Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 รบกวนแก้นิมิตหน่อยครับ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนเห็นนิมิต
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 11 ม.ค. 2005, 10:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปกติผมนั่งจะมีนิมิตเป็นดวง ๆ สี ๆ ซึ่งบอกไว้ให้เห็นความแตกต่างนะครับ

ซึ่งนั่งทุกครั้งก็จะมีอย่างนี้



แต่มีครั้งหนึ่งประมาณ สองสามวันก่อน นั่งแล้วเห็นเป็นภาพ ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว

คือ



เห็นภาพค่อย ๆ ชัดขึ้น เป็น

อ่างน้ำ ขนาดเท่าอ่างบัวที่ตั้งไว้หน้าบ้าน

เป็นอ่างหิน มีรูปแกะสลักราชสีห์รอบ ๆ ลวดลายเป็นลักษณะขอมหรืออินเดียโบราณ

ในอ่างเหมือนมีน้ำเต็มขอบพอดี ๆ ไม่แน่ใจ

สักอึดใจก็ผิวก็กระเพื่อมเหมือนมีคนเอาอะไรไปจุ่มเบา ๆ



แต่ผมไม่แน่ใจนะครับว่า จะเป็นน้ำในอ่าง หรือทั้งภาพกระเพื่อม น่าจะเป็นภาพมากกว่า

แล้วก็หายไป



ปกตินิมิตมันเป็นที่ใจปรุงแต่งขึ้นมาอันนี้เข้าใจ

แต่แปลกตรงที่ ผมไม่เคยนึกอยากเห็นลักษณะนี้ และไม่มีสัญญาเกี่ยวกับอันนี้เลย

และไม่เคยมีนิมิตเป็นภาพมาก่อน



เป็นไปได้ไหมว่า เป็นนิมิตบอกลาง? อยากให้ผ้รู้ช่วยแปลนะครับ

น่าจะเป็นนิมิตที่ดี



 
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 12 ม.ค. 2005, 5:16 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ภาพนิมิตแบบนี้อาจปรุงแต่งขึ้นมาได้ แต่ผมมีความเห็นว่าเป็นภาพนิมิตที่สิ่งอื่นทำให้เกิดขึ้นและเราเห็น อย่าได้ไปสนใจมากนักว่าทำไมจึงเกิดขึ้น



ภาพนิมิตที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ ไม่จำเป็นต้องไปแก้อะไร เพราะจะไม่เกิดซ้ำแบบเดิม แต่ถ้าเกิดซ้ำอยู่เสมอเป็นประจำ อันนั้นเป็นเรื่องบอกเหตุที่สำคัญของชีวิตไว้ให้เป็นเช่นนั้นก่อนจึงจะมีปัญหาที่จำต้องแก้ไข



แต่เท่าที่ฟังมายังไม่มีปัญหาอะไรเลย ปัญหาก็คือการเห็นแสงสีต่างๆมากบ้างน้อยบ้าง สาเหตุเพราะคุณไปเงมัน การภาวนาเมื่อจิตสงบเล็กน้อย การไปเพ่งย่อมเห็นทั้งนั้น เมื่อเห็นแล้วจิตไม่สงบ เพราะภาพแบบนี้รบกวนใจ การภาวนาก็ไม่ไปข้างหน้า เพราะเมื่อเห็นนิมิตแทนที่คุณจะมีสติว่ากำลังเห็นนั้นทำไม่ได้ใช่ไหม? คุณไม่ได้ระลึกเสียด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเห็นอยู่ คุณไปนึกอยากรู้ภาพนั้น เพราะจิตสังขารมีธรรมชาติมักจะปรุงแต่งไปเช่นนั้น



ดังนั้นจึงไม่ควรใส่ใจในนิมิต เพราะเป็นโทษดังที่กล่าวมา แต่สนใจความรู้ตัวของสติ ถ้ากำหนดลมหายใจระลึกที่ลมหายใจ ความเพ่งมองภาพก็ลดลงไปในที่สุดสติมาอยู่ที่ลมหายใจทั้งหมด นิมิตก็หายไป แต่การกำหนดสติที่ลมหายใจนั้นอาจยาก ถ้ามีความอยากเห็นนิมิตยังเกิดขึ้น



เมื่อจิตสงบได้ที่จริงๆตั้งมั่นแล้ว การกำหนดเห็นก็เป็นอำนาจของเราเอง ไม่ใฃ่อำนาจของนิมิตที่เราควบคุมอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามนิมิตอื่นๆก็ยังมียู่เป็นบางครั้ง นิมิตเป็นเรื่องปกติ อย่าไปใส่ใจมากเท่านั้น มันก็หายไปเอง และไม่อยู่ได้นาน แต่ถ้าเป็นเรื่องปรากฏซ้ำๆ จะเกี่ยวข้องกับวิบากอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะมีขึ้นในอนาคต มาเตือนให้เราอย่าประมาทในธรรมที่ปฏิบัติ



ภาพอ่างน้ำและน้ำใสใช่หรือไม่ ถ้าคุณมีสติดีมีสัมปชัญญะรู้ตัวในขณะนั้น น้ำในอ่างที่คุณเห็นจะไม่กระเพื่อม คุณอธิษฐานจิตด้วยการมีสติ น้ำนั้นจะใสยิ่งขึ้น ความเป็นน้ำนั้นจะหายไป และภาพที่คุณต้องการเห็น จะปรากฏด้วยทิพยจักษุ ถ้าคุณไม่ทำสติสัมปชัญญะให้ชำนาญ และไม่สนใจในทิพย์จักษุ เมื่อคุณมีจิตสงบก็รู้เรื่องต่างๆเป็นครั้งคราวในอุปจารสมาธิ แต่ไม่มากไม่นาน และปล่อยวางมันไป



เมื่อได้ตติยฌานก็เห็นความเกิดดับของสัตว์ในภูมิต่างๆได้ และโอกาสเช่นนั้นมีอยู่ แต่ชีวิตในโลกไม่สงบด้วยกาม ลองฝึกอสุภดูว่าจะทำสมาธิดีขึ้นหรือไม่
 
จขกท
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ม.ค. 2005, 12:00 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์มากครับ

ผมเป็นราคะจริต ก็กะฝึกเหมือนกัน



ที่ผมเห็นแสงสี มีปัญหาอยู่ตรงว่าผมตีความไม่ออกว่า ประคองสมาธิเป็นอย่างไร

เมื่อวาน ผมลองยืน ๆ ดู สักพักสมาธิเกิด เห็นแสงสี

ผมก็ลองประคองเดินพร้อมกับแสงสีดูด้วยการหลับตา

มีผลเสียอย่างไรไหมครับ



นิมิตที่เล่าเป็ฯภาพ เกิดหนเดียวครับ ถึงแปลกใจ
 
โอ่
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ม.ค. 2005, 4:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมก็ไม่ได้มีความรู้ที่จะแนะนำนะครับ แต่ก็ควรทดลองดังนี้ดู

1 ก่อนภาวนาลองหัดสวดมนต์แบบทำวัตรเช้า เย็นลองดู



2 ลองแผ่กุศล หรือสวดอุทิศส่วนกุศล หลังการภาวนา และอาจสวดแผ่เมตตาดูหลังการภาวนา หรือขณะที่นั่งภาวนาแล้วเห็นอะไรลองดูว่าจะเป็นยังไง สวดในใจปากขมุบขมิบก็ได้



3 ผมไม่ทราบวิธีการภาวนาว่าคุณปฏิบัติอย่างไร และสภาวจิตใจขณะภาวนาเป็นอย่างไร



4 คุณลองภาวนาเจริญกายคตาสติดูก่อน และช่วยเล่าให้ผมฟัง ทั้งผลและวิธีการที่คุณเจริญภาวนาด้วย



5 ถ้าคุณดูลมหายใจ ก่อนภาวนาตั้งใจให้แน่วแน่ว่าจะไม่วอกแวกและอยู่กับลมหายใจให้ได้ (นี่เป็นวิธีการอธิษฐานจิตคือตั้งใจเอาเอง ใจก็จะเข้มแข็งเอง อาจจะแปลกแต่เป็นอย่างนั้นแหละ) ก้อาจจะตั้งใจดูลมหายใจ แม้นิมิตจะเกิดแวบไปแวบมาก็ช่างเขา



6 เมื่อคุณสนใจนิมิตอยู่ นั่นแสดงว่าคุณมีวิจิกิจฉา เพราะคุณสงสัยจึงอยากรู้ว่านิมิตเป็นอะไร และอาจคาดหมายว่าจะมีคุณวิเศษ แม้คนบอกไม่ให้สนใจคุณก็จะไม่เชื่อ เพราะนิมิตปรากฏให้คุณเห็น คุณภาวนาให้มากก็ได้ ในที่สุดแล้วนิมิตนั้นก็ไม่มีประโยชน์ คุณก็จะเบื่อและเลิกสนใจ แต่คุณก็เสียเวลากับนิมิตนั้น เวลาของเราในโลกมีค่าใช่หรือไม่ ถ้าคุณสนใจสิ่งไร้สาระในองค์ภาวนา คุณก็จะเสียเวลาของคุณเอง คุณต้องเตือนตัวเอง เพราะจะไม่มีใครมาดูแลเอาใจใส่คุณได้ คุณต้องฝึกตนเองในการไม่ตกไปในสิ่งที่จะทำให้เกิดความลุ่มหลงมากเกินไป เพราะจะเป็นทางที่ไม่สำเร็จในกิจที่ทำ หรือเนิ่นช้ามากได้ ผมก็แนะนำได้ไม่มาก ก็ได้แค่นี้แหละครับ
 
จขกท
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 13 ม.ค. 2005, 11:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๑. ก่อนนั่งผมจะสวดมนต์ก่อนนะครับ แล้วก็แผ่เมตตาด้วย



๒. ภาวนาผมก็บางทีก็พุทธโธ บางทีก็นับเลข ตอนหลังจะนับเลขแบบนับขึ้นไปเรื่อย ๆ

จนหลายร้อย เพราะ ก่อนนี้ประสบปัญหาคือ ถึงขั้นหนึ่งแล้วจะไม่รู้ตัว ขนาดนับยังไม่ถึงสิบเลยครับแต่ก่อน เลยฝึกสติไปด้วย



๔. ทำไงครับ





ข้อสุดท้าย นิมิตที่ผมสังเกตได้นะครับ ความต่างคือ ถ้าเป็นนิมิตที่ใจสังขาร มันจะเลือน ๆ ก่อน เช่นอาจเห็นคล้ายๆ หน้าคน ก็เพ่งจะดูว่าหน้าคนอะไร

แต่ข้อนิมิตที่ผมบอกต่างกันมากเลยครับ



เพราะหน้าคนที่ผมยกตัวอย่าง สมาธิผมยังไม่ถึง เลยเห็นลางสุดขีดเรียกว่าจะเป็นหน้าก็ได้หรือไม่ก็ได้ แล้วก็เลือนหายทั้งที่ยังไม่เป็นภาพเลย



นิมิตที่ผมยกมาถาม ต่างกันเพราะเป็นภาพชั่วขณะ คมชัด

ผมเลยสงสัยมาก ขอบคุณครับ
 
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 01 ต.ค.2008, 9:13 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตัวอย่างของคนเห็นนิมิตร
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 02 ต.ค.2008, 1:46 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

นิมิต มีไว้ให้รู้อย่างเดียว
ไม่ได้มีไว้ให้เชื่อ
เชื่อไปแล้วมันบ้ากันทุกคน

(จำๆมาว่าอย่างนั้นนะ)
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง