม่เข้า (คงกระพัน)
บางองค์ยิงไม่ถูก (แคล้วคลาด)
มีอยู่องค์หนึ่งยิงไม่ออก (มหาอุด)
และพระปิดทวารของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง พิมพ์ใหญ่ชนิดสองหน้า
ที่เรียกกันว่าพิมพ์พระประกับนั้น
ยิงไม่ออก เป็นยอดมหาอุดจริงๆ

จากประสบการณ์ดังกล่าวนี้เอง ทำให้นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์
เชื่อมั่นในอภินิหารของพระเครื่องเป็นยิ่งนัก
และเอาเรื่องนี้มาโต้แย้งกับท่านธมมวิตกโก
ที่ท่านกล่าวหาว่ามาหลงงมงายอยู่กับอภินิหารไม่เข้าเรื่อง !

“เรื่องอภินิหาร พระเดชพระคุณว่ามีจริงไหม ?”
นายแพทย์สุพจน์ เอ่ยขึ้นตอนหนึ่ง

“จริง” ท่านตอบ จากนั้นท่านกล่าวสืบต่อไปว่า

“หมอเคยเห็นเคยได้ยินข่าวเรื่องโจรผู้ร้ายที่แขวนพระไว้เต็มคอ
แต่แล้วก็กลับถูกตำรวจยิงตาย หรือไม่ก็ถูกจับได้
ต้องติดคุกไปบ้างไหม ?
ถึงแม้จะมีพระอยู่เต็มคอก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่ไหม ?”

แล้วท่านกล่าวสำทับในที่สุดว่า
“อภินิหารนั้นหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น”


เมื่อถูกท่านขนาบด้วย “ไม้ตาย” เช่นนี้
ก็ทำเอานายแพทย์สุพจน์ ต้องนิ่งงันสงบปาก
ไม่อาจจะกล่าวโต้แย้งในเรื่องอภินิหารใดๆ กับท่านได้อีกต่อไป

ตามที่กล่าวมานี้ จะเป็นที่เห็นได้ชัดว่า
แม้ท่านธมมวิตกโกจะตั้งใจอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาลงในพระเครื่อง
ด้วยความเชื่อมั่นว่า มีความศักดิ์สิทธิ์
สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สักการะบูชาได้ก็จริง
แต่ผู้มีพระเครื่องไว้คุ้มครองนั้น
ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
ของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของที่มาแห่งองค์พระปฏิมานั้นด้วย


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2007, 5:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องที่ 10

เมื่อคุณหมอไพบูลย์ ปุษปธำรง ได้ทำแผลให้เป็นที่เรียบร้อย
ท่านก็สวดมนต์อุทิศแผ่ส่วนกุศลให้
แล้ววันนั้นท่านได้กล่าวกับหมอว่า
“หมอ อันความตายและการพลัดพรากจากกันนั้นเป็นของธรรมดา
และเป็นไปตามธรรมชาติ เขาตายกันนับตั้งแต่คราวปู่ย่าตายาย
เมื่อครั้งโบราณกาลมาแล้ว
ถ้าเราพิจารณาให้ดีก็จะรู้ว่า
การตายไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าสยดสยอง อย่างที่ทุกวันมีคนส่วนมากคิด
คนเราเมื่อเกิดมาก็ต้องอาศัยสังขาร เป็นที่อยู่อาศัย
ปกติธรรมดาสังขาร เราก็จะมีเวลาจำกัด
ย่อมจะมีการเสื่อมและทรุดโทรมเป็นธรรมดา
ฉะนั้นความตาย จึงไม่เป็นสิ่งที่เสียหายตรงไหน
หากแต่เป็นเพียงเปลี่ยนจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งเท่านั้น
อุปมาเหมือนหมอกับอาตมา ซึ่งในปัจจุบันขณะนี้กำลังคุยกันอยู่
แต่เวลาได้ล่วงเลยดับไปทุกวินาที ทุกชั่วโมง
และหมอก็ได้ทำแผลให้อาตมาเสร็จ
ประเดี๋ยวหมอก็จะต้องกลับไปบ้าน
ส่วนอาตมาก็จะต้องกลับกุฎิ
และทุกคนในที่นี้ก็จะต้องกลับไปสู่ที่อยู่อาศัยของตน

นี่ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่งของการพลัดพรากจากกัน
ทั้งที่เรายังมีชีวิตอยู่ มีสังขารร่างกาย
เมื่อเราได้ลุกจากไปแล้ว สถานที่นั้นก็จะว่างเปล่า
ปราศจากผู้คนไปชั่วขณะ เพราะเราได้แยกย้ายกันกลับไปสู่ที่พัก
เหตุการณ์วันนั้นก็จะเป็นแต่เพียงอดีตเท่านั้น
จะมีก็แต่ความทรงจำเท่านั้น
แต่จะให้อดีตนั้นย้อนกลับมาใหม่ก็ไม่ได้
ดังนั้นการตายก็เหมือนกัน เป็นแต่เพียงการจากไป มิได้สูญไปไหน
หากแต่เปลี่ยนจากสภาวะปัจจุบันไปอยู่อีกสภาวะหนึ่ง
ซึ่งอยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ
และเราก็สามารถที่จะระลึกถึงกันได้ อย่าเข้าใจว่าสูญสิ้นไป
ความตายความเกิดนั้นมีอยู่ตลอดเวลา ขออย่าประมาท”


พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ดอกไม้
บัวเริ่มพ้นน้ำ
บัวเริ่มพ้นน้ำ


เข้าร่วม: 26 ต.ค. 2006
ตอบ: 164

ตอบตอบเมื่อ: 24 เม.ย.2007, 5:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

ตลอดเวลา 45 พรรษาที่ท่านอุปสมบทอยู่นั้น
ท่านได้มีชีวิตอยู่อย่างวิเวกอย่างแท้จริง
ทั้งๆ ที่ท่านอาศัยอยู่ในใจกลางของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ
และก็อยู่ในบริเวณที่อึกกระทึกจอแจไม่น้อย
ท่านไม่ค่อยได้พูดคุยกับผู้ใดนัก
นอกจากว่าจะมีผู้พูดกับท่านก่อน
และอันที่จริงก็ไม่ค่อยจะมีใครกล้าพูดกับท่านเท่าใดนัก
นอกจากว่าจะเป็นการสนทนาธรรมกัน
ซึ่งท่านก็ยินดีจะให้คำตอบและอธิบายอย่างเต็มใจ
เท่าที่สามารถกระทำได้
ดังนั้น จึงมีหลายคนมักจะตำหนิติเตียนท่านว่า เป็นคนใจแคบ
ไม่ช่วยสั่งสอนผู้อื่นบ้าง
แต่ก็มีหลายท่านเหมือนกันที่ค้านว่า
ความจริงข้อวัตรปฏิบัติของท่านที่ท่าน
ได้กระทำติดต่อกันมาด้วยความสม่ำเสมอ
ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้เด็ดเดี่ยวในทางความเพียร
นั้นแหละคือ เทศน์กัณฑ์ใหญ่ทีเดียว
และก็เป็นเทศน์ที่ได้ผลดี
ไม่น้อยกว่าการเทศน์ด้วยคำพูดเหมือนกัน
เพราะเป็นการเทศน์ให้เราดูด้วยตา ไม่ใช่ให้เราฟังด้วยหูอย่างเดียว
ซึ่งการเทศน์ให้ฟังนั้น บางครั้งก็อาจจะเกิดว่า
ภูมิธรรมภายในของผู้เทศน์ไปไม่น้อยก็เป็นได้
ดังนั้น การเทศน์ให้ดูแบบนี้
สำหรับคนที่ใจไม่บอดจึงมีคติสอนใจได้เป็นอย่างดี



สาธุ คัดลอกจาก...
http://www.saktalingchan.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=34007

พระอาทิตย์ พระอาทิตย์ พระอาทิตย์
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง