Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 จิตมีแสงด้วยหรือครับ.... อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 11:39 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ตอนนี้ผมมีเวลาท่องโลกไซเบอร์....ไปอ่านเจอบทความพบว่าจิตคนเรามีแสงด้วย
อาจารย์ทุกท่านมีความเห็นเช่นไรครับ...มีหลักฐานในพระไตรปิฏกไหมครับ. เจ๋ง

รังสีมนุษย์

ยังมีเรื่องราวของการเรืองแสงของมนุษย์อีกครั้ง คราวนี้มองกันในแง่ที่ไม่ใช่วัตถุธรรม แสงเรืองแห่งมนุษย์ในแง่นี้เรียกว่า “ออร่า” (aura) หรือการเปล่งรังสีแสง หรือรัศมีเรืองรองบางอย่างออกมารอบตัว อาจจะเป็นแสงเรืองสีต่าง ๆ กันซึ่งตาเปล่ามองเห็น หรือเป็นรังสีแสงที่ตาเปล่ามองไม่เห็น แต่สามารถมองเห็นได้ด้วย “ทิพย์จักษุ” ก็ได้…….

กล่าวกันว่าการเปล่งรัศมีเหล่านี้มีความเข้มข้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะปรากฏเข้มข้นเฉิดฉายมากในบุคคลที่มีพัฒนาการทางจิตอย่างสูง และรองลงมาจะมีรังสีแจ่มกระจ่างในบุคคลที่มีจิตใจอยุ่ในสภาวะปิติเบิกบานอยู่เสมอ ๆ …….

ปรากฏการณ์ออร่าจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางจิต วิญญาณ เสียเป็นส่วนใหญ่…..ดร.แนนดัวร์ โฟดัวร์ นักปรจิตวิทยา หรือ parapsychologis ได้อธิบายไว้ว่า…พวกนักบุญและผู้ชำนาญการศาสนาทางตะวันตกได้จำแนกลักษณะของออร่าไว้ 4 แบบ ด้วยกัน กล่าวคือ:-

๑. แบบ นิมบัส (Nimbus) คือแบบที่มีออร่าแผ่ออกมาในลักษณะคล้ายการ “ทรงกลด” เป็นรัศมีทรงกลมรอบศีรษะ

๒. แบบ ฮาโล (Halo) เป็นแบบการแผ่รังสีที่มีลักษณะคล้ายวงแหลวแผ่ออกมารอบศีรษะเหมือนกัน

๓. แบบ ออรีโอลา (Aureola) เป็นแบบลักษณะแผ่รังสี คล้ายเปลวเพลิงทรงกลด

๔. แบบ กลอรี (Glory) เป็นลักษณะแสงเรืองเปล่งปลั่งเรืองรองแผ่ออกมารอบร่างกาย ส่วนมากบุคคลที่มีออร่าแบบกลอรีนี้มักเป็นคนที่มีบุญวาสนาสูงส่งมาก ๆ หรือไม่ก็พวกศาสดาผู้บรรลุธรรมชั้นสูงสุด

Image

เรื่องออร่ามิใช่มีอยู่เฉพาะทางซีกโลกตะวันตกเท่านั้น ทางซีกโลกตะวันออกอย่างบ้านเมืองเราก็มีเช่นกันและมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่าด้วย….ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเข้าฌาน (Theosophists) ของทางตะวันออกได้จำแนกลักษณะของออร่ารังสีของมนุษย์เอาไว้ 5 แบบด้วยกัน กล่าวคือ :

๑. สุขภาวะรังสี (Health aura)

๒. กรรมรังสี (Karmic aura)

๓. ชีวรังสี (Vital aura)

๔. บุคลักษณะรังสี (Aura of Character)

๕. วิญญาณรังสี (Aura of Spiritual nature)


นอกจากนี้แล้วยังระบุไว้อีกด้วยว่าสีสัยของออร่าจะเปลี่ยนแปลงไปได้ตามสุภาพ

ของอารมณ์ เช่น สีแสด ส้ม จะเกิดเมื่อมีอารมณ์โกรธ หรือเกลียด หรือถูกกดดัน

สีแดงเข้มคล้ำจะเกิดขึ้นเมือมีอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ อยู่ในโทสะจริตหรือกำลังลุ่มหลงด้วยโลภราคะ

สีน้ำตาลจะปรากฏขึ้นเมือเกิดอารมณ์ตระหนี่ หึงหวง หรือเกิดความงก สีแดงดอกกุหลาบเกิดขึ้นเมืองอยู่ในอารณ์แห่งความรัก ความใคร่ทางกาม
สีเหลืองจะเกิดขึ้นถ้าอยู่ในอารมณ์เป็นกลางหรือในขณะใช้ความคิดทางสติปัญญา

สีม่วงจะปรากฏออกมาเมื่อเกิดอารมณ์สงบ วิเวก สีน้ำเงิน ปรากฏได้ก็ต่อมเออยู่ในอารมณ์เชื่อมันมีจิตศรัทธาในรสพระธรรมหรือบุญกุกศ
และสีเขียวจะเกิดขึ้นถ้ามีอารมณ์อิจฉาริษยา ……

นอกจากนี้แล้วผู้เชี่ยวชาญทางการเข้าฌานบางคนยังเคยเห็นสีของออร่าสีอื่น ๆ อีก แต่ยังระบุไม่ได้ว่ามีความหมายอย่างไร

นอกจากผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งคือสตีเฟน อสวิคกิ ในปีพ.ศ. 2443 ยืนยันว่าได้เห็นออร่าของคนใกล้จะตายเปล่งสีออกมาเป็นสีเทาทึบ ๆ คล้ายหมอกควันดำและเขาได้เห็นหลายครั้งเป็นเช่นนั้น จึงเชื่อว่าสีเทาดำนั้นเป็นสีที่เกิดขึ้นก่อนที่จิตจะสละร่างออกไป


จิตมีสีด้วยหรือเนี่ย.... แลบลิ้น แลบลิ้น อาจารย์ทุกท่านครับ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 4:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

Image

ว่างๆท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
เรามาคำนวนหารังสีในตัวกันครับ คลายเครียด..

วิธีคิดหารังสีของตัวคุณ
เพียงคำนวณตามสูตร นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน

สมมุติว่า เกิดวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960 > ก็นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ 5 + 5 + 1960 = 1970


จากนั้นก็แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง จะได้เป็น 1 + 9 + 7 + 0 = 17


ก็นำมาแยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลขตัวเดียว ซึ่งก็คือ 1 + 7 = 8


เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียว มาดูว่าตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐานสีอะไร มีความหมายว่าอย่างไร


(แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก เพราะเป็นเลขพิเศษกว่าเลขอื่น)

พร้อมกันหรือยังครับ ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มบวกดูครับได้หมายเลขอะไรกันก็มาดูคำตอบครับตามหมายเลยที่ได้ดังนี้...




1. สีแดง : ผู้นำ

พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ ทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉงและพลังทางเพศ มีเสน่ห์ พูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ คุณวิ่งไม่เร็ว มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำ ชอบสร้างโครงการท้าทายความสามารถ แต่ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสมกับตัวด้วย


ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนกและอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียด ควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด

2. สีส้ม/แสด : มนุษยสัมพันธ์ดี

คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย กระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข เป็นสีที่คอบควบคุมกล้ามเนื้อ แต่มีมากไปจะเย่อหยิ่ง ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ จิตใจสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ


ข้อเสีย
ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ

3. สีเหลือง : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด

คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่ายปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นคนฉลาด หลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว มีเมตตา รักเพื่อนมนุษย์ เป็นสีคุ้มกันโรคภัย มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯหรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก


ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง

4. สีเขียว : รักษาโรค

คุณเป็นคนรักสงบ ละเอียดอ่อน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้ มีความสามารถในการใช้มือ เป็นสีแห่งความสมดุลและปรับตัว


ข้อเสีย
ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

5. สีน้ำเงิน : เป็นได้ทุกอย่าง

คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้างแต่ยังยิ้มสู้เสมอ เชื่อมั่นในตนเอง ซื่อตรง พยายามยืนหยัดด้วยตัวเอง แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอ ทำให้กระชุ่มกระชวยดูอ่อนกว่าวัย คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน


ข้อเสีย ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลงเท้า และขาดความอดทนอีกด้วย


Image

6. สีคราม : มีความรับผิดชอบสูง

คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิตต่างๆ มีความคิดฉลาดล้ำลึกและสร้างสรรค์ นิยมความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต


ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง

7. สีม่วง : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ

คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตร์ลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 สูง รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้ มักมีปัญหาบริเวณท้อง


ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป

8. สีชมพู : นักบริหาร นักธุรกิจ

คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้อรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง มุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมายและความสำเร็จ ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก คุณจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย มีพลังที่แจ่มใส รักสงบ เต็มไปด้วยความรัก โรแมนติก อารมณ์ขัน ถ่อมตน ปลอบประโลมคนเก่ง


ข้อเสีย มักจะใจคอโลเล อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดชอบ

9. สีทองเหลือง : นักสังคมสงเคราะห์

คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม มีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี


ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง

11. สีเงิน : นักอุดมคติ

คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลมากทีเดียว


ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ

22. สีทอง : ไม่มีขอบเขตจำกัด

คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูงเป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้

ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ผมลองดูแล้วผมได้หมายเลข 5 ครับ ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 4:36 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ทราบแต่ว่าเวลาเรานั่งสมาธิ ครั้งแรก ๆ จะเห็นแสงสีน้ำเงิน
ต่อ ๆ ไป จึงพบกับนิมิตต่างๆ (เหมือนทดสอบอารมณ์เรา)

ส่วนวิธีคิดหารังสีของตัวคุณ

ได้เลข 9 น้อง ธรรมะสวัสดีจ้า
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
ตรงประเด็น
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 25 ก.ค. 2006
ตอบ: 773

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 5:06 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

รังสี หรือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ออกจากร่างกายคน เป็นเรื่องจริง



แต่ ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงความถี่ของคลื่นที่ตามปกติตามองไม่เห็น ...แต่ อาจจะใช้ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ตรวจจับได้

จะบอกว่าเป็นแสงจากจิต ก็อาจจะไม่ใช่เสียทีเดียว
เพราะแสงเป็นรูปละเอียด ในขณะที่จิตเป็นนาม

แต่ จิตสามารถเหนี่ยวนำให้ร่างกายมีปฏิกริยาตามจิตได้ ที่เรียกว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว

มันจะไปแปลกอะไร เรื่อง จิต กับ รังสี....
ก็ขนาด ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ เขานำมาฝึกสมาธิ ปรากฏว่าอาการในกลุ่มที่ฝึกสมาธินั้นดีขึ้นอย่างชัดเจน...
นี่ไม่ใช่แค่รังสี ซึ่งเป็นเรื่องจุลภาค.....แต่ เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบมหภาค คือ ระดับร่างกายเลย

รังสีนี้ เท่าที่ทราบจะแปรตามสภาพร่างกาย และ จิตใจ .... ไม่ใช่ แปรตาม วัน เดือน ปี เกิด น่ะ สงสัย



เรื่อง รังสีจากร่างกาย นี้

ถ้าคุยกัน ก็ต้องกล่าวถึง ฉัพพรรณรังสี รัศมีหกประการ ของพระพุทธเจ้า....
ที่ผู้ มีศรัทธา และ มีบุญญาวาสนาในด้านนี้ จะสัมผัสได้

สาธุ สาธุ สาธุ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 6:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เวลาเรารู้สึกต่างๆ แสงแห่งจิตก็จะแตกต่างกัน สังเกตจากเวลาที่เราหลับตาภาวะอารมณ์แบบหนึ่งก็จะเห็นแสงสีต่างกันไป
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
Story Note
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2007
ตอบ: 97

ตอบตอบเมื่อ: 14 ต.ค.2008, 11:30 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะค่ะ คุณฌาน

พอให้คิดตามแบบวันเดือนปี ก็คิดเลยนะ.. แต่ไม่ค่อยจะตรงอ่ะ

คุณตรงประเด็น พูดได้มีเหตุผลนะ รังสีที่เกิดจากจิตแล้วแผ่ออกมาทางกาย ก็น่าจะขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของผู้นั้นมากกว่ามาคำนวณตามแบบทดสอบ..

เหมือนคนที่อยู่ในอารมณ์โกรธจัด ๆ โกรธจนหน้าแดง อันนี้เห็นชัดนะ
กับคนที่อารมณ์ดี ๆ พูดจาไพเราะ น้ำเสียงนุ่มนวล สีหน้าก็จะบ่งบอกถึง
ความเป็นคนที่เมตตา การสัมผัสแบบนี้ เราสามารถสังเกตุได้จากอากัปกิริยา ท่าทาง ของคน ๆ นั้นได้

ผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจิตใจ ย่อมแสดงออกแตกต่างจากผู้ไม่เคยฝึกเลย เช่นนั้น

อายหน้าแดง
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง