“นกกระจอกไร้รัง”

ตอบเมื่อ: 15 ก.พ.2007, 11:04 am

มีนกกระจอกครอบครัวหนึ่งได้เข้าไปทำรังในบ้านร้างที่ใหญ่โตหลังหนึ่ง
ซึ่งพ่อนกเป็นผู้พบบ้านหลังนี้ และมักจะชอบคุยโวโอ้อวดกับเพื่อนนกด้วยกันว่า
บ้านของตนใหญ่โต ป้องกันแดด ลม ฝน ได้เป็นอย่างดี
แต่มันก็ไม่เคยคิดชวนเพื่อนนกตัวอื่นๆ ไปอยู่ด้วยเลย
แม้ว่าบางครั้งจะมีลมพายุพัดกระหน่ำ
หอบเอารังเล็กๆ บนต้นไม้ของเพื่อนนกกระจอก
หลายสิบตัวไปด้วยก็ตาม แถมยังพูดเยาะเย้ยทุกครั้งว่า

“เป็นยังไง เมื่อคืนฝนตกหนัก รังบนต้นไม้สบายดีมั้ย
เมื่อไหร่พวกเจ้าจะหาบ้านสวยๆ ทำรังแบบข้าล่ะ..ฮ่า..ฮ่า..”

บางครั้งที่มีนกบางตัวหลงบินเข้าไปในบ้าน
ก็จะถูกพ่อนกไล่จิกตีจนต้องยอม บินหนีออกไป

พฤติกรรมชอบคุยโม้โอ้อวด เห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจ ของพ่อนก
ทำให้บรรดานกกระจอกตัวอื่นๆไม่มีใครชอบหน้าพ่อนกตัวนี้นัก
ต่างพากันจับกลุ่มพูดคุย แล้วลงความเห็นว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพ่อนกตัวนี้อีกต่อไป
ดังนั้น ทุกครั้งที่ได้เจอกับพ่อนกเวลาออกหาอาหาร
พ่อนกตัวอื่นๆก็จะรีบบินเลี่ยงออกไป ไม่ทักทาย หรือพูดคุยด้วย
แต่พ่อนกก็ยังไม่รู้ตัว และยังทำพฤติกรรมเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมกับคิดว่า

“พวกนี้มันคงอิจฉาเราแน่ๆ ที่อยู่สุขสบายกว่าพวกมัน”

หลายเดือนผ่านไป ลูกนกเล็กๆ 2 ตัวต่างเติบโต บินออกไปหากินเอง
และก็มี พฤติกรรมเช่นเดียวกับพ่อนก
คือ ชอบคุยโวโอ้อวด ทำให้เพื่อนนกทั้งหลายก็ไม่ชอบ เหมือนกัน

อยู่มาไม่นาน ก็เกิดไฟไหม้บ้านร้างหลังนี้
พ่อนกแม่นกพร้อมกับลูกทั้งสองรีบบินหนีออกกันแทบไม่ทัน
รังนกและบ้านร้างถูกไฟไหม้หมดไม่เหลือแม้กระทั่งเสา
ครอบครัวนกกระจอกพากันร้องไห้ บินวนเวียนดูซากบ้านร้าง

ใกล้จะค่ำแล้วมันจึงคิดถึงรังนอน แต่รังนกก็ถูกเผาไปพร้อมกับบ้าน
พ่อนกจึงบินไปหาเพื่อนนก เพื่อขออาศัยรังนอนชั่วคราว
นกทุกตัวปฏิเสธ ไม่ยอมให้มา อาศัยรังของตน พร้อมกับบอกว่า

“รังบนต้นไม้ของข้าคงไม่เหมาะกับเจ้าหรอก”

พ่อนกได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจและสำนึกได้ถึงการกระทำของตัวเองที่ผ่านมา
แต่ค่ำนี้ครอบครัวนกกระจอกจะไปนอนที่ไหน
เพราะไม่มีรังให้นอน แล้วฝนก็กำลังจะตกเสียด้วย

..........

สุภาษิตโบราณกล่าวไว้ว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก”
หมายถึง การพูดจาที่ถูกต้อง ดีงาม เป็นประโยชน์ สมควรแก่กาลเทศะ
ย่อมได้รับการยกย่อง
ดังนั้น การจะพูดสิ่งใดออกไปก็จะต้องใคร่ครวญให้ดีก่อน
และพึงกล่าวแต่วาจางามที่ก่อให้เกิด ประโยชน์แก่ตนและส่วนรวม
นอกจากการเปล่งวาจางามแล้ว
การมีน้ำใจงามก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรมีควบคู่กันไปด้วย

ดอกไม้

(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 75 ก.พ. 50 โดยลีลา)
คัดลอกจาก...ผู้จัดการออนไลน์
สาธุ

ตอบเมื่อ: 03 มิ.ย.2008, 3:24 pm

ได้ข้อคิดดีๆอีกแล้ว แลบลิ้น