Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 การรักษาใจ กับ การข่มใจ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2007, 5:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

การรักษาใจ กับ การข่มใจ
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



วันนี้จะบรรยายธรรม อนุสาวรีย์ของสมเด็จพระบรมศาสดา
แสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ซึ่งเป็นหลักแห่งพระศาสนาที่นับถือของตน
คนเราจะต้องมีพระศาสนาเป็นเครื่องจูงใจ
จึงจะทำความรู้และความประพฤติของตนให้ประกอบด้วยประโยชน์
การนับถือพระศาสนาต้องเคารพนับถือพระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของ
ประพฤติตามธรรมคำสั่งสอนของพระองค์
นับถือพระสงฆ์เป็นผู้ปกครองรักษา เช่นเดียวกับอาณาจักร
อย่างพวกทหารเคารพนับถือสมเด็จพระมหากษัตริย์
และประพฤติตามวินัยที่ทรงบัญญัติ
สำหรับหมู่คณะของตนไม่ฝ่าฝืน
นับถือนายที่เป็นผู้ใหญ่เหนือตน
อันได้รับการศึกษาคุ้นเคยในกิจการ
ซึ่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ทรงวางพระทัย
แต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชา
ฉะนั้นพระศาสนา ปฏิบัติให้ถูกทางแล้ว
ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่บุคคลทุกจำพวก
แม้พวกข้าราชการทหารก็ต้องยึดธรรมเป็นหลัก
จึงจะนับว่าเป็นทหารที่ดี

ธรรมที่ทหารควรยึดถือเป็นหลักนั้น
จะยกขึ้นกล่าวในที่นี้ ๒ ประการคือ
๑ ความรักษาใจ
๒. ความข่มใจ


ธรรม ๒ ประการนี้เป็นของสำคัญ
เพราะใจเป็นเครื่องกระทบอยู่รอบข้าง
ถ้าไม่มีธรรมกำกับอยู่ด้วย
มักจะเพลิดเพลินไปในอารมณ์ที่ล่อให้มัวเมา
และสะดุ้งหวาดหวั่น ด้วยอำนาจอารมณ์ที่ขู่ให้ตกใจ
เมื่อใจแชเชือนไปเช่นนั้น
การพูดการทำก็ย่อมเชือนไปตามกัน
เมื่อความประพฤติเสีย แม้จะมีวิทยาความรู้สักเพียงไร
ก็ไม่เป็นประโยชน์ กลับจะใช้ความรู้ในทางที่ผิด
เป็นดังนี้ ก็ด้วยอำนาจความคิดอันวิปริต
สมดังสุภาษิตโบราณท่านกล่าวไว้ว่า
ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ข้อนี้ ต้องจำใส่ใจไว


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2007, 5:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความคิดย่อมแก่กล้าขึ้นตามตัว
เมื่อยังเป็นเด็กๆ ความคิดก็ยังอ่อน
เวลานั้นอยู่ในปกครองของบิดามารดา และครูบาอาจารย์
คอยฝึกหัดแนะนำ หล่อหลอม
กดขี่ในความประพฤติและการเล่าเรียนโดยปลอบและปราบ

เมื่อวัยเจริญขึ้น ความคิดก็แก่กล้าขึ้นทุกที
จะต้องรู้จักปกครองใจของตน กล่าวคือ ยึดธรรมเป็นหลัก

อารมณ์ที่ล่อใจให้เชือนแชมีอยู่หลายอย่าง

การเป็นนักเลงเจ้าชู้นี้ ก็เป็นเครื่องชักจูงใจให้เสียหาย
เวลายังเล่าเรียนศึกษาอยู่ก็ดี
เรียนสำเร็จออกไปเป็นนายทหารแล้วก็ดี
ถ้ามัวเพลิดเพลินในทางนั้น ใจก็จะเหินห่างในการศึกษา
และกิจการที่เป็นหน้าที่ขาองตนเป็นดังนี้
ความรู้ก็จะไม่เจริญ ที่เรียนมาแล้วก็จะเสื่อมทรามไป
ปล่อยปละละกิจการที่เป็นหน้าที่ของตน
มีแต่ความเสื่อมหาความเจริญมิได้

ความเป็นนักเลงสุรา เป็นบ่อแห่งความเสียหายอย่างสำคัญ
เพราะสุราย่อมกลับใจให้เป็นอย่างอื่น
ไม่รู้จักความเสียหายอันจะมาถึงแก่ตน
ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบธรรม
อาจให้ประพฤติความชั่วได้ต่างๆ นานา

ความเป็นนักเลงเล่นการพนันนี้ ก็เป็นความเสียหายเหมือนกัน
เมื่อเล่นเสียก็คิดแก้ตัว เมื่อเล่นได้ก็ยั่วใจอยากได้มากขึ้นไป
ครั้นเล่นไปจะทำให้ตนเสียหายในทางนั้น
การคบเพื่อนที่เป็นนักเลงเช่นนั้น
ก็เป็นทางแห่งความเสียหายเหมือนกัน
เพราะเป็นเหตุที่จะชักตนให้เป็นคนเช่นนั้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2007, 5:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามที่ได้กล่าวมานั้น พอให้เป็นตัวอย่าง
ในอารมณ์ที่เป็นเครื่องล่อใจให้เพลิดเพลินทำให้เสียหาย
เมื่อความคิดจะเชือนแชไปทางนั้น
ควรรักษาใจให้คงที่ ด้วยนึกถึงคุณความดีที่ตนพึงจะนึกถึง
ข่มใจด้วยนึกถึงผลร้ายที่จะเกิดขึ้นเพราะเหตุนั้น
เมื่อถูกอารมณ์ขู่ทำใจให้หวาดหวั่น
ท้อถอยต่อภยันอันตราย ควรยึดหน่วงวัตถุเป็นสรณะของตน
ทำใจให้กล้าหาญ ปราบปรามความหวั่นหวาดนั้นเสีย
ตัวอย่างดังพวกทหารมีธงชัยประจำกอง
เป็นเครื่องหมายต่างองค์พระมหากษัตริย์ของตน
หน่วงเหนี่ยวธงชัยประจำกอง
เป็นเครื่องหมายต่างองค์พระมหากษัตริย์ของตน
หน่วงเหนี่ยวธงชัยเป็นที่พำนักอุดหนุนใจ
ให้กล้าหาญไม่ย่อท้อต่อสรรพศัตรู

เรื่องนี้มีตัวอย่างทางตำนานท่านเล่าไว้ว่า
เมื่อเกิดสงครามเทวดากับอสูรท้าวสักกะเทวราช
มีเทวโองการตรัสสั่ง แก่เทวดาทั้งหลายว่า
เมื่อเข้าสงคราม ถ้าเกิดความกลัวความสะดุ้งหรือความหวาดเสียว
พึงแลดูยอดธงของเรา
ความกลัวความสะดุ้งความหวาดเสียวจะหายไปนี่
แสดงว่ายอดธง เป็นเครื่องชักจูงให้ได้รับความอุ่นใจ
ป้องกันความหวาดหวั่นได้ เพราะอาศัยความเคารพนักถือ
แม้ถึงพระบรมศาสดาของเราทั้งหลาย
ก็ตรัสสั่งพวกสาวกผู้บำเพ็ญสมณะธรรม
เพื่อปราบปรามข้าศึกภายใน ให้นึกถึงพระองค์เป็นหลัก
อาจป้องกันความหวาดหวั่นต่อข้าศึกได้
ที่กล่าวมานี้เป็นกิริยารักษาน้ำใจ
โดยยึดถือวัตถุที่ตนเคารพนับถือเป็นหลัก
เมื่อใจกำเริบด้วยอำนาจความโกรธความแค้น
อันเป็นหนทางจะทำตนและหมู่คณะของตนให้เสียหาย
ต้องนึกถึงธรรม แล้วข่มใจให้สงบระงับ
คุณข้อนี้เป็นเหตุแห่งความเจริญ
ท่านที่มีปรีชา ประพฤติได้รับผลดี
เป็นตัวอย่างมาดังตำนานเล่าไว้ว่า


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2007, 5:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พรหมทัต
ดำรงราชสมบัติในพระนครพาราณสี บริบูรณ์ด้วยพระราชทรัพย์
อาวุธยุทธภัณฑ์ บำรุงแกล้วทหารเป็นราชพาหนะครบทุกสิ่ง
ทั้งรัฐมณฑลอาณาเขตก็ไพศาล
ยังพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ฑีฆิติ
ดำรงราชสมบัติในโกศลรัฐ
พระองค์มีพระราชทรัพย์อาวุธยุทธภัณฑ์
และแกล้วทหารราชอาณาจักรน้อยเบาบาง
พระเจ้าพรหมทัต ยกทัพมาติดพระนครโกศลรัฐ
พระเจ้าฑีฆีติ ทรงเห็นว่ากำลังน้อย
ไม่อาจต่อสู้ข้าศึกได้จึงพามเหสีเสด็จหนีออกจากพระนคร
พระเจ้าพรหมทัตได้ชัยชนะโดยสวัสดี

พระเจ้า ฑีฆีติกับพระมเหสีทรงแปลงเพศ
แอบแฝงอยู่ใกล้พระนครพาราณสี
พระมเหสี ประสูติพระกุมาร ขนานนามว่า ฑีฆาวุ
เมื่อ ฑีฆาวุกุมารทรงพระเจริญวัย
พระบิดาเกรงว่าจะเกิดภัย
จึงทรงส่งให้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ อยู่ภายนอกพระนคร
ภายหลังพระเจ้าพรหมทัตทรงทราบเหตุที่พระเจ้าฑีฆีติ
แปลงเพศ แอบแฝงอยู่ที่นั้น จึงตรัสสั่งให้จับปลงพระชนม์ชีพเสีย
ส่วน ฑีฆาวุกุมาร ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ ชำนิชำนาญ
คิดอ่านที่จะแก้แค้นพระเจ้าพรหมทัต
หาช่องโอกาสฝากเนี้อฝากตัวมา
โดยลำดับจนได้เป็นราชเสวกใกล้ชิดสนิทสนม กับพระเจ้าพรหมทัต
วันหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตมีพระราชประสงค์ จะเสด็จประพาสป่า
รับสั่งให้ฑีฆาวุกุมาร จัดรถพระที่นั่ง
เสร็จแล้ว ท้าวเธอเสด็จขึ้นทรงรถ
ฑีฆาวุกุมารเป็นราชสารถี
ขับภาชีตัดลัดทางด้วยอุบายของตน
จนข้าราชการตามเสด็จไม่ทัน พลัดกันไปคนละทาง
เหลืออยู่แต่รถ ทรงรับสั่งให้หยุดรถ เพื่อพักระงับพระกาย
ฑีฆาวุกุมารหยุดรถแล้วลงนั่งขัดสมาธิ ณ แผ่นดินนั้น
พระจ้าพรหมทัต ทรงพาดพระเศียรบนตักฑีฆาวุกุมาร
เอนพระองค์ลงบรรทมหลับสนิท

พระอ่อนพระทัยมา ครั้งนี้ฑีฆาวุกุมาร คิดว่าพระเจ้าพรหมทัตนี้
ชิงราชสมบัติแว่นแคว้นแดนดินของเรา
และยังฆ่าพระชนกพระชนนีของเราเสียด้วย
คราวนี้เป็นเวลาของเราที่จะแก้แค้น
จึงถอดพระแสงออกจากฝักหวังจะปลงพระชนม์พระเจ้าพรหมทัต
แล้วมานึกถึงโอวาทที่พระชนกสอนไว้ว่า

อย่าเห็นยาวดีกว่าสั้น อย่าเห็นสั้นดีกว่ายาว
ธรรมดาเวรย่อมไม่ระงับด้วยเวร เวรย่อมระงับด้วยไม่มีเวรแก่กัน


คิดดังนี้แล้ว ข่มใจที่โกรธนั้นเสีย
โดยเห็นว่าไม่ควรจะล่วงคำสอนของพระชนก
กลับสอดพระแสงเข้าฝัก
แต่นึกแค้นและข่มใจได้อย่างนั้นถึง ๓ ครั้ง
จนพระเจ้าพรหมทัตตกพระทัยผวาตื่นขึ้น
เธอจับพระเศียรของพระเจ้าพรหมทัต
ด้วยมือซ้ายถอดพระแสงด้วยมือขวา กล่าวคุกคามว่า
เรานี่แหละชื่อว่า ฑีฆาวุ เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าฑีฆีติ
ท่านทำความฉิบหายแก่เรามากนัก
ชิงเอาพลพาหนะแว่นแคว้น แดนดินหมดแล้ว
ยังมิหนำซ้ำ ฆ่าพระชนกชนนีของเราเสียอีก
คราวนี้เป็นเวลาของเราจะแก้แค้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 15 มี.ค.2007, 5:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระเจ้าพรหมทัตตกพระทัยรับสั่งขอชีวิต
เธอก็กราบทูลถวายและขอพระราชทานชีวิตของตน
กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ต่างองค์ ต่างถวายชีวิตกันและกัน
ทรงจับพระหัตถ์ทำสัจจะสาบาน เพื่อไม่ประทุษร้ายต่อกัน
ตั้งแต่นั้นสองกษัตริย์ก็ได้มีสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันดียวกัน
ครั้นต่อมาพระเจ้าพรหมทัต ก็ได้พระราชทานพลโยธาพาหนะ
แว่นแคว้นแดนดิบอันเป็นของพระเจ้าฑีฆีติ คืนให้แก่ ฑีฆาวุกุมาร
และพระราชทานพระราชธิดาด้วยฑีฆาวุกุมาร
ก็ได้ดำรงราชสมบัติ ครองโกศลรัฐราชธานี
สืบสันติวงศ์ เรียบร้อยตลอดมา
นี่ก็เป็นด้วยปรีชา และความรอบคอบ ของฑีฆาวุกุมาร
พระโอวาทของพระเจ้า ฑีฆีติ นั้น

ข้อที่ว่า อย่าเห็นยาวดีกว่าสั้น
อธิบายว่าอย่าผูกเวรกันให้นาน
คือ เมื่อมีหนทางจะสมานกันให้เรียบร้อยได้ ก็ควรข่มใจ
ประนีประนอมให้สงบระงับ อย่าถือทิฏฐิมานะ


ข้อที่ว่า อย่าเห็นสั้นดีกว่ายาว

อธิบายว่า มิตรที่คบกันแล้วอย่าทำใจเร็ว ด่วนได้
แตกร้าวจืดจางกันเร็ว
เมื่อเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ควรข่มใจ
อย่าเห็นแก่ได้เปรียบ เสียเปรียบ


ข้อที่ว่า เวรไม่ระงับด้วยเวร เวรย่อมระงับด้วย ไม่มีเวร
อธิบายว่า เมื่อฝ่ายหนึ่งได้ผิดแก่ฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายนั้นคิดแก้แค้นจนทำได้สำเร็จ
ฝ่ายโน้นก็คิดแก้แค้นต่อไป เป็นดังนี้
เวรไม่มีเวลาสงบลงได้เลย


ตัวอย่างก็ดัง ฑีฆาวุกุมาร ถ้าเธอจะคิตผูกใจเจ็บ
ในพระเจ้าพรหมทัตต์ จะปลงชีวิตเธอเสียก็ได้แต่พระองค์เดียว
ฝักฝ่ายของพระเจ้าพรหมทัตก็จะคิดแก้แค้น
จับฑีฆาวุกุมารปลงพระชนม์ชีวิตเสียอีก
ความบาดหมางในระหว่างสองแคว้นนั้น จะไม่มีเวลาสงบระงับ
ก็เมี่อฑีฆาวุกุมารข่มใจถวายชีวิตแก่พระเจ้าพรหมทัต
ในเวลาที่ตนอาจทำได้
พระเจ้าพรหมทัตต์ก็พระราชทานชีวิตแก่ฑีฆาวุกุมาร
ไม่ทรงถือด้วยอำนาจทิฏฐิ
สองแว่นแคว้นก็ได้มีความสนิทสนมกลมเกลียว
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นับว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่ผูกเวรกัน

ตามที่กล่าวมานี้ พวกทหารก็ควรใส่ใจ
พระเจ้าฑีฆีติ เสียพระนครและชีวิตแก่ข้าศึก
ก็เพราะเลินเล่อไม่บำรุงแกล้วทหาร เครื่องอาวุธ
ยุทธภัณฑ์ เป็นเครื่องป้องกันพระนคร
เป็นโอกาสที่ให้ข้าศึกได้ท่วงทีตีเอาพระนครได้โดยง่ายดาย
ส่วนฑีฆาวุกุมาร ผู้เป็นโอรสมีปรีชาสามารถในเหตุผล
สมควรเป็นเชื้อชาติกษัตริย์ ใจทหารบากบั่น
ทำการสำเร็จได้โดยละม่อม
เวลาที่อาจปลงชีวิตพระเจ้าพรหมทัตได้ ก็ยังข่มใจไว้ได้
เพราะยึดธรรมเป็นหลัก นับว่าประพฤติต้องตามลักษณะของทหารที่ดี
เวลาที่เขาหมดอำนาจไม่ต่อสู้ก็ไม่ทำ
การข่มใจเช่นนี้ เป็นวิธีที่ทหารต้องยึดไว้เป็นหลัก

เพราะฉะนั้น ขอพวกทหารจงใส่ใจในธรรม คือ ถือธรรมเป็นหลัก
จงมีสติรักษาใจ จูงใจให้ตั้งอยู่ในความดี
จงข่มใจปราบปรามใจ อย่าให้ฉุนเฉียวฟุ้งซ่าน
เพราะเครื่องกระทบประพฤติได้ดังนี้
นับว่าเป็นผู้ประพฤติธรรมยึดถือธรรมเป็นหลัก
ได้รับประโยชน์แห่งการนับถือพระพุทธศาสนา
มีความดังพรรณนามานี้


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้


คัดลอกจาก...กฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 17
http://www.jarun.org

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
กัลยรัตน์ กุศลปฏิการ
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 มี.ค. 2007
ตอบ: 22
ที่อยู่ (จังหวัด): นครราชสีมา

ตอบตอบเมื่อ: 08 เม.ย.2007, 8:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ สาธุ สาธุ
 

_________________
ทุกคนเกิดมาย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง