ในร้ายมีดี

ผู้เยี่ยมชม

จากหนังสือ"แรงบันดาลใจ"อีกเช่นเคย

บรรดาเหตุร้ายทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น เหตุร้ายต่างๆ เป็นเหมือนบททดสอบใจ ใจใครเย็นแค่ไหน จะรู้ได้เมื่อเกิดเหตุร้ายนี่เอง และเมื่อใจเย็น ก็จะทำให้มองเห็นโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต เหมือนดังเรื่องของ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง นายแพทย์ชาวสก็อตแลนด์ ที่มองเห็นสิ่งดีๆ ในวันที่เกิดเหตุผิดพลาด

ราวปี พ.ศ. 2471 ขณะที่เฟลมมิ่งกำลังศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับเชื้อแบคทีเรียชื่อ สแต็ปฟิโลค็อกคัส ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคร้ายต่างๆ จนถึงแก่ชีวิตในสมัยนั้น อย่างขะมักเขม้น ณ ห้องทดลองของโรงพยาบาลเซนต์ แมรี่ กรุงลอนดอน

เขาให้ผู้ช่วยแยกเชื้อแบคทีเรียไปเพาะไว้ในจานแก้วทดลอง เพื่อนำเชื้อไปสกัด จะได้ศึกษาถึงคุณสมบัติของมัน ขณะที่การทดลองกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เชื้อแบคทีเรียที่เขาได้อุตสาห์เพาะเลี้ยงไว้ ตายหมดเกลี้ยง ทั้งๆที่กำลังเจริญเติบโตมาดีๆ โดยที่ยังไม่ทันได้เริ่มศึกษาคุณสมบัติใดๆเลย ซึ่งนอกจากเชื้อจะตายหมดแล้ว ก็กลับมีราสีเขียวๆ ขึ้นปกคลุมแทนเต็มไปหมด

แทนที่เฟลมมิ่งจะเสียใจ หรือขัดใจ กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่าต้องมาเริ่มต้นทำใหม่ เขากลับใจเย็นและคิดว่า ราที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดหวังนี้น่าจะให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง เขาจึงศึกษาอย่างละเอียดถึงสาเหตุที่แบคทีเรียตาย และก็พบว่าเชื้อราสีเขียวนี่เองที่ทำให้แบคทีเรียซี้เรียบ (สำนวน "ซี้เรียบ" นี้ไม่มีในหนังสือ เป็นผมพิมพ์สนุกๆเองครับ)

จากแง่มุมดีๆ นี้เอง ทำให้เฟลมมิ่งค้นพบ ยาปฏิชีวนะ เพนนิซิลลิน ขึ้นมาจากเชื้อราสีเขียวๆ ที่ปนเปื้อนมาโดยบังเอิญนั้นเอง หลังจากนั้น เฟลิมมิ่ง ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนาง ในปี 2487 และได้รับรางวัลโนเบลในปี 2488

ถึงวันนี้ยาเพนนิซิลลิน ก็ได้ช่วยชีวิตมนุษย์ให้รอดตายจากโรคร้ายมาได้แล้วจำนวนมหาศาล

จึงมีสำนวนที่คอยย้ำเตือนให้ใจเย็นๆ ว่า

"เมื่อมีปัญหา คิดอะไรไม่ออก ให้ออกจากความคิด ทำจิตให้สงบ แล้วจะพบทางออก" ใช้ได้กับทุกปัญหาเลยครับ

ตอบเมื่อ: 03 ม.ค. 2005, 5:00 pm

ในร้ายย่อมมีดี ในที่มืดย่อมมีแสงสว่าง หากเรามองให้เป็นมันจะเป็นประโยชน์หารมองไม่เป็นมันก็จะเป็นทุกข์