Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 วิธีอบรมจิตในท่ายืน-ท่าเดิน...พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส) อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
วีรยุทธ
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 24 มิ.ย. 2005
ตอบ: 1790
ที่อยู่ (จังหวัด): สกลนคร

ตอบตอบเมื่อ: 21 ก.พ.2007, 5:24 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๘ : วิธีอบรมจิตในท่ายืน-ท่าเดิน
โ ด ย : ...พระอริยคุณาธาร (เส็ง ปุสโส)
สำนักปฏิบัติธรรมเขาสวนกวาง

วิธีการอบรมจิตในอิริยาบถต่างๆ นั้น ท่านแจงได้ทั้ง ๔ อิริยาบถ แต่สำหรับในสัปดาห์นี้
จะนำเสนอเพียง ๒ อิริยาบถ คือในอิริยาบถยืน กับ เดินท่านแนะนำไว้อย่างนี้ครับ

๑. ยืนอบรมจิต มักใช้ปฏิบัติคั่นในระหว่างการเดินจงกรม เพื่อพักผ่อนร่างกายเป็นระยะๆ ไป
คือยืนพักขาข้างหนึ่ง โดยผลัดเปลี่ยนกันไป ในเมื่อขาหนึ่งเมื่อยก็เปลี่ยนพักอีกขาหนึ่ง ใน
ขณะที่ยืนนั้นก็ทำการอบรมจิตเรื่อยไป และเมื่อปฏิบัติในอิริยาบถยืนพอสมควรแล้ว ก็ควร
ใช้อิริยาบถอื่นต่อไป

๒. เดินจงกรม คือเดินสำรวมจิตไปมา บนทางที่ทำไว้อย่างดี ราบรื่นสะอาดกว้าง ประมาณ
๒ ศอก ยาวประมาณ ๒๐ ศอก หรือ ๒๐ ก้าว ทางเช่นนี้เรียกว่า ทางจงกรมต้องทำไว้ในที่
เงียบสงัด ไม่เปิดเผยเกินไป และไม่ทึบเกินไป อากาศโปร่ง ถ้ามีที่เหมาะพอทำได้ พึงทำเป็น
ทางเฉียงตะวัน เงาของตัวเองไม่รบกวนตัวเอง แต่ถ้าจะทำที่จงกรมตามลักษณะที่ว่านี้ไม่ได้
แม้ที่เช่นใดเช่นหนึ่งก็พึงใช้เถิด ข้อสำคัญอยู่ที่การเดินสำรวมจิตเท่านั้น วิธีจงกรมนี้ พระ
บาลีไม่ได้แสดงไว้ แต่ที่ปฏิบัติกัน ให้เอามือทั้ง ๒กุมกันไว้ข้างหน้า ปล่อยแขน ลงตามสบาย
ทอดสายตาลงต่ำ มองประมาณชั่ววาหนึ่ง ทำสติสัมปชัญญะควบคุมจิตให้อยู่ในความสงบ
จะเอากรรมฐานบทใดบทหนึ่งมาเป็นอารมณ์หรือไม่ก็ตาม แล้วก้าวเดินช้าๆ ไปจนสุดทาง
จงกรมแล้วหยุดยืนนิดหน่อย จึงกลับหลังหัน ก้าวเดินมาสู่ที่ตั้งต้น ครั้นถึงที่ตั้งต้น หยุดยืน
นิดหน่อยแล้วกลับหลังหัน ก้าวเดินไปอีก โดยทำนองนี้เรื่อยๆไป เมื่อเมื่อยขาพึงยืนพัก ดังที่
กล่าวไว้ในอิริยาบถยืน หรือจะนั่งพักในอิริยาบถนั่ง ซึ่งจะกล่าวต่อไปก็ได้ อานิสงส์ที่ได้จาก
การเดินจงกรมนี้ พระบรมศาสดาตรัสว่า

๑. เดินทางไกลทน
๒. ทำความเพียรทน
๓. เจ็บป่วยน้อย เดือดร้อนน้อย
๔. อาหารที่ดื่มกินแล้ว ค่อยๆย่อยไป ไม่บูดเน่า
๕. สมาธิที่ได้จากการเดินจงกรม ดำรงมั่นนาน ไม่เคลื่อนง่าย

ส่วนการเดินยืดแข้งยืดขานั้นไม่มีแบบ แล้วแต่อัธยาศัยและความ ถนัดการเดินชนิดนั้นท่าน
เรียกว่า ชังฆวิหาร เป็นการเดินเล่นชนิดเรื่อยเปื่อยไปตามอัธยาศัยนั่นเอง ถึงอย่างนั้นนักปฏิบัติ
ก็ไม่ละโอกาสเหมือนกัน ย่อมมีสติควบคุมจิตใจหรือคิดอ่านอะไรๆ ซึ่งเป็นเครื่องอบรมใจไปด้วย
 

_________________
ท่านสามารถฟังวิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัวได้ทั่วประเทศ
และโทรทัศน์ดาวเทียมเสียงธรรมทั้งภาพและเสียงได้แล้วที่
http://www.luangta.com
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง