Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เหตุแห่งความฝัน (พุทธทำนาย) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 18 มี.ค.2007, 11:03 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เหตุแห่งความฝัน


คำพูดที่ว่าการพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับ เพราะการนอนหลับเป็นการหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำมาตลอดทั้งวัน แม้กระทั่งการคิด ธรรมชาติได้ออกแบบให้คนเรามีช่วงเวลา ๒ แบบ แบบแรกเป็นช่วงเวลาของการทำงาน ทำกิจกรรมดำเนินชีวิต ให้มีอยู่มีกิน เรียกว่าช่วงกลางวัน แบบที่สองเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน ปรับร่างกายให้กลับคืนสู่ความสดชื่น เตรียมพลังไว้ทำงานและกิจกรรมต่างๆ ที่ตั้งใจไว้ ช่วงเวลากลางคืนถือว่าเป็นเวลาที่ควรพักผ่อนแต่จะมีบางคนใช้เป็นเวลาทำงาน แต่มีจำนวนน้อย

การนอนหลับมีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งซึ่งอาจเกิดขึ้นกับทุกคน คือ ความฝัน ในปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ว่า คนเราฝันได้อย่างไร และความฝันเกิดมาได้อย่างไร ทำไมเรื่องที่ฝันบางเรื่องเป็นความจริง บางเรื่องไม่เป็นความจริง

คนทั้งหลายที่เกิดความสงสัยและหาทางออกตามความเชื่อของตนเอง จึงคิดหาวิธีและปฏิบัติต่อความฝันแตกต่างกันไป อาจเรียกได้ว่า ทำนายฝันกันไปคนละอย่าง

ถามว่า ทำไมคนเราจึงฝัน หลับหรือตื่น คงมีคำตอบหลากหลาย ถ้าหลับสนิทก็ไม่ฝัน ถ้าฝันแสดงว่าหลับไม่สนิทเหมือนลิงหลับ คือ หลับๆ ตื่นๆ

ความฝันเป็นประสบการณ์จากสิ่งที่เห็น ที่ได้ยิน ได้นึกคิด เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ความคิด หรือความรู้สึก ทั้งด้านที่เป็นความสุข และความทุกข์ ประสบการณ์เหล่านี้ไปปรากฏขณะที่กำลังนอนหลับ โดยผู้ที่ฝันไม่สามารถควบคุมได้และฝันจะสิ้นสุดเมื่อตื่น

ความฝันมักเต็มไปด้วยความคิดในด้านต่างๆ บางเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน บางเรื่องน่าเหลือเชื่อ รวมไปถึงเรื่องสนุกสนาน เรื่องน่ากลัว เรื่องเศร้า ที่เรียกว่า ฝันร้าย และในบางครั้งความฝันจะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องซึ่งไม่เคยพบเจอมาก่อน หลายครั้งที่ความฝันยังผลให้มีการกระตุ้นความรู้สึกทั้งทางด้านจิตใจ และทางด้านศิลปะให้แก่ผู้ที่ฝัน

ความฝันมีส่วนสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของดวงตาขณะนอนหลับ ก้านสมองและการเปลี่ยนแปลงการเต้นของหัวใจ ส่วนใหญ่เชื่อว่า ทุกคนจะมีความฝันในปริมาณที่เท่าเทียมกัน ถึงแม้บางคนจะรู้สึกว่าหลับสนิท ไม่ค่อยฝันอะไร หรือนานๆ จะหลับฝันสักครั้ง นั่นเพราะสาเหตุว่าความฝันของบุคคลนั้นจางหายไปเมื่อตื่นนอน ความฝันมักจะเลือนหาย ถ้าสถานะของการฝันของบุคคลนั้นค่อยๆ เปลี่ยนจากคลื่นสมองขณะหลับตื้น เป็นสถานะคลื่นสมองขณะหลับลึก และตื่นนอน

ในทางกลับกับถ้าบุคคลนั้นตื่นขึ้นโดยการปลุก เช่น ตื่นเพราะนาฬิกาปลุก หรือมีคนเรียก

บุคคลนั้นมักจะจำเรื่องที่ฝันได้ แต่ไม่แน่เสมอไป


>>>>> มีต่อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 18 มี.ค.2007, 11:05 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เวลาของชีวิต แต่ละวันได้รับการจัดสรรมาเท่ากันทั้งกลางวันและกลางคืน เวลากลางวันมนุษย์ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพตามสถานะของตน ส่วนเวลากลางคืนโดยมากเป็นเวลาพักผ่อน ในเวลานอนพักผ่อนนั้น มนุษย์ทุกคนล้วนมีประสบการณ์ในเรื่องความฝัน ทั้งที่เป็นเรื่องจริงและไม่จริง เพราะความฝันเป็นอาการอย่างหนึ่งที่ทุกคนต้องเจอตามกระบวนการของธรรมชาติ

พระพุทธเจ้า ตรัสถึงเหตุแห่งความฝันไว้ ๔ ประการ คือ

๑. เทพนิมิต เป็นความฝันที่เกิดจากดวงจิตด้านดีของคน ทำให้เกิดนิมิตด้านดี จิตดวงนี้ทำงานขณะหลับ เหตุการณ์ในความฝันจะออกมาเป็นเรื่องที่ดีๆ ผู้ฝันรู้สึกพึงพอใจ มีความสนุกสนาน หรือเบิกบานใจ บางครั้งให้ข้อคิดดีๆ ได้

บางครั้งเล่าเรื่องทั่วไป แต่เป็นด้านดี ที่เรียกว่า เทพนิมิต เพราะเป็นเรื่องดี ไม่ทำให้ตกใจ ศาสนาพุทธสอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เทวดาจึงเป็นเพียงสัญลักษณ์แทนความดีงาม หรือสิ่งดีๆ ที่มนุษย์ทำนั่นเอง

๒. จิตนิวรณ์ เป็นความฝันขณะที่จิตถูกครอบงำด้วยสิ่งที่ปิดกั้นจิตไม่ให้บรรลุถึงความดี หลักมีอยู่ ๕ ประการ คือ ความพอใจรักใคร่ ความพยาบาท ความง่วง ความฟุ้งซ่าน และความลังเลตกลงใจไม่ได้ หลังจากฝันตื่นขึ้นมาทำให้รู้สึกเหนื่อย และไม่ต้องการจะฝันเช่นนั้นอีก

๓. ลางสังหรณ์ เป็นความฝันที่เกิดจากความกังวลล้วนๆ เมื่อกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือคิดถึงใคร หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อาจมีจิตผูกพันถึงคนนั้นหรือเรื่องนั้น อาจเป็นลางสังหรณ์ต่างๆ ได้ จริงบ้างไม่จริงบ้าง จึงไม่ควรยึดถือเป็นจริงเป็นจัง ควรทำความดี ดำเนินชีวิตตามทำนองคลองธรรม ความโชคดีมีความสุขจะเกิดเอง

๔. ธาตุกำเริบ เป็นความฝันเกิดจากความแปรปรวนในร่างกาย ซึ่งได้รับจากสภาพแวดล้อมจากอากาศที่ร้อนเกิน หนาวจัดบ้าง อาหารบ้าง อารมณ์บ้าง ทำให้ฝันได้หลายรูปแบบ อาจจะดีหรือร้ายก็ได้ หาความแน่นอนไม่ได้

การฝันเป็นเรื่อง และบางครั้งผู้ฝันเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ทำให้เหมือนมีส่วนได้เสียหรือต้องมีอันเป็นไปตามแรงฝัน เจ้าของฝันอยากจะรู้นัยที่ฝันนั้น การให้หมอทำนายฝัน เป็นการสนองความต้องการในขั้นต้น แต่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่ให้เชื่อความฝันจนมากเกินไป เพราะมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงอะไรจะดีหรือชั่ว ด้วยการกระทำของตน

ไม่ใช่ด้วยการบันดาลของเทวดาที่ไหน


>>>>> มีต่อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 28 มี.ค.2007, 4:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระเจ้าปเสนทิโกศล

ความฝันอันเป็นที่มาของความเชื่อเรื่องพุทธทำนายและวรรณกรรมเกี่ยวกับพุทธทำนายนั้น ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก เรื่องมหาสุบินชาดก หมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ที่พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินนิมิต 16 ประการ คือ

1. โคอุสุภราช 2. ต้นไม้ 3. แม่โค 4. โคสามัญ 5. ม้า 6. ถาดทองคำ 7. สุนัขจิ้งจอก 8. หม้อน้ำ 9. สระโบกขรณี 10. ข้าวสารที่หุงไม่สุก 11. แก่นจันทน์ 12. น้ำเต้าจมน้ำ 13. หินลอยน้ำ 14. เขียดกลืนกินงูเห่า 15. หงส์ทองแวดล้อมกา 16. เสือกลัวแพะ

ความฝันนี้ได้รับการขยายความออกไปอย่างพิสดาร ในหนังสืออธิบายประไตรปิฎก เมื่อพระพุทธศาสนาได้แพร่หลายไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลก ความเชื่อเรื่องพุทธทำนายได้ถูกนำไปเผยแพร่ด้วย

พุทธทำนายจึงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนในภูมิภาคนั้นๆ และความเชื่อเรื่องพุทธทำนายก็แพร่หลายจนปรากฏว่า มีการเขียนวรรณกรรมคล้ายพุทธทำนายอีกหลายฉบับ นอกจากนี้ ยังมีวรรณกรรมอื่นที่เรียบเรียงหรือแต่งขึ้นในปัจจุบันโดยนำเสนอคล้ายพุทธทำนาย โดยมุ่งทำนายโลกและชีวิตของมนุษย์ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าผู้ปกครองและประชาชนไม่ยึดมั่นในหลักศีลธรรม มุ่งแต่จะเบียดเบียนกัน เป็นต้น โดยรวมของวรรณกรรมพุทธทำนายจึงเป็นการสั่งสอนศีลธรรมแก่พุทธศาสนิกชน

คืนหนึ่งพระเจ้าปเสนทิแห่งแคว้นโกศล บรรทมแล้วทรงสุบินนิมิตประหลาดถึง 16 ประการ สุบินเหล่านี้ทำให้ทรงเกรงกลัว กังวลพระทัยว่าจะมีเหตุร้ายกับพระองค์ พราหมณ์ปุโรหิตได้ทำนายว่า สุบินนิมิตแบบนี้จะนำเหตุร้ายมาสู่พระองค์ พระมเหสี และราชบัลลังก์ จึงแนะนำให้ทำพิธีบูชายัญโดยนำสัตว์ต่างๆ มาฆ่า เพื่อบูชาสิ่งศักดิ์ และสะเดาะเคราะห์ พระนางมัลลิกาเทวี ซึ่งเป็นพระมเหสี ทราบเหตุการณ์ทั้งหมดจึงแนะนำให้พระเจ้าปเสนทิโกศล เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าก่อนที่จะทำตามคำแนะนำของปุโรหิตเหล่านั้น

พระพุทธเจ้า ทรงสดับความฝันทั้ง 16 อย่างแล้ว จึงทำนายว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ แก่พระองค์ พระมเหสี และราชบัลลังก์ แต่ผลในทางร้ายจะเกิดขึ้นในอนาคตอันยาวไกล ถ้าผู้ปกครองบ้านเมืองไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม ประชาชนในปกครองขาดศีลธรรม ทำร้ายเบียดเบียนกัน ไม่ประกอบกุศลกรรม จะเกิดความวิปริตผิดธรรมชาติมากมาย บ้านเมืองและประชาชนจะเดือดร้อน ไม่มีความสงบสุข


>>>>> มีต่อ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 31 มี.ค.2007, 9:55 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ โค 4 ตัว

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นโคสีเหมือนดอกอัญชัน 4 ตัว วิ่งมาจากทิศทั้ง 4 มีลักษณะอาการเกรี้ยวกราด เหมือนจะชนกัน ด้วยความโกรธแค้นมานาน พอโคทั้ง 4 วิ่งเข้ามาใกล้กันแล้ว กลับถอยห่างออกจากกันไปอยู่ที่เดิม

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรม และโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม จะเกิดภัยธรรมชาติ ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เกิดความแห้งแล้งและมีคนเห็นแก่ตัวโลภมาก พากันลักลอบตัดไม้ทำลายป่าจนหมด เมื่อไม่มีต้นไม้ใหญ่ ป่าขาดความชุ่มชื้น ฝนจึงไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ข้าวกล้าในนาและพืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ พากันยืนต้นแห้งตาย มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายจะพากันทุกข์เข็ญ พากันอดอยากล้มตาย


พวกที่เห็นแก่ตัวจะแสวงหาแต่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องจนประเทศชาติยากจน ผู้คนต้องทุกข์ยาก ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล มนุษย์ได้เรียนรู้จากภัยธรรมชาติว่า จะอยู่ท่ามกลางภัยธรรมชาติ อย่างปลอดภัยได้อย่างไร จึงเกิดเป็นภูมิปัญญาขึ้นในแต่ละท้องถิ่น เพื่ออยู่กับธรรมชาติ

หน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาวต่างมีภัยธรรมชาติหลายรูปแบบ ภัยธรรมชาติบางอย่างไม่ขึ้นกับฤดูกาล แต่อาจแสดงตัวเมื่อใดก็ได้ ความรู้ที่สะสมไว้เกิดเป็นภูมิปัญญาในแต่ละรุ่นของมนุษย์ ทำให้มนุษย์เตรียมพร้อมเพื่อที่จะอยู่รอดในแต่ละฤดูได้ รู้ว่าในแต่ละฤดูกาลนั้นต้องเตรียมตัวอย่างไร เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ

ในปัจจุบันที่มนุษย์ได้สร้างความเจริญล้ำหน้าไปกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นมากนี้ ภัยธรรมชาติได้เปลี่ยนวิธีการแสดงอำนาจไปจากเดิม ส่วนมากเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์เองมากกว่าจะเกิดตามฤดูกาล และหายนะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นด้วย

ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงหลังๆ ไม่ว่าจะน้ำท่วม โคลนถล่ม พายุ เป็นต้น ได้สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก และนับวันความเสียหายยิ่งมากขึ้นและซับซ้อนกว่าเดิม

ภัยจากธรรมชาติภายนอกเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก เพราะอยู่เหนือการควบคุม แต่ต้องเตรียมตั้งรับได้บ้างเพื่อป้องกัน แต่ภัยจากธรรมชาติภายในตัวคนเราเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ เป็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเรา คอยโหมกระหน่ำถล่มคนเราเป็นครั้งคราว โจมตีทันทีที่กิเลส ถูกชวนเชื่อให้คลั่งไคล้อะไรสักอย่างที่วันก่อนนั้นเราไม่เคยสนใจ ที่เดือนก่อนนั้นเราไม่เคยสนใจ

และเรามักเลยเถิดไปสู่หายนะบางอย่างอยู่บ่อยๆ เป็นหายนะซ้ำซาก ที่เราเข้าใจ และรู้สึกได้ว่า

พินาศจริงต่อเมื่อความเสียหายมันมาเย้ยหยันอยู่ตรงหน้าทุกครั้ง


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 01 เม.ย.2007, 1:41 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ ผลิดอกออกผล

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นต้นไม้นานาชนิดยังไม่ทันโตเต็มที่ ผลิดอกออกผลมากมาย ทำให้กิ่งก้านที่ยังไม่แข็งแรงเต็มที่ทนรับน้ำหนักไม่ไหว ต้องโน้มกิ่งลงถึงดิน

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรมและเข้าสู่ยุคเสื่อม เยาวชนซึ่งยังอยู่ในวัยเรียน หรือวัยรุ่นที่ยังไม่สมควรมีครอบครัวจะมีความกระสันใฝ่ในตัณหาราคะ ยินดีและหลงใหลในรูปสวยๆ เสียงไพเราะ กลิ่นหอมๆ รสดีๆ สัมผัสที่ถูกใจ มีความอยากในกามารมณ์ จึงจับคู่มั่วสุมกันอย่างอิสระไม่สนใจประเพณีอันดีงามหรือหน้าที่ของเยาวชน บางคนมั่วสุมกัน ไม่มีความละอาย แสดงความรักในที่สาธารณะอย่างเปิดเผย พากันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องเท่ห์ เป็นแฟชั่นที่ต้องแสดงออก


เมื่อตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ ไม่มีการเตรียมพร้อม จึงหาทางทำแท้งฆ่าลูกในท้องของตัวเอง บางคนทำแท้งไม่ได้เพราะท้องแก่มากแล้วจึงปล่อยให้ลูกออกมา เป็นภาระของพ่อแม่ต้องเลี้ยงดู หรือต้องปล่อยทิ้งให้อยู่ตามลำพัง กลายเป็นเด็กเร่ร่อนจรจัด ขาดความรัก ความอบอุ่น ขาดการศึกษา ไม่มีที่พึ่งพาอาศัย ไม่มีที่อยู่ ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น อดบ้าง อิ่มบ้าง น่าเวทนาและเป็นปัญหาสังคมอยู่ในขณะนี้ ปัญหาที่เห็นเด่นชัดและสร้างความหนักใจแก่ผู้ปกครองอย่างแสนสาหัส คือ ลูกๆ ชายหญิงหมกมุ่น มัวเมากามารมณ์จนเกินไป

ปัจจุบันกระแสมั่วกามของเยาวชนได้กลายเป็นค่านิยมอีกแนวหนึ่งเรียบร้อยแล้ว วัยรุ่นยุคนี้ที่ปะปนอยู่ในกระแสอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า กางเกง ดารา นักร้อง ภาพยนตร์ ที่เป็นกระแสหลัก และกระแสต่อเนื่องซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเมื่อไหร่จะเลือนหายไป

ค่านิยมที่ไม่ดีทำให้เด็กจำนวนหนึ่งต้องแข่งกันคิดหารูปแบบชีวิตที่คิดว่าแปลกใหม่และเท่มาอวดกัน พฤติกรรมเหล่านี้ซับซ้อนมากขึ้นจนผู้ใหญ่ตามไม่ทัน เช่น เมื่อหลายเดือนก่อน เด็กนักเรียนชาย-หญิงคู่หนึ่ง กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.๓ ตัดสินใจไปเช่าห้องอยู่ด้วยกันกับเพื่อนชาย โดยที่พ่อแม่ไม่รู้ เพราะพ่อแม่ทำงานอยู่ที่หนึ่ง ส่วนลูกต้องเรียนหนังสือ เลยฝากไว้กับญาติ นานๆ จึงจะมาเยี่ยมลูกสักครั้ง ไม่มีเวลาอยู่ใกล้ชิดลูก และอบรมสั่งสอนให้รู้อะไรควรไม่ควร

อีกตัวอย่าง โรงเรียนแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวงมีเด็กผู้หญิงมัธยมกลุ่มหนึ่งพากันขึ้นบัญชีนักเรียนผู้ชาย แล้วให้คะแนนความหล่อ หาโอกาสไปมีอะไรด้วย ใครทำได้จะได้รับการยกย่องจากเพื่อนในกลุ่มว่ามีฝีมือเก่งมาก

ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม

ในสังคมปัจจุบัน วัตถุและเทคโนโลยีต่างๆ มีความเจริญก้าวไกล แต่ศีลธรรมกลับเสื่อม พฤติกรรมต่างๆ ส่งเสริมยั่วยุให้เกิดการทำผิดศีลธรรม นับว่าเป็นอันตรายต่อเยาวชนยิ่งนัก

ถ้าจะเปรียบสังคมเป็นร่างกาย ความเสื่อมเหล่านี้เป็นเหมือนมะเร็งร้ายที่ค่อยๆ กัดกินส่วนที่สำคัญคือเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ หลายคนยังมึนกับข่าวมั่วกามของเยาวชน องค์กรใหญ่อย่างยูเอ็นเอาตัวเลขมาประจานว่า ยูเอ็นเอดส์ ตีแสกหน้าไทย นักเรียนมั่วเซ็กซ์-แพร่เชื้อ เป็นข่าวอีกครั้งเมื่อไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอดส์โลก ออกมาเตือนสังคมไทยให้เห็นปัญหาเยาวชนอีกครั้ง

จากการสำรวจล่าสุดพบว่า เด็กนักเรียน เยาวชนมีเพศสัมพันธ์โดยไม่นิยมป้องกัน ทำให้มีการติดเชื้อในเด็กมากขึ้น โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา หันมาจับคู่มีเพศสัมพันธ์กันเอง จนกลายเป็นปัญหาสังคมที่ลำพังสถานศึกษาและพ่อแม่ยังหนักใจ ผลปรากฏออกมาเป็นตัวเลขที่ยูเอ็นเอดส์วิจัยพบนักเรียนไทยติดเอดส์เพิ่มขึ้น

วงการแพทย์ไทย ยอมรับข้อมูลของยูเอ็นเอดส์ว่า ขณะนี้การติดเชื้อเอดส์ในคนไทยมากแตกต่างไปจากเดิม กลุ่มผู้ติดเชื้อเอดส์ส่วนใหญ่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์อย่างอิสระโดยไม่ป้องกัน เป็นปัญหาที่ภาครัฐและผู้ปกครองจะต้องหาทางแก้ไข เพราะหากไม่ได้รับการดูแลที่ดีแล้ว อาจส่งผลให้การระบาดของโรครุนแรงขึ้นได้ วัยรุ่นไทยคงลืมนึกถึงอันตรายของโรคเอดส์ที่ใครป่วยแล้วรอดยาก โรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งเป็นศูนย์กลางของผู้ป่วยโรคเอดส์ เผยข้อมูลว่าผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 2 ราย โดยโรคแทรกซ้อนอันดับหนึ่งของผู้ติดเชื้อเอดส์คือ เชื้อวัณโรค รองลงมาคือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบและปอดบวม

เยาวชนที่หมกมุ่นในกามารมณ์ หลงใหลจนเกินพอดี ชิงสุกก่อนห่ามในวัยเรียน ที่มักจบลงด้วยการเรียนไม่จบ เพราะตั้งท้องเสียก่อน จึงต้องยุติอนาคตของตัวเองด้วยการทำแท้ง หรือออกไปใช้ชีวิตเป็นผู้ใหญ่ก่อนวัยอันสมควร จนมีปัญหามากมายตามมาเนื่องจากความไม่พร้อม

ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น หากเยาวชนเติบโตและพัฒนาการไปตามวัย ไม่ตกเป็นทาสของกามารมณ์ ยังคงเรียนหนังสือตามหน้าที่ แต่งงานมีครอบครัวตามเวลาที่เหมาะสมหลังจากเรียนจบ เด็กเหล่านี้มีอนาคตที่ดี มีงานทำที่ดี สร้างฐานะ มียศตำแหน่งได้ตามลำดับ

แต่ละคนทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ เช่น พ่อแม่ทำหน้าที่เลี้ยงดู แนะนำสั่งสอนลูกอย่างดี เป็นต้น ลูกๆ เชื่อฟังทำตามคำแนะนำของพ่อแม่ เพราะวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะได้มีความพร้อมในการรับผิดชอบตนเองและสังคม


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 08 เม.ย.2007, 12:45 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ แม่โคขอกินนมลูก

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นฝูงพ่อแม่โคที่คลอดลูกออกมาไม่นาน คอยวิ่งตามลูกโคเพื่อขอกินนมลูกโคตัวเล็กๆ ลูกโคที่เพิ่งคลอดไม่นานจะมีน้ำนมให้พ่อแม่โคดื่มกินได้อย่างไร คิดดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งนัก

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรมและโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม ผู้คนในสังคมมีแต่ความเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดี ถูกอำนาจกิเลสตัณหาครอบงำ มุ่งแต่เอารัดเอาเปรียบกัน กอบโกยแต่ประโยชน์ส่วนตน โดยไม่สนใจประโยชน์ส่วนรวม ต่างแย่งที่กันทำกิน แย่งถิ่นกันอยู่ แย่งคู่กันพิศวาส แย่งอำนาจกันเป็นใหญ่ ไม่คำนึงถึงความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้อื่น


โดยเฉพาะความฝันในเรื่องนี้ เกี่ยวข้องถึงพ่อแม่กับลูกโดยตรง คือพ่อแม่จะตามใจลูกจนเกินพอดี เลี้ยงดูเหมือนลูกเป็นเทวดา ลูกอยากได้อะไรพยายามหามาให้แทบทุกอย่าง ในที่สุดลูกกลายเป็นคนสันดานหยาบกระด้าง ไม่รู้สึกเห็นใจผู้อื่น ไม่มีน้ำใจ เมื่อทำอะไร จะทำตามความอยากของกิเลส มีอารมณ์โกรธง่าย ไม่อดทนต่อการรอคอย สุดแท้แต่อารมณ์ฝ่ายต่ำจะนำพา หาความกตัญญูจากลูกแท้ๆ ของตนเองไม่ได้เลย

ในทางกลับกัน เมื่อพ่อแม่ชราภาพแล้ว ทำมาหากินไม่ไหว ต้องทนอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทรมาน ไม่มีที่พึ่ง ก้มหน้าอ้อนวอนลูกขอเศษเงินซื้ออาหารประทังชีวิต กว่าจะได้แต่ละครั้ง ถ้าพ่อแม่พูดกับลูกดีๆ ทำตัวเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่ขี้บ่น ลูกบางคนก็ยินดีแบ่งปันเงินทองให้ใช้บ้าง หากพ่อแม่ทำตัวให้เป็นภาระ ขี้บ่น จะเป็นคนที่น่ารังเกียจของลูก ซึ่งลูกบางคนจะไม่สนใจไยดี

ยิ่งกว่านั้นลูกบางคนทั้งดุด่าประจานต่างๆ นานา บางคนถึงกับไล่พ่อแม่ให้ออกจากบ้าน ต้องไปขอทานเขากิน หรือไม่ก็พาไปปล่อยไว้ที่บ้านพักคนชรา จากนั้นไม่เคยสนใจปรนนิบัติดูแลหรือห่วงใย ไม่เคยระลึกถึงว่าพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด และเลี้ยงดูตนเองมาก่อน

ดูตัวเลขแล้วยิ่งน่าเป็นห่วง มีผู้สูงอายุที่บ้านพักคนชราเพิ่มมากขึ้น ทำให้นึกถึงความฝันข้อนี้ของพระเจ้าปเสนทิโกศล ดูเหมือนจะเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน แต่เดิมครอบครัวที่เคยอบอุ่น อยู่กันพร้อมหน้า ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ลูก นั้นเริ่มเลือนหายไปๆ ทีละน้อยๆ เหตุดังกล่าวนี้มีให้เห็นแล้ว

ยิ่งนับวันยิ่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น


ควรตอบแทนคุณ

จากความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่เห็นแม่โคขอกินนมลูก โดยพุทธทำนายว่า พ่อแม่จะอ้อนวอนขอร้องให้ลูกๆ ช่วยดูแลในยามแก่เฒ่า แต่ลูกบางคนไม่ใส่ใจดูแล

ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่มีคุณค่าของคนเรา คือความกตัญญูต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณจึงจะเหมาะสม พระพุทธศาสนายกย่องคุณค่าของพ่อแม่ไว้สูงส่งเทียบได้กับพระอรหันต์หรือพระพรหม และในทุกสังคม ทุกชนชาติ ล้วนยกย่องพ่อแม่ด้วยกันทั้งนั้น

พระอรหันต์ เป็นผู้ประเสริฐที่สุดตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชนเป็นเนื้อนาบุญที่ยิ่งใหญ่ พ่อแม่ได้รับยกย่องให้มีความประเสริฐเท่ากับพระอรหันต์ พ่อแม่จึงมีฐานะเป็นพระอรหันต์ในบ้าน ที่ลูกสามารถกราบไหว้ได้ตลอดเวลา เป็นเนื้อนาบุญที่ดีเลิศ

พระพรหม ตามความเชื่อคือเป็นผู้สร้างโลกสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเทพเจ้าที่คนเป็นจำนวนมากนับถือ พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าพระพรหมเป็นผู้ประเสริฐเพราะมีคุณธรรมประจำใจ คือ

มีเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น

มีกรุณา มีใจสงสารต้องการช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

มีมุทิตา มีใจพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จ

และมีอุเบกขา วางใจเป็นกลาง เที่ยงตรงยุติธรรม

พ่อแม่ได้รับยกย่องว่า เป็นพระพรหมของลูก เพราะท่านสร้างทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกๆ ตั้งแต่อยู่ในท้อง เลี้ยงดู ท่านสร้างชีวิตของลูกๆ จนเติบโตเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ พ่อแม่จึงมีความประเสริฐอยู่พร้อม ลูกไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาสิ่งที่ดีเลิศจากที่ใดอีก นอกจากนี้ การดูแลพ่อแม่ถือว่าเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตของลูกทุกคน ลูกที่ดูแลพ่อแม่จะรู้สึกได้ด้วยตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ และมีความสุข สังคมยกย่องลูกผู้มีความกตัญญูรู้คุณ เป็นที่เชื่อถือได้รับการยอมรับ แรงกตัญญูเสมือนเกราะที่คอยปกป้องลูกทุกคนให้พ้นภัย มีความสุขเจริญยิ่งขึ้น

ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี คงยืนยันความเชื่อนี้ที่มีมาอย่างยาวนานหลายพันปี

ความจริงที่ลูกทุกคนทราบชัดอยู่แล้วคือ เราเกิดมาจากท้องแม่ เราอาศัยอยู่ในท้องแม่เกือบสิบเดือนในฐานะก้อนเนื้อที่แม่ต้องถนอมอย่างยิ่งในช่วงเวลานั้น แม่ต้อง ลด ละ เลิกทุกสิ่งที่แม่ชอบ และที่คิดว่าอาจจะเป็นอันตรายกับชีวิตของลูก แม่ต้องจำกัดบริเวณตัวเอง น้ำหนักตัวของแม่เพิ่มขึ้น บางครั้งแม่ต้องปวดเข่า แม่พยายามอยู่ในที่ๆ คิดว่าปลอดภัยแก่ตัวเองและลูก แม่ต้องพยายามอย่างมากเพื่อให้แน่ใจว่าลูกปลอดภัยดีที่สุด


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 22 เม.ย.2007, 10:38 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ ทรมานลูกโค

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นชาวไร่ชาวนา นำลูกโคตัวน้อยๆ ที่ไม่แข็งแรงไม่เคยผ่านงานมาก่อน มาใช้งาน แต่เดิมเคยใช้โคตัวใหญ่ที่ชำนาญงาน ประกอบอาชีพ ทำไร่ไถนา มาบัดนี้ กลับทอดทิ้งโคตัวใหญ่ ไม่สนใจไยดี งานจึงไม่ได้ผล ทำให้เสียงาน เสียเวลา

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรมและโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม ผู้นำหรือผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินจะเล่นพรรคเล่นพวก ไม่สนใจคนดีมีความสามารถ เลือกแต่คนที่ไม่รู้จริง ไม่ชำนาญงาน อ่อนประสบการณ์เข้ามาร่วมงาน


คนเหล่านี้จะทำให้บ้านเมืองมีปัญหา เงินคงคลังของชาติต้องหมดไปกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง งานของชาติมีแต่เรื่องยุ่งไม่รู้จักจบสิ้น เพราะพวกไม่ชำนาญงานเหล่านี้ที่ได้แต่อวดเบ่งยศ บิดเบือนความผิดให้กลับเป็นถูก เพื่อแลกกับผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ผู้คนตกทุกข์ได้ยาก และเดือดร้อนกันทั่วทั้งเมือง

การเลือกคนที่ไม่มีความรู้ ไม่มีความชำนาญ และไม่มีความรับผิดชอบ ให้เข้ามาบริหารงานสำคัญของบ้านเมือง นอกจากงานที่ไม่มีความก้าวหน้าแล้ว บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเสียหาย

ผู้บริหารที่ไร้มโนธรรม มักไม่ใส่ใจที่จะเลือกคนดีมีฝีมือมาทำงาน ส่วนมากจะเลือกคนที่เป็นเพื่อนหรือเครือญาติสามารถเอื้อประโยชน์กัน โดยไม่คำนึงถึงความสามารถ คนเหล่านี้เมื่อได้รับตำแหน่งหน้าที่จะทำตัวเช่นเจ้านาย และหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ให้ตนเองและพวกพ้อง

ชาวบ้านที่ไม่ใช่พวกจะพากันเดือดร้อน จำยอมต่อสภาพชีวิตที่ถูกความชั่วครอบงำ การทำมาหากิน ไม่สะดวก บางรายถูกแกล้งให้ได้รับความเสียหาย

ผู้นำที่ขาดคุณธรรม ขาดคุณสมบัติ นอกจากบริหารไม่เป็นแล้ว ยังเก็บปัญหาสะสมไว้โดยไม่จำเป็น บางคนตามเล่ห์เหลี่ยมของลูกน้องไม่ทัน ปล่อยให้ลูกน้องซึ่งเอาแต่ประจบประแจง กินแรงคนอื่น นำผลงานคนอื่นมาเสนอเพื่อเอาหน้า สร้างผลงานจากน้ำพักน้ำแรงคนอื่น ลูกน้องแบบนี้เป็นอันตราย

ปัญหาดังกล่าวนี้ จะไม่เกิดขึ้น หากผู้นำเป็นคนดีมีศีลธรรม มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ยุติธรรม มีความหนักแน่น ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม รู้จักเลือกคนเข้าทำงานโดยเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญๆ

เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองโดยส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 28 เม.ย.2007, 2:51 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ ม้าสองปาก

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นม้าตัวหนึ่งแปลกมาก แทนที่จะมีปากเดียวเหมือนม้าทั่วไป กลับมีสองปาก มีลักษณะอ้าปากค้างไว้ มีน้ำลายไหลอยู่ตลอดเวลา ชายสองคนเฝ้าป้อนหญ้าให้กินทั้งสองปาก แต่ม้านั้นกินเท่าไรไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรมและโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม ผู้มีอำนาจ มีหน้าที่ตัดสินคดีความ หรือมีหน้าที่ดำเนินการด้านคดีความต่างๆ

เช่น ตุลาการ อัยการ ผู้พิพากษา ตำรวจ เป็นต้น จะใช้เล่ห์เหลี่ยมอุบายวิธีซึ่งไม่ถูกต้อง หลอกเอาผลประโยชน์จากโจทก์และจำเลย ตามความหนักเบาของคดีความโดยไม่รู้จักพอ เหมือนม้าที่มีสองปาก มีชายสองคนป้อนหญ้าให้กินไม่รู้จักอิ่ม


กระบวนการยุติธรรมจะไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ จะมีการตัดสินคดีความตามน้ำหนักของสินบนหรือผลประโยชน์ว่าฝ่ายไหนจะให้มากกว่ากัน ถ้าฝ่ายจำเลยให้สินบนมากกว่าจะตัดสินให้ฝ่ายจำเลยชนะ ถ้าฝ่ายโจทก์ให้สินบนมากกว่า จะตัดสินให้ฝ่ายโจทก์ชนะ เป็นต้น

กฎหมายโบราณของอาณาจักรเมโสโปเตเมีย ซึ่งมีบทลงโทษรุนแรง เช่น ผู้ลักทรัพย์ต้องถูกตัดมือ เป็นต้น ถือกันว่าเป็นกฎหมายที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลกและเก่าแก่มาก เป็นหลักฐานของมนุษย์ที่ได้ค้นคิดเครื่องมือแห่งความยุติธรรมมานานแล้ว มนุษย์เรียกร้องหาความยุติธรรม มีปัญหาเรื่องความยุติธรรม และมีการตัดสินเพื่อให้คดียุติตามความจริง

ปัญหาม้าสองปาก กินไม่รู้จักอิ่ม จะไม่เกิดขึ้น หากผู้มีอำนาจมีหน้าที่ตัดสินคดีความ รักษาความยุติธรรม มีจิตใจเที่ยงตรงดุจตราชั่ง ไม่เห็นประโยชน์ตนจนลืมความถูกต้อง ที่สำคัญคือไม่ลำเอียงด้วยเหตุสี่อย่าง คือ

ไม่ลำเอียงเพราะรัก ถือว่ารู้จัก เคารพรักนับถือกัน หรือเป็นเครือญาติ เคยช่วยเหลือกันมาก่อน ควรแยกความรัก ความคุ้นเคยกันออก ให้ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ด้วยใจเป็นกลางที่สุด

ไม่ลำเอียงเพราะโกรธ เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน จึงกลายเป็นทุนเดิมให้ตัดสินลำเอียง ที่ผิดกลับกลายเป็นถูก ที่ถูกกลับกลายเป็นผิด ควรแยกเรื่องส่วนตัวออกจากหน้าที่การงาน

ไม่ลำเอียงเพราะหลง ไม่มีความเข้าใจถ่องแท้ ในแง่กฎหมาย ควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสิน มิเช่นนั้นจะกลายเป็นบาปติดตัว

ไม่ลำเอียงเพราะกลัว อำนาจอิทธิพล ทำให้การตัดสินถูกบิดเบือนไป

หากคำนึงถึงความถูกต้อง ก็ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 29 เม.ย.2007, 9:22 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ ถาดทองไร้ค่า

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นคนพากันขัดถาดทองคำสีทองสุกปลั่ง แต่กลับเอาไปวางไว้รองรับปัสสาวะของสุนัข ที่รดบนถาดทองถาดนั้นด้วยความยินดี

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรมและโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม ผู้บริหารบ้านเมืองจะคบหาคนพาล คนชั่ว เอาคนชั่วมาเป็นบริวาร ส่งเสริมด้วยยศตำแหน่งให้ ไม่คบหาปัญญาชน ไม่ส่งเสริมบรรดาศักดิ์ ไม่นับถือนักปราชญ์ ดุจดั่งขมิ้นกับปูน ทั้งไพร่ทั้งบ่าวต่างลำพอง ผู้บริหารแผ่นดินไม่สนใจเหลียวแลทุกข์สุขของประชาราษฎร์ ผู้ปกครองและบริวารคิดแต่กอบโกย เพราะคิดว่าประชาชนไม่ใช่พวกของตน


จุดเด่นของมนุษย์คือ มีความสามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งที่ดีได้อย่างถึงที่สุด ความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยี การค้นพบทฤษฎี หรือแม้กระทั่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่ของมนุษย์เป็นการยืนยันให้เห็นว่า มนุษย์มีศักยภาพสร้างสรรค์ไม่มีขีดจำกัด จุดด้อยของมนุษย์ที่แฝงติดตัวมาด้วยคือ มีความสามารถคิดและทำในสิ่งที่ชั่วร้ายได้เช่นกัน

การสงครามตลอดจนประวัติศาสตร์ของมนุษย์ล้วนเกิดจากจุดด้อยนี้ หากเปรียบเทียบกับด้านดีที่มนุษย์ได้ทำไว้ให้แก่โลกนี้แล้ว ชวนให้สลดยิ่งกว่า มนุษย์ที่สร้างสิ่งดีงามไว้ให้แก่โลกมากมายนั้น ไม่น่าทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้

ผู้บริหารประเทศก็เช่นกัน เมื่อถูกความชั่วเข้าครอบงำ จะทำสิ่งชั่วร้ายได้อย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะผู้นำที่หลงอำนาจคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ ตั้งตนอยู่ในความประมาท ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน ดูถูกผู้อื่น

ผู้นำที่มีพฤติกรรมแบบนี้มักไม่สนใจมิตรสหายที่เป็นคนดีหรือผู้รู้ที่สังคมให้ความนับถือ

แต่ไปคบหากับคนชั่วที่นิสัยคล้ายตน ชอบสิ่งเดียวกัน มาเป็นพวกกันมีผลประโยชน์ร่วมกัน ลงทุนร่วมกัน มีลูกก็ให้แต่งงานกันเพื่อให้เครือข่ายแข็งแรงมั่นคง โดยไม่สนใจว่าประชาชนจะอยู่อย่างไร จะมีปัญหาอะไร ความมั่งคั่งของตัวเองและพวกพ้องเป็นเรื่องสำคัญ

หากย้อนดูประวัติศาสตร์บ้านเมืองของเราเอง บางยุคผู้นำของเราดำเนินชีวิตแบบนี้ และประเทศชาติก็พังพินาศ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมที่ผู้นำได้ก่อไว้ทุกประการ

คำที่ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

ยังคงทันสมัยและเป็นจริงอยู่เสมอ


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ก้อนดิน
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 07 ก.ค. 2004
ตอบ: 623

ตอบตอบเมื่อ: 05 พ.ค.2007, 1:57 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

๏ สุนัขกัดกินเชือก

พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงสุบินนิมิตเห็นคนนั่งฟั่นหนังสัตว์เป็นเส้นเชือกอยู่บนเรือน แล้วปล่อยปลายเชือกลงไปในร่องพื้นใต้ถุนบ้าน ปลายเชือกกลับถูกสุนัขกัดกิน ชายที่ฟั่นเชือกหารู้ไม่ว่าปลายเชือกถูกสุนัขกัดกินจนเชือกที่หย่อนยาวลงไปกุดสั้นไม่ถึงพื้นสักที แม้ชายคนที่ฟั่นเชือกนั้นจะฟั่นจนหมดริ้วหนังสัตว์ เชือกหนังนั้นไม่มีโอกาสถึงพื้นดินเลย

พระพุทธเจ้าทรงทำนายว่า ในปัจจุบันคือสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์อยู่ จะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นต่อชีวิตของพระองค์ พระมเหสี และราชสมบัติ

แต่ในอนาคตเมื่อมนุษย์ขาดศีลธรรมและโลกเข้าสู่ยุคเสื่อม จะเกิดเหตุเลวร้ายระหว่างสามี-ภรรยา เพราะต่างมากด้วยเล่ห์กลมารยา เมามัวในกิเลสตัณหา สามีทำงานหาเงินให้ภรรยาเก็บรักษา แต่ภรรยาไม่สนใจงานเรือน เมื่อสามีไม่อยู่ภรรยาจะคบชู้สู่ชาย เบียดบังเงินทองของสามีที่หามาได้ให้กับชายชู้ ครอบครัวจะไม่มีความมั่นคง ฝ่ายชายประพฤติเช่นเดียวกัน เงินที่หามาได้แอบแบ่งจุนเจือหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาเพียงเพื่อแลกกับการหลับนอน โดยไม่คำนึงถึงสภาพครอบครัวว่าจะเสียหายอย่างไรหรือไม่


ต่างฝ่ายต่างนอกใจคู่ครองของตนเหตุการณ์เหล่านี้ ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในยุคสมัยที่ผู้คนถูกกิเลสตัณหาครอบงำ แยกไม่ออก มองไม่เห็นว่าอะไรควรหรือไม่ควร สถาบันครอบครัวในปัจจุบันตกอยู่ในสภาพน่าเป็นห่วง จากตัวเลขการหย่าร้าง ทำให้มองได้ว่า มนุษย์เริ่มล้มเหลวในการมีครอบครัว

ความจริงใจของคู่ครองทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายเป็นหัวใจของครอบครัว คนในยุคปัจจุบันมีความสามารถศึกษาหาความรู้ได้ไม่มีขีดจำกัด แต่เมื่อมีครอบครัวกลับพบว่า ความรู้เหล่านั้นไม่ได้ช่วยให้เกิดความมั่นคงใดๆ ได้ อัตราการหย่าร้างกลับมากขึ้น

ปัญหาการนอกใจคู่สมรสมีมากขึ้น ที่สำคัญสังคมไม่ได้ติดใจว่าใครจะมีชู้กับใคร ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก่อนชีวิตครอบครัวเป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย แม้สามี-ภรรยาไม่มีความรู้มาก แต่อยู่กันจนมีลูกมีหลาน ชีวิตครอบครัวดูราบรื่นอบอุ่น

การนอกใจกันถือเป็นเรื่องร้ายแรงในสมัยก่อน สังคมประณามเพราะถือว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ซึ่งเป็นกรอบที่ช่วยคุ้มกันไม่ให้ครอบครัวแตกแยก

แม้การหย่าร้างเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน แต่สำหรับผู้ที่จะมีคู่แต่งงานควรต้องคิดและศึกษานิสัยใจคอกันให้ดี อย่าเพียงแค่นึกสนุก เพราะถ้าต้องแยกทางกันตอนมีลูกแล้ว ปัญหาหลายอย่างที่คาดไม่ถึงรออยู่มากมาย

ชีวิตคู่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัวเป็นฐานสำคัญ เป็นหน่วยเล็กๆ ให้กับสังคมหน่วยใหญ่ เป็นเหตุผลของกันและกัน ถ้าครอบครัวแข็งแรง สังคมก็แข็งแรง สามีและภรรยาที่เลือกใช้ชีวิตคู่ อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ มีลูกแล้วเอาใจใส่อบรมสั่งสอนให้รู้จักดีรู้จักชั่ว ถือว่าเป็นชีวิตคู่ที่ยอดเยี่ยม ต่างคนต่างทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

เป็นการประคับประคองชีวิตสมรสให้ยืนยาว


มีต่อ >>>>>
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง