ประเทศชาติเจริญแน่ ถ้าว่าที่ผู้นำแข่งนโยบายทำความดีกัน

ผู้เยี่ยมชม

จากการที่พรรคไทยรักไทย เสนอหลักปกครองแบบ "ทักษิโนมิกข์" มีการเอื้ออาทรกันในรูปแบบต่างๆ แล้วก็ต่อมาเป็นการทำสงครามกับยาเสพติด ซึ่งมีการแถมๆ ไปที่เหล้า บุหรี่ บ้างพอสังเขป เช่น กำหนดเวลาโฆษณา ห้ามขายเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี การจำกัดเวลาผับ บาร์ต่างๆ และในปีหน้า ก็จะมีภาษีกตัญญูรู้คุณ เพื่อใครที่เลี้ยงดูบิดามารดาจะได้รับการลดหย่อนภาษี

ทำให้บรรยากาศการกำหนดนโยบายก่อนเลือกตั้งปีนี้เข้มข้น และถือว่าเป็นนโยบายที่ไม่เคยกำหนดมาก่อนในรอบหลายสิบปีของเมืองไทยเลยทีเดียว เพราะเป็นนโยบายที่เน้นคุณธรรม เมื่อก่อนนโยบายจะเน้นแต่เศรษฐกิจ โดยล่าสุดพรรคประชาธิปปัตย์ ชูนโยบายปลูกป่าสร้างงาน รักษาโรคฟรี เลิกค่าธรรมเนียมโทรศัพท์ และที่เด็ดที่สุดคือ จะปิดโรงงานยาสูบ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมคิดว่านโยบายคุณธรรมกำลังกลับคืนมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลย โดยเฉพาะบุหรี่ สุรา ยาเสพติด เป็นหนึ่งในอบายมุข 6 หากได้รับการต่อต้านอย่างจริง ประเทศเราจะต้องไปได้ไกล

เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ "ปัญญา" ว่าเป็นเลิศ แต่ถ้าฝ่ายกิเลสสามารถพูดได้ ฝ่ายกิเลส ก็คงจะบอกว่า "เราขอส่ง บุหรี่ สุรา ยาเสพติด มาเป็นคู่ปรับของปัญญา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอานุภาพมาก ขนาดพระสาคตะ พระภิกษุผู้ทรงอภิญญา 5 ขนาดปราบพญานาคได้อย่างง่ายดาย กลับมาสิ้นฤทธิ์ นอนอย่างเมามายไร้สติ เพราะไปฉันสุรา ที่ชาวบ้านนำมาถวาย เนื่องจากไม่รู้จักสุรามาก่อน

เพราะฉะนั้น ถ้าปราบสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นคู่ปรับของปัญญาลงได้ เมื่อนั้นปัญญาก็จะเจริญงอกงามในใจคนขึ้นมาได้ง่าย แต่ถ้าสิ่งเหล่านี้ยังอยู่ บอกได้เลยว่า อย่าว่าแต่ สติและปัญญา ที่จะไปคิดเรื่อง"ตัวเรา ของเรา"เลย แค่สติปัญญาที่จะไปคิดสร้างกุศลในเบื้องต้นให้เจริญงอกงามมากขึ้น ก็ไม่มีวันเกิดขึ้นในใจคนขึ้นมาได้

ผมจึงขอสนับสนุนนโยบายต่อต้านอบายมุขทุกรูปแบบครับ ไม่ว่าจะเสนอขึ้นมาโดยใครก็ตาม

ผู้เยี่ยมชม

ผมจึงขอสนับสนุนนโยบายต่อต้านอบายมุขทุกรูปแบบครับ

ได้ข่าวว่าจะมีการเปิดบอนการพนันแน่นอนในประเทศไทยเรานี้แหละ

และก็ยังมีจ้อสงสัยเรื่องเกี่ยวกับวงการศาสนาอีกเรื่องหนี่งที่โพสต์ถามแล้วไม่ได้คำตอบอะไรเลย ทำให้ยิ่งสงสัยนั้นคือเรื่องนี้

อยากรู้ความจริง Posted : 2004-12-18 23:48:54

เนื่องจากเนื้อหาในเทศนาของหลวงตามหาบัวที่ได้อ่านในหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นกับที่ไปอ่านเจอในเว็บหลวงตาไม่ตรงกัน

จึงอยากถามผู้ที่ได้ฟังมาว่าอันไหนจริง และหลวงตามหาบัวกล่าวประณามรัฐบาลว่ากระหายอำนาจและปัจจุบันคนเลวมีอำนาจครอบงำประชาชนและพระสงฆ์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

(บางส่วนที่คิดว่าสำคัญจากเดอะเนชั่น)

Luangta Maha Bua to continue tirade against government

Luangta Maha Bua, once a staunch government supporter, yesterday continued to warn government against what he called its craving for power and greater control of the country.

He warned yesterday that the entire country could collapse because “an adventurous monkey” had jumped from one branch to another before hanging onto a rotten branch. It then fell to the ground and was crushed by the falling branch, he said.

In his harshest attack on ruling politicians, the elderly preacher said on Tuesday that the government seemed to be acting like Aesop’s vain frog, which risked exploding itself by puffing to the size of an ox.

“This government is deplorable. It’s always hungry for power, wanting more power than it deserves. I now learn that their aim is the presidency,” the monk said.

“I feel Thailand is now under a dark influence. Bad people are in power and good people are being dominated. Not only ordinary people but also monks are now in trouble,” he said.

The monk from the Baan Taat Forest Monastery in Udon Thani, was speaking to a gathering of followers at Suan Saeng Tham in Bangkok.

“I am fearful. Their desires have grown more and more peculiar. They want to go in space without a spaceship. They want to fly without wings. I pity the country,” he said.

แต่ที่อ่านในเว็บหลวงตามหาบัวไม่พบข้อความอะไรเลย

ทำให้สงสัยว่าอันไหนจริง และถ้าไม่ได้ตำหนิรัฐบาลจริงๆหนังสือพิมพ์เอาไปลงได้อย่างไรกัน เรื่องจริงเป็นอย่างไรแน่หรือว่ามีการ....ข้อมูล!!!!

ผู้เยี่ยมชม

เกี่ยวกับเรื่องการพนันนี่ยอมรับว่าเป็นข้อด้อยของรํฐบาลยุคนี้ ซึ่งผมและทีมงาน ก็จะต้องหาทางต่อต้านถึงที่สุดเช่นเดียวกันครับ โดยร่วมกับชมรมผู้บริโภคสื่อสีขาว สร้างกระแสใหม่ให้สังคม

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราคาดการณ์ว่า ในอาทิตย์หน้านี้ จะมีข่าวใหญ่เจ้าของบ่อนไก่ชนที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง ประกาศเลิกกิจการการพนันทุกอย่าง ทั้งๆ ที่กำลังทำรายได้อย่างมาก และจะปิดบ่อนไก่ชนแห่งนี้ตลอดไป

"เมื่อคิดว่านี่คือหนทางที่ถูก และได้ก้าวเดินมาแล้ว ก็จะขอเดินต่อไปให้ถึงจุดหมายไปทาง"

ผู้เยี่ยมชม

เมื่อพระมีความเห็นในเรื่องการเมืองนั้น ก็มักมีผู้หยิบยกในส่วนนั้นออกมากล่าว สิ่งที่หยิบยกมานั้นมักไม่ใช่สิ่งเป็นเนื้อหาแห่งธรรมะ แต่เป็น Lead ของข่าวที่ทำให้คนมีความสนใจได้ แม้จะเป็นเนื้อหาของข่าวที่สำคัญได้ในโครงสร้างรูปแบบข่าว แต่ก็ยังไม่ได้เป็นเนื้อหาที่สำคัญของธรรมที่มีผู้แสดงนั้นเลย

สื่อต่างๆไม่ได้สนใจเนื้อหาแห่งธรรมะ ผมมักมองว่าสื่อได้แสดงสิ่งที่เป็นกุศลหรือเน้นในเรื่องเป็นกุศลหรือไม่ ก็ไม่ได้เน้น สื่อทำมุมมองอันคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อความรู้ของคนทั่วไป โดยคิดว่าหลักการรับรู้ข่าวสารอันใช้พื้นฐานมาจากรากฐานความรู้ของพูลิตเซอร์ และพัฒนากันมาตั้งแต่นั้น

รายการข่าวทางทีวีที่มีการถกกันนั้น ก็พัฒนามาจากรูปแบบการถกกันในโต๊ะข่าวของกอง บก.ที่มีทุกวัน ก่อนจะปิดข่าวและเอาข่าวไหนพาดหัวบนหน้าหนังสือพิมพ์ และพวกเขาใช้ประสบการณ์นั้นในการทำให้เกิดมุมมองแก่ประชาชน ทำให้เราเกิดมีค่านิยมขึ้นจากการรับรู้ข่าวสารต่างๆ และสร้างพฤติกรรมการเป็นคนในโลกสมัยใหม่ สิ่งที่ผมว่านี่อาจผิดก็ได้

อย่างไรก็ต่างระบบการเมืองที่ใช้ระบบเลือกตั้ง อาจถือว่าเป็นระบบที่ดีในโลก แต่ระบบการเมืองระบบการปกครองนั้น ในระบบที่ใช้อำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ยังมีระบบการปกครองแบบพ่อกับลูกที่ให้ความรักราษฎร เรื่องของโลกแล้วถกกันไปไม่สามารถจะมีข้อยุติได้เลย เพราะเรื่องของโลกย่อมเป็นอย่างนั้น

ในชีวิตของเราย่อมมีผลกระทบจากสิ่งที่คนอื่นตัดสินใจให้ ถ้าเราได้รับความพอใจจากสิ่งที่บุคคลอื่นตัดสินใจให้ ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ ถ้าเราได้รับสิ่งอันอาจนำความรู้สึกไม่พอใจมาให้ อีกฝ่ายหนึ่งอาจได้รับสิ่งที่พอใจ สิ่งประจำธรรมดาโลกเป็นมาอย่างนี้ตลอด

การเมืองของโลกก็เป็นอย่างนี้ เพราะผลประโยชน์ของชาวโลกเป็นอย่างนี้ และเราก็จะมีความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆว่า สิ่งนั้นเราพอใจ สิ่งนั้นเราไม่พอใจ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ต่อธรรมที่เราจะนำมาใช้ปฏิบัติได้เลย เพราะว่าเราไปจดจ่อในความเห็นของโลกมากเกินไปนั่นเอง

ทำให้จิตเราเต็มไปด้วยอภิชฌา และโทมนัส

เราไม่ได้ทำจิตให้มัธยัสถ์เป็นกลางลง เผื่อสัมผัสกับธรรมที่มีอยู่

เราเข้ามาสู่ธรรม ก็วิ่งออกไปนอกธรรม ไปหาสิ่งที่มีสองฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายใดไม่ได้เป็นธรรมอันมีประโยชน์ต่อการปฏิบัตินั้น อาจเกิดขึ้นกับเราในเวลาที่เราฝักใฝ่เรื่องนั้น อารมณ์อันเป็นข้าศึกนั้นเกิดกับผู้ใฝ่ธรรมได้ เพราะไม่ได้พิจารณาอารมณ์ตนเองได้มากพอในขณะนั้น ซึ่งเกิดขึ้บทุกคน เราจึงต้องอาศัยผู้อื่นมาเตือนว่าขณะเวลานั้นใจอยู่ในธรรมหรือไม่ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไปจากข้าศึกเหล่านั้นด้วยตนเอง

เมื่อเราอาศัยโลก เป็นเพียงผู้อาศัยจึงต้องอดทนในเรื่องต่างๆ แม้สิทธิต่างๆอันชาวโลกกำหนดให้มีอยู่ ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ชาวพุทธนั้นฝึกหัดในการสละไป ด้วยจาคะ แม้สิทธิต่างๆอย่างชาวโลกก็ต้องฝึกว่าสละออกไป เราฝึกใจในลักษณะเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วการอาศัยโลกจะเป็นการยึดโลกเอาไว้เป็นเรื่องจริงจังเกินไป