Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 หลวงปู่แสง ปริปุณโณ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 20 พ.ย.2009, 6:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ประวัติและปฏิปทา
หลวงปู่แสง ปริปุณโณ


วัดบ้านหัวช้าง
ต.บ้านกู่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม



๏ อัตโนประวัติ

เมื่อครั้งในอดีต “หลวงปู่มี กนฺตสีโล” แห่งวัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) ต.แวงดง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ได้สร้างคุณูปการมากมายแก่พุทธศาสนิกชน ก่อให้เกิดความศรัทธาอย่างไม่รู้เสื่อมคลาย แม้ท่านจะละสังขารไปนานหลายสิบปีแล้วก็ตาม ปัจจุบัน ได้ปรากฏนามพระเถระจำนวนหลายรูป ที่ได้สืบทอดปฏิปทาอันงดงามตามแบบอย่างหลวงปู่มี หนึ่งในนั้น ได้แก่ “พระครูพิสัยธรรมรังษี” หรือ “หลวงปู่แสง ปริปุณโณ” แห่งวัดบ้านหัวช้าง ต.บ้านกู่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม

ท่านเป็นพระภิกษุที่มีเมตตาธรรมสูง ถ่อมตน สมถะ ถือสันโดษ มีพลังใจที่แก่กล้า พลังจิตที่เข้มแข็ง ดำเนินวัตรปฏิบัติเจริญรอยตามหลวงปู่มี ผู้เป็นอาจารย์อย่างเคร่งครัด ชื่อเสียงจึงปรากฏขจรขจาย

หลวงปู่แสง ปริปุณโณ มีนามเดิมว่า แสง แก้วกุล เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2476 ณ บ้านกู่ ต.บ้านกู่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเนียม และนางปี แก้วกุล ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา ปัจจุบัน สิริอายุได้ 74 พรรษา 54 (เมื่อปี พ.ศ.2550) ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ้านกู่ และเจ้าอาวาสวัดบ้านหัวช้าง ต.บ้านกู่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม


๏ การบรรพชาและอุปสมบท

หลังจากเรียนจบชั้น ป.4 ออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพอย่างขันแข็ง ครั้นเมื่ออายุ 12 ปี ได้ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโนนแห่ ต.บ้านกู่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ท่านมีความจำเป็นเลิศ ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีในเวลาที่ไม่นาน

เมื่ออายุได้ 21 ปีบริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดโนนรัง ต.ดงบัง อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม โดยมีพระครูมานิตย์ วัดบ้านหัวหมู เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์จันทร์ สุภัทโท วัดโนนแห่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เพ็ง สุขวโร วัดโนนรัง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ปริปุณโณ” มีความหมายว่า “ผู้บริบูรณ์”

หลังอุปสมบทแล้วไปอยู่จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดยางสีสุราช จนสอบได้นักธรรมชั้นโท ก่อนเดินทางไปจำพรรษาอยู่ที่วัดอุทัยมรรครารามหินดาด จ.นครราชสีมา มุมานะศึกษาเล่าเรียน สอบได้นักธรรมชั้นเอก


๏ ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มี กนฺตสีโล

ต่อมา คณะศรัทธาญาติโยมชาวบ้านอีโต้ อ.นาเชือก ได้นิมนต์หลวงปู่แสง ให้มาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านอีโต้ โดยท่านได้ทุ่มแรงกายแรงใจ พัฒนาสร้างวัดแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ

ในช่วงเวลาดังกล่าว หลวงปู่มี กนฺตสีโล วัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วเขตอีสานตอนกลางและอีสานใต้ในฐานะพระเกจิ และด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคมแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม ไสยเวทสายเขมร

เมื่อท่านรับทราบกิตติศัพท์ของหลวงปู่มี เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า ได้ออกเดินทางไปอยู่จำพรรษากับหลวงปู่มี ณ วัดป่าสันติธรรม ขอฝากตัวเป็นศิษย์ปรนนิบัติรับใช้ และขอศึกษาเล่าเรียนวิทยาคม วิปัสสนากัมมัฏฐาน ทั้งนี้ หลวงปู่มี ได้เมตตาถ่ายทอดวิชาความรู้ให้อย่างมิมีปิดบัง สอนการอ่านเขียนอักษรลาว ขอม และอักษรไทยน้อย ทำให้หลวงปู่แสงมีความรู้ในการอ่านอักขระโบราณด้วย


๏ รับนิมนต์จำพรรษาที่วัดบ้านหัวช้าง

หลวงปู่แสง จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่มี จนถึงปี พ.ศ.2522 ต่อมาคณะญาติโยมชาวบ้านหัวช้าง ต.บ้านกู่ อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม ได้มานิมนต์ให้อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านหัวช้าง ด้วยความตั้งใจอยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด ท่านจึงตอบรับนิมนต์

วัตรปฏิบัติของหลวงปู่แสง ถือการเดินจงกรม และนั่งสมาธิภาวนาทุกวัน รวมทั้งหลังออกพรรษาทุกปี จะออกท่องธุดงควัตรไปตามป่าเขาในภาคอีสาน แสวงหาความหลุดพ้นตามรอยพระตถาคต


๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

พ.ศ.2506 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหัวช้าง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม

พ.ศ.2507 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดบ้านหัวช้าง

พ.ศ.2518 เป็นพระธรรมทูตประจำอำเภอยางสีสุราช

พ.ศ.2543 เป็นเจ้าคณะตำบลบ้านกู่

พ.ศ.2548 เป็นพระอุปัชฌาย์


๏ ลำดับสมณศักดิ์

พ.ศ.2524 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูพิสัยธรรมรังษี

พ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทในราชทินนามเดิม


๏ พระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

หลวงปู่แสง มีความรู้ทั้งด้านพระธรรมวินัย วิปัสสนากัมมัฏฐาน และวัตรปฏิบัติเสมอต้นเสมอปลายเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม และเป็นศิษย์หลวงปู่มี ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนชาวมหาสารคาม และพื้นที่ใกล้เคียง ในแต่ละวัน มีผู้เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์อันเข้มขลังเสริมความเป็นสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย

แม้ญาติโยมจะมากมาย แต่ท่านไม่เคยปริปากบ่น ยังคงรักษาศรัทธาญาติโยม ด้วยท่านรู้ว่าญาติโยมที่มาหา ต่างมีทุกข์ร้อน ท่านจึงต้องใช้เมตตาบารมีชี้ทางผ่อนทุกข์ให้กับญาติโยม

สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคศรัทธาของญาติโยม หลวงปู่จะนำมาพัฒนาวัด บริจาคสาธารณกุศลช่วยชุมชน เป็นค่าอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ทุนการศึกษาพระภิกษุสงฆ์ เป็นต้น หาได้เก็บงำไว้เป็นสมบัติส่วนตัวไม่

หลวงปู่แสง ปรารภเสมอว่า ทรัพย์สินเงินทองไม่มีความจำเป็นต่อสมณเพศ เพราะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยศรัทธาของญาติโยม

ครั้งหนึ่ง คณะศิษยานุศิษย์ได้ขออนุญาตหลวงปู่แสง สร้างวัตถุมงคล แต่ท่านปฏิเสธ เนื่องจากไม่ต้องการให้ญาติโยมยึดติดในวัตถุมากเกินไป ท่านสอนให้ถือเอาพระธรรมคำสอนของพุทธองค์เป็นหลักชัยในการดำเนินชีวิต

ส่วนหัวข้อธรรมที่หลวงปู่แสงพร่ำสอนมาโดยตลอด คือ เรื่องสัปปุริสธรรม แปลว่า ธรรมของคนดี หรือคนที่แท้ มีคุณสมบัติของความเป็นคนที่สมบูรณ์ ผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมนี้จะถือได้ว่าเป็นคนดีที่สมบูรณ์

หลวงปู่แสง เป็นพระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเคร่งครัดพระธรรมวินัยมาโดยตลอด นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ ยังเป็นพระนักพัฒนา ตลอดเวลาที่ปกครองวัดบ้านหัวช้าง ทำให้วัดแห่งนี้เจริญรุ่งเรือง ศาสนสถานและถาวรวัตถุไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ กุฏิ หอระฆัง กำแพงแก้ว ศาลาการเปรียญ เป็นต้น มีครบหมด รวมทั้งปรับปรุงพัฒนาวัด ทำการปลูกต้นไม้สร้างความร่มเย็น เหมาะสำหรับการบำเพ็ญภาวนาและเป็นสถานที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ยิ่ง

ตลอดเวลาในการปกครองพระเณร หลวงปู่แสง ยึดหลักเมตตาธรรมส่งผลให้พระภิกษุ-สามเณร ในปกครองไม่เคยปฏิบัติตนนอกลู่นอกทาง แต่ละปีจึงมีพระภิกษุ สามเณร มาจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก หลวงปู่ปฏิบัติหน้าที่รับใช้พระพุทธศาสนาโดยไม่เคยขาดตกบกพร่อง

แม้ล่วงอายุเข้าสู่วัยไม้ใกล้ฝั่ง แต่สุขภาพพลานามัยของหลวงปู่แสง ยังคงแข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติศาสนกิจใดๆ ทั้งสิ้น หลวงปู่แสง นับเป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง สามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจโดยแท้



.............................................................

คัดลอกมาจาก ::
หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 1 คอลัมน์ มงคลข่าวสด
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5925
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
สาวิกาน้อย
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 27 มี.ค. 2006
ตอบ: 2065

ตอบตอบเมื่อ: 20 พ.ย.2009, 6:14 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กระทู้ในบอร์ดใหม่

ประวัติและปฏิปทาหลวงปู่แสง ปริปุณโณ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27085
 

_________________
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง