Home  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  •  สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทาน  • หนังสือ  •  บทความ  • กวีธรรม  • ข่าวกิจกรรม  • แจ้งปัญหา
คู่มือการใช้คู่มือการใช้  ค้นหาค้นหา   สมัครสมาชิกสมัครสมาชิก   รายชื่อสมาชิกรายชื่อสมาชิก  กลุ่มผู้ใช้กลุ่มผู้ใช้   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว  เช็คข้อความส่วนตัวเช็คข้อความส่วนตัว  เข้าสู่ระบบ(Log in)เข้าสู่ระบบ(Log in)
 
ได้ทำการย้ายไปเว็บบอร์ดแห่งใหม่แล้ว คลิกที่นี่
www.dhammajak.net/forums
15 ตุลาคม 2551
 คุณสนใจศาสนาเพราะอะไร อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
ผู้ตั้ง ข้อความ
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 12:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วันหนึ่งที่ริมแม่น้ำเนรัญชลา
เจ้าชายคนหนึ่ง ที่เพียบพร้อมด้วยทุกๆ อย่างที่คนทั้งโลกนี้ยอมตายเพื่อให้ได้มา
ว่าที่กษัตริย์ ราชสมบัติ ครอบครัว ภรรยา ลูกที่เพิ่งเกิด และความสุขในวังอันวิจิตร

แต่วันนั้นท่านละทิ้งทุกๆ อย่างอย่างเด็ดเดี่ยว ...
ออกค้นหาอะไรบางอย่างที่คาใจท่านอยู่...

เราที่นี้ ล้วนต่างหันมาสนใจศาสนา
ในรายละเอียดของความสนใจนั้น อาจจะแตกต่างไปร้อยแปด
แต่สิ่งที่เรามีเหมือนๆ กันอยู่ คือเราสนใจศาสนา
เราสนใจเพื่อหวังจะพบอะไรบางอย่าง
เพื่อตอบคำถามบางอย่าง

อะไรคือที่มาครับ อะไรคือแรงบันดาลใจ
ที่ท่านหันมาสนใจศาสนา

คงไม่ใช่วันแรกที่คลอด...เราก็สนใจศาสนา
แต่มันมีอยู่ครับ วันนึง เวลานึง
ที่จู่ๆเราฉุกคิดขึ้น ส่องสายตา เงี่ยหูฟัง เปิดใจรับเรื่องราวของศาสนา
อะไรคือแรงขับดัน อะไรคือแรงผลัก
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 2:48 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเองอยู่ในข่ายได้พบกับความทุกข์อย่างแสนสาหัสในชีวิต
ทำบุญ ทำสังฆทาน ก็แล้ว
สวดมนต์ไหว้พระก็แล้ว
แต่มันไม่ได้ช่วยอะไร

ผมรู้สึกว่าการทำอย่างนั้นเพื่อแก้ไขความทุกข์ที่ประสบอยู่
มันไม่มีเหตุผล เหมือนหลอกตัวเอง
ก็แค่ "ผ่อนคลาย" ลงไปขณะหนึ่ง

และรู้สึกลึกๆว่า การทำบุญที่ทำอยู่นั้น ยิ่งทำให้ทุกข์มากกว่าเดิม
เพราะเราไปเห็นอะไรที่ขัดค้านความรู้สึก
อย่างถังสังฆทานที่ใช้ระบบเวียนเทียน
พระสงฆ์ที่รอรับสังฆทานแบบเป็นระบบ
เอาน้ำมันเทใส่ตะเกียงเพราะเชื่อว่าชีวิตจะได้โชติช่วง
พระพุทธรูปเรียงรายกันแล้วมีบาตรเหรียญสลึง
โบสถ์ที่มีกระบอกเซียมซี
ฯลฯ

ผมสงสัยจริงๆว่าสิ่งเหล่านี้ มันได้ผลจริงหรือ
แก้ไขความทุกข์ให้เราได้จริงๆหรือ ผ่อนคลายความทุกข์ให้เราได้จริงๆหรือ
แล้วมันมีกลไกยังไงล่ะ
บาปบุญมันมีระบบธนาคารรับฝากหรืออย่างไร ใครกำหนดว่าทำอย่างนี้ได้เท่านั้นเท่านี้ ฯลฯ

ผมยิ่งคิดก็ยิ่งพบว่า ... ผมไม่ได้บุญหรอก
ยิ่งทำยิ่งหมดอารมณ์ คิดไปว่าเรานี้เลวทราม คิดแต่อกุศล
เลยเลิกเข้าวัด เข้าแล้วร้อน เลิกเข้าดีกว่า
แต่ผมระลึกเสมอว่า วนเวียนสงสัยเสมอ
ว่าพระพุทธเจ้าที่เราเรียนมา ไม่ใช่แบบนี้

จนผมเริ่มค้นหาทางเว็บไซต์
ยิ่งหายิ่งเสื่อมลงไปกว่าเดิม
เพราะมีแต่อะไรที่เข้าใจยาก
วุ่นวาย

จนเลิกหา

แต่ไปสนใจอ่านอะไรเล่นๆ อย่างประวัติหลวงพ่อหลวงปู่

อ่านสนุก เป็นเรื่องราวต่างๆ มีทั้งการผจญภัย เรื่องแปลกๆ
อ่านไปหลายคน อ่านไปมากอยู่ เพราะชอบเรื่องราว สนุกดี
จนมันเกิดความสังเกตุขึ้นว่า
พระเหล่านี้ หลวงปู่หลวงพ่อเหล่านี้
ไม่ว่าท่านจะพูด จะคิด จะทำอะไร
เหมือนว่าท่านพยามพูดอะไรบางอย่าง สื่ออะไรบางอย่าง ที่คล้ายๆกัน


คล้ายๆว่า ท่านมีแนวคิดบางอย่างเหมือนกัน
แต่ท่านเล่าไปแตกต่างกัน เจอมาแตกต่างกัน ผ่านเรื่องราวแตกต่างกัน
แต่ว่าถ้าเราสรุปประวัติแต่ละท่าน มันจะสรุปได้อย่างเดียวกัน

จุดนั้นแหละ .... ผมถึงเริ่มมองเห็นแสงสว่าง

เริ่มเห็นชัดขึ้นๆว่า อ๋อ ที่แท้ศาสนาพุทธ
ท่านต้องการให้เรารู้อย่างนี้ อย่างนั้น

และที่สำคัญที่สุดคือ "หน้าที่ต่อสิ่งที่รู้"
เรามีหน้าที่หรือไม่ มีแค่ไหน วางตัวยังไงกับหน้าที่นั้นๆ

ถ้าเป้นก้อนหิน แล้วไปทำหน้าที่น้ำฝน
บ้านเรือนคนคงจะพัง คนคงจะได้รับอันตรายจากการกระทำผิดหน้าที่ของเรา

แม้แต่ฝนเองที่ทำหน้าที่ตัวเอง... ถ้าทำหน้าที่มากไป
แทนที่จะเป้นประโยชน์ ก็เป็นภัยได้เหมือนกัน
ดังนั้น แม้ว่าหน้าที่จะถูกต้อง แต่ต้องมีความพอดีกำกับลงไปด้วย
ธรรมะ คือ หน้าที่
รู้ธรรมะ ต้องรู้หน้าที่

ความรู้ประเภทที่ผมได้จากการศึกษาพระสุปฏิปันโน
มันทำให้ผมพบว่า จริงๆแล้วศาสนาพุทธไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย
ยิ่งศึกษา ยิ่งพบว่ามันง่าย...หมายถึงว่า
.... เรื่องจำเป็นต้องทราบ .. มีน้อยมาก
..... เรื่องที่มีหน้าที่ต้อง"รู้"... มีน้อยทึ่สุด จนไม่น่าเชื่อ
และจริงๆแล้ว หลักคำสอนของศาสนาพุทธเข้าใจได้ง่ายมาก

ถ้าชอบฟังให้ยาก ....... มันจะยากสุดพรรณา ยากชนิดเอาสมองคนทั้งโลกมาคิดยังหาคำตอบไม่ได้

ถ้าชอบฟังให้ง่าย ... ก็มีง่ายจนเราตกใจว่า ..
เอ๊ะ ... "แค่เนี๊ยะ"
.."ล้อเล่นหรือเปล่า"
"..มุขหรือเปล่าหลวงพ่อ.."

หลักการมันง่ายจริงๆ
แต่ที่ยากคือการปฏิบัติ

ต้องค่อยเป็นค่อยไป
เพียรมากก็ไม่ได้ เพิกเฉยก็ไม่ได้

เรื่องของผม มีอย่างนี้แหละคับ
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
alpha349
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 20 ก.ย. 2008
ตอบ: 21

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 6:57 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรื่องของผมต่างออกไปครับ เหตุที่สนใจในศาสนาอันเนื่องมาจากว่า ครั้งแรกนั้นผมอ่านหนังสือมาเยอะมากๆ แล้วก็เริ่มสนใจในคาถาอาคมว่ามันเป็นไปได้จริงหรือ หลังจากอ่านเพิ่มอีก ก็เริ่มมาอ่านประวัติหลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในนั้นมีเรื่องอภิญญามากมายหลายเรื่อง ก็เลยลองนั่งสมาธิดู หัดแบบงูๆ ปลาๆ ไปเรื่อยเปื่อย บางครั้งก็เห็นนิมิครที่เป็นแบบเรื่องว่าเป็นเรื่องเป็นราว แต่ส่วนใหญ่เป็นนิมิตรเหลวไหลไร้สาระเสียมาก เป็นเรื่องที่จิตใจเราปรุงแต่งขึ้นมาเองเสียมากกว่า ก็เลยพยายามหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วยการอ่าน จนกระทั่งผมมาเริ่มมีปัญหาในชีวิต ก็เลยมาคิดทบทวนดูว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราทำอะไรไปบ้าง ชิวิตมีทั้งขึ้นและลงตลอดเวลา หาความแน่นอนไม่ได้ ก็เลยเริ่มศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง และเห็นถึงความไม่แน่นอนในชิวิตที่เราเกิดมา ตอนนี้ผมเองไม่มีปัญหาอะไรกับชีวิตทางโลกแล้วรายได้เลี้ยงตัวก็มีพอสมควรถึงไม่ได้ทำงานก็ไม่เดือดร้อน ก็เลยอยากจะศึกษาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นคิดว่าปีหน้าคงจะบวช ถ้าเอาดีทางนี้ได้ก็คงบวชไม่สึกแหละครับ ตอนนี้เลยเข้ามาศึกษาหาความรู้ไปพลางๆ ก่อน
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
เมธี
บัวตูม
บัวตูม


เข้าร่วม: 02 มี.ค. 2008
ตอบ: 222

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 7:47 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผม เริ่มต้นคล้ายๆ คุณคามินธรรม ครับ

รู้สึกว่าพระพุทธศาสนาที่รับรู้มาตั้งแต่เด็กมันเป็นอะไรที่น่าสงสัย

เป็นอะไรที่ไม่น่า จะถูกต้องเสียทีเดียว ไม่ค่อยสมเหตุสมผล

ยิ่งศึกษามากขึ้น ยิ่งมีความเข้าใจมากขึ้น

แต่ตอนนี้ยังต้องปฏิบัติ ต้องศึกษาต่อไปเรื่อยๆ ครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 8:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมเริ่มต้นที่สอดรู้สอดเห็นในวัยรุ่น

อยากรู้ไปหมด เริ่มอ่านพระไตรปิฏกตั้งแต่เด็ก รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง

สรุปคือไม่รู้เรื่อง

จนวันหนึ่งความเปลี่ยนแปลงของชีวิตเข้ามา

อยู่ดีๆ ชีวิตก็หลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง เมือนตกนรก

ชีวิตเหมือนอยู่เมืองในหมอกแห่งความฝัน ครึ่งจริงครึ่งฝันมาตลอด

อยากจบชีวิตแต่ทำไม่ได้ เพราะมีเสียงแห่งความจริงคอยกระซิบ

ชีวิตแทบล้มทั้งยื่นอีกครั้งที่ต้องสูญเสียน้องคนสุดท้องที่รักมากที่สุด

เพราะผมโตทันเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก

ทั้งเสียใจทั้งโกรธเกือบสาบานไม่นับถือศาสนาพุทธอีก

เพราะได้ปฏิบัติตนอยู่ในโอวาทของพระพุทธศาสนามาอย่างเคร่งครัด

แต่ก็ค่อยๆ สงบ

รู้จักโลกมากขึ้นไปอีก

รู้จักทุกข์มากกว่า

เมื่อมาสูญเสียบิดาอีกครั้ง ก็เริ่มมองเห็นอนิจจัง

เงินทองที่เคยได้มาตั้งมากมาย

และเคยสูญเสียไปมากมาย เป็นเรื่องไร้สาระ

มีอยู้ครั้งหนึ่งที่ป่วยนอนรอความตาย

จวนเจียนอยู้ จวนเจียนตาย

เกิดความรู้ลึกตั้งจิตทำสมาธิ

ก่อนหมดความรู้ลึก

พอตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าตนยังไม่ตาย

แต่ในตอนหมดสติ

สนุกกว่าในหนังอีกคุณเอย

และจนแล้วจนรอดก็ยังนับถือพุทธศาสนาดังเดิม

แถมยังศึกษามากกว่าเดิม

และหันมาปฏิบัติสมาธิภาวนา

ถึงจะยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร

แต่ก็ถือว่าได้ทำแล้ว

เล่ามาเพือมอบให้น้องคามินธรรมกัลยาณมิตรครับ

และกัลยาณมิตรทุกท่านครับ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ฌาณ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 23 ก.ค. 2008
ตอบ: 1145
ที่อยู่ (จังหวัด): หิมพานต์

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 9:04 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นเพราะบุญบารมี(กำลังใจ)นี่เอง

สวัสดีครับพี่ๆ และอาจารย์ทุกท่าน
ผมได้อ่านประสบการณ์ของพี่ๆ แต่ละท่านแล้วขออนุโมทนาด้วยครับ....

การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยากแล้ว กว่าจะพบพระพุทธศาสนา เกิดความเลื่อมใสศรัทธา และปฏิบัติตนตามคำสอนขององค์พระศาสดาเพื่อความพ้นทุกข์นั้นยากยิ่งกว่า............


อ้างอิงจาก:
อะไรคือที่มาครับ อะไรคือแรงบันดาลใจ
ที่ท่านหันมาสนใจศาสนา

คงไม่ใช่วันแรกที่คลอด...เราก็สนใจศาสนา
แต่มันมีอยู่ครับ วันนึง เวลานึง
ที่จู่ๆเราฉุกคิดขึ้น ส่องสายตา เงี่ยหูฟัง เปิดใจรับเรื่องราวของศาสนา
อะไรคือแรงขับดัน อะไรคือแรงผลัก


คำถามข้างต้นนั้น ผมคิดว่า ทุกอย่างล้วนมาจากเหตุ..
การที่แต่ละจิต จะเกิดมาเป็นคน พบพระพุทธศาสนาและ จู่ๆจะหันมาสนใจพุทธศาสนานั้น ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ ผมขอใช้คำว่าเพราะ
"บุญบารมี" ที่สะสมมา

ไม่ว่าจะะ อธิษฐานบารมี ที่ขอให้เกิดครั้งใดได้เป็นมนุษย์ ไม่พิกลพิการ ด้วยศีลบารมีมีฐานะไม่ยากแค้นเกินจนเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาธรรม ด้วยทานบารมี
หรือกระจ่างแจ้งในธรรม ด้วยปัญญาบารมี ฯลฯ


เมื่อบุญบารมีสะสมมาดี หรือบารมีเต็มย่อมทำให้ถึงซึ่งความสมปราถนาดังกล่าวตามแต่ระดับขั้น หรือ ฐานะของแต่ละคน......

เมื่อถึงเวลาหนึ่งๆ ในชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดย่อมกระตุ้นให้สนใจในธรรมอาจจะมีเหตุหรือไม่มีอะไรมาเตือนก็ตาม .....
เค้าผู้นั้นย่อมมาสะสมบุญบารมีต่อ .....
จนกว่าจะถึงที่สุดของสังสารวัฏ (นิพพพาน)..............


สาธุ
 

_________________
ผมจะพยายามให้ได้ดาวครบ 10 ดวงครับ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
viiew
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 ก.ย. 2008
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 9:09 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สงสัยจังเลยค่ะ ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายค่ะ
ผู้หญิงหายไปไหนหมดคะ สงสัย สงสัย


ของวิวนะคะ

เริ่มจาเมื่อตอน ป.สาม คุณแม่พาไปบวชชีพราหมณ์

ไปคนเดียวนะคะ แต่ก็ไปรู้จักพี่ๆ ที่นั่นทีหลังค่ะ

ตอนแรกก็ไม่อยากไปหลอกคะ เพราะเด็กๆก็ติดบ้านและพ่อแม่มาก

แต่คุณแม่อยากให้ไปมาก คุณแม่เลยติดสินบน 555+ เลยไป

แต่พอกลับมารู้สึกว่าการทำดีเป็นสิ่งที่ดี ที่วัดเค้าสอนดีมาก

เพราะวัดที่ไปเป็นสายปฏิบัติ ปีต่อมาก็เลยขอไปเอง

อยากไปปฏิบัติ เพราะที่วัดสงบกว่าอยู่ที่บ้านเป็นไหนๆ

หลังจากกลับมาวิวก็รักษาศีลได้บริสุทธิ์จริงๆ ข้อหนึ่ง

คือไม่ฆ่าสัตว์ค่ะ เวลาเห็นสัตว์ถูกฆ่าหรือตายที่ไหนก็มักจะแผ่เมตตา

ให้เสมอ

และก็เริ่มมาสนใจที่จะปฏิบัติมากขึ้น ก็เมื่อปีนี้เองคะ เพราะว่าเสียใจมาก

กับเรื่องบางอย่าง เลยไปหาหนังสือธรรมะที่หอมาอ่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

ธรรมดาของชีวิต เลยเข้าใจอะไรมากขึ้น และก็ได้ฟังวิทยุธรรมะ

วิวคิดว่าถ้าสอบเอ็นซ์เสร็จแล้ววิวก็จะไปบวชชีพราหม์อีก เพราะที่วัด

เป็นที่สงบ และก็ต้องตื่นมาตอนเช้าเพื่อทำความเพียรค่ะ



รู้สึกว่าพิมพ์ได้งงนิดหนึ่ง 55+
 

_________________
กมฺมนา วตฺตตี โลโก :)

วาสนาคือการกระทำ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
คามินธรรม
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 29 พ.ค. 2008
ตอบ: 860
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 10:34 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนากับท่านกัลยาณมิตรทั้งหลาย

ขอบคุณคุณพี่ mes นะครับที่แชร์ประสบการณ์ให้ฟัง
เรื่องของพี่นับเป็นความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เดี๋ยวผมได้เจอเช่นนั้นอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้นจะได้สอบธรรมภาคปฏิบัติ
เป็นข้อสอบที่ต่อรองไม่ได้เสียด้วย

--------------------------

อ้างอิงจาก:
สงสัยจังเลยค่ะ ว่าทำไมมีแต่ผู้ชายค่ะ
ผู้หญิงหายไปไหนหมดคะ สงสัย สงสัย


55555555
ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน ยิ้มเห็นฟัน

ดูเหมือนคุณviiew จะค้นพบความจริงว่า
จำนวนผู้ชายสนใจศาสนามากกว่าผู้หญิง (รึเปล่านะ)
 

_________________
ฐิโต อหํ องฺคุลิมาล ตฺว ฺจ ติฏฺฐ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
viiew
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 26 ก.ย. 2008
ตอบ: 18
ที่อยู่ (จังหวัด): กรุงเทพฯ

ตอบตอบเมื่อ: 27 ก.ย. 2008, 10:46 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

วิวก็ว่าอย่างนั้นหละค่ะ

คุณคามินธรรม 555+ แลบลิ้น
 

_________________
กมฺมนา วตฺตตี โลโก :)

วาสนาคือการกระทำ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ศุภมณฑา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 ม.ค. 2008
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 10:36 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สนทนาด้วยคนค่ะ
ส่วนดิฉันเป็นช่วงจังหวะชีวิตค่ะ จะว่าเห็นทุกข์แล้วเห็นธรรมก็ไม่เชิง
บางครั้งทุกข์ ก็มองไม่เห็นอะไร
แต่อาจจะเป็นบุญที่สั่งสมมาค่ะ
ตอนเป็นนักเรียน ครูบอกให้หลับตาทำสมาธิ พอหลับตาทำใจนิ่งๆ มันสงบแบบมีความสุข ก็รู้แค่นั้น แล้วชีวิตก็ดำเนินมาโดยไม่ได้เข้าใจอะไร(แต่สวดมนต์ตั้งแต่อายุ19) แล้วก็ทำมาหากินไป
พอมาช่วงที่มีทุกข์ในชีวิตอีกครั้ง มีสิ่งที่ดลใจอีกครั้งว่าพระพุทธเจ้าช่วยได้
ที่บ้านแม่ไม่มีพระพุทธรูป ตอนนั้นมีเงินอยู่ 300 บาทฝากยายให้ไปบูชาพระมาให้
เริ่มไหว้พระสวดมนต์อีกครั้ง ชีวิตค่อยๆดีขึ้น และเริ่มมีโอกาสได้เข้าวัด ปฏิบัติธรรม
และก็เป็นโชคดี ที่พบพระอาจารย์ที่ดี สถานที่ทีดี เริ่มอ่านหนังสือธรรมะมากขึ้น
เข้าใจมากขึ้น แต่ทุกข์ในชีวิตก็ยังมีขึ้น เป็นธรรมดา แรกๆทำใจไม่ค่อยได้
คิดว่าเราทำแต่ความดี ก็ยังมีคนว่าเราไม่ดี
แต่อ่านหนังสือของครูบาอาจารย์ ก็เข้าใจ
ทุกข์เกิดเพราะ เรายังมีความอยากไม่ให้เป็นอย่างนั้น ไม่ให้เป็นอย่างนี้
หรืออยากให้เป็นอย่างนั้น อย่างนี้
เพราะเราไม่อยากให้ใครมาว่าเรา มาด่าเรา เราเลยทุกข์
ต้องคิดเสียว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย เหมือนฝนตกแดดออก เราบังแดดบังฝนไม่ทัน
ก็เท่านั้นเอง ถ้าฝึกคิดได้บ่อยๆ เราจะไม่ทุกข์
เราได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา มีพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ครูบาอาจารย์ เป็นบุญของเราจริงๆ
ดิฉันอธิฐานจิต ไว้ว่าถ้าชาตินี้ยังไม่พ้น ชาติหน้าขอเกิดเป็นผู้ชาย
คงได้บวชเป็นพระภิกษุในศาสนา ได้บำเพ็ญปฏิบัติ
แต่ปัจจุบัน ชีวิตยังลำบากอยู่มาก ในการทำมาหากิน แต่จะขอสละเวลาเดือนละ 3 วัน เข้าปฏิบัติธรรม

ขอให้ทุกท่านมีความสุขและเจริญในธรรมค่ะ
 

_________________
ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 11:15 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ขออนุโมทนากับคุณศุภมณฑา

ผมเห็นแตกต่างจากท่านนิดเดียว

ผู้หญิงก็บรรลุอรหันต์ได้

พี่สาวผมหลายคน(มีพี่สาวเยอะ) แต่ละคนวิริยะกว่าผมมาก

มีความอดทนและตั้งใจดีกว่าผมมาก

มีอยู่นิดเดียวที่ไม่สบายใจคือ

บางครั้ง วิริยะ ตั้งใจ ศรัทะที่มากเกินไปก็เป็นสังโยชเสียเอง

คงต้องรักษาความสมดุลย์ในพละและอินทรีย์ด้วย

ส่วนผม

หย่อนยานเกิดไป จนออกจะเกียจคร้านมากไปหน่อย

555
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
ศุภมณฑา
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 07 ม.ค. 2008
ตอบ: 43
ที่อยู่ (จังหวัด): ระยอง

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 11:50 am ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เรียนคุณ mes
ดิฉันคิดว่า ผู้หญิงจะบรรลุได้อยากกว่า เพราะผัสสะหรือกิเลสจะไวกว่าผู้ชาย
เช่นการเห็นสีจะชัดเจนกว่า การรับกลิ่นก็จะรับได้ดีกว่า ใช่หรือเปล่าค่ะ
แล้วผู้หญิงก็บรรลุได้น้อยกว่าจริงๆ
เอาเป็นว่าการบรรลุธรรม มันคงจะยังอยากอยู่
เอาเพียงแค่รู้และเข้าใจในธรรม และจิตตัวเอง
แค่พอไม่ทุกข์ หรือทุกข์แต่พอรับได้ ก็พอใจแล้วค่ะ
กิเลสมันเอาชนะอยากค่ะ มันต้องทวนกระแสใจตัวเอง
เช่นเราคิดว่าจะต้องตื่นแต่เช้ามืด มาสวดมนต์ปฏิบัติธรรม
บางครั้งก็ทำไม่ได้แล้ว
จิตมันเอาชนะกิเลสไม่ได้ มันติดสุข มันจึงไม่พ้นสักที
มันก็เวียนวายตายเกิดกันไปอย่างนี้แหละค่ะ
แค่เรื่องง่ายๆดิฉันยังทำไม่ค่อยจะได้เลย
แต่ถ้าไปปฏิบัติที่วัด ตื่นตี3 ก็ทำได้ ไม่รู้มันต่างกันตรงไหน
คงจะต่างกันที่ความตั้งใจ เอาเป็นว่าค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกันนะค่ะ
ถ้าไม่พ้นเราก็เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย กันไปนะค่ะ

อนุโมทนาบุญค่ะ
 

_________________
ขยัน อดทน ทำดี คิดดี พูดดี จะประสบความสำเร็จที่ดี
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง Email
mes
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 09 มิ.ย. 2007
ตอบ: 643
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 1:11 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

อย่าให้เวลามาเป็นทุกข์

อย่าเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาเป็นทุกข์

จิตใจเศร้าหมองเสียเปล่า

การปฏิบัติธรรมไม่ได้วัดที่ความนาน

ทำจิตใจให้แจ่มใส ชื่นบาน

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที ทุกขณะจิตที่ทำได้

ฉันจะแจ่มใส ฉันจะปิติ

แม้ว่าฉันกำลังจะตาย

ฉันเพียงแค่คนเดินทางผ่านมา

และพยายามจะไม่กลับมาเท่านั้น

เรื่องนิพพาน

สักวันฉันต้องไปถึงแน่นอน

ฉันจึงไม่เครียด

ฉันจึงชื่นบานในจิตใจ

ฉันจึงมั่นคงในจิตใจ

ทุกวันนี้ฉันทำดีแล้ว สมบูรณ์ที่สุดแล้วเท่าที่ทำได้

ฉันจึงเบิกบานแจ่มใส

มีแต่จิตใจที่แจ่มใส ปิติจึง อ่อนโยน

จึงทำงานได้ดี

สาธุ

(ผมกำลังบอกกับตนเองด้วย)
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวMSN Messenger
มุทิตาภาวนา
บัวพ้นดิน
บัวพ้นดิน


เข้าร่วม: 24 ก.พ. 2008
ตอบ: 62

ตอบตอบเมื่อ: 29 ก.ย. 2008, 6:17 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สาธุ ตอนนั้นทุกข์มาก ยังเป็นวัยรุ่น (ตอนปลาย) อยู่เลย
ทุกข์มากอย่างไม่เคยเจอมาก่อน
จึงพยายามดิ้นรนค้นหาทางดับทุกข์ ทำให้ทุกข์ลดน้อยลง

วันนึงไปเจอพระท่านเทศน์ทางวิทยุ am โดยบังเอิญ
ครั้งแรกที่ฟังธรรม พบว่า ใจสบายขึ้น ใจสงบขึ้นบ้าง

นับแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นเหตุที่ทำให้มาสนใจศาสนา
เมื่อศึกษาศาสนา และลงมือปฏิบัติธรรมมากขึ้น

จึงตั้งปณิธานที่จะช่วยเหลืองานพระศาสนาเท่าที่จะทำได้ค่ะ
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
kokorado
บัวใต้น้ำ
บัวใต้น้ำ


เข้าร่วม: 12 ก.ค. 2008
ตอบ: 104
ที่อยู่ (จังหวัด): กทม.

ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2008, 4:05 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ส่วนตัวผม เชื่อว่าเป็นความเคยชินจากอดีตชาติ อ้างจากหนังสือเล่มหนึ่งที่ว่า
ความจริงแล้ว มนุษย์ก็มาจากที่เดียวกัน แต่ก็แตกต่างกันด้วยกรรม สมดัง พุทธภาษิตที่ว่า "กัมมุนา วัตตติ โลโก" และ "กัมมัง สัตเต วิภัชชติ" นั่นเอง ส่วนประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ส่วนใหญ่จะมาจากชั้นจาตุมหาราชิกากับชั้นดาวดึงส์ ที่มาจากพรหมโลกมีเป็นส่วนน้อย ที่ยากจนเพราะทำบุญมาน้อย ที่เจ็บป่วยก้เพราะเศษกรรมจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในชาติก่อน ๆ ถ้ามาจากดาวดึงส์จะค่อนข้างสบายกว่าพวกที่มาจากชั้นจาตุฯ มีฐานะและความเป็นอยู่ที่ดีกว่า และจะคุ้นเคยกับพระพุทธศาสนามากที่สุด เพราะผู้นำของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คือ พระอินทร์
หรือท่านท้าวสักกเทวราช มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับพระพุทธเจ้าของเรามากที่สุด มากกว่าเทวดาในสวรรค์ชั้นอื่น
 

_________________
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์
บัวบานเต็มที่
บัวบานเต็มที่


เข้าร่วม: 30 มิ.ย. 2008
ตอบ: 542

ตอบตอบเมื่อ: 03 ต.ค.2008, 7:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ผมสนใจศาสนาพุทธ เพราะอาจารย์ศาสนาพุทธ 2 คน สอนว่าในธรรมศาสตร์
บอกว่า ศาสนาพุทธไม่มี และไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า แต่ผมสัมผัสถึงพระเจ้า
ผมเลยศึกษาพุทธศาสนาจริงๆ จังๆ

สุดท้ายผมจึงพบว่า พระพุทธเจ้าของเราคือปางหนึ่งของพระเจ้า

ในไบเบิลบอกว่า ผู้ที่ฉลาดที่สุด และไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า เขาจะจนตรอกในความฉลาด
ของตัวเอง และได้พบพระเจ้า
 
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
natdanai
บัวบาน
บัวบาน


เข้าร่วม: 18 เม.ย. 2008
ตอบ: 387
ที่อยู่ (จังหวัด): bangkok

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 5:49 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

ที่สนใจศึกษาอย่างจริงจังก็หลังจากได้บวชครับ ตอนเป็นนักบวชในศาสนาพุทธรู้สึกมีความสุขมากครับ หาความทุกข์ใจแทบไม่ได้เลย มันสงบมากจนไม่ต้องการจะสึก มีเงินก็ไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร อาหารก็ไม่ขัดสน ชีวิตไม่ต้องดิ้นรนเหมือนตอนครองเพศฆารวาส รู้สึกถึงชีวิตที่ปราถนา แต่ก็ได้ไม่นานครับ พ่อบอกให้สึกมาทำงานช่วยเหลือครอบครัว เช้ามืดวันที่สึก พระอาจารย์ดึงสังฆาติออกจากบ่า น้ำตาร่วงเลยครับ คิดน้อยใจที่ทำไมเราถึงมีบุญน้อยถึงเพียงนี้ จะมีชีวิตที่มีความสุขทั้งทีก็มีได้ไม่นาน แต่ก็เก็บคำพูดของพระอาจารย์มาพิจารณา ท่านว่า ความสุขหาได้ที่ธรรม ให้มีความเพียรศึกษาแล้วก็จะเข้าถึงมรรค ถึงผลได้ จึงได้ศึกษาและปฏิบัติมาโดยตลอดครับ
 

_________________
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
Puy
บัวใต้ดิน
บัวใต้ดิน


เข้าร่วม: 28 ก.ย. 2008
ตอบ: 15

ตอบตอบเมื่อ: 07 ต.ค.2008, 8:59 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

สนใจมาตั้งเด็กคะ ชอบอ่านธรรมะและนั่งสมาธิตั้งแต่เด็ก ครั้งแรกที่ปฏิบัติคือสวนโมกข์ตอนนั้นท่านพุทธทาสยังมีชีวิตอยู่ ต่อมาก็ปฏิบัติเองมาเรื่อยๆ และต่อมาได้บวชและศึกษาธรรมะในการปฏิบัตินั่งสมาธิแนวสติปัฐาน 4 เป็นเวลา 3 เดือนไม่อยากจะสึก แต่มีเหตุจำเป็นต้องสึก ตอนสึกต่อมาก็ปฏิบัติเรื่อยมาจนสุดท้ายเจอหนังสือหลวงปู่ดุลย์จึงหันมาใช่วิธีการดูกายดูจิต และใช้หลักของหลวงพ่อปราโมทย์และศึกษาธรรมจากพระไตรปิฏกก็พบทางสว่างที่หามานาน สุดท้ายการปฏิบัติอยู่ที่ไหนก็ทำได้เพราะอยู่ที่จิตของเรานี้เอง
 

_________________
อยู่กับปัจจุบัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
สุรีภรณ์ โชติทิวัถต์
บัวผลิหน่อ
บัวผลิหน่อ


เข้าร่วม: 28 ก.พ. 2008
ตอบ: 3
ที่อยู่ (จังหวัด): ยะลา

ตอบตอบเมื่อ: 10 ต.ค.2008, 3:35 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

เป็นทุกข์...เลยเข้ามาหาที่พึ่ง...เจอพี่ๆลุงๆป้าๆในลานธรรมสอนนุ้นสอนนี้..จากแรกๆที่ว่าจะเข้ามาเพื่อแก้อารมณ์ทุกข์ตรงนั้นให้หมดไป..ก็กลายมาเป็นศึกษา..เรื่องนู้นเรื่องนี่ไปเรื่อยเลยอ่ะ..ตอนแรก..ก็กลัว..เพื่อนมันว่า..เปงยายแก่อ่ะ...แต่ตอนนี้ไม่กลัวและ..รุ้สึกภูมิใจ...จากเด็กที่เคยทำตัวไม่ดี..ก็พยายามที่จะทำดี...ได้เจอคนดีดี..มีความสุขมากตอนนี้..พอเจอเรื่องทุกข์ใจก็จะรีบทำความเข้าใจกับทุกข์ตัวที่เกิดและขับทุกข์ออกทันที...ภูมิใจ...ที่ได้ทำดี... ยิ้มแก้มปริ
 

_________________
ดวงชะตาขีดไว้ให้ฝ่าฟัน
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัวส่ง EmailMSN Messenger
บัวหิมะ
บัวเงิน
บัวเงิน


เข้าร่วม: 26 มิ.ย. 2008
ตอบ: 1273

ตอบตอบเมื่อ: 13 ต.ค.2008, 5:32 pm ตอบโดยอ้างข้อความขึ้นไปข้างบน

คงเพราะบุญเก่า ที่ทำให้ได้เกิดในประเทศไทย
มีโอกาสได้นับถือพุทธศาสนา ด้วย สาธุ สาธุ
 

_________________
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ
ดูข้อมูลส่วนตัวส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:      
สร้างหัวข้อใหม่ตอบ
 


 ไปที่:   


อ่านหัวข้อถัดไป
อ่านหัวข้อก่อนหน้า
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


 
 
เลือกบอร์ด  • กระดานสนทนา  • สมาธิ  • สติปัฏฐาน  • กฎแห่งกรรม  • นิทานธรรมะ  • หนังสือธรรมะ  • บทความ  • กวีธรรม  • สถานที่ปฏิบัติธรรม  • ข่าวกิจกรรม
นานาสาระ  • วิทยุธรรมะ  • เสียงธรรม  • เสียงสวดมนต์  • ประวัติพระพุทธเจ้า  • ประวัติมหาสาวก  • ประวัติเอตทัคคะ  • ประวัติพระสงฆ์  • ธรรมทาน  • แจ้งปัญหา

จัดทำโดย  กลุ่มเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ธรรมจักรดอทเน็ต
เพื่อส่งเสริมคุณธรรม และจริยธรรมในสังคม
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2546
ติดต่อ webmaster@dhammajak.net
Powered by phpBB © 2001, 2002 phpBB Group :: ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง