Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ชีวประวัติหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (ฉบับการ์ตูน) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:18 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วันหนึ่งยายจะไปค้างที่วัดเพื่อฟังเทศน์
กลัวว่าจะถูกพวกโจรขโมยมาลักทรัพย์ไป
จึงให้นายจรัญนำไหกระเทียมมาใส่เงินกลมไว้ด้านล่าง
สายสะพาย ๒ เส้นๆ ละ ๘ บาท สร้อยข้อมือ ๑ คู่ ข้างละ ๔ บาท
ร่างแหทองคำ เงิน นาก ห่อผ้าโปะอยู่ด้านบน
และขุดฝังไว้ใต้ถุนบ้านแล้วปรับหน้าดินให้เสมอกัน
เอาขี้ควายยาทับเหมือนที่ยาลานข้าว
จากนั้นเอากระพ้อมมาครอบไว้ หลังจากส่งยายไปวัดแล้ว
นายจรัญก็เตรียมการที่จะขโมยสมบัติของยาย
แต่พอขุดไป ปรากฏว่า ไหที่ใส่สมบัติของยายได้หายไป
เมื่อยายกลับมาก็ลืมเรื่องการฝังสมบัติไปหมดสิ้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:02 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ต่อมายายล้มเจ็บไม่สบาย ไปเข้าฝันป้าเหลี่ยม
ลูกสาวของยาย ซึ่งเป็นป้าของนายจรัญว่า
“ถ้ากูตายแล้ว ให้ไปขุดเอาสมบัติในไห ที่ป่ากระชายหลังเรือน ๓ วานะ
จรัญมันคิดไม่ซื่อ จะเอาทรัพย์สมบัติไปเล่นการพนัน”


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:03 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:21 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

อีก ๒ ปีต่อมา ยายก็ตาย ป้าได้มาชวนนายจรัญไปขุดสมบัติ
นายจรัญจึงออกอุบาย รู้ว่าป้าชอบกินน้ำตาลเมา
จึงไปซื้อมาให้ป้ากินจนเมา และเมื่อขุดลงไปก็พบว่า
ไหสมบัติได้ย้ายจากที่เดิมมา ๓ วา


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:04 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:22 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

แต่ผลกรรมยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๒
หลวงพ่อได้ไปส่ง พันตำรวจโท ชน อินทนา พร้อมคุณนายเฉลา ภรรยา
ซึ่งได้ย้ายไปอยู่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช
ด้วยความเป็นห่วงว่าต้องเกิดเรื่องเดือดร้อนครั้งนี้แน่
ระหว่างที่เดินทางด้วยรถไฟ เมื่อถึงสถานีชุมพร
ไส้ติ่งของหลวงพ่อได้เกิดแตกขึ้นมา
หลวงพ่อสลบไป แต่ท่านได้กำหนดจิต
หายใจทางสะดือ อยู่ในท่าสมาธิ
ทุกคนคิดว่าหลวงพ่อมรณภาพแล้ว แต่หลวงพ่อได้ตั้งสติ
แข็งใจจนถึงสถานีชะอวด เดินไปจนถึงบ้านพักตำรวจ
มีแพทย์หญิงคนหนึ่งมาตรวจและจะพาหลวงพ่อไปโรงพยาบาล
เพราะไม่มีเครื่องมือช่วย แต่หลวงพ่อไม่ยอม จึงตั้งจิตอธิษฐาน
“พ่อไก่ แม่ไก่ทั้งหลายเอ๋ย เจ้าจงมารับเมตตาจากข้าพเจ้า
ที่ตอนเจ้าไม่ได้เจตนาให้เจ้าตาย
เป็นเพราะไม่ได้ศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน
ถ้าข้าพเจ้ารอดตายจะทำกรรมฐานไปให้
จงอย่าจองเวรจองกรรมกับเราเลย ให้อภัยเราเถิด”

เมื่อสิ้นคำอธิษฐาน ก็อุจจาระ ปัสสาวะ ไหลออกมา
ทั้งเลือด ทั้งหนองเหม็นคลุ้งไปหมด
หมอให้น้ำเกลือและฉีดยาให้ คืนนั้นหลวงพ่อได้ทำกรรมฐาน
พวกไก่ได้มาเต็มไปหมดและบอกหลวงพ่อว่า
“นี่เป็นท่านนะ ถ้าไม่ใช่ท่าน จะเอาให้ตาย”
หลังจากนั้น หลวงพ่อก็หายวันหายคืนจนเป็นปกติ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:04 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:23 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

นายจรัญได้ขอห่อผ้า ซึ่งห่อทองไว้ แล้วได้ให้เงินกลมแก่ป้าไป
เมื่อนายจรัญต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อไปเรียนหนังสือต่อ
ได้นำห่อผ้าซึ่งห่อทองไว้ แขวนไว้บนขื่อ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน
ขอขมาลาโทษแก่ยาย เพราะว่าจะนำไปเล่นการพนัน
และขอให้เทวดาช่วยรักษาไว้ให้ด้วย ๔ ปี เมื่อนายจรัญกลับมา
ห่อผ้าซึ่งห่อทองไว้ยังอยู่ที่เดิม ต่อมาเมื่อนายจรัญได้มาบวชเป็นพระ
จึงนำทองทั้งหมดไปขายเพื่อนำเงินมาสร้างโบสถ์วัดพรหมบุรีในภายหลัง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:05 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ชีวิตในวัยหนุ่มของนายจรัญ เป็นวัยที่คึกคะนอง แกล้งคนโน้นแกล้งคนนี้
อีกทั้งเถียงยายอยู่ตลอดเวลา แต่นายจรัญ มีดีทางการเล่นดนตรีไทย
เพราะคยเรียนมากับครูตั้งแต่สมัยเด็กๆ โดยแอบยายไปเรียน
เมื่อเรียนจบชั้นมัธยม ๓ นายจรัญได้ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ
โดยไปอาศัยอยู่บ้านสามกระได แถวคลองบากแวก
ฝั่งธนบุรี ของคุณหลวงธารา มีคุณนายชื่อ ห่วง
คุณหลวงธารา เคยตีระนาดให้ รัชกาลที่ ๖ ทรงโขน
นายจรัญไปอยู่เพื่อเรียนดนตรี ดีด สี ตี เป่า
ต่อเพลงพิณพาทย์เป็นเวลา ๒ ปี และได้ไปเรียนช่างกล
กับอาจารย์เลื่อน พงษ์โสภณ ที่บางขุนพรหม
เมื่อคุณหลวงธาราและคุณนายห่วงได้สิ้นชีวิตลง
นายจรัญได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับบ้านของครูศร ศิลปบรรเลง
ซึ่งต่อมาได้เป็นคุณหลวงประดิษฐ์ไพเราะ
อยู่แถวบ้านบาตร หลังวัดสระเกศ เพื่อเรียนดนตรีไทยต่ออีก ๑ ปีเศษ
จึงได้มารู้จักกับ ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ ที่นี่


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:05 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ต่อมา ครูศร ศิลปบรรเลง พานายจรัญไปฝากให้สอบเข้าเป็นนายร้อยตำรวจ
กับ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม เมื่อเขาเข้าไปเรียนได้ ๓ เดือน
ถูกรุ่นพี่ขู่เข็ญ และกลั่นแกล้ง เขาพยายามอดทน
แต่เมื่อถูกรุกรานหนัก ความอดทนก็สิ้นสุด
ประกอบกับเป็นคนที่ไม่ยอมคนอยู่แล้ว จึงชกรุ่นพี่เจ็บตัวไปหลายคน
นายจรัญจึงไปขอโทษครู พร้อมกับขอลาออก
และได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ ให้แก่จอมพลแปลก ทราบ
และขอไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดเมืองนอน
และนำวิชาที่เรียนมา คือ ดนตรี มาใช้ประกอบอาชีพ
เมื่อมาอยู่ที่ อำเภอพรหมบุรี ก็มาเล่นดนตรีคณะ จรรยารักษ์ ซึ่งมีอยู่เดิม
พร้อมออกงานแสดง มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงเจ็ดคุ้งน้ำ
นายจรัญนอกจากมีฝีมือทางด้านดนตรีแล้ว
ยังมีฝีมือทางด้านการประพันธ์หนังสือ
สามารถประพันธ์เรื่องนางอรพิมกับท้าวปาจิตต์
และมีคณะลิเกมาขอลอกบท เพื่อไปแสดงเป็นลิเกหลายคณะ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:06 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:27 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

นายจรัญได้ไปร่วมบรรเลงพิณพาทย์ที่วัดโตนด
และหลวงธาราสั่งให้เลยไปเล่นต่อในงานศพอีกวัดหนึ่งใกล้ๆ กัน
คนอื่นในวงไปกันก่อน ส่วนนายจรัญเผลอนอนหลับอยู่บนศาลาวัดคนเดียว


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:06 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:28 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

และแล้ว สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อพระวัดโตนดได้พาศิษย์วัดประมาณ ๑๐ คน มารุมทำร้าย
เนื่องจากนายจรัญเคยด่าว่า พระวัดโตนดอาศัยผ้าเหลืองหากิน
ไม่ปฏิบัติตามพระวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้
เป็นต้นว่า แอบกินยาฝิ่น ชอบต่อนกเขา กินข้าวค่ำ
ซึ่งทำให้พระวัดโตนดโกรธแค้นมาก
จึงสั่งให้ลูกสมุนทั้งสิบคนช่วยกันรุมทำร้ายนายจรัญ
หนุ่มร่างเล็กล้มลุกคลุกคลานอย่างสะบักสะบอม โดยไม่ทันตั้งหลัก
ลูกสมุนหนึ่งในสิบชักมีดวิ่งไล่แทงตามไปติดๆ
หวังจะฆ่าให้ตาย นายจรัญเห็นท่าไม่ดีแน่ จึงวิ่งหนีเอาตัวรอดไปที่ท่าน้ำ
ตั้งใจว่าจะกระโดดน้ำหนี แต่โชคดีมีคนมาฉุดข้อมือลงไปในเรือ
ช่วยไว้ได้ทันชื่อ นายหมั่น แซ่ตั้ง
ทางฝ่ายพระวัดโตนดกลัวความผิด ที่มีคนมาเห็นเหตุการณ์
จึงสั่งให้ลูกศิษย์วัดถอยล่าทัพกลับไป
นายหมั่นแจวเรือพานายจรัญซึ่งนอนสลบไสลอยู่ ไปรักษาตัวที่บ้าน
และทำยาสมุนไพรจีนให้ทาน และให้นอนพักฟื้นจนหายดี
แล้วจึงพาไปส่งที่บ้านหลวงธารา
เป็นเพราะสาเหตุนี้ ทำให้เขาเกลียดพระมาตั้งแต่บัดนั้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:07 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:29 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

วันหนึ่งแม่ของนายจรัญเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ
นายจรัญจึงถูกแม่ขอร้องให้บวช เพื่อจะได้เห็นชายผ้าเหลืองก่อนตาย
นายจรัญก็บวชทดแทนพระคุณแม่ เมื่ออายุ ๒๐ ปี ณ วัดพรหมบุรี
เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ เวลา ๑๔.๐๐ น.
โดยมี พระครูพรหมจริยคุณ วัดแจ้งพรหมนคร
เจ้าคณะอำเภอพรหมบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
พระปลัดกิมเอง วัดพุทธาราม เป็นกรรมวาจาจารย์
พระอธิการช่อ วัดพรหมบุรี เป็นอนุสาวนาจารย์


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:07 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:30 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

แม้จะเกลียดพระมาก่อน แต่เมื่อต้องมาเป็นพระ
ท่านก็พยายามปฏิบัติตามพระวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้
และปฏิบัติสมณกิจอย่างเคร่งครัด ทุกเช้าจะออกไปบิณฑบาตรในหมู่บ้าน
เพื่อให้โยมยายและโยมแม่ได้ใส่บาตร เมื่อเสร็จภัตกิจแล้ว
พระจรัญก็ทำความสะอาดกุฏิของท่าน
เพราะท่านเป็นคนค่อนข้างมีระเบียบ
เพราะโยมยายปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:08 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ในช่วงเวลาที่บวช พระจรัญถูกอารมณ์ทางโลกเข้าครอบงำ
ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย มีจิตใจรุ่มร้อน
ต้องการที่จะลาสึกอยู่ตลอดเวลา
แต่ต้องมีเหตุที่ทำให้ท่านลาสึกไม่ได้สักที
เมื่อต้องการลาสึกทีไร ก็เกิดอาการง่วงเหงา เศร้า ซึม
พร้อมได้ยินเสียงกังวานให้แก้วหู.....เข้ามาแทนที่กระทันหันว่า
“นะโมยังไม่ได้ ก็ยังลาสึกไม่ได้”
จนท่านสมภารพูดกับพระอันดับ ๔ รูปที่จะมาสึกให้ว่า
“พระจรัญไม่ได้สึกหรอก รู้สึกว่าท่านต้องบวชไปตลอดชีวิต”
แล้วพระจรัญก็ทราบสัจธรรมที่แท้จริงว่า
“เกลียดสิ่งไหน ก็จะเจอสิ่งนั้น เกลียดพระ ก็จะต้องมาเป็นพระ”


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:08 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

หลวงพ่อจรัญได้ธุดงค์ไปตามป่าเขา ลำเนาไพร
และที่ต่างๆ เพื่อแสวงหาความรู้ และประสบการณ์
ทั้งทาง สมถกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน
และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชากับพระอาจารย์หลายท่าน อาทิ

ศึกษาคชศาสตร์กับพระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม)
อำเภอหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์

กับหลวงพ่อลี และท่านเจ้าคุณอริยคุณาธร จังหวัดขอนแก่น
และได้ศึกษาการทำเครื่องรางของขลัง น้ำมันมนต์
กับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง จังหวัดอยุธยา
และหลวงพ่อสนั่น วัดเสาธงทอง จังหวัดอ่างทอง
และ หลวงพ่อจาด วัดบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี


และได้ศึกษาสมถกรรมฐาน
กับพระภาวนาโกศลเถร (สด จันทสโร) ที่วัดปากน้ำ
อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี
ศึกษาและปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน
กับ ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชสิทธิมุนี
วัดมหาธาตุ จังหวัดกรุงเทพฯ


และได้ศึกษาพระอภิธรรมกับอาจารย์เตชิน (ชาวพม่า)
ที่วัดระฆัง จังหวัดธนบุรี

และศึกษาการพยากรณ์จากสมเด็จพระสังฆราช
วัดสระเกศฯ จังหวัดกรุงเทพฯ


และศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้วิทยาศาสตร์ทางจิต
กับ อาจารย์ พ.อ.ชม สุคันธรัต


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:09 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ต่อมาเมื่อหลวงพ่อจรัญ มาประจำอยู่ที่วัดอัมพวัน
หลวงพ่อรู้ล่วงหน้า โดยสติบอกว่าต้องใช้หนี้เต่า
ที่รับจ้างต้มเต่า ๗ ตัว เป็นเงิน ๑ บาท
ให้พวกขี้เมาเมื่อตอนที่เป็นเด็ก สมัยอยู่มัธยม ๒
ซึ่งปรากฏว่า เต่ามันมีความสามัคคีกันดิ้นจนหม้อแตก
แล้วหนีเข้ากอไผ่ไป จากกรรมที่หลวงพ่อสร้างเหล่านี้ ท่านลืมไปหมดแล้ว
อยู่มาวันหนึ่งหลวงพ่อทราบว่าเจ้าของร้านเบ๊เต็กเส็ง ที่บางปะกิ
ซึ่งรู้จักคุ้นเคยกัน ไปผ่าท้อง ที่สุขศาลาอนามัย
จึงตั้งใจไปเยียม โดยมีญาติโยมจะขอร่วมเดินทางไปด้วยจนเต็มคันรถ
แต่สติได้เตือนว่า ถ้าพาคนอื่นไปด้วยต้องตายกันหมด
หลวงพ่อจึงออกอุบายหลอกล่อ ไม่ให้คนเหล่านั้นไปด้วย
โดยจ้างรถปิ๊กอัพไปกับคนขับเพียงลำพัง ๒ คน
แล้วตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมแค่ ๑๕ นาที แล้วจะรีบกลับ
ระหว่างเดินทางกลับ ฝนตกหนักมาก
ถนนสายเอเซียเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ถนนลื่นมาก
ช่วงโค้งวัดเขาคู รถวิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ ๑๒๐ ก.ม./ชั่วโมง
รถยนต์เกิดเสียหลักหมุน ๕-๖ ครั้ง แล้วพลิกคว่ำแปดตลบ
หลวงพ่อดิ้นขลุกขลักอยู่ในรถ เพราะประตูรถล็อคหมด
ศีรษะถูกกระแทกทั้งบนและล่าง รถพังหมดทั้งคัน
พอดีมีรถคันอื่นมาจอดช่วย ต้องเอาชะแลงงัด
แล้วช่วยนำตัวออกมา บังเอิญช่วงที่เกิดเหตุไม่มีรถยนต์วิ่งสวนทางมา
ไม่เช่นนั้นคงไม่รอด หลวงพ่อต้องมานอนรักษาตัวที่วัด
ไม่ได้ไปหาหมอ ต้องปวดแสบ ปวดร้อน
ผิวหนังถลอกไปทั้งตัวเป็นเวลา ๖ เดือน ทรมานเป็นยิ่งนัก
“ฉะนั้นคนเราถึงจะสร้างความดี แต่ก็ต้องมีกรรม”
หลวงพ่อจึงเจริญกรรมฐานแผ่เมตตาขออโหสิกรรมแก่เต่า
เพราะที่ทำไปเพียงต้องการเงิน ๑ บาท
ต่อจากนั้นอาการต่างๆ จึงค่อยทุเลาหายเป็นปกติ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:09 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:38 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

หลังจากนั้นสติได้บอกว่า วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ เวลา ๑๒.๔๕ น.
หลวงพ่อจรัญ จะมีอุบัติเหตุคอหักตาย หมดอายุขัย
(ถึงตอนนี้หลวงพ่อเริ่มเชื่อ เพราะจำเหตุการณ์อุบัติเหตุ
ใช้หนี้กรรมจากเต่าได้ และเหตุการณ์ที่เคยยิงนกหักคอนก
ถลกหนังหัว ตอนอยู่มัธยม ๓)

หลวงพ่อจึงเรียกประชุมคณะกรรมการของทางวัด
และบอกญาติโยมว่าจะสละตัวจากเจ้าอาวาส เพื่อขอลามรณภาพ
และในเวลาต่อมา ในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑
คณะแพทย์และพยาบาล จากโรงพยาบาลศิริราช มาถวายอาหารเพล
แต่หลวงพ่อจะเดินทางไปประชุมเจ้าคณะอำเภอ
ที่วัดกวิศาวราราม ที่จังหวัดลพบุรี โดยมี นาวาตรี วาด เกษแก้ว
ซึ่งนุ่งกางเกงขาว เสื้อขาวมาด้วย
เพราะหลวงพ่อทราบว่าต้องตายด้วยกันหมด
(เนื่องจากศีรษะของนาวาตรี วาด เกษแก้ว นั้นไม่มี)
จากนั้นรถได้ออกจากวัดเวลา ๑๒.๓๕ น.
ขับออกมาก็ประสานงานกับรถของบริษัท ทันจิตทัวร์ ของจังหวัดนครสวรรค์
ชนเข้ากับรถปิ๊กอัพของหลวงพ่ออย่างเต็มแรง
ส่วนร่างของนาวาตรี วาด เกษแก้ว กระเด็นไปหลังรถบัส
ตกลงมาซี่โครงเสียบตับตายในเวลาต่อมา
ส่วนหลวงพ่อจรัญพุ่งทะลุกระจกรถ กระเด็นออกไป ๒๐ วา
แล้วจึงตกลงมาที่หน้าบ้านของนายเชาว์ ซึ่งเป็นโรงงานทำอิฐ
ตลาดปากบาง คอหักพับมาอยู่ที่หน้าอก
หนังศีรษะเปิดจากหน้าผากไปถึงท้ายทอย
เลือดเต็ปากเต็มคอหอย หูก็ไม่ได้ยินมีแต่เสียงซ๋าๆ
หลวงพ่อตะโกน “โยมช่วยด้วยๆ”


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:10 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:39 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

แต่ไม่มีใครช่วย พอดีมีตำรวจทางหลวงผ่านมาพบเข้า
จึงอุ้มใส่รถขนอิฐของนายเชาว์ เพื่อนำหลวงพ่อไปส่งโรงพยาบาลสิงห์บุรี
บังเอิญรถไม่มีเบาะ หม้อน้ำรถก็ไม่มีฝาปิดใช้ผ้าอุดแทน
อยู่ที่ก้นของหลวงพ่อพอดี ระหว่างทางที่จะไปโรงพยาบาล
หลวงพ่อได้ยินเสียงของเต่า พร้อมเห็นภาพเต่าโผล่ออกมา
แล้วบอกว่า “สมน้ำหน้า เดี๋ยวกูจะซ้ำมึงๆ” พอขาดคำ
น้ำในหม้อน้ำรถก็พุ่งขึ้นมา น้ำร้อนลวกใส่หลวงพ่อ
ตั้งแต่หัวไปทั้งตัว ต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดทาง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:11 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:40 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลสิงห์บุรี พบ นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ
ได้พากเข้าห้องเอ๊กซเรย์ ปรากฏว่ากระดูกคอขาด
หมอบอกกับญาติโยมให้นำหลวงพ่อไปวัด เตรียมจัดงานศพ
แต่ขอนำหลวงพ่อไปห้องไอซียูก่อน เพื่อไปเก็บแผล ล้างเลือด
โดยให้นอนบนรถเข็นที่ไม่มีหมอนรอง
บุรุษพยาบาล ๒ คน เป็นคนเข็น
หลวงพ่อรู้ตัวว่าต้องตายแน่ เลยยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วพูดว่า
“ด้วยเดชะบุญกุศล ท้าวเวสสุวรรณ
เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า
ถ้าข้าพเจ้าใช้หนี้กรรมในโลกมนุษย์หมดแล้วยินดีจะไป
ถ้าข้าพเจ้ายังใช้หนี้กรรมไม่หมด
ข้าพเจ้าขอสาบานต่อท้าวเวสสุวรรณว่า
ขอให้ข้าพเจ้ากลับมาแก้ตัว สร้างกรรมดีใช้หนี้ให้หมด
ถ้าหมดแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
เพราะมนุษย์มีแต่ขี้เกียจ ขี้โกง ขี้อิจฉา ริษยา”


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:11 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พอสิ้นคำอธิษฐานของหลวงพ่อ
ปรากฏว่าบุรุษพยาบาลได้เข็นรถไปตกร่องประตูเหล็ก
โดยไม่มีใครคาดคิด จากแรงกระแทกนั่นเอง
ทำให้กระดูกคอของหลวงพ่อซึ่งขาดอยู่ เกิดติดกันขึ้นมา
ทำให้หลวงพ่อฟื้นคืนสติขึ้นมา

ต่อมาทางโรงพยาบาลสิงห์บุรี ได้นำหลวงพ่อไปทำการรักษาต่อ
ที่โรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ
ในระหว่างการรักษาใช้เฝือกพันที่บริเวณคอ
ภายใต้การดูแลของคุณหมอประดิษฐ์
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน

หลังจากนั้นก็นำตัวหลวงพ่อกลับมารักษาที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี
หลวงพ่อต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
เป็นเวลากว่า ๕๐ วัน หิวน้ำก็ไม่สามารถดื่มได้
ต้องหยอดด้วยหลอดกาแฟ เวลาฉันข้าวก็ใส่เข้าไปข้างๆ
ปากพูดก็ไม่ได้ ฉันอาหารเลือดก็ไหลตลอดเวลา
เวลาฉันก็ต้องป้อน ไม่สามารถฉันได้เอง
เลยนึกถึงคำยายที่ว่า “ต้องเป็นเปรต ปากเท่ารูเข็ม”
เพราะไปกินข้าวที่ยายให้ไปถวายพระในตอนที่ยังเป็นเด็ก


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:12 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:44 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

พระจรัญอายุได้ ๒๕ ปี ได้ยินข่าวลือว่า มีพระรูปหนึ่งอยู่ที่ขอนแก่น
สอนวิชายืดเหรียญ ท่านจึงเดินทางไปขอนแก่นเพื่อเรียนวิชานี้
และได้ไปพบกับอดีตผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง อายุ ๘๔ ปี
ซึ่งเป็นต้นตอของข่าวลือ จึงได้เล่าความจริงให้พระจรัญทราบว่า
ผมได้รับกล่องใส่ยาสูบเป็นทองเหลือง
ซึ่งเป็นมรดกจากพ่อซึ่งเป็นกำนัน
และได้รับพระราชทานมาจากในหลวงรัชกาลที่ ๖
ในกล่องมีเหรียญซ่อนอยู่ก้นกล่องใส่ยาสูบ ๑ เหรียญ
จนกระทั่งผมได้มาพบพระรูปหนึ่งมาปักกลด
นั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่กลางทุ่งนาเป็นเวลา ๑ เดือนของทุกปี
มาอยู่ราวๆ เดือน ๓ พอเดือน ๔ ก็หายไป
ไม่ทราบว่าท่านหายไปไหน
ผมเห็นท่านตั้งแต่ ๘ ขวบจนอายุ ๘๔ ปีแล้ว
รูปร่างหน้าตาท่านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ท่านนั่งหลับตาไม่พูดกับใคร ญาติโยมไปหา ท่านก็ไม่พูดด้วย
ผมจำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็ก ออกไปทำนากับพ่อ ก็แวะไปนั่งเฝ้าท่าน
เมื่อท่านฉันอาหารในบาตรเสร็จ ท่านก็เทอาหารก้นบาตรมาให้ผม
ผมสำนึกในบุญคุณที่ท่านให้ผมกินข้าวก้นบาตรมาตลอด
ผมไปพบท่านทุกๆ ปี แต่ที่น่าแปลก
คือ ท่านได้พูดขึ้นมาหลังจากที่ไม่พูดมา ๗๐ กว่าปีว่า
“โยมมีของดี ในกล่องยาให้นำไปบูชา
ลูกหลานจะได้อยู่เย็นเป็นสุข
พราะว่าเป็นเหรียญพระราชทานให้แก่ผู้ใหญ่
กำนันที่ทำงานดี ปกป้องคุ้มครองแก่ราษฎรให้อยู่ดีกินดี”

เมื่อกลับมาบ้านผมก็เปิดกล่องยาดู พบเหรียญซ่อนอยู่ก้นกล่อง
ในเหรียญมีเลขอยู่ ๓ ตัว พวกลูกหลานนำเลข ๓ ตัวไปแทงหวย
ก็ถูกติดต่อกัน ๓ งวด ก็เลยลือกันไปถึงบางกอก ปากต่อปาก
จากคืบเป็นศอก จากศอกเป็นวา
แต่พระจรัญก็ไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว จึงได้ขอให้ผู้ใหญ่บ้านพาไปพบพระรูปนั้น

พระรูปนั้นท่านอยู่ในป่า ห่างจากหมู่บ้านไป ๔ กิโลเมตร
เมื่อไปพบ ท่านนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ใต้ต้นไทรกลางทุ่ง
คะเนอายุได้ราว ๗๐ ปี พระจรัญได้เข้าไปกราบ
และพูดกับท่านเรื่องขอเรียนวิชายืดเหรียญ
แต่ท่านไม่ตอบกลับนั่งหลับตาเฉยๆ
เมื่อพระจรัญถามเรื่อง ธรรมะและการปฏิบัติ
ท่านได้ตอบว่า “สติปัฏฐาน ๔ ระลึกชาติได้
รู้กฎแห่งกรรม เกิดปัญญา แก้ปัญหาได้”
พระจรัญขอให้ท่านสอน “สติปัฏฐาน ๔” ให้

แต่ท่านตอบว่า “รอให้อายุ ๔๕ ปี เสียก่อน
แล้วค่อยพบกัน เมื่อต้องการจะพบฉันให้เธอปฏิบัติ ดังนี้”

พร้อมบอกเคล็ดลับ ๓ ข้อ
และย้ำว่าไม่ให้บุคลที่สามล่วงรู้โดยเด็ดขาด
เมื่อหลวงพ่ออายุครบ ๔๕ ปี
หลวงพ่อจรัญได้ธุดงค์ไปในป่าดงพระยาเย็น
เพื่อพบกับหลวงพ่อในป่าตามสัญญา
ดงพระยาเย็นเป็นป่าดงดิบอยู่ในอาณาบริเวณเขาใหญ่
ซึ่งกินเนื้อที่ของสองจังหวัด คือ สระบุรี และนครราชสีมา

หลวงพ่อในป่าได้สอน วิธีเจริญสติปัฏฐาน ๔
๑. การกำหนดกาย (กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน)
๒. การกำหนดเวทนา (เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน)
๓. การกำหนดจิต (จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน)
๔. การกำหนดธรรม (ธัมมานุปัสสนาสิตปัฏฐาน)


หลวงพ่อจรัญเรียน สติปัฏฐาน ๔ อยู่กับหลวงพ่อในป่าเป็นเวลา ๑ ปี
จนเกิดความรู้ความเข้าใจ แจ่มแจ้งด้วยตนเอง
แล้วจึงนำหลักคำสอนของหลวงพ่อในป่า
มาสอนให้กับญาติโยมและศิษยานุศิษย์จนถึงปัจจุบัน


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:12 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 20 มี.ค.2007, 3:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

จากผลกรรมที่หลวงพ่อได้รับ
ทำให้ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (พระราชสุทธิญาณมงคล)
ได้ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า จะสร้างคนโดยใช้วิธีการที่สำคัญ
คือ การให้การศึกษาอบรมและสอนวิปัสสนากรรมฐาน

ผลงานของท่านเป็นที่ประจักษ์แก่คนทั้งปวง
ไม่เฉพาะประชาชนคนไทยเท่านั้น
แม้แแต่ชาวต่างประเทศก็ยอมรับ
และให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง
ท่านเริ่มสอนวิปัสสนากรรมฐานให้กับญาติโยม
และศิษยานุศิษย์ที่วัดอัมพวัน
ตั้งแต่หลวงพ่อได้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐
ท่านได้พัฒนาวัดอัมพวันให้เจริญรุ่งเรือง
โดยการสร้างศาลาปฏิบัติธรรม และมีห้องน้ำสะอาดสะอ้าน
จำนวนมากกว่า ๕๐๐ ห้อง ในปีหนึ่งๆ
มีผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมทั้งที่เป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี และคฤหัสถ์
คือ ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นจำนวนมากนับแสนคน


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 20 มี.ค.2007, 6:13 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง