Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ผู้ประมาทแล้วได้ชื่อว่าปล่อยให้วันคืนล่วงไปๆ : หลวงปู่เทสก์ อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
Iam
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2006, 9:06 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่งสมัยพุทธกาล มีสามีภรรยาคู่หนึ่งผู้เกิดมาในกองเงินกองทองไม่เคยแสวงหาโภคทรัพย์นับแต่เกิดมา มารดาบิดาทั้งสองผ่ายได้มอบเงินสดให้บุตรธิดาของตนคนละ ๔๐โกฏิ รวมเข้ากันเป็น ๘๐ โกฏิ สมบัตินอกนี้มีบ้านเรือนและเครื่องแต่งตัวเป็นต้นไม่นับ

เริ่มแต่วันแต่งงาน คู่รักผู้ระเริงในกามคุณทั้ง ๕ พากันกระหยิ่มยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ราวกับว่าจะเย้ยความอนาถาในอนาคต ความเห็นมันช่างตรงกันเอาเสียเหลือเกิน ในเมื่อผลกรรมมันจะตามสนองสองสามีภรรยาพากันปรารภว่าสมบัติมหาศาลเห็นปานนี้ ถึงแม้ไม่แสวงหามนุษย์คนไหนจะมีอายุ ๑๐๐ ปีก็ใช้ไม่หมด

ประโยชน์อะไรกับการแสวงหาทรัพย์เป็นการยุ่งยากเปล่าๆ อย่าเลยเราทั้งสองจงพากันมาหาความสุขในชีวิตนี้ให้สมปรารถนาเสียดีกว่า แล้วทั้งสองก็พากันใช้จ่ายทรัพย์อย่างชนิดที่เรียกว่ามือเติบ ต้องการอะไรใช้จ่ายไม่อั้น สุดแล้วแต่ชอบใจในทางไหน ซึ่งตนเห็นว่าจะเป็นที่ทำให้ร่าเริงใจได้

เขาทั้งสองก็มีนิสัยชอบใจเช่นเดียวกันกับมนุษย์เพื่อนร่วมโลกอื่นๆ นั่นก็คือสุรา นารี พาชี และกีฬาเป็นต้น ซึ่งตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ตรัสว่าเป็นอบายมุข ใครประกอบเข้าแล้วย่อมนำมาซึ่งความฉิบหาย สองสามีภรรยาคู่นี้ก็อยู่ในข่ายนั้นเหมือนกัน

ความคิดในเบื้องต้นผิดพลาดไปหมดเมื่อแก่เฒ่าชรามากทำงานไม่ไหวแต่ตัวยังไม่ตาย ใช้จ่ายทรัพย์หมดไปก่อน หมดตลอดถึงบ้านเรือนไร่นา ปศุสัตว์ต่างๆ จำหน่ายขายมาบำรุงอบายมุข ทำอย่างไรทีนี้ยังเหลืออยู่วิธีเดียว ซึ่งเป็นวิธีของคนอนาถา วิธีนั้นก็คือพากันปรารภจะออกขอทานตามหมู่บ้านและทุกตรอกซอกซอยตามถนนต่างๆ

วันหนึ่งมายืนอยู่หน้าประตูศาลา เพื่อรอรับอาหารที่เหลือเศษจากภิกษุสามเณร พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตร แล้วตรัสแก่พระอานนท์ว่า

เศรษฐีคนนี้ถ้าเธอประกอบอาชีพเมื่ออยู่ในปฐมวัย เขาจะได้เป็นเศรษฐีที่หนึ่งในกรุงราชคฤห์นี้

ถ้าเธอประกอบอาชีพเมื่ออยู่ในมัชฌิมวัย เขาจะได้เป็นเศรษฐีที่สอง ในกรุงราชคฤห์นี้
ถ้าเธอประกอบอาชีพเมื่อปัจฉิมวัย เขาจะได้เป็นเศรษฐีคนที่สามในกรุงราชคฤห์นี้

หากเธอออกบวชแต่วัยต้น เขาจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
ภรรยาของเขาจะได้สำเร็จพระอนาคามี
หากเธอออกบวชในวัยกลาง เขาจะได้สำเร็จพระอนาคามี
ภรรยาของเขาจะได้สำเร็จพระสกทาคามี
หากเธอออกในวัยสุดท้ายเขาจะได้สำเร็จเป็นสกทาคามี
ภรรยาเขาจะได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน


นี่เขามาฉิบหายเสียจากประโยชน์ทั้งสอง คือเสื่อมเสียจากโภคทรัพย์ และสามัญผลอันจะพึงได้รับ

ดั่งนี้ ที่ชักอุทาหรณ์มาเล่าให้ฟังนี้ ก็พอจะมองเห็นแล้วว่า กาลเวลามีความสำคัญแก่ความเป็นอยู่ของคนเราอย่างไร วัน คืน เดือน ปี ถึงแม้จะเป็นธรรมดาของดินฟ้าอากาศก็ตามที แต่ชีวิตอายุของมนุษย์สัตว์ ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องเหล่านี้ทั้งนั้น วัน คืน เดือน ปี เป็นเครื่องวัดชีวิตอายุของมนุษย์ทั้งหลาย

ถึงใครจะคำนวณนับมันหรือไม่ก็ตาม แต่มันจะต้องนำเอาชีวิตอายุของมนุษย์ทั้งหลาย ถึงใครจะคำนวณนับมันหรือไม่ก็ตาม แต่มันจะต้องนำเอาชีวิตของมนุษย์เหล่านั้นไปด้วยทุกขณะ ชีวิตของมนุษย์สัตว์จะหมดไปตามมันทุกขณะ

ผู้ประมาทแล้วได้ชื่อว่าปล่อยให้วันคืน เดือน ปี กลืนกินชีวิตอายุหมดไปเสียเปล่า โดยไม่มีอะไรเป็นเครื่องตอบแทน ผู้ฉลาดทั้งหลายย่อมดูถูกชีวิตของตน โดยเห็นเป็นของเล็กน้อยด้วย เป็นของไม่มีสาระเปล่าจากประโยชน์ด้วยและรักษาได้ยากด้วย

แต่ไม่ประมาทในการสร้างคุณงามความดี เพื่อให้ทันกับความเป็นอยู่ อันมีประมาณน้อยนั้นๆ ฉะนั้น กาลเวลาจึงมีคุณค่าแก่ผู้ไม่ประมาทแล้วอย่างมหาศาล สามารถให้ผู้เจริญฌานสมาธิโดยปรารภความเสื่อมความสิ้นไปแห่งอัตภาพอันนี้ให้ถึงมรรคผลนิพพานได้


: วันคืนล่วงไปๆ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
: ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ ณ วัดเจริญสมณกิจ ภูเก็ต

สาธุ
 
ต้นหญ้า
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2006, 9:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน



R2869-28.gif


สาธุ และสวัสดีตอนเช้าค่ะท่าน I am

ขออนุญาติเสริมน่ะค่ะ
ความไม่ประมาท คือ การมีสติกำกับตัวอยู่ เสมอ ไม่ว่าจะคิดจะพูด จะทำสิ่งใด ๆ ไม่ยอมถลำ ลงไปในทางที่เสื่อม และไม่ยอมพลาดโอกาสใน การทำความดี ตระหนักดีถึงสิ่งที่ต้องทำ ถึง กรรมที่ต้องเว้น ใส่ใจสำนึกอยู่เสมอในหน้าที่ ไม่ปล่อยปละละเลย กระทำอย่างจริงจัง และดำเนิน รุดหน้าตลอดเวลา

ความไม่ประมาทเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง กล่าว ได้ว่าคำสอนในพุทธศาสนาทั้งหมด เมื่อสรุป แล้ว ก็คือสอนให้เราไม่ประมาท ดังจะเห็นได้จาก ปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราจักเตือน เธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง มีความ เสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงยังความไม่ ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"


"ปมาโท มจฺจุโน ปทํ"
"ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย"
"อปฺปมาโท อมตํ ปทํ"
"ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ"

(พุทธพจน์)

"เวลาใด บัณฑิตกำจัดความประมาท ด้วยความไม่ประมาท
เมื่อนั้น เขานับว่าได้ขึ้นสู่ปราสาท คือ ปัญญา
ไร้ความเศร้าโสก สามารถมองเห็นประชาชนผู้โง่เขลา
ผู้ยังต้องเศร้าโสกอยู่
เหมือนคนยืนอยู่บนยอดเขา
มองลงมาเห็นฝูงชน ที่ยืนอยู่บนพื้นดินฉะนั้น"

(พุทธพจน์)

สวัสดีค่ะทุกท่าน
 
I am
ผู้เยี่ยมชม





ตอบตอบเมื่อ: 26 เม.ย.2006, 3:19 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

โมทนาครับ สาธุ..
 
ลูกโป่ง
บัวแก้ว
บัวแก้ว


เข้าร่วม: 01 ส.ค. 2005
ตอบ: 4089

ตอบตอบเมื่อ: 27 เม.ย.2006, 11:13 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาบุญค่ะ...คุณ I amและคุณต้นหญ้า

ขอให้ญาติธรรมทุกท่าน จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด

ธรรมะสวัสดีค่ะ

ดอกไม้ ดอกไม้ ดอกไม้
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัว
๛ Nirvana ๛
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 09 เม.ย. 2006
ตอบ: 403

ตอบตอบเมื่อ: 27 เม.ย.2006, 10:00 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อนุโมทนาครับ สาธุ
สามี ภรรยาคู่นี้ ขาดปโยคสมบัติ ถึงมีบุญมากมายเท่าไรถ้าขาดความเพียรบุญนั้นก็ย่อมส่งผล
ได้ไม่เต็มที่ ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ขอความสวัสดีจงมีแด่ท่าน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMMSN Messenger
admin
บัวทอง
บัวทอง


เข้าร่วม: 15 ธ.ค. 2004
ตอบ: 1886

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2012, 4:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ
 

_________________
-- การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง --
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง