Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เวลาทำบุญควรอธิษฐานหรือไม่ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
yui
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 เม.ย. 2007
ตอบ: 6
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 10:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยอ่านหนังสือเจอแล้วในหนังสือเค้าบอกว่าทำบุญแล้วไม่ควรหวังผลตอบแทนก็เลยสงสัยว่าถ้าเวลาทำบุญแล้วอธิษฐานขอพรให้ตนเองควรจะทำหรือไม่ ใครทราบช่วยตอบด้วยนะคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 11:12 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เหตุกับผลย่อมตรงกันเสมอ
ในเมื่อทำเหตุดี ผลก็ย่อมดีไปตามเหตุปัจจัยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ท่านจึงแนะนำว่า ไม่ควรคิดอยากหวังผลนั่น-นี่ จนกลายเป็นตัณหาไป
เพราะบางทีความอยากของเรามากกว่าเหตุผลตามธรรมชาติซึ่งส่งผลให้เอง

การอธิฐานเป็นบารมี เป็นการมุ่งมั่นให้เราทำความดีต่อไป เพราะมีการอ้างเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาเป็นพยานของเรา เช่นเราทำบุญ ก็ปรารถนาว่า ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข...พบแต่สิ่งที่ดีๆ เกิดภพภูมิใด...ให้... อย่างนี้เป็นอธิฐาน

ซึ่งต่างจากการทำบุญเป็นต้นแล้ว....ขอให้ข้าฯ ถูกหวยรางวัลใหญ่ๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นความอยากไม่ใช่อธิฐาน

เพราะฉะนั้นการทำบุญจะอธิฐานก็ได้ หรือไม่อธิฐานก็ได้ เพราะเหตุปัจจัยจัดแต่งให้แล้ว แต่ที่
อธิฐานก็เพื่อ ก็เพื่อตั้งเจตนาให้หนักแน่นขึ้น
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 12:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การทำบุญ อยู่ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐
การทำบุญนั้นไม่ต้องหวังอะไรก็ได้อยู่แล้ว
เพราะเป็นการทำเหตุ ผลก็ย่อมได้รับตรงตามเหตุเสมอ
อย่างที่ท่านว่า

ทานทำให้เกิดชาติหน้าเป็นคนรวย
ศีลทำให้เป็นคนสวย
ภาวนาทำให้เป็นคนมีปัญญา

เพราะฉะนั้น ท่านทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
ท่านก็ไม่ต้องหวังอะไร เพราะผลที่ได้จะได้รับนั้นแน่นอนอยู่แล้ว
อย่างปลูกมะม่วง ย่อมได้ผลมะม่วงเสมอ

อธิษฐาน หมายถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้บรรลุผล
ถ้าไม่ทำ ก็ไมบรรลุผล เช่น
ต้องการไปภูเก็ต ก็ต้องออกเดินทาง ไปให้ถึงไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางอากาศ ทางน้ำ
หากเอาแต่ตั้งว่าจะไปภูเก็ต แต่ไม่ออกเดินทางสักที ยังไงๆ ก็ไม่ถึง
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 1:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะฉะนั้น การทำบุญแล้วอธิษฐานก็ไม่ผิดแต่ประการใด
แต่ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่า
การทำบุญกับการอธิษฐานนั้นคนละอย่างจ้ะ
สาธุ ยิ้มเห็นฟัน
 
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 2:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การอธิษฐานควรเป็น อธิษฐานเพื่อจะทำ ในสิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ด้วยความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว แน่วแน่ อธิษฐานเพื่อให้มีกำลังใจเข้มแข็งในทำกิจนั้นให้สำเร็จลุล่วง ถือเป็นการสร้างเหตุให้เกิด "อธิษฐานบารมี" ไม่ใช่อธิษฐานเพื่อจะเอา เพราะจะเป็นเรื่องของความอยาก ความโลภ
 
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 02 เม.ย.2007, 8:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม เคยทำอย่างที่เจ้าของทู้นี้ลงเหมือนกัน คือทำบุญแล้วไม่อธิฐาน
แต่ ได้อ่านในเวบฯธรรม แล้วลองอธิฐานดู มันรู้สึกมีปิติในการทำบุญมากกว่านะ เหมือนมีจุดหมายที่อยากทำบุญ แค่อธิฐานว่า ขอให้ชีวิตมีสุขมีความเป็นสิริมงคล พบเจอแต่สิ่งดีๆ หลุดพ้นจากความทุกข์ โรคภัยไข้เจ็บ ศัตรูภัยฯ ก็พอแล้วมั้งค่ะ สู้ สู้ สู้ สู้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
yui
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 เม.ย. 2007
ตอบ: 6
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 03 เม.ย.2007, 10:11 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะคะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 13 เม.ย.2007, 10:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เคยอ่านมาว่าให้อธิษฐานในเรื่องของจิต ไม่ใช่วัตถุ ผมเองก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ถ้าอธิษฐานเรื่องของจิตดูเหมือนจะดีกว่า ที่อ่านมาอีกแหละครับ ธรรมมีไว้เพื่อแก้ไขปัญหาใจ และพัฒนาจิต ตัวเดียวกันครับ ที่เรียกว่าจิตใจ ตามความคิดครับ ว่าถ้าขอมากไปแล้วไม่ได้ก็ไม่ใบยจิต ถ้าขอแล้วได้บอ่ย ๆ ก็จะได้ใจไม่ทำเอง เอาเป็นว่าถ้าเป็นความพอดีก็ไม่น่าจะเสียหาย อธิษฐานให้จิตสงบใจสบาย รับรองได้ผลครับ
 

_________________
ทำทุกวันให้ดีที่สุด ยึดหลักกตัญญูรู้คุณเป็นคุณธรรมประจำใจ คนมีทั้งดีและไม่ดี ใช้ด้านดีอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ควบคุมด้านไม่ดีอย่าให้มีผลกระทบ พลาดพลั้งไป กลับตัวกลับใจ เพื่อเรียนรู้การให้อภัย เริ่มต้นที่ตนเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 5:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

มาเติมนิสสสสสสสสสสสสสสสนึง เวลาถึงช่วงทำบุญจริงๆ ถวายของให้พระ จิตตอนนั้น มันไม่นิ่ง เนื่องจากเพื่อนฝูงชวนคุย สังคมมันชวนมอง แต่ก็ถวายท่านด้วยควรเต็มใจ มิได้อธิฐานใดๆเลย หรืออธิฐานไปมันก็แบบวนเวียน งงๆ
ส่วนใหญ่ใจเราจะสงบ ก็ตอนคิดเตรียมของจะทำบุญ อธิฐานไว้ล่วงหน้าเลย เพราะรู้ตัวว่า ถ้าไปวัดแล้ว มันจ๊อกแจ๊ก วุ่นวาย สู้เสียงเหล่ามาร เสียงนางฟ้าไม่ไหม จริงๆ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 8:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขอบคุณครับคุณจิตงาม เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะเวลาทำบุญ ตอนถวายของพระสับสน วนเวียน งง ๆ อย่างที่ว่า ขอบคุณจริง ๆ ที่แนะนำครับ อ่านแล้วเข้าใจเลย จะลองทำตาม ตั้งใจตั้งแต่ตอนจะไปทำ ตอนทำจะให้ว่างที่สุด แล้วจะไม่ขอ ตัวเองก็เหมือนกัน รู้สึกขอมากจังครับ
 

_________________
ทำทุกวันให้ดีที่สุด ยึดหลักกตัญญูรู้คุณเป็นคุณธรรมประจำใจ คนมีทั้งดีและไม่ดี ใช้ด้านดีอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ควบคุมด้านไม่ดีอย่าให้มีผลกระทบ พลาดพลั้งไป กลับตัวกลับใจ เพื่อเรียนรู้การให้อภัย เริ่มต้นที่ตนเอง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 10:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตามตอบคุณชินภพ ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
ลองสังเกต...ตัวเองบ้างไหมค่ะ ในเรื่องการทำบุญ การไปทำบุญแต่ละครั้ง คุณจะรู้สึกว่า จิตไม่เหมือนกันสักครั้งเดียว
ขอเอาตัวเองเป็นตัวอย่างละกัน ทุกครั้งที่จิตเราอยากสร้างบุญ จิตใจจะยิ้มผ่องใส มองทุกอย่างสะอาด สวยงาม คิดต่อเติมที่จะหาสิ่งของนำไปถวาย ด้วยจิตที่มีศรัทธา แต่ของเรานี่ ขอบอกนิดนะว่า เราทำบุญ ตามกำลังทุกครั้ง ก่อนทำ จะคิดแล้วว่า ต้องจ่ายเพื่อสร้างบุญเท่าไร เหลือเงินไว้ใช้จ่ายเพื่อชีวิตข้างหน้าอีกเท่าไร เราเดือดร้อนไหม หากเราจะทำอะไรถวายแล้วรู้สึกว่า มันยังไม่พอดั่งที่จิตเราต้องการ เราจะระงับไว้ก่อน แล้วจะต้องพร้อมที่จะสางบุญที่ค้างให้จบด้วยดีจนได้ในเร็วที่สุด แต่ถึงจะระงับบุญที่จะสร้างนี้ไว้ เราก็ยังไปทำบุญเช่นเดิมในวันนั้น เพียงทำตามกำลังที่มี มันก็สุขใจแล้วค่ะ
บางครั้ง เพื่อนชวนไปทำบุญ ใจไม่อยากไป ใจมันจะนิ่งๆไม่รับรู้ใดๆ ไม่ยินดี เราสัมผัสได้ว่า จิตเรายังไม่ต้องการทำบุญ แต่ถ้าจิตเราต้องการ มันเหมือนมีอะไรสั่งให้ดิ้นไปให้ได้ ดิ้นไม่ใช่ไปด้วยความทุรนทุรายนะ ดิ้นในที่นี้หมายถึง ต้องไปทำบุญ ต้องไปถวาย ไปเจอผ้าเหลือง เป็นอันสุขใจ ดั่งที่ใจเราหวัง
ลองสังเกตใจคุณดู การทำบุญแต่ละครั้ง จิตไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
ที่สำคัญ คนเราเกิดมา ทำตัวไม่สร้างปัญหาให้สังคมเดือดร้อน เราว่าบุญก็เกิดแล้วล่ะ ว่าไหม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 10:10 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ คุณจิตงาม จิตไม่เคยเหมือนกันเลย ผมจะออกแนวบ้าบุญนิด ๆ ทำไม่รู้จักประมาณในบางครั้ง เป็นเพราะว่าห่างจากการทำบุญอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง กว่าจะกลับตัวคิดได้ก็เกือบสายไปเหมือนกัน ยังดีที่บุญพอมี เลยได้สำนึก ทีนี้ก็ทำเท่าที่ทำได้จริง ๆ เรารู้สึกว่าเป็นการชดเชยโอกาสที่ห่างหายไป แล้วก็ไว้ด้วยศรัทธา มีประสบการณ์กับชีวิตครับ พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้ปฏิบัติด้วย แต่เพิ่งเตาะแตะเป็นเด็กหัดเดินครับ ยังไม่ถึงไหน แต่จะไม่ย่อท้ออีกแล้ว
เรียกได้ว่าสำนึกผิดบาป ทำได้จะทำครับ มีโอกาสดีเกิดมาเป็นคนทั้งที อย่าให้เสียโอกาส แล้วก็ชอบใจคุณจิตงามตรงที่เข้าใจสังเกตและถ่ายทอดความรู้สึก ทำบุญทำได้ตลอดครับ ทำใจสงสารคนที่ด้อยโอกาสก็เป็นการทำบุญ ช่วยเหลือเห็นใจเพื่อนมนุษย์ แค่คิดก็ได้บุญ แต่เราอย่าคิดอย่างเดียวเลยครับ โอกาสเราดีกว่าหลายคน ทำได้ทำเลย ทำดีทำจริง ดีมีจริงครับ เมลมาคุยกันก็ได้นะครับ crazy_c4@hotmail.com เป็นสหายธรรมกัน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
aratana
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 02 พ.ย. 2006
ตอบ: 90
ที่อยู่ (จังหวัด): ร้อยเอ็ด

ตอบตอบเมื่อ: 17 เม.ย.2007, 10:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อธิษฐาน เป็นสัจจะบารมี

สัญญากับตนเองว่า จะทำดี ให้ถึงที่สุด
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
จิตงาม
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 06 มี.ค. 2007
ตอบ: 86

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 1:08 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อรันตานา คิดดีจริงๆ
แอดเก็บเมล์คุณชินไว้แล้วค่ะ แต่ขอบอกนะค่ะว่า เราคุยแต่เรื่องธรรม ขำ ขำ ขำ ขำ ขำ ขำ ขำ ขำ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ผู้เยี่ยมชม






ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 10:59 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ครับผมคุณจิตงาม อย่างที่เขียนไว้ในเรื่องรัก พอสักพักเรื่องรักเรื่องโลก ห่างหายจากพระธรรมมานาน เจอคนคอเดียวกัน คือสหายทุกท่านในบอร์ดนี้ มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้อีกมากครับ เราต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ขอบคุณทุกความคิดเห็น ทุกคำถาม ทุกคำตอบ ที่ให้แสงสว่างกับจิตใจที่มืดบอดดวงนี้
 
ชินภพ พิมพะกร
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 17 ธ.ค. 2006
ตอบ: 67

ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 11:02 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เดี๋ยวจะงงว่าเมลข้างบนมาจากใคร ผมเองครับ แต่ว่ายังไม่ได้ล็อกอินเข้าระบบครับคุณจิตงาม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
สมพร
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 18 เม.ย.2007, 11:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ควรอธิฐานทุกครั้งเพื่อให้จิตรักในสิ่งนั้นคือพระนิพพาน ให้อธิฐานว่า ขอให้ได้พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ หากยังไม่ถึงเพียงได ขอคำว่าไม่มี จงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้า
 
เสาหลักของธรรมะ
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 26 เม.ย. 2007
ตอบ: 8

ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2007, 9:35 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ซึ้ง
การทำบุญแล้วอธิษฐานขอพรให้ตัวเองทำได้ แต่ถ้าเราไม่อธิษฐานก็ทำได้เช่นเดียวกัน เพราะว่า การว่านพืชเช่นใด ก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้นเหมือนกัน ถ้าเราไม่อธิษฐานเลย ผลก็ย่อมจะตามมา เนื่องจากเราได้ทำเหตุ คือการทำบุญไว้แล้ว ไม่ช้าไม่เร็ว บุญนั้นก็จะส่งผลถึงเราเอง
แต่การที่เราอธิษฐาน คือการเจาะจงให้ผลบุญนั้นๆ ส่งผลเฉพาะเรื่อง ๆ แล้วแต่ความประสงค์ของเรา
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
ตามรอย
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 16 เม.ย. 2008
ตอบ: 109
ที่อยู่ (จังหวัด): เชียงใหม่

ตอบตอบเมื่อ: 15 พ.ค.2008, 7:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อันนี้สิทธิส่วนบุคคล ทำแล้วสบายใจก็ทำเถิดแต่อย่ายึดติด
 

_________________
อย่าประมาทลืมตน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
poivang
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 18 มิ.ย. 2005
ตอบ: 224

ตอบตอบเมื่อ: 16 พ.ค.2008, 2:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

การให้อามิสทานหรือวัตถุทานมีสองลักษณะ
โดย พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15806
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง