ผู้ตั้ง |
ข้อความ |
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:08 pm |
|
พระพุทธเจ้าจึงสอนให้อบรมใจ ให้ทรมานใจตนเอง
อย่างเบื้องต้นหัด อย่าให้มันโกรธ อย่าให้มันส่งส่ายไปหาความโกรธ
ให้จิตให้ใจสงบขึ้น เนื่องจากมันเกิดที่ใจ
เราจึงต้องมาหัดดูที่ใจ พอมาหัดอบรมที่ใจแล้ว
ใจมันก็ดี นิสัยมันก็ดีขึ้น ถ้าใจดีแล้วกายมันก็ดีไปเสียทุกอย่าง
ความโกรธมันก็ไม่มี ความหงุดหงิดฉุนเฉียวก็ไม่มี เพระเราอบรมใจ
ผู้ที่ยังทำใจของตนเองให้สงบไม่ได้แล้ว
จะนำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เป็นสันติ
มาพิจารณาก็คงไม่เกิดผล
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:09 pm |
|
เรื่องปาฏิหาริย์ โดยมากมันเป็นตามนิสัยวาสนาบารมีที่เคยสร้างสมอบรมมาแต่ก่อน
ถ้าหากบารมีไม่มีแล้ว จะหัดเท่าไรๆ ก็ไม่เป็นไปได้
ในทางพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ปฏิเสธ
แต่ก็ไม่ทรงสอนทางนั้น
สอนให้ละความชั่ว ทำใจให้บริสุทธิ์สะอาด
การปลุกเสกเป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ พุทธศาสนาไม่มี
ความจริงพระพุทธรูปมิใช่ของขลัง
เป็นแต่พยานให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าต่างหาก
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:10 pm |
|
ธรรมทั้งหลายเกิดจากความสงบ
ความสุขเกิดจากความสงบ
สุขอื่นที่ประกอบด้วยอามิส
ทุกๆ คนก็พากันรู้รสชาติของมันแล้วว่ามันมีรสชาติขนาดไหน
แต่ความสุขที่เกิดจากความสงบ บางคนอาจไม่ได้พบเลยก็ม
เพราะฉะนั้น จึงควรที่จะพากันอบรม ความสงบ
ให้รู้จักรสชาติของความสงบบ้าง
การฝึกหัดสมาธิภาวนาเป็นการฝึกหัดใจ ซึ่งเป็นของไม่มีตัวไม่มีตน
ไม่เหมือนการสอนหนังสือ ต้องฝึกหัดด้วยตนเองให้ชำนิชำนาญ
รู้จักเล่ห์กลมารยาของใจเสียก่อน จึงจะฝึกหัดคนอื่นได้ถูกต้อง
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:12 pm |
|
การฟังเทศน์ก็ต้องการให้ใจสงบนั่นเอง ถ้าหากว่าใจสงบจนกระทั่งฟังเทศน์ไม่ได้ยินอะไรเลย
นั่นแหละถูกต้องแล้ว
ฟังเทศน์ในที่ใดๆ หรือในอุบายอันใด ก็เพื่อสงบแห่งใจนี่เอง พระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าเทศน์ให้พระภิกษุสงฆ์ฟัง
ก็ต้องการให้ใจสงบเป็นสมาธินั่นเอง
ภาวนาไม่ใช่การได้ เป็นการทิ้ง
ทิ้งของไม่ดี ชำระของไม่ดีที่มันติดอยู่ที่ใจของเรา
เพราะเหตุนั้น จึงมาหัดภาวนาให้มันเห็นของไม่ดี ที่อยู่ในใจของเรา
แล้วทิ้งของอันไม่ดีนั้นเสีย นี่คือการภาวนา
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:13 pm |
|
เมื่อจิตสงบแล้วก็มองเห็นตัวเอง (คือความสงบของใจ)
นั่นแหละคือตัวเรา มองเห็นตัวเราแล้ว จงรักษาตัวเรานั้นให้มั่นคง ด้วยการทำสติกำหนดให้แน่วแน่อยู่เสมอทุกเมื่อ
มันจะคิดดีคิดชั่ว หยาบ ละเอียด ก็รู้อยู่เสมอ
ให้รักษาอยู่อย่างน ี้จะนานแสนนานสักเท่าไรก็ตามใจ
อย่าไปอยากรู้โน่นรู้นี่ อะไรต่างๆ นานา มันเป็นตัณหา
เดี๋ยวจิตจะเสื่อม ใช้ไม่ได้
ใจเป็นใหญ่กว่าอะไรทั้งปวงหมด
ถ้าเราคุมใจให้สงบไม่วุ่นวายส่งส่ายได้แล้ว
ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ปวดนั่นปวดนี่ จะหายไปโดยไม่รู้ตัว
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:14 pm |
|
ปัญญาพิจารณาเห็นสังขารร่างกายของตน
เห็นอะไร เอากระจกมาส่องดูก็ได้หรอก หน้าตาของเรานี่แหละ
ไม่ต้องไปส่องคนอื่น มันเห็นของแก่ ของเฒ่า ของชำรุดทรุดโทรม เหี่ยวแห้ง
อันนี้มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นเท่านี้ก็เอาละไม่ต้องเห็นอื่นไกล พยายามให้เห็นอยู่อย่างนั้นอยู่เสมอ เพียรพยายามอยู่ตลอดเวลา
จิตนี้ชอบกล ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัด ยิ่งมัดยิ่งผูกให้แน่น ตึงเข้าทุกที
หากเรานิ่งเฉยเสีย ถึงมันจะไม่หลุด แต่มันก็ไม่รัดให้เดือดร้อนเกินไป
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:15 pm |
|
จิตที่ปล่อยวางสิ่งทั้งปวงหมด มารวมอยู่ในพุทโธอันเดียว จิตเป็นอันเดียวเอาพุทโธเป็นอารมณ์ นั่นแหละเรียกว่าภาวนาสมาธิ
เราตามกำหนดให้เข้าใจเรื่องจิตอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ เสียก่อน
ต่อไปมันเป็นเองของมัน
อย่าพึ่งอยากได้ความรู้ก่อน ไม่ดี
ให้มันเป็นไปก่อนแล้วจึงค่อยรู้ตามหลัง
คือ อย่าให้ไปฉลาดก่อนโง่
ถ้าไปฉลาดก่อนโง่ก็เลยไม่ฉลาดสักที
ความโง่มาเสียก่อนความฉลาดมันจึงมาตามหลัง
มันไปรู้ความโง่มันจึงค่อยฉลาด
ถ้าไปฉลาดก่อน เลยไม่รู้จักโง่ รู้จักโง่นั้นแล คือความฉลาด
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:17 pm |
|
การภาวนาต้องพึ่งตนเอง การที่จะหวังพึ่งคนอื่นมันจะไหวหรือ หัดพึงตนเองให้ได้ในปัจจุบันเดี๋ยวนี้แหละ จึงเรียกว่า ภาวนามีหลัก ถ้ายังพึ่งตนเองไม่ได้แล้วก็ยังไม่มีหลัก ให้จับอย่างนี้
หลักคือตัวใจของเรา
เรามาจับหลักอันนี้ให้ได้แล้ว ได้ชื่อว่าพึ่งตนเอง
การหัดภาวนาในทางที่ถูก ไม่เป็นไปเพื่อเสียจริต
ยิ่งหัดเข้าไปก็ยิ่งทำให้คนมีสติมีปัญญา
มีความสงบเสงี่ยม เรียบร้อยสุภาพขึ้น
ถ้าหากว่าไม่ถูกหนทาง หัดภาวนาไป
บางทีมันอาจจะเกิดภาพนิมิตตื่นตระหนกตกใจ แล้วกลัว
ส่งออกไปภายนอก ไม่ได้น้อมเข้ามาภายในใจของเรา
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:18 pm |
|
ไม่ว่าใครทั้งหมด เรื่องภาวนาไม่ใช่เป็นของง่ายๆ
คนที่เป็นเอง เรียกว่า วาสนาสูงส่งที่สุด
โดยมากที่อยากจะมาภาวนา ก็เพราะเห็นทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ แหละต้องฝ่าฝืนอุปสรรคบากบั่นเพื่อจะให้พ้นทุกข์
คือ หัดทำความสงบ
ถ้าไม่เห็นทุกข์อย่างนี้แล้ว ไม่มีใครอยากภาวนาให้พ้นจากทุกข์เลย
อย่าไปแส่ส่ายหาความรู้ในเมื่อมันสงบแล้ว ความสงบนั้นมันจะหายไป
มันจะเกิดความรู้ขึ้นมาเอง ถ้ามันไม่เกิดก็ให้รักษาความสงบไว้ก่อน จะนานแสนนานก็ช่างมั่นความคิดค้นหาความรู้โดยปราศจากความสงบแล้ว เป็นของปลอม
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:19 pm |
|
ข้อเท็จจริงผู้ที่ได้ทั้งหลาย ต้องหมดความอยากเสียก่อนจึงจะได้
จริงอยู่ความอยากเป็นเหตุเบื้องต้น
แต่การที่จะได้ ต้องทำความอยากให้หมดไป จึงจะได้
การภาวนาไม่ใช่เรื่องอยากได้ อะไรๆ
ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างมันได้มามากมายเยอะแยะแล้ว
คราวนี้มาลองหัดทิ้งดูเสียบ้าง
คิดหัดปล่อยวางลงในปัจจุบัน ให้เห็นจิตแท้ คือของจริงตัวเดิม
ผู้บำเพ็ญเพียรภาวนา ทำคุณงามความดี เห็นคุณค่าแล้ว
ไม่ขี้เกียจ ทุกข์หายไปเอง
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:21 pm |
|
เวลาบ่มผลไม้ต้องเอาไว้ที่เดียว ไม่ต้องย้ายไปย้ายมา เอาไว้ที่เก่านั่นแหละ เมื่อบ่มแล้วมันจะสุกงอมของมันเอง
ถ้าต้องการอยากให้สุกเร็ว ก็เอาเครื่องอบอุ่นใส่เข้าไป
แต่ว่าสุกอย่างนั้นสุกไม่หวาน
ไม่เหมือนให้มันสุกด้วยกำลังของมันเอง
มันมีรสชาติหวานดีด้วยกำลังความแก่ของมันเอง
การทำสมาธิภาวนาก็เหมือนกัน
ถ้ารีบร้อนนักมักจะไม่ได้ผล
เราทำสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร ทำใจให้เฉยๆ
อย่าไปรีบร้อนเลยทำใจให้รีบร้อนเลยไม่เป็นอีก
อยากจะเห็น อยากจะเป็น อยากจะมีอะไรต่างๆ ให้มันเกิดขึ้น เลยไม่เป็น
อย่างชาวบ้านเขาว่า สุกก่อนห่าม อันนี้ก็ฉันเดียวกัน
|
|
|
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
06 มี.ค.2007, 3:22 pm |
|
อย่าภาวนาเอารางวัล (รู้เห็นเหตุการณ์ ฯลฯ) เลย
เราภาวนาเพื่อการพ้นทุกข์
ปัญญา เป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่เลือกชั้น
ไม่ว่าไพร่ ผู้ดี มี จน ย่อมปรารถนาด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าได้ทราบว่าคนนั้น คนนี้ แม้จะไม่ใช่ลูก หลาน เหลนหรือญาติมิตรของเราก็ตาม ว่าเขาเป็นผู้ดีมีปัญญาเฉลียวฉลาดแล้ว
ก็จะแสดงความสนใจเป็นพิเศษในบุคคลนั้น
มิใช่จิตฝึกหัดเรา แต่เราฝึกหัดจิตให้อยู่ในบังคับได้ตามปรารถนาของตน
รวบรวมโดย...พลอากาศเอก หะริน หงสกุล
http://www.thewayofdhamma.org/5_4.html
|
|
|
|
|
|
I am
บัวบานเต็มที่
เข้าร่วม: 25 ต.ค. 2006
ตอบ: 972
|
ตอบเมื่อ:
07 มี.ค.2007, 11:57 am |
|
ธรรมสวัสดีครับ คุณลูกโป่ง
ขอ Save เอาไว้อ่านด้วยนะครับ
|
|
_________________ ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก |
|
|
|
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089
|
ตอบเมื่อ:
09 มี.ค.2007, 9:59 am |
|
ยินดี...ไม่มีปัญหา จ้า...คุณ I am
เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะคะ
ธรรมะสวัสดีค่ะ
|
|
|
|
|
|
|