Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 ฉันทำผิดไหม.... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คนผ่านมา
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 02 ก.ย. 2008
ตอบ: 2

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 10:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ฉันทำผิดไหม....

ดิฉันมีเรื่องที่จะเล่าให้ทุกท่านฟัง และอยากถามว่าดิฉันทำผิดศีลไหม....

ดิฉันเป็นผู้หญิงคนได้คบหาอยู่ผู้ชายคนหนึ่ง ได้เจอกันและถูกชะตากันและได้คบหาดูใจกันเป็นระยะหนึ่งปี ดิฉันกับเค้าคาดหวังถึงงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ก่อนหน้านี้ที่เราอยู่ร่วมกันมาหนึ่งปี ดิฉันกับเค้าก็อยู่กินกันอย่างสามีภรรยาแล้ว เพียงแต่ว่ารอเวลาที่จะแต่งงานออกหน้าออกตาให้ถูกต้องตามขนบธรรมเนียม และตามกฏหมาย เค้าทำงานอยู่ระยองดิฉันทำงานอยู่กรุงเทพ เราจะเทียวหากันทุกวันหยุด ไม่ดิฉันไปหาเค้าหรือไม่เค้าก็จะมาหาดิฉัน ตลอดระยะเวลาที่คบกันเรามีความสุขมาก
เราเสมอกันด้วยศรัทธา คือชอบไปวัดทำบุญอนุโมทนาบุญด้วยกัน กิจกรรมในช่วงวันหยุดที่เราทำด้วยกันคือการไปวัด ทำบุญและถ่ายภาพ
เรามีศีลเสมอกัน อาจจะมีตกหย่อนบ้าง คือดิฉันถือศีลห้า เค้าเองก็อาจจะมีตกหย่อนบ้างในข้อสุราเพราะว่าต้องออกไปเลี้ยงลูกค้าแต่ก็ไม่ได้กินเป็นปกติ เค้าเห็นดิฉันไม่ฆ่าสัตว์เค้าก็ยินดีและพยายามละเว้นตาม
เรามีจาคะเสมอกัน ทุกครั้งที่เราทำบุญเราต่างอนุโมทนาในบุญที่ทำร่วมกัน หรือยินดีในสิ่งที่คนอื่นทำดี คิดดี
เรามีปัญญาเหมือนกัน เราคิดเห็นในสิ่งที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร เหมือนกัน หากคนหนึ่งทำผิดอีกคนตักเตือนเราก็จะรับฟังซึ่งกันและกัน แม้บางทีไม่ต้องเอ่ยปากเราเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาวันนั้นเค้าก็จะมาหาดิฉันที่กรุงเทพตามปกติ แต่เราเข้าใจผิดกันเรื่องโทรศัพท์ที่โทรหากันไม่ติด ดิฉันขาดสติด่าเค้า และต่างคนต่างไม่ยอมกัน สุดท้ายก็เลยกลายเป็นเรื่องทะเลาะกัน และไม่คุยกัน ผ่านไปอีกสัปดาห์หนึ่งดิฉันเริ่มโทรหาเค้าก่อน และนึกว่าทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม เราเองก็เคยทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆแล้วก็กลับมาดีกันได้ทุกครั้ง แต่ครั้งนี้แม้ต้นเหตุจะด้วยความเข้าใจผิดกันแต่สุดท้ายกลับไม่ใช่ เค้าหนีดิฉันไปมุกดาหาร ตอนแรกเค้าบอกว่าจะกลับบ้านไปหาแม่ที่โคราช แต่คนที่โคราชบอกว่าไม่ได้ไป เค้าปิดมือถือหนี มาทราบอีกทีเค้ากลับไปเยี่ยมลูกเค้าที่เกิดจากเมียเก่า เค้าเคยอยู่กินกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนหน้าที่จะคบดิฉัน เค้ามีลูกด้วยกันหนึ่งคน เค้าเลิกกันตอนที่ลูกอายุขวบกว่า ตอนนั้นเค้าทำงานอยู่ที่ระยองที่เดิมที่ทำอยู่ แต่ลูกส่งไปให้พ่อแม่เมียที่มุกดาหารเลี้ยง และเค้าก็ส่งเงินไปให้ตลอด สาเหตุที่เลิกกับภรรยาคนเก่าเพราะว่าเธอหนีไปมีผู้ชายคนใหม่ เค้าพยายามเอาเธอกลับมา เธอกลับมาแต่ความรู้สึกที่เค้ามีให้กลับไม่เหมือนเดิม เค้าไม่แตะต้องเธออีก ไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับเธอ เป็นระยะเวลาร่วมปี แต่ก็อยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ทำงานที่เดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน จนสุดท้ายเธอก็หนีไปอีก คราวนี้หนีไปกับผู้ชายคนใหม่ไปเป็นเมียน้อยเค้า ถูกเค้าทุบตีสารพัด และยกเธอให้กับเพื่อนเค้าอีกคน สุดท้ายเธอก็ซมซานกลับไปหาครอบครัวที่มุกดาหาร หลังจากนั้นผุ้ชายคนนั้นก็มาคบดิฉันและไปมาหาสู่ดิฉัน คาดหวังว่าจะแต่งงานกับดิฉันหลังจากออกพรรษาปีนี้

เมื่อแฟนดิฉันหนีไปมุกดาหาร ได้เจอลูกหลังจากที่ไม่เจอกันร่วมสองปีกว่า เค้าจดทะเบียนกับภรรยาเก่าเพื่อต้องการรับผิดชอบลูกและทางฝ่ายญาติของผู้หญิงอยากให้ทำ เค้าเองคิดว่าตัดขาดจากดิฉันแล้วเค้าก็เลยตัดสินใจทำและคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่กับครอบครัวเดิม แต่เมื่อเค้ากลับมาระยองอีกครั้ง ดิฉันสามารถติดต่อเค้าได้ ได้แค่โทรหา เราปรับความเข้าใจกันได้ แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว จากคนที่จะแต่งงานกับดิฉันเมื่อไม่กี่วันก่อนกลับกลายเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของผู้หญิงอีกคน เค้าเสียใจมากพอๆกับดิฉัน เราได้แต่โทรหากัน เค้าจะมาหาดิฉันแต่วันนั้นเมียและลูกของเค้าก็หอบหิ้วกันมาอยู่ด้วย เค้าก็เลยไม่ได้เจอดิฉัน เราได้คุยกันทุกวันเวลางาน ส่วนนอกนั้นเค้าก็อยู่กับลูกเมีย เค้าให้ดิฉันรอเค้า อะไรๆมันเพิ่งเกิดขึ้นเอง เค้ายังคิดอะไรไม่ออก ใจหนึ่งก็ลูก ใจหนึ่งก็เมีย(ดิฉัน) เค้ารักดิฉันมาก ดิฉันถามเค้าทุกวันว่ายังรักดิฉันไหม ยังให้รอไหม เค้าก็ตอบเหมือนกันทุกวันว่ายังรักและให้รอต่อไป เค้าทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ตั้งแต่ที่เค้ากลับไปจดทะเบียนกับเมียเก่า เค้าก็ยังไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับเธอ แม้จะอยู่ด้วยกัน นอนเตียงเดียวกัน ดิฉันคิดว่าเค้าเองก็คงยังรังเกียจภรรยาเก่าอยู่จึงไม่อยากจะมีอะไรด้วย อยู่ด้วย คุยด้วย กินด้วย นอนด้วย แต่ไม่ค่อยสนิทกัน

เค้าบอกให้รอจนกว่าเมียเค้าจะกลับไปแล้วเค้าจะกลับมาหาดิฉันเหมือนเดิม อยู่กินด้วยกันเหมือนเดิม แม้จะไม่มีงานแต่งแล้ว แต่เค้าก็ยังให้ดิฉันเป้นเมียเค้าคนเดียวที่เค้าจะมีอะไรด้วย มีลูกด้วย ดิฉันเองก็ได้แต่รอ รอให้อะไรผ่านไปนานมากกว่านี้ สักวันหนึ่งก็ต้องมีใครสักคนไปเอง ดิฉันไม่ได้พรากพ่อพรากลูก ตลอดเวลาที่เค้าอยู่กับดิฉัน เค้าก็แอบส่งเงินไปให้ลูกเค้าทุกเดือน ดิฉันก็ทราบแต่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะถ้าดิฉันเป็นเค้าก็ต้องทำอย่างนั้น สายสัมพันธ์ของพ่อลูกตัดยังไงก็ไม่ขาด เค้าทำอย่างนั้นก็ถูกต้องแล้ว ดิฉันก็ไม่ได้รังเกียจลูกเค้าเมียเค้า ถ้าเป็นไปได้ดิฉันก็อยากช่วยรับผิดชอบเลี้ยงลูกเค้า ส่งเสียให้เค้าได้เรียนจนเค้าสามารถเลี้ยงตัวได้ ดิฉันก็ไม่ได้อยากพรากสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ดิฉันก็เป็นเมียเค้าเหมือนกัน แม้จะไม่ได้จดทะเบียนแต่ก็อยู่กินกันมาก่อนที่เค้าจะจดทะเบียน ก็ยังหวังว่าจะเป็นครอบครัวกับเค้า และให้โอกาสเค้าได้แก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดที่ทำลงไป ดิฉันเข้าใจเข้าและเห็นใจเค้า เค้าเองก็สับสัน อาจจะต้องใช้เวลาสักพัก การที่ลูกเมียมาอยู่ด้วยก็ไม่ได้ทำให้เค้ารู้สึกดีสักเท่าไหร่ บางครั้งเค้าก็อึดอัด และตลอดเวลาในช่วงทำงานเค้ากับดิฉันก็โทรหากันด้วยความคิดถึงตลอด

ถามว่าถ้าดิฉันเป็นเมียเค้า และกลับไปคบเค้าในขณะที่เค้ายังจดทะเบียนสมรสกับภรรยาอยู่ มีเพศสัมพันธ์กันตามปกติ โดยที่เค้าเองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางเพศกับภรรยาเค้า ดิฉันจะผิดศีลข้อสามไหม เพราะก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้ก็เป็นสามีดิฉันและดิฉันก็ไม่ได้ไปแย่งใครมาก่อน ตอนนี้เค้าอยากกลับมาหาดิฉันและอยากอยู่กับดิฉันเราสองคนทำผิดไหม ดิฉันไม่ได้เร่งรัดให้เค้าไปหย่า หรือทอดทิ้งลูกเมียทางนั้น ดิฉันไม่ได้ต้องการพรากเค้าออกมา แต่ดิฉันได้แต่รอคอย และหวังว่าดิฉันกับเค้าจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง อยู่ด้วยกันเหมือนก่อนหน้านี้ ดิฉันได้แค่รอดูความเปลี่ยนแปลงที่มันจะเกิดขึ้น แม้จะทำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่ก็ยังหวังยังรอ แม้จะรออย่างไร้จุดหมาย แต่เหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่ถึงเดือน ภรรยาเค้าก็แสดงความเป็นเจ้าของ แต่เป็นได้แค่เจ้าของตามกฏหมาย หัวใจเค้าอยู่กับดิฉัน เค้ายังอยากกลับมาดิฉันโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ ไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องมีใครเสียใจ

ถามว่าดิฉันทำผิดไหม...บาปไหม
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ขันธ์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 520

ตอบตอบเมื่อ: 02 ก.ย. 2008, 1:14 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

กรรม ครับ แต่ ทางที่ดี คุณควร เลิกกับเขา
ผมว่า เขาโกหกคุณ ว่ายังรัก คนรักกันเขาก็จะคิดถึงจิตใจของคุณก่อนอันดับแรก คุณมองสิ ว่าคุณรักใครสักคนมันจะมีโอกาสเกิดเรื่องแบบนี้ได้หรือ
เขาเห็นแก่ตัวครับ

ก็แนะนำได้เท่านี้ ครับ ที่เหลือคือ คุณต้องทำใจให้สบายๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาดำเนินชีวิต ต่อไป
 

_________________
เพราะเอาใจเข้าไปวิพากษ์ จึงมีบาปและบุญ
สรรพสิ่งมันอยู่อย่างนั้นเอง เราเองคือผู้หลงเข้าไปเอาทุกข์
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 7:55 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

บาปและผิดแน่นอน คุณเชื่อได้อย่างไรในเมื่อคุณและเขาไม่ได้นอนอยู่ด้วยกันทั้งสามคน คนเรานะโดยมากก็มักจะทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จได้ทั้งนั้นแหละเพื่อความเห็นแก่ตัวเอง ไม่มีคนเดียวหรอกผู้ชายนะ คุณน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามีเมียอยู่แล้วตามที่เล่ามา อยากให้คุณไปหาอ่านเรื่องกฏแห่งกรรมดูบ้าง ศีลข้อที่สามนี้มีคนผิดกันมาก อย่าเถียงนะว่าไม่รู้ไม่น่าจะผิด นั้นแหละยิ่งผิดมากเลยแหละ ร้องไห้ แลบลิ้น
มักจะมีคนเข้าใจผิดอยู่มากในเรื่องนี้ จะขอยกต้วอย่างให้ฟังสักกระหน่อยนะ สมติว่า ผมเอายาพิษมาให้คุณดื่มโดยที่คุณไม่รู้ว่าเป็นยาพิษ
ถามว่าคุณจะตายไหม ตอบว่า ตาย เพราะความไม่รู้ว่าเป็นยาพิษ
ฉันใดก็เหมือนกัน ที่เราทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดหรือถูก แต่ผลของกรรมก็ได้ทำลงไปแล้ว เราไม่สามารถจะเลี่ยงได้เลย สงสัย
ยกต้วอย่างอีก คุณไม่รู้เครื่องบินที่คุณนั่งไปลงทีภูเก็ด ไม่รู้ว่าเครื่องมันไม่ดีมันจะต้องตกในระหว่างการบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ถามว่าคุณจะรอดไหม
หรืออีกอย่าง คุณไม่รู้ว่าในบ้านคุณมีโจรเข้าไปคอยจะขมขื่นคุณอยู่ในห้องนอนมันเข้าไปอยู่ตอนที่คุณออกจากห้องไปแล้ว ถามว่าคุณจะโดนข่มขื่นไหม ไม่รอดแน่ นี้ เหตุเพราะเราไม่รู้ ถ้าเรารู้ ก็โทรบอก 191 เส็จไหมคุณว่า เพื่อให้ท่านที่มักเถียงเหลือเกินว่า ไม่รู้ไม่ผิดหรอก ได้ยกตัวอย่างให้ฟังแล้วหวังว่าคุณคงจะได้สติไม่ทำกรรมให้มากไปกว่านี้นะ
เกลือที่มันมีมาแล้ว 1 กิโล ก็ให้มันมีอยู่เพียงเท่านั้น เราพยายามหาน้ำตาลเติมลงไปให้มากกว่าเกลือเข้าไว้ หมายถึงการทำความดีให้มากเข้าไว้ ที่แล้วก็ให้มันแล้วไป ไม่มีอะไรที่อยู่คงที่ได้ เปลี่ยนแปลงได้ อย่าบอกว่า ทำไม่ได้ แต่ก่อนคุณไม่เคยนอนกับผู้ชาย คุณยังนอนได้ แต่ก่อนคุณยังไม่รู้ภาอังกฤษ คุณยังรู้ได้ แต่ก่อนคุณยังไม่เป็นสาว คุณก็เป็นสาวได้ เดี่ยวอีกหน่อยไม่เกิน 80 ปี คุณจะรู้ว่าแก่แล้ว ทุกสิ่งอย่างแก้ใขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ เด้อสิบอกให้ ฮิฮิฮิ ซึ้ง ซึ้ง ซึ้ง

อยากรู้ว่าผู้ตอบเป็นใครเข้าไปดูที่ www.supasok.com เด้อสิบอกให้
 

_________________
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล

แก้ไขล่าสุดโดย tanaphomcinta เมื่อ 07 ก.ย. 2008, 9:44 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
walaiporn
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 ก.ค. 2006
ตอบ: 253
ที่อยู่ (จังหวัด): สมุทรปราการ

ตอบตอบเมื่อ: 06 ก.ย. 2008, 8:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เพราะเคยสร้างเหตุร่วมกันมา ผลจึงเป็นเช่นนี้ หมั่นสวดมนต์ แผ่เมตตา ฝึกเจริญสติ เมื่อมีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น คุณย่อมพบวิธีแก้ไขปัญหานี้เอง
 

_________________
ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ หากเราพยายามทำและตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ratanamanee
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 09 ต.ค. 2008
ตอบ: 13

ตอบตอบเมื่อ: 09 ต.ค.2008, 9:26 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ความรักทำให้คุณเจ็บปวด เมื่ออ่านดูแล้วคุณคงจะเจ็บไปอีกนาน แต่คุณเข้ามาปรึกษาในเว็บนี้ ดิฉันจึงคิดว่าคุณต้องเป็นคนใฝ่ธรรมะแน่นอน ดิฉันเองก็ปฏิบัติธรรม และเคารพครูบาอาจารย์ทางธรรมหลายท่าน แต่อยากแนะนำให้คุณเข้าอบรมกับ อ.ศุภวรรณ (ปกติท่านอยู่ที่อังกฤษ ตอนนี้มาสอนที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา เฉพาะเสาร์อาทิตย์ ท่านสอนเก่งมาก อีกอย่างท่านเป็นผู้หญิง มีอะไรเราปรึกษาได้) เมื่อคุณรู้วิธีการ (สติปัฏฐานสี่) ที่จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันคุณจะมีทุกข์น้อยลง (แน่) หากคุณมีความเพียรแล้วต่อมาคุณก็จะมีปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิต อยากให้คุณรีบสมัครเพราะเหลืออีกไม่กี่วัน เข้าไปดูในเว็บ www.supawangreen.in.th นะคะ ขอส่งกำลังใจช่วย ให้คุณนำธรรมะมาสะสางปัญหาชีวิต
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Buddha
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2007
ตอบ: 415

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 8:31 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ข้อศีล ทั้งหลายที่มีอยู่ ล้วนเป็นข้อปฏิบัติเพือให้เกิดธรรมะในตัวบุคคลนั้นๆ ธรรมะคือสภาพสภาวะจิตใจ หรือ ความคิด หรืออารมณ์ หรือ ความรู้สึก อันก่อให้เกิด ความสบายใจทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น

ศีล เป็นสิ่งสร้าง ความคิด และเป็นสิ่งสร้าง การระลึกนึกถึง ถ้าเราไม่มีความคิด ไม่มีการระลึกนึกถึง จะมีศีลสักกีร้อยกี่พันข้อ ก็ไม่มีความหมาย

ศีลข้อ กาเมฯ คือ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ความหมายตรงตัวอยู่แล้ว คุณก็ต้องคิด และนึกถึงหลักความจริงที่ว่า การจะประพฤติผิดในกาม ก็ย่อมมีสิ่งประกอบหรือปัจจ้ยประกอบมากมาย ก่อนที่จะประพฤติผิดในกาม

ข้าพเจ้าไม่ตอบคุณตามตรงว่า การกระทำของคุณผิดศีลหรือไม่ แต่ให้คุณคิดพิจารณาตามคำแนะแนวของข้าพเจ้าแล้วคุณก็จะรู้ได้ด้วยตัวของคุณเองว่า ผิด หรือไม่ผิด ทั้งนี้ ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า "ธรรมดาของมนุษย์ ย่อมมีความคิดเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่าทำถูก ไม่ผิด" แต่ถ้าคุณได้คิดพิจารณาแล้วเกิดความเข้าใจด้วยตัวเอง คุณก็จะยอมรับและรู้ได้ด้วยตัวของคุณเองว่า ถูก หรือ ผิด จึงจักได้ชื่อว่า "พุทธศาสนิกชน" คือ บุคคล ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2008, 11:32 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ถ้าจะมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมา และมีลูกติดมาด้วย ต้องดูว่าเขาตัดขาดจากภรรยาเก่ารึยัง ถ้ายังก็เลิกเถอะครับ หาคนไม่มีพันธะไม่ภาระ ดีกว่า ชีวิตเราสามารถรักคนได้หลายคนครับ คนเคยรักก็เกลียดกันได้ ถ้าเป็นผู้ชายจะแนะนำให้บวชนะ แต่เป็นผู้หญิงถ้าไม่มีครอบครัว แล้วตอนแก่จะอยู่อย่างไร เจ็บป่วยใครจะดูแล
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ใบโพธิ์
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 02 มิ.ย. 2007
ตอบ: 307

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2008, 1:12 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

kokorado พิมพ์ว่า:
ถ้าจะมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมา และมีลูกติดมาด้วย ต้องดูว่าเขาตัดขาดจากภรรยาเก่ารึยัง ถ้ายังก็เลิกเถอะครับ หาคนไม่มีพันธะไม่ภาระ ดีกว่า ชีวิตเราสามารถรักคนได้หลายคนครับ คนเคยรักก็เกลียดกันได้ ถ้าเป็นผู้ชายจะแนะนำให้บวชนะ แต่เป็นผู้หญิงถ้าไม่มีครอบครัว แล้วตอนแก่จะอยู่อย่างไร เจ็บป่วยใครจะดูแล


สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญยิ่ง กับความคิดเห็นของคุณ kokorado

แต่ขอเสนอความเห็นไปอีกทางหนึ่งในกรณีที่กล่าวว่า

แต่เป็นผู้หญิงถ้าไม่มีครอบครัว แล้วตอนแก่จะอยู่อย่างไร เจ็บป่วยใครจะดูแล

เพราะมีหลายต่อหลายคนคิดแบบนี้ มีความเห็นแบบนี้ไงค่ะ
จึงทำให้ผู้หญิงมีจิตใจไม่เข้มแข็ง หนักแน่น
ในการที่จะเลือกอยู่คนเดียว หรือใช้ชีวิตเดี่ยว


เป็นผู้หญิงถ้าไม่มีครอบครัว
ตอนแก่จะอยู่อย่างไร เจ็บป่วยใครจะดูแล ?


หากไม่มีญาติพี่น้อง หลาน กัลยาณมิตร ฯลฯ แล้ว
ก็ขอให้คิดที่จะพึ่งตนเองเป็นหลักก็แล้วกันค่ะ ตายก็ให้มันตายไป
แต่ก่อนตายตอนมีชีวิตอยู่ ขอให้ทำความดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
สร้างบุญบารมีทำประโยชน์ต่อพระศาสนา ตรงนี้สิสำคัญยิ่งกว่า


มีพ่อแม่ หลายต่อหลายครอบครัว ที่มีลูกหลาน แต่พึ่งพาลูกหลานไม่ได้
มีลูกหลาน แต่เป็นลูกหลานที่ไม่กตัญญูรู้คุณ
หรือมีลูกหลานชั่ว สร้างแต่ความทุกข์ร้อน เสียหาย ให้อยู่เสมอๆ


ดังนั้น จึงไม่เสมอไปในทุกกรณี ที่ผู้หญิงมีครอบครัว
จะได้รับการดูแลดีกว่าผู้หญิงที่ไม่มีครอบครัว

อยากให้ผู้หญิงปฏิวัติความคิดเห็นในการใช้ชีวิตของตนเอง
ที่ไม่คิดจะพึ่งพิง ยึดมั่นในตัวผู้ชายมากจนเกินไปค่ะ
เพราะเห็นผู้หญิงเป็นทุกข์มากมายเหลือเกิน
กับการที่คิดจะพึ่งพิงผู้ชาย กับการยึดมั่นในตัวผู้ชายมากจนเกินไป

ที่พึ่งใดก็ไม่ยั่งยืน สงบเย็น สงบสุข เท่าพระธรรม

ที่กล่าวทั้งหมดก็ไม่ได้หมายความว่า
ไม่อยากให้ผู้หญิงมีครอบครัวหรือแต่งงาน
หรือมีความคิดที่แข็งกร้าว แข็งกระด้างนะค่ะ

แต่หากอยากจะให้ผู้หญิงยอมรับฐานะ สภาพความเป็นจริง
และสภาพความเป็นอยู่ของเราในปัจจุบัน ให้ได้อย่างสงบเย็น

รวมทั้ง เอาประโยชน์ให้ได้ กับฐานะและสภาพในปัจจุบันของเราค่ะ
 

_________________
ทำความดีทุกๆ วัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
tanaphomcinta
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 19 ก.ค. 2008
ตอบ: 127
ที่อยู่ (จังหวัด): 138 หมู่ที่ 1 ต.โนนคูณ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ 36180

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2008, 3:58 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อ้างอิง เป็นผู้หญิงถ้าไม่มีครอบครัว
ตอนแก่จะอยู่อย่างไร เจ็บป่วยใครจะดูแล ?

ดังนั้น จึงไม่เสมอไปในทุกกรณี ที่ผู้หญิงมีครอบครัว
จะได้รับการดูแลดีกว่าผู้หญิงที่ไม่มีครอบครัว


หวยเด้น คนเรานั้นมันตายมาตั้งเกิดแล้วคุณเอ่ย จะไปห่วงทำไมสิ่งที่มาไม่ถึง ห่วงปัจจุบันว่าเราได้ทำสิ่งใดที่ประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นบ้าง?

เป็นผู้หญิงก็บวชชีได้ ถ้าไม่มีทีไปก็เชิญได้ที่ ว.ธ.ก ก็แล้วกันจะรับเป็นเจ้าภาพบวชชีให้ แล้วไม่ต้องห่วงตอนตาย ไม่มีใครเขาปล่อยให้เหม็นเน่าแน่ ไม่คนใดก็คนหนึ่งและจะต้องเอาเราไปเผา เราอยู่เดียวเปลี่ยวใจอีกตากหากยังไม่กลัวตอนตายเลย มันจะตายตอนไหนเวลาใดก็ชั่งหัวมันเถอะ ไม่ได้บอกให้มันมาเกิดมาตายเลยแต่มันมาเอง บอกเขาไว้แล้วถ้าเราตายอย่าทำเมรุใหญ่ให้สิ้นเปลืองนะ ถ้าเรายังทำที่เผาตัวเองไม่เสร็จก่อนตายให้เผาแบบหลวงพ่อพุทธทาสก็แล้วกัน แต่ถ้าทำที่เผาตัวเองเสร็จแล้วก็เผาในที่ๆ ทำเสร็จแล้วก็เชิญ ฮิฮิฮิ
 

_________________
ทำบุญตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาทำบุญอุทิศหา รักษาศีลตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ดีกว่าตายแล้วให้เขาเคาะโลงลุกขึ่นมารักษาศีล
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Emailชมเว็บส่วนตัวตำแหน่ง AIMYahoo MessengerMSN Messenger
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง