Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 เทสก์ภาษิต (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 05 มี.ค.2007, 5:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผลที่สุดตัวของเราเกิดขึ้นมาก็ต้องตาย ไม่มีตนไม่มีตัวสักอย่างเดียว
ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมเป็นก้อน
แตกสลายลงไปก็เป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ของเก่า มันมีอะไรเหลือละคราวนี้ ทุกคนพิจารณาเห็นความจริงอย่างนี้
มันก็ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน อยู่เย็นเป็นสุข
ปราศจากอุปัทวันตรายทั้งปวงหมด
ต่างก็มีความเอ็นดู เมตตาสงสารปรานีซึ่งกันและกัน
เห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เห็นเป็นของอนัตตา
ทุกคนต้องเป็นอยู่อย่างนั้นหมด ใจมันก็สงบ

สังขารร่างกายแก่ชราภาพ ย่อมเสื่อมคุณภาพ ทำงานอะไรไม่ค่อยได้
แต่ธรรมยิ่งแก่ก็ยิ่งมีคุณภาพดี ธรรมย่อมไม่ถึงซึ่งแก่ชราภาพ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 05 มี.ค.2007, 5:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ของที่บริโภคนำมาหล่อเลี้ยงในขณะที่ยังดำรงอยู่นั้น
เมื่อถ่ายออกมาก็จะถ่ายลงไปถมบนแผ่นดินนี้อีก
กลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงผักหญ้า แลลูกไม้ผลไม้ต่างๆ
ผู้เกิดมาทีหลังก็จะต้องอาศัยของเก่าเขาเหล่านั้น
บริโภคหล่อเลี้ยงให้เขาได้ทรงอยู่ต่อไป
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันใช้บริโภควัตถุของโลกอย่างนี้ตลอดไปไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เกิดก่อนเกิดหลัง และใครบริโภคของใครกันแน่

คนเราที่เกิดมาในพื้นปฐพีนี้ทั้งหมด ที่จะหาความสุขไม่มีเลย
พระองค์ตรัสว่า "ทุฆราวาสํ" เป็นฆราวาสก็เป็นทุกข์
"ทุปพพชิตํ" เป็นพระก็เป็นทุกข์
ที่ว่าสุข ๆนั้น เพราะมัวเมาในความทุกข์ต่างหาก


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 05 มี.ค.2007, 5:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อได้รับความทุกข์ กลุ้มใจแล้ว
ก็บอกว่านี่แหละ...เราเคยทำไว้เช่นใดแล้วเราก็ได้รับอย่างนี้แหละ
เราก็พอใจยินดีกับกรรมของเราแล้ว
เราจะไม่ทำกรรมชั่วนั้นขึ้นอีกต่อไป
กรรมที่มันมีอยู่แล้วแต่ก่อนก็ค่อยๆ หมดไป ๆ
ไม่ให้กรรมใหม่เกิดขึ้นมาอีก นี่จึงจะถูก
ถูกหนทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอน อย่าได้สร้างกรรมเวรต่อไปอีก
จะเกิดภพเกิดชาติไม่มีที่สิ้นสุดลงได้

สิ่งทั้งปวงหมดในโลกนี้ มันจะเกิดกิเลสขึ้น
ก็เพราะอายตนะทั้งหกนี้ เป็นต้น เป็นเหตุทั้งนั้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:45 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สิ่งที่ไม่ดีมันสกปรก มันน่าเกลียด จึงเรียกว่าบาป
บุญเป็นสิ่งที่ดี ทำลงไปแล้วมันสะอาดจิตใจผ่องใสและเบิกบาน จึงเรียกว่าบุญ

ถ้ามีอิจฉาริษยา เบียดเบียน ยกโทษซึ่งกันและกัน
ไม่ว่าจะอยู่ป่า อยู่วัด อยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ มันเป็นนรก
ไม่ใช่สวรรค์ ไม่เป็นภาวนา เรียกว่า ไปหานรก
นรกมันอยู่ใกล้กับเรานี่แหละ ไม่ต้องไปหาใต้ดิน ใต้ภูเขา หรือที่ไหนๆ มีอยู่ในตัวของเรา เราทำให้เกิดขึ้นในตัวเรานี้เอง ความเดือดร้อนอยู่ในตัวเรา นี่แหละเรียกว่านรก


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรมที่ตนกระทำไว้แล้ว ไม่ว่ากรรมดีและกรรมชั่ว
ผลของกรรมนั้นย่อมเกิดที่ใจของตนเอง
มิใช่ผู้ทำกรรมผู้หนึ่ง เจ้ากรรมนายเวรอีกผู้หนึ่ง
คนที่ทำกรรมทำเวรแก่กันแล้ว
เมื่อยังเป็นคนอยู่นี้จะพ้นจากกรรมจากเวรได้ ก็เมื่ออโหสิกรรมให้แก่กันและกัน ในเมื่อยังเป็นคนอยู่นี่แหละ ตายไปแล้วจะอโหสิกรรมให้กันและกันไม่ได้เด็ดขาด

คนเราบางคนเข้าใจว่าทำผิดแล้วไม่มีหนทางที่จะแก้ไข
ทำชั่วแล้วไม่มีหนทางที่จะกลับตัวได้ อันนั้นเป็นความเข้าใจผิด
แท้ที่จริงคนเรา ถ้าหากรู้จักว่าสิ่งใดที่เป็นของสกปรกน่าเกลียด
สิ่งนั้นเราก็รีบล้างรีบชำระให้สะอาดเสีย ก็จะดีขึ้นได้ทันที



ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตัวกรรมแท้เกิดที่จิตใจของบุคคล
คนไม่มีใจไม่ทำกรรมนั้นๆ ได้ เช่น คนตายแล้ว ไม่เคยเห็นเขามาทำกรรมอีก มีแต่คนยังมีชีวิตจิตใจอยู่บนโลกนี้แหละ
พากันทำกรรมดีและชั่ว ยุ่งกันอยู่นี่แหละไม่มีที่สิ้นสุด
จิตใจเป็นผู้ริเริ่มที่จะทำกรรมนั้นๆ
กรรมจึงค่อยเกิดขึ้น กรรมไม่ได้เกิดเอง เป็นเอง

เจ้ากรรมนายเวร ก็คือ ตัวของเราเองนั่นแหละ
เราได้กระทำไว้แล้วด้วยความตั้งใจ
มิใช่มีคนอื่นมาบังคับให้กระทำ หรือคนอื่นมายกให้
จิตที่ตั้งเจตนาไว้แล้วว่าจะทำกรรมนั้นๆ ไม่ว่าดีหรือชั่ว นั่นแหละ ตัวกรรม ผลของกรรมดีและกรรมชั่วก็จิตของผู้นั้นได้เสวย คนอื่นจะเสวยแทนไม่ได้


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:50 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าท่านว่ากรรมที่ตนทำมาแล้ว ความชั่วที่ตนทำมาแล้ว
ทำอย่างไรมันก็ไม่หาย ต้องติดตัวอยู่ร่ำไปกว่าจะหมดกรรม หมดเวร

แรงของเวรนี้มันร้ายกาจเหลือหลาย
หากว่าคู่เวรทั้งสองมาเห็นโทษของมันแล้วหันหน้าเข้าหากัน
ต่างก็ให้อโหสิกรรมแก่กันและกัน เวรนั้นย่อมสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น

เวลาที่มันล่วงเลยไปนั้น มันไม่ใช่ล่วงเลยไปเฉยๆ
มันนำชีวิตของเราให้หมดไปๆ ด้วย
โอกาสเวลาที่จะทำความดี มันพลอยหมดไปด้วยกันกับชีวิตร่างกาย

เมื่อทำแต่กรรมดีเรื่อยๆ ไปจนเคยชินแล้ว
กรรมชั่วมันจะละไปเองโดยไม่รู้ตัว


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:51 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรมนี้ เมื่อทำลงไปแล้วย่อมได้รับผลในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว ในที่ลับหรือในที่แจ้ง
ย่อมได้รับผลกรรมนั้นด้วยใจของตนเอง
คนอื่นจะรู้หรือไม่ก็ตาม ตัวของตนนั่นแหละย่อมรู้ชัดด้วยใจของตนตลอดเรื่อง
ส่วนภพอื่น ชาติอื่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ความชั่วมันยุแหย่จิตใจของบุคคล
ที่ไม่มั่นต่อความดีให้หลงตามไป
แต่จิตใจของบุคคลที่มั่นคงในความดีแล้ว
หายุแหย่หรือหลอกลวงได้ไม่
อันความดีนั้นมีน้อยแต่เป็นของหายาก
ความชั่วนั้นมีมากแต่เป็นของหาง่าย


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:52 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เมื่อคนบางคนไม่ดีมาแต่เดิมแล้ว
เวลามาบวชในพระศาสนาเข้า
ธาตุแท้ความเลวของมันก็ยังติดตัวมาอยู่นั้นเอง มิใช่มาบวชแล้วมันจะหลุดออกไปหมดเหมือนกับเราถูขี้ไคลก็หาไม่
ทั้งระเบียบ ธรรมวินัย ข้อบังคับ ก็มีอยู่
ครูบาอาจารย์ก็พร่ำสอนอยู่
แต่มันไม่ยอมรับทำตาม ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร

ผู้คิดประทุษร้าย อาฆาตพยาบาท เบียดเบียนคนอื่นนั้น
ฝึกหัดให้มีจิตเมตตากรุณาปรานี เผื่อแผ่แก่คนอื่น
ทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน ต่อสถานที่และบุคคลนั้นๆ นี่วิธีแก้กรรม แก้เวร


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:53 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้
แม้ที่สุดแต่ตัวของเราเอง มันเป็นแต่เพียงของอาศัยชั่วคราวเท่านั้น
ฉะนั้น เมื่อสิ่งนั้นๆ เกิดมีมาแล้ว จะให้รู้อิ่มและพอเป็น
แล้วใช้แลสละให้เป็นประโยชน์
สมควรแก่ฐานะและหน้าที่ของมันเสีย

สมบัติที่มนุษย์ต้องการ ไม่ทราบว่าจะกอบโกยเอาไปถึงไหน ครั้นได้มาเพียงแค่เอามาเลี้ยงชีวิตเท่านั้นแหละ
เลี้ยงชีวิตให้มันนานตายหน่อย
นั่นล่ะประโยชน์ของมนุษย์สมบัติ เพียงแค่นั้นแหละ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:54 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความโลภมันมิใช่อยู่ที่วัตถุ แต่อยู่ที่ใจ คือ ความอยาก วัตถุมันจะมีมากสักเท่าไร ก็แต่ความอยากมันไม่พอ
มันก็ไม่พออยู่ดีนั่นเอง

อุตส่าห์พยายามให้เห็น ให้รู้จักตัวของเรา
ทุกคนพยายามตรวจดูตัวของตน
ความโลภ ความโกรธ ความหลงมันเกิดที่ตัวของเรา ครั้นเมื่อเราไม่เห็นตัวของเราแล้วเราก็ไม่เห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง แท้ที่จริงจิตใจของเราเป็นของใสสะอาดและบริสุทธิ์
แต่เราไปยึดเอาความโลภ ความโกรธ ความหลง มาใส่
มันก็เลยขุ่นมัวไปหมด


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:56 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความอยากทำให้ใจขุ่นมัว น้ำขุ่นทำให้ไม่เห็นตัวปลา
ถึงแม้นน้ำใส แต่ก็ยังกระเพื่อมอยู่ ก็ไม่เห็นตัวปลาเหมือนกัน

ความทะยานอยากของคนในโลกนี้ไม่พอสักที จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
ไม่ว่าอยากในสิ่งใดทั้งหมด
เมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว แต่ความอยากยังไม่หยุดจึงต้องเป็นทุกข์
เมื่อจับต้นเหตุแห่งทุกข์ได้แล้ว ไม่ต้องไปมัวแสวงหาสิ่งอื่นมาบำบัดทุกข์ให้เสียเวลา
เข้าไปหยุดความทะยานอยากแล้วก็สิ้นเรื่อง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คนเราไม่ดีเสียอย่างเดียว จะทำอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น
เกิดในตระกูลผู้ดีมีหน้า มีธรรมประจำตระกูลดี
เข้าศึกษาในสถาบันที่ดีมีระเบียบ สอนดี
เข้าทำงานในสถานที่งานดี ๆ มีเงินเดือนสูง
แต่ตนเองประพฤติไม่ด ีก็ไร้ค่าทั้งนั้น
แม้แต่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ก็ไปทำลายความดีในที่นั้นๆ หมด

คนรกโลกถ้าเป็นนาก็นารกร้าง ไม่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์โลกเลย
แต่มนุษย์รกยังซ้ำร้ายกว่านารกเสียอีก
คือ มนุษย์มีปากมีท้อง เมื่อขี้เกียจเสียอย่างเดียวแล้วท้องก็กลวง คนท้องกลวงนี้แหละมันเป็นเสี้ยนหนามในโลก
ลักเล็กขโมยน้อย ฉ้อโกง เบียดบังไม่เลือกของใคร เอาตะบัน ขอแต่ให้ได้มาจุกท้องกลวงของมันก็แล้วกัน


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 2:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บาปที่ทำด้วยเจตนาอันแรงกล้า ไม่สามารถลบล้างได้
บาปที่ทำด้วยไม่เจตนาพอจะลบล้างได้บ้างบางกรณี
การทำภาวนาในปัจจุบัน ไม่คิดถึงอดีต อนาคต จะลดบาปเล็กๆ น้อยๆ ลงบ้าง
แต่มิได้หมายความว่าบาปนั้นไม่ให้ผล
เป็นแต่ทำใจให้สงบได้ ในขณะที่ลงปัจจุบันเท่านั้น

บุญคือความอิ่มใจ บุญคือความพอใจในการที่เราสละจาคะลงไปแล้ว
เกิดเต็มตื้นขึ้นมาภายในใจ อันนั้นแหละเป็นตัวบุญแท้
บาปก็ตรงกันข้าม เราคิดประทุษร้ายคนอื่น ทำลายคนอื่น
เช่นว่าตีศีรษะเขา หรือขโมยของเขา อันเป็นเจตนาภายใน นั่นแหละเป็นตัวบาป บาปเพราะเหตุที่ใจเศร้าหมอง


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 3:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พุทธศาสนาจะตั้งมั่นถาวรอยู่ได้ ก็ด้วยการปฏิบัติโดยส่วนมาก ปริยัติเรียนแล้วไม่ปฏิบัติตาม หาเป็นประโยชน์อะไรไม่

พระพุทธเจ้าท่านให้เห็นตามความเป็นจริงอย่างไร
ให้เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น นั่นแหละเป็นของจริงแท้
อัตภาพเป็นของหลอกลวงให้เราลุ่มหลง แต่คนชอบ ถ้าพูดตรงๆ ไม่ชอบ ปรุงแต่งให้หลงเท่าใดยิ่งอยากหลง
คนทั้งหลายในโลกนี้มันเป็นอย่างนั้น หลงมัวเมาก็พอแล้ว ยิ่งมีคนมาหลอกมาลวงยิ่งไปใหญ่เลย


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 3:01 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ศาสตร์ทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในโลก ทั้งหมดสอนกันไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเรียนยิ่งสอนก็ยิ่งกว้างออกไปทุกที มีพุทธศาสนาเท่านั้นที่สอนให้ถึงที่สุดได้
พุทธศาสนาสอนเบื้องต้นให้รู้จักกายอันนี้ว่า มีสิ่งต่างๆ ประกอบกันเข้า
จึงเรียกว่า สรีระร่างกาย (คืออาการสามสิบสอง) และมีหน้าที่อะไรบ้าง พร้อมกันนั้นก็สอนให้เห็นเป็นของอสุภะเป็นของจริงไปในตัว
สอนให้รู้จักโลกอันนี้ (คือ มนุษย์) ที่ประกอบไปด้วยทุกข์ทั้งนั้น ผลที่สุดก็ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดาของมัน

พระองค์ทรงสอนให้พัฒนาทางด้านจิตใจให้มันสูงขึ้นมา
มันเห็นแก่ตัวก็ทรงสอนให้รู้จักกำจัดเสีย และให้รู้จักเฉลี่ยความสุขแก่กันและกัน ตามสมควรแก่อัธยาศัย


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 3:02 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

พระพุทธเจ้าท่านสอนนั้นตรงไปตรงมา แต่คนไม่ชอบ บังไว้ ปกปิดไว้
มันจึงไม่เห็นของจริง พระองค์ทรงสอนตรงไปตรงมาเลย
ท่านบอกว่าร่างกายเหมือนกับซากอสุภ เป็นของปฏิกูลโสโครก
เมื่อมีคนใดมาพูดว่าเรา สกปรกนี่ โกรธใหญ่ไม่ชอบใจเลย

ศาสนาพุทธไม่เพียงสอนให้คนศึกษาหรือนับถือเพียงเท่านั้น
แต่ว่าสอนให้คนตั้งใจปฏิบัติ
ถ้าไม่มีการปฏิบัติ เพียงแต่ถือเฉยๆ ก็จะไม่ได้รับคุณค่าเท่าที่ควร
ศาสนาพุทธสอนสัจจะ คือ ของจริง ให้เข้าใจของที่มีอยู่
ของที่มีอยู่นั้นแหละ คือ ของจริง
คือ สอนตัวเราทุกคน ซึ่งเป็นผู้มีอยู่แล้วทั้งนั้น คือ กายกับใจ


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 3:03 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ปลูกสัจจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าลงไปในดิน (คือคนเรา) นี้ แล้วมันก็ขึ้นงอกงามดีได้ทุกอย่าง
ทาน ศีล ก็ปลูกลงไปเถิด ในที่อันนี้แหละ
เมื่อปลูกลงไปแล้วขอให้รดน้ำให้ดี
เป็นขึ้นงอกงามหมดทุกสิ่งทุกอย่าง
น้ำคืออะไร น้ำคือศรัทธาความเชื่อมั่น

ธรรมมีอยู่พร้อมในตัวของเรานี้แล้ว ไม่ต้องหาธรรมที่อื่น
ลงมือพิจารณาหรือคิดค้นได้แล้ว
มิใช่เรื่องของใครทั้งหมด แต่มันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
จะต้องพิจารณาให้รู้ ให้เข้าใจ
เห็นด้วยปัญญาอันชอบของตนเองเท่านั้น


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 3:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ธรรมต้องอาศัยอยู่กับโลก ไม่มีโลก ธรรมก็อยู่ไม่ได้
ผู้เห็นธรรม รู้ธรรมก็คือผู้มารู้ มาเห็นโลกตามความเป็นจริง
และเบื่อหน่ายคลายจากโลกนั้นเอง

พึงทำสวรรค์ให้เกิดแก่เราเสีย
เมื่อเรายังเป็นมนุษย์อยู่นี้
การเฉลี่ยความสุขให้คนอื่น ทำให้จิตใจเราเบิกบาน ผ่องใสสะอาด
มันต้องสะอาดจากที่นี่เสียก่อน
ถ้าหากว่าที่นี่ไม่เบิกบาน ไม่สะอาด ไม่ปลอดโปร่ง
ไปภพหน้ามันก็เศร้าหมองอยู่นั้นเอง
สัคคะ หรือ สวรรค์ เรียกว่าสุคติ (ที่ๆ มีความสุข)


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 06 มี.ค.2007, 3:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่จริงชาวเอเชียเป็นชาติที่เจริญมาก่อนแล้ว มีขนบธรรมเนียมประเพณีแลวัฒนธรรม ศีลธรรมดีงามเรียบร้อยมาก่อนนานแล้ว ชาวตะวันตกเพิ่งมาเปลี่ยนสภาพจากเป็นป่าเมื่อไม่กี่พันปีมานี้เอง พอเขาเปลี่ยนจากสภาพป่ามาเป็นชาวบ้านใหม่
ชาวเอเชียเลยเห็นว่าเป็นของแปลกแลโก้ดี
เลยไปเอาแบบของเขามาใช้ จึงได้เลอะกันไปใหญ่
ส่วนเขาจะมีความรู้สึกอะไร เพราะเขาเพิ่งเปลี่ยนจากป่ามาใหม่ ๆ เหมือนกับเราเอาลิงมาหัดนุ่งกางเกงนุ่งเสื้อเล่นละครเท่านั้นเอง
ความจริงคนเป็นผู้ไปหัดให้ลิงเล่นละคร แต่พอลิงหัดได้บ้างไม่ได้บ้าง
คนกลับชอบใจว่า ลิงเล่นดีกว่าคน

ดูแต่นักศึกษานักเรียนสมัยนี้ก็แล้วกัน โดยมากใช้สังคมแบบตะวันตก นานหนักเข้าบางคนตัวเองก็เลยพลอยตกตามไปด้วย


ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง