Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 บาปจริงหรือ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
กัลยรัตน์ กุศลปฏิการ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 มี.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครราชสีมา

ตอบตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2007, 7:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งว่าคนที่รับประทานอาหารที่เหลือจากถวายพระสงฆ์หรืออาหารที่วัดเนี่ยบาป เมื่อตายไปจะเป็นเปรตจริงหรือ ถ้างั้นที่บ้านก็คงเป็นเปรตถ้วนหน้าแล้ว เพราะเราไปทำบุญทอดผ้าป่าทีไรก็ถูกต้อนให้ทานข้าวที่วัดทุกที อีกอย่างนะเวลาเราทำบุญต่างๆ นี่ต้องนิมนต์พระมาที่บ้านเสร็จพิธีสงฆ์แล้วเราก็ยกมาแบ่งกันทาน ส่วนมากก็จะเห็นเป็นเช่นนี้ก็เลย อยากทราบว่าบาปจริงหรือ วานผู้รู้ช่วยตอบทีขอความกระจ่างแก่ผู้กำลังหันหน้าหาธรรมมะ
 

_________________
ทุกคนเกิดมาย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
human
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 01 พ.ย. 2006
ตอบ: 41

ตอบตอบเมื่อ: 12 เม.ย.2007, 8:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เจริญพร คุณโยมกัลยรัตน์

ปกติแล้วเวลาญาติโยมไปทำบุญที่วัด หรือว่าจัดงานบุญที่บ้าน ก็ต้องให้พระฉันก่อนเสมอ เพื่อพระท่านฉันอิ่มแล้ว ญาติโยมก็ฉันต่อจากพระ แต่ถ้าเป็นทำบุญที่วัด เมื่อพระฉันอิ่มแล้ว มัคทายกของวัดก็จะกล่าวคำขออาหารที่เหลือจากพระท่านฉันแล้ว ญาติโยมจึงรับประทานอาหารนั้นได้ หรือถ้าจัดงานทำบุญที่บ้าน เมื่อพระท่านฉันเสร็จแล้ว เจ้าภาพหรือมัคทายกก็ควรกล่าวคำขออาหารที่เหลือจากพระท่านฉัน ทำแบบนี้ไม่บาปหรอกนะคุณโยม ถือว่าเป็นการทำตามพิธีการที่ถูกต้องแล้ว ขอให้คุณโยมสบายใจได้ เพราะว่าเราไม่ได้ฉันก่อนพระท่าน แต่ถ้าเราทานอาหารที่เค้าทำไว้สำหรับเลี้ยงพระก่อนที่พระจะฉันอาหาร อย่างนี้ถือว่าเบียดเบียนเอาของทำบุญมาทานซะเองบาปหนักแน่ แต่ถ้าคุณโยมทานหลังจากพระท่านฉันเสร็จแล้ว ไม่บาปหรอก ขอให้สบายใจได้ ทำใจให้สบาย ทำบุญแล้วก็ควรจะได้บุญ ได้ความอิ่มเอิบจากบุญกลับไป ให้ทานแล้วก็ควรหมั่นรักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์ แล้วก็อย่าลืม เจริญภาวนา หรือนั่งกรรมฐาน เพื่อให้จิตใจ สงบ ทำแบบนี้บ่อยๆ ถ้าทำทุกวันได้ก็จะดีมากเลย

เจริญพร
พระมหากุลวัฒน์ธนะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
อากง
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 18 มี.ค. 2007
ตอบ: 41
ที่อยู่ (จังหวัด): สตูล

ตอบตอบเมื่อ: 15 เม.ย.2007, 9:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สวัสดีครับ ขอพูดถึงสังฆทานก่อนครับ การถวายสังฆทานนั้นจะให้ถูกต้องตามหลักพระไตรปิฎกนั้น

๑. ต้องเป็นอาหารที่พระฉันได้ในเวลานั้น และต้องถวายก่อนเที่ยง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับการที่เราถวายภัตตาหารเพลพระนั่นเอง (ส่วนของที่เป็นถังๆ หรือของอย่างอื่นเป็นได้แค่เพียงบริวารสังฆทานเท่านั้น)

๒. ต้องกล่าวคำถวายสังฆทาน "อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ...หิตายะ สุขายะฯ หมายเหตุ ในคำกล่าวถวายนั้น ถ้าไม่มีคำว่า ภิกขุสังฆัสสะ ถือว่าการถวายนั้นไม่ใช่การถวายสังฆทาน

๓. พระตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป (พระ ๔ รูปเรียกว่าครบสงฆ์) จึงจะรับสังฆทานได้ เพราะคำว่าสังฆทานนั้นแปลว่า เป็นทานที่ถวายแด่สงฆ์ ฉะนั้นพระ ๑ รูป ๒ รูป ๓ รูป ไม่สามารถรับสังฆทานได้เป็นบาป และถือว่าหลอกลวง เพราะไม่ใช่สงฆ์ เป็นแค่เพียงบุคคลเท่านั้น ต่อเมื่อพระครบ ๔ รูปจึงถือว่าเป็นสงฆ์ เว้นเสียแต่เป็นพระอรหันต์ ๑ องค์ก็สามารถรับสังฆทานได้ เพราะพระอรหันต์ ๑ องค์ถือว่าเป็นสงฆ์

๔. จะต้องทำการ อปโลกน์สังฆทาน หลังจากที่พระรับสังฆทานแล้วพระรูปที่ ๒ จะต้องทำการอปโลกน์ (คือ ประชุมสงฆ์ เพื่อทำการแบ่งปันอาหารที่ได้รับถวายมาตามลำดับจนถึงให้ญาติโยม) แต่ถ้าพระไม่ทำการอปโลกน์อาหารทุกชิ้นถือเป็นของสงฆ์ทั้งสิ้น ญาติโยมจะไปกินไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้พระบางรูปจะบอกยกให้ก็กินไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลให้ ไม่ใช้สงฆ์ให้ แม้แต่พระที่เป็นผู้รับสังฆทานเองกับมือก็จะฉันไม่ได้ ถ้าผู้ใดก็ตามขืนไปกินเข้าเมื่อตายไปจะต้องเกิดเป็นเปรต ประมาณ ๙๒ กัลป์ (๑ กัลป์คือ ๖,๔๒๐ ล้านปี) แม้แต่สุนัข มด แมลง ไปกิน ก็ต้องเป็นเปรตเหมือนกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากของชาวพุทธที่ไม่รู้ธรรมะ

ดังนั้นถ้าไม่มีการกล่าวคำถวายสังฆทานก็ไม่เป็นไรครับ เพราะไม่ใช้ของสงฆ์ขอจากพระได้เลยครับไม่เป็นเปรตแน่ ส่วนที่ในอดีตเคยกินของสงฆ์แก้ไขไม่ได้แล้ว ปัจจุบัน เราก็ทำบุญที่ถูกต้องตามหลักพระไตรปิฎก ทำบุญแข่งกับหนีบาป สาธุ
 

_________________
ทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ สติ ปัญญา
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กัลยรัตน์ กุศลปฏิการ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 มี.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครราชสีมา

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 8:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ นมัสการพระมหากุลวัฒธนะค่ะ
พอจะเข้าใจแล้วค่ะ
 

_________________
ทุกคนเกิดมาย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
กัลยรัตน์ กุศลปฏิการ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 มี.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครราชสีมา

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 8:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ ขอบคุณค่ะญาติธรรมจากสตูล
การให้ธรรมมะเป็นทานได้กุศลยี่งไหญ่
 

_________________
ทุกคนเกิดมาย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง